ตอนที่ 26 แสดงฝีมือ

ตอนที่ 26 แสดงฝีมือ

หลินเซี่ยทำตามคำขอของหวังหย่งกัง และเริ่มตัดผมทรงเดียวกับเอ้อร์เลิ่งให้เขา รูปทรงศีรษะของหวังหย่งกังเหมาะกับทรงผมนี้อย่างยิ่ง และเธอยังใช้สเปรย์จัดแต่งทรงผมให้เขาด้วย

สเปรย์ฉีดผมมีราคาแพง และหาได้ยากในพื้นที่ชนบทที่อยู่ห่างไกล แต่หากใช้มัน ทรงผมจะอยู่ตัวได้นานขึ้น

เสิ่นเสี่ยวเหมยที่กำลังรับชมภาพฉากดังกล่าวถึงกับตกตะลึง เมื่อเห็นหลินเซี่ยตัดเรือนผมอันยุ่งเหยิงของชายหนุ่มได้อย่างมีสไตล์ราวกับใช้เวทมนตร์

ด้วยทรงผมใหม่นี้ มันให้ความรู้สึกว่าเขากลายเป็นอีกคน

บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

แม้จะมีรูปร่างคล้ายกับชุ่นจื่อ แต่เขามีหน้าตาหล่อเหลากว่ามาก

นังผู้หญิงโง่คนนี้เป็นแค่เด็กฝึกงานในร้านตัดผมไม่ใช่เหรอ? หล่อนมีทักษะขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?

แม้แต่ตัวหล่อนยังต้องยอมรับเลยว่า ทรงผมที่หลินเซี่ยตัดออกมานั้นดูดีมากจริง ๆ

ช่างตัดผมเก่าแก่ที่ร้านตัดผมของรัฐจะตัดผมให้เฉพาะผู้ชายเท่านั้น พวกเขาตัดทรงผมแบบสมัยใหม่ไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องหาช่างตัดผมจากในเมืองมาทำทรงผมเหล่านี้

“หู่จือ ไปหยิบกระจกมาลองให้คุณอาคนนี้ดูหน่อยไหม? ว่าพอใจหรือเปล่า?”

หู่จือวิ่งเข้าไปในห้องและหยิบกระจกทรงกลมบนโต๊ะออกมา หวังหย่งกังมองทรงผมตัวเองในกระจกพลางพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

“พี่สะใภ้ ทรงผมที่พี่ตัดดูดีมากเลย ดูดียิ่งกว่าไปตัดผมในเมืองอีก สมแล้วที่พี่เป็นช่างตัดผมจากในเมือง ผมเริ่มมีความหวังในการนัดบอดครั้งนี้แล้ว”

“ในเมื่อตัดผมทรงใหม่ เธอควรสวมแจ็กเกตหนังในการไปนัดบอด มันจะทำให้เธอดูหล่อขึ้นมาก ฉันขอให้เธอประสบความสำเร็จในการนัดบอดนะ”

“ขอบคุณครับพี่สะใภ้” หวังหย่งกังหยิบเงินห้าเหมาออกจากกระเป๋าและยื่นให้เธอ

“พี่สะใภ้ นี่คือเงินค่าตัดผมครับ”

“ผมไม่รู้ว่าในเมืองที่พี่อยู่ต้องจ่ายค่าตัดผมเท่าไหร่ แต่เมืองของเราแค่ห้าเหมา งั้นผมจะให้พี่ห้าเหมาแล้วกัน”

หลินเซี่ยโบกมือและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องหรอก คนชนบทเหมือนกัน ฉันจะรับเงินจากเพื่อนบ้านได้ยังไง?”

เมื่อเห็นว่าหลินเซี่ยปฏิเสธที่จะยอมรับเงิน หวังหย่งกังจึงนำเงินยัดใส่มือหู่จือ “หู่จือ เอาไปซื้อขนมกินนะ”

คนถัดมาคือชุ่นจื่อ

หลังจากที่เขานั่งลง หลินเซี่ยก็พูดว่า “รูปร่างและอายุของเธอไม่เหมาะกับการตัดผมทรงนี้ ผมของเธอค่อนข้างยาว เดี๋ยวฉันจะตัดผมทรงแสกข้าง 4/6 สไตล์ฮ่องกงให้แล้วกัน”

มันถือเป็นทรงผมที่ฮิตที่สุดในยุคนี้

ทรงผมนี้ยาวจากด้านบน โดยตัดด้านข้างและด้านหลังให้สั้น จากนั้นแสกผมข้างด้วยหวีให้ได้สัดส่วนสี่ต่อหกและเผยให้เห็นแนวแสกผม ซึ่งเหมาะกับเด็กหนุ่มอย่างชุ่นจื่อที่มีผมหนาและไรผมต่ำ

ชุ่นจื่อเห็นฝีมือการตัดผมของหลินเซี่ยที่ตัดให้หวังหย่งกังแล้ว เขาจึงเชื่อใจเธออย่างเต็มที่ “ครับ พี่ตัดได้เลย”

หลินเซี่ยใช้เทคนิคอันเชี่ยวชาญของเธอ และเริ่มตัดตามที่วางแผนไว้

ไม่นานก็ตัดเสร็จ

“พี่สะใภ้ ฝีมือพี่ยอดเยี่ยมไปเลย”

“แน่นอน ฉันเกิดมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ”

เมื่อเสิ่นเสี่ยวเหมยเห็นหลินเซี่ยพูดคุยและหัวเราะกับคนเหล่านี้ หล่อนกอดอกและตะโกนออกไป “ช่างไม่ละอายใจเลยหรือไง? เธอก็ดีแต่หลอกล่อผู้ชายเท่านั้นแหละ”

เฉินเจียซิ่งด้านข้างกระซิบ

“ผมว่านะ ฝีมือหล่อนดีมากจริง ๆ ทรงผมที่ออกมาดูดีกว่าช่างตัดผมจากร้านใหญ่โตในเมืองไห่เฉิงซะอีก”

เฉินเจียซิ่งสัมผัสผมตัวเองที่เริ่มยาวแล้ว

เขาอยากให้หลินเซี่ยตัดทรงผมแบบนี้ให้บ้าง นี่มันไม่ใช่สไตล์เดียวกับจตุรเทพ*ในแผ่นโปสเตอร์ที่แปะไว้ในบ้านเหรอ?

(*四大天王 สี่ศิลปินชื่อดังของฮ่องกงในยุค 80 ได้แก่ จางเซียะโหย่ว หลิวเต๋อหัว กัวฟู่เฉิง และหลี่หมิง)

เขารู้สึกว่าฝีมือการตัดผมของหลินเซี่ยนั้นดูดีกว่าทรงแสกข้าง 4/6 แบบฮ่องกงตามร้านข้างถนนมาก

ทันทีที่ความคิดนี้เกิดขึ้น ดวงตาเชือดเฉือนของเสิ่นเสี่ยวเหมยก็จ้องเขม็งมา ทำให้เฉินเจียซิ่งหวาดกลัวและละทิ้งความคิดเหล่านั้นทันที

เขากระแอมเล็กน้อย และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “มันดูไม่เลวเลย ดูเหมือนว่าหลินเซี่ยก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์ขนาดนั้น”

อย่างน้อยเธอก็ทำกระต่ายตุ๋นได้ดี และสามารถตัดผมได้

แถมเธอยังสวยอีกด้วย

ไม่ว่าอะไรก็ดีกว่าเสิ่นเสี่ยวเหมย

เสิ่นเสี่ยวเหมยตะคอกใส่เขาอย่างเดือดดาล “หมายความว่ายังไง? คุณเองก็หลงใหลได้ปลื้มมันเหมือนกันเหรอ?”

เฉินเจียซิ่งกระแอมเล็กน้อย และกำลังช่วยประสมโรงด่าทอหลินเซี่ย แต่เมื่อเหลือบมองเฉินเจียเหอ เขาพบว่าพี่ชายคนโตกำลังจ้องมองพวกเขาด้วยใบหน้าขึงขัง

เฉินเจียซิ่งจึงรีบลากเสิ่นเสี่ยวเหมยกลับเข้าไปในบ้าน

หลังจากที่หลินเซี่ยตัดผมให้ชายหนุ่มทั้งสามเสร็จ ดวงอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าแล้ว เธอรู้สึกหนาวจนแทบไม่สามารถถือกรรไกรได้อีกต่อไป

โชคดีที่เฉินเจียเหอหยิบปลั๊กไฟออกมา จึงสามารถใช้เครื่องเป่าผมข้างนอกได้ ไม่เช่นนั้นผมของชายหนุ่มคงแข็งตัวเป็นแท่งน้ำแข็ง

ชุ่นจือยังคงยัดเงินห้าเหมาใส่มือหู่จือ จากนั้นพวกเขาจึงขอตัวกลับไป หู่จือมองหนึ่งหยวนห้าเหมาในมือและส่งให้หลินเซี่ย

“เธอเก็บไว้เถอะ”

“เธอเก็บไว้ก่อน แล้วเราค่อยไปโรงอาหารเพื่อซื้อขนมด้วยกัน”

ขณะที่เฉินเจียเหอกวาดผมบนพื้น หลินเซี่ยก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้านเพื่ออุ่นตัวเองหน้าเตาผิง

ตอนที่หลินเซี่ยกำลังตัดผม โจวลี่หรงออกไปมองข้างนอกหลายครั้ง หล่อนเห็นมือของหลินเซี่ยเปลี่ยนเป็นสีแดงจากความหนาวเย็น เวลานี้เข้ามาอุ่นตัวเองหน้าเตาผิง โจวลี่หรงจึงอดไม่ได้ที่จะมองเธออีกครั้ง

มันแตกต่างไปจากสิ่งที่เสิ่นเสี่ยวเหมยอธิบายโดยสิ้นเชิง

แต่หลินเซี่ยมีภูมิหลังที่ด่างพร้อย แม้ว่าจะไม่ได้โง่เขลาอย่างที่เล่าลือ แต่อย่างไรผู้หญิงคนนี้ก็ไม่สมควรเข้ามาในบ้านตระกูลเฉิน

สิ่งสำคัญคือเมื่อหลินเซี่ยแต่งงานกับเฉินเจียเหอ ตระกูลเฉิน ตระกูลเสิ่น และตระกูลเซี่ยคงเต็มไปด้วยความอึดอัดใจยามพบเจอกันในอนาคต

หลินเซี่ยถูมือตัวเองเพื่อให้ความอบอุ่น เธอเงยหน้ามองผู้เฒ่าโจวที่มีหนวดเครารุงรังและผมสีดอกเลา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณตาคะ อยากแต่งเติมหนวดเคราไหมคะ? หนูเล็มให้ได้นะ”

ผู้เฒ่าโจวตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “เด็กโง่เอ๋ย ตาโกนมันออกไม่ได้หรอก ตาไว้หนวดเครามาหลายปีแล้ว”

“ไม่ต้องโกนค่ะ หนูแค่จะเล็มให้มันดูเรียบร้อยมากขึ้น”

“งั้นก็ได้ ทำให้มันดูดีกว่านี้หน่อย” หลานสะใภ้มีน้ำใจอยากช่วยเหลือ ผู้เฒ่าโจวจึงให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

“นั่งลงตรงนี้นะคะ”

หลินเซี่ยชุบผ้าเช็ดตัวในน้ำร้อน และนำมาวางไว้บนหน้าผู้เฒ่าโจว โดยใช้ความร้อนทำให้หนวดเคราอ่อนลง จากนั้นจึงหยิบมีดโกนของเฉินเจียเหอมา และเริ่มเล็มมันออกด้วยความระมัดระวัง

ขณะกำลังเล็มหนวดเคราบนใบหน้า หลินเซี่ยก็ถามด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง “คุณตาคะ ไถผมเพิ่มด้วยไหมคะ?”

“ได้สิ ไถผมออกให้ตาหน่อยแล้วกัน ถือเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่ดี”

“ได้เลยค่ะ”

สีหน้าโจวลี่หรงหมองหม่นลงขณะเฝ้าดูหลินเซี่ยจงใจแสดงความโปรดปรานต่อหน้าชายชรา

หล่อนเพิกเฉยต่อหลินเซี่ย ขณะที่หลินเซี่ยเองก็ไม่ได้ริเริ่มพูดคุยกับหล่อน

ทันทีที่เฉินเจียเหอเข้ามา เขาเห็นคุณตานั่งอยู่บนเก้าอี้ ขณะที่หลินเซี่ยเล็มหนวดเคราให้ เมื่อได้ยินว่าหลินเซี่ยจะไถผมให้ชายชรา เขาจึงพูดขึ้นว่า “ผมจะทาน้ำมันให้ก่อนไถผม”

ปัตตาเลี่ยนในบ้านของเฉินเจียเหอ และที่อยู่ในกระเป๋าหลินเซี่ยล้วนค่อนข้างทื่อแล้ว

หลินเซี่ยมองน้ำมันบนปัตตาเลี่ยนของเฉินเจียเหอและพูดว่า “คงจะดีมากเลยถ้ามีปัตตาเลี่ยนไฟฟ้า แบบนี้มันลำบากเกินไป”

“ปัตตาเลี่ยนไฟฟ้า?” เฉินเจียเหอเงยหน้าขึ้นมองเธอ

“ใช่ค่ะ มันเหมือนกับปัตตาเลี่ยนมือ แต่มีแบตเตอรี่ และใช้งานได้สะดวกมาก”

“โอ้” เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เฉินเจียเหอครุ่นคิด ปัตตาเลี่ยนไฟฟ้าคงจะใช้หลักการเดียวกับการติดตั้งมอเตอร์หมุนเพื่อขับเคลื่อนใบพัด

นี่ไม่ใช่เรื่องยากเลย

หลังจากที่หลินเซี่ยไถผมของผู้เฒ่าโจวเสร็จ เขาก็เข้าไปในห้องเพื่อพักผ่อน

แม่เฒ่าโจวขอให้โจวลี่หรงทำโจ๊กลูกเดือยในครัว

พวกเขากินอาหารเพียงสองมื้อต่อวันในฤดูหนาว

เมื่อเร็ว ๆ นี้เฉินเจียเหอเพิ่งกลับมาแต่งงาน ส่วนโจวลี่หรงและคนอื่น ๆ ต่างก็มาจากเมือง หญิงชรากังวลว่าพวกเขาอาจไม่คุ้นเคย ที่ผ่านมาจึงเตรียมอาหารสามมื้อต่อวัน

พวกเขากินเนื้อกระต่ายตุ๋นกับข้าวในช่วงบ่ายแล้ว ทุกคนจึงไม่ค่อยหิวนัก เมื่อแม่เฒ่าโจวสังเกตเห็นว่าโจวลี่หรงกำลังมองหลินเซี่ย นางจึงขอให้อีกฝ่ายช่วยทำงานบ้าน

หู่จือได้ยินหลินเซี่ยพูดว่าจะไปซื้อขนมให้ เขาจึงรอคอยด้วยความกระตือรือร้น

จากนั้นหลินเซี่ยพาเขาไปที่โรงอาหารของหมู่บ้านเพื่อซื้อขนมด้วยเงินหนึ่งหยวนห้าเหมา ในยุคสมัยนี้เงินหนึ่งหยวนสามารถซื้อขนมได้มากมาย เช่น ลูกอมถั่ว บิสกิตชิ้นเล็ก ผลไม้อบแห้ง และอีกมากมาย

ระหว่างทางกลับบ้าน หลินเซี่ยคิดว่าเธอจำเป็นต้องหาทางทำเงินโดยเร็วเสียแล้ว ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่สามารถซื้อขนมสนองความอยากของหู่จือได้ในอนาคต

……………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

จะไปสนใจอะไรกับครอบครัวประสาทกินอีกสองบ้าน ในเมื่อลูกชายเลือกคนนี้เป็นสะใภ้แล้ว

ไหหม่า(海馬)