บทที่ 2 ช่วยชีวิตผู้คน (รีไรท์)
บทที่ 2 ช่วยชีวิตผู้คน (รีไรท์)
ณ อาคารหมิงติ้ง
ภายในห้องรับรองของเม่ยอิ่งเอนเตอร์เทนเมนท์
ถังหว่านผู้ซึ่งมีใบหน้างดงามและบอบบางกำลังเผยสีหน้าค่อนข้างเย็นชา ชุดสูทเข้ารูปดูจะไม่สามารถซ่อนความเว้าโค้งอันสมบูรณ์แบบของเธอได้
“พี่หว่าน คุณเว่ยไม่เต็มใจช่วยเขียนเพลง งั้นเราหาคนอื่นดีไหมคะ?” ซุนเหมิง ผู้ช่วยตัวน้อยถามด้วยความเป็นห่วง
“ฉันคงต้องหาคนอื่นเท่านั้น”
ถังหว่านถอนหายใจออกมาอย่างเงียบ ๆ ราวกับว่าเธอหมดความสนใจต่อภาพหิมะตกที่คนทั้งโลกชื่นชอบแล้ว
เว่ยซินหมินเป็นนักแต่งแนวหน้าของประเทศ ซ้ำยังเป็นปรมาจารย์ด้านดนตรีที่นักร้องนับไม่ถ้วนต่างให้ความเคารพนับถือ ร่ำลือกันว่า ใครก็ตามที่ได้เพลงใหม่ของอาจารย์เว่ยไปจะต้องดังเป็นพลุแตกอย่างแน่นอน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ถังหว่านกลายเป็นนักร้องที่ขึ้นอยู่ไปแนวหน้าของประเทศด้วยเพลงฮิตมากมาย
น่าเสียดายที่เธอไม่ได้ออกเพลงใหม่ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ชื่อเสียงของเธอลดลงเล็กน้อย ตรงกันข้าม คู่แข่งคนอื่นในบริษัทกลับปล่อยเพลงคุณภาพสูงออกมา 2 เพลงติดต่อกัน ทำให้พวกเขาแซงหน้าเธอไปแล้ว ทั้งยังได้รับทรัพยากรดี ๆ จากบริษัทมากยิ่งขึ้นไปอีก
ติ๊ง!
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้น ขัดจังหวะความคิดของหญิงสาว
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูหมายเลขที่แสดงบน ID ผู้โทร และพบว่าเป็นครูใหญ่ของโรงเรียนที่ลูกสาวกำลังศึกษาอยู่
“สวัสดีค่ะคุณหลี่ ฉันถังหว่าน เหมียวเหมี่ยวกำลังทำอะไรอยู่หรือคะ”
“คุณถัง คุณพอจะรีบมาที่โรงเรียนได้ไหม มี…คนบ้ามาอ้างว่าเป็นพ่อของเหมียวเหมี่ยว ไม่เพียงแต่ทำให้รปภ.หลายคนในโรงเรียนของเราบาดเจ็บ แต่เขายังรีบไปที่ห้องเรียนของเหมียวเหมี่ยวด้วย ตอนนี้สถานการณ์เร่งด่วนมากค่ะ” อาจารย์หลี่กล่าวอย่างเร่งรีบ
คนบ้า?
เป็นใครกันที่กล้ามาอ้างว่าเป็นพ่อของเหมียวเหมี่ยว?
ถังหว่านรู้สึกตกใจทันทีที่ได้ยิน เธอหันหลังและรีบออกจากห้องรับรองไป
ใช่เขาหรือเปล่า?
แต่มันเป็นไปไม่ได้!
คนคนนั้นอ้างเองว่านอกภูเขานั้นมีอันตรายอยู่มาก และเขาขอตายอยู่ในภูเขาชางหลางเสียดีกว่า มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่คนคนนั้นจะลงมาจากภูเขา ถ้าอย่างนั้นแล้ว คนบ้าที่อาจารย์หลี่ว่ามานั้นเป็นใครกัน? เขาต้องการทำอะไรกับลูกสาวของเธอ?
ณ โรงเรียนอนุบาลนานาชาติเหิงปิน
ภายในห้องเรียน โจวอี้หยิบขวดกระเบื้องเคลือบออกจากกระเป๋า ก่อนจะเทยาเม็ดสีขาวขุ่นออกมา ยื่นให้ลูกสาวของเขาแล้วพูดว่า “เหมียวเหมี่ยวเป็นหวัดมานานหรือยัง พ่อมีน้ำตาลก้อนด้วย ลูกลองกินดูสิ รสชาติไม่แย่เสียทีเดียว”
“น้ำตาลแก้หวัดได้หรือคะ?” ถังเหมียวเหมี่ยวทำสีหน้าไม่เชื่ออย่างมาก
“นี่คือขนมที่พ่อทำขึ้นเอง มันเรียกว่า ‘ขนมรักษาโรค’ ถ้ากินหนึ่งเม็ดก็สามารถทำให้ลูกมีสุขภาพแข็งแรงได้” ใบหน้าของโจวอี้เผยรอยยิ้มจริงใจออกมา และรอยยิ้มนั้นก็อบอุ่นราวกับแดดยามเช้า
“คุณลุงทำขนมยังไงเหรอคะ?” คำถามของถังเหมียวเหมี่ยวทำให้ดวงตาของเขาทอประกายระยิบระยับ ขณะที่เด็กหญิงหยิบเม็ดยาในมือของคนตรงหน้าขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
“พ่อ…”
คำพูดของโจวอี้ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเปิดประตู
เฉินเยว่ฉิน หัวหน้าโรงเรียนอนุบาลเป็นผู้ที่วิ่งเข้ามาในห้องเรียนคนแรก ตามมาด้วยครูและเด็กหญิงในโรงเรียนอนุบาลหลายสิบคน แต่ละคนถือไม้กวาด ไม้ถูพื้นและ ‘อาวุธ’ อื่น ๆ ไว้
“เหมียวเหมี่ยว อย่ากินมันนะ มันมีพิษ!” เฉินเยว่ฉินตะโกนเสียงลั่น
พิษ?
โจวอี้มองเฉินเยว่ฉิน ราวกับมองคนโง่คนหนึ่ง
นี่คือ ‘ยาบำรุง’ ที่เขาทำขึ้นเอง ใช้เวลาสามวันสามคืนในการสกัดจากยาสมุนไพรจีนอันล้ำค่า 36 ชนิด แต่ละเม็ดมีค่าและสามารถรักษาโรคทุกชนิด
โจวอี้หันกลับมาคว้าเม็ดยาในมือลูกสาวของเขา และทันทีที่เธออ้าปาก เขาก็โยนมันเข้าไปในปากของลูกสาวด้วยความแม่นยำราวกับสายฟ้า
ยาบำรุงสุขภาพซึ่งอยู่ในรูปเม็ดยาจีนโบราณ พลันละลายในปากของเด็หญิง ซ้ำยังมีกลิ่นหอมและรสหวานให้ได้กลิ่น
ลำคอของถังเหมียวเหมี่ยวขยับเล็กน้อย และยาเหลวที่หลอมละลายก็ถูกเธอกลืนเข้าไป
“อ๊าา! เหมียวเหมี่ยว…”
เฉินเยว่ฉินกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว โดยไม่สนใจคำขู่ของโจวอี้ เธอรีบวิ่งไปอยู่ตรงหน้าของถังเหมียวเหมี่ยว แล้วดึงเด็กหญิงเข้าไปในอ้อมแขน ก่อนจะพูดว่า “ถุยน้ำลาย คายมันออกมาเร็ว!”
“กลืนลงไปเรียบร้อยแล้วค่ะ!”
ถังเหมียวเหมี่ยวกะพริบตาและเลียริมฝีปากด้วยลิ้นสีชมพูของเธอ
มันหวานและอร่อยกว่าคิด
หัวใจของเฉินเยว่ฉินกระตุกอย่างรุนแรง เธอเอาทาบอกโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะตะโกนใส่โจวอี้อย่างไม่พอใจ
“คุณให้อะไรเหมียวเหมี่ยวกิน ไอ้สารเลว เธอยังเด็กอยู่นะ!”
ชายหนุ่มมองดูท่าทางโกรธของอีกฝ่าย พลันรู้สึกละอายใจขึ้นมาในทันใด
นี่เป็นเพราะเขาเข้าใจโลกและเห็นได้ชัดว่าหญิงวัยกลางคนคนนี้เป็นห่วงลูกสาวของเขา
แล้วยังร่างกายของเธอนั้น…
“อาจารย์ท่านนี้ คุณกำลังป่วยอยู่ อย่าโกรธไปเลย ผมไม่ได้คิดจะทำร้ายลูกสาวของผม” โจวอี้ว่า
“คุณ คุณ…”
เฉินเยว่ฉินอยากจะด่าอีกฝ่าย แต่หัวใจของเธอเริ่มบีบแน่นและการหายใจก็เริ่มลำบากมากขึ้น ในตอนนั้นเอง เธอล้มลงกับพื้นโดยที่ยังพูดไม่จบด้วยซ้ำ
“ผู้อำนวยการ…”
“แย่แล้ว ผู้อำนวยการตายเพราะคำพูดชายคนนี้!”
“อย่าพูดเหลวไหล อาจารย์ใหญ่เป็นโรคหัวใจ ช่วยกันค้นกระเป๋าว่ามียารักษาหัวใจเฉียบพลันไหม!?”
กลุ่มครูชายและหญิงรีบวิ่งเข้าไปหาเฉินเยว่ฉิน ก่อนจะพบว่าไม่มียารักษาหัวใจอยู่เลย
“โทร 120 เร็ว!” มีคนเอ่ยแนะนำ
“ใช่ 120!”
โจวอี้มองฝูงชนอย่างแปลกใจ ในความสับสนของพวกเขา ชายหนุ่มชี้ไปที่เฉินเยว่ฉิน และถามว่า “เธอเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลของคุณงั้นเหรอ เธอเป็นคนที่มีตำแหน่งสูงที่สุดและมีเกียรติมากที่สุดใช่หรือเปล่า”
“ใช่ เธอนั่นแหละ” ครูชายคนหนึ่งจ้องไปที่โจวอี้อย่างโกรธจัด
ดวงตาของโจวอี้เป็นประกาย
ราวกับว่าได้เห็นสมบัติล้ำค่า โจวอี้พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “หลีกทาง ผมเป็นหมอจีน ผมจะรักษาเธอเอง”
“อย่าตลกเลย ทั้งหมดเป็นเพราะคุณทั้งนั้น อาจารย์เฉินถึงได้…”
“หุบปากแล้วออกไปซะ”
โจวอี้ก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ คว้าคอเสื้อของครูชายสองคนแล้วโยนไปที่ประตูห้องเรียน เพียงแค่โบกแขนคนอื่นก็ถอยออกไป
วินาทีถัดมา
เขารีบเอากล่องไม้และหยิบเข็มเงินออกมา แม้ว่าเธอจะสวมเสื้อผ้า แต่เขายังคงแทงจุดฝังเข็มลงบนร่างของเฉินเยว่ฉินอย่างแม่นยำ
จากนั้นก็หยิบยาสุขภาพออกมาอีกครั้ง แม้จะลังเลเล็กน้อย แต่เขาก็ใส่มันเข้าไปในปากของเฉินเยว่ฉิน พลางพึมพำว่า “ลูกสาวของฉันยังต้องเรียนที่นี่ เพื่อป้องกันไม่ให้เธอเป็นอันตราย ยารักษานี้ก็ไม่ควรเสียเปล่า!”
โจวอี้กดนิ้วลงบนจุดฝังเข็มตันชงของเฉินเยว่ฉิน และถูเบา ๆ เป็นเวลาห้าวินาที จากนั้นเขาก็หยิบเข็มเงินอันสุดท้ายออกมา แล้วแทงเข้าไปในจุดฝังเข็มตันชงอีกครั้ง
บิด ยกและแทง
หลังจากทำซ้ำสามครั้ง เขาก็รีบดึงเข็มเงินทั้งหมดที่ปักร่างกายของเฉินเยว่ฉินออกอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็บีบจุดของเฉินเยว่ฉิน
ครู่ต่อมา
เฉินเยว่ฉิน ตื่นขึ้นมาอย่างช้า ๆ
ดวงตาของเธอเริ่มกลับมาโฟกัสภาพ จากนั้นเธอก็ยันแขนลุกขึ้นนั่ง
หัวใจไม่เจ็บแล้ว?
อีกอย่าง ทำไมร่างกายรู้สึกสบายมาก?
เธอหันมองดูรอบตัวไปมาอย่างงุนงง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ก่อนหน้านี้ เฉินเยว่ฉินลุกขึ้นด้วยสายตาที่ตื่นตัวและดูเป็นปฏิปักษ์กับโจวอี้ จากนั้นก็รีบวิ่งไปที่ถังเหมียวเหมี่ยว และกอดเด็กหญิงไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง
“เอาน่า ผมช่วยคุณแล้วนะ มาคุยกันก่อนเถอะ หยุดจ้องผมเหมือนคนบ้าได้ไหม?” โจวอี้ส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น
หมายความว่ายังไงนะ?
เขาช่วยฉัน?
เฉินเยว่ฉินมองคุณครูที่อยู่ตรงประตูห้องเรียน และพบว่าสีหน้าของพวกเขาดูตกตะลึงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว