“ดูเหมือนว่าครั้งนี้อุณหภูมิมันน่าจะสูงกว่าครั้งที่แล้ว! “

ซู่เจินรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิที่แขนของเขา และเห็นได้ชัดว่าไม่เพียงแต่อุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วเท่านั้น แต่มันยังทำให้อุณหภูมิมันสูงขึ้นไปถึงระดับซูเปอร์โนวาเกือบจะทันทีที่เขารวบรวมพลังทั้งสองเข้าด้วยกัน แถมอุณหภูมิมันยังสูงกว่าตอนที่เขาจัดการกับมาเลคิธในครั้งนั้นอีกด้วย

ความสามารถของลมนี่มันดีจริง ๆ

ซู่เจินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ หลังจากนั้นเขาก็มองสำรวจไปรอบ ๆ

ท้องฟ้าในตอนนี้ถูกย้อมไปด้วยความมืดมิดและหมู่ดาวจำนวนมาก ส่วนเมืองที่อยู่ด้านล่างก็เต็มไปด้วยคนที่กำลังเดินพลุกพล่านเต็มไปหมด และดูเหมือนว่าเวิร์ลวินด์จะมาที่นี่ด้วยตัวคนเดียว ดังนั้นในตอนนี้เขาควรที่จะรีบหนีไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ก่อนที่แม็กนีโตจะรู้ตัวว่าเวิร์ลวินด์ในตอนนี้ได้ตายไปแล้ว

วิส!

เกิดเสียงการแตกออกของอากาศอย่างรุนแรงดังขึ้นมา พร้อมกับร่างของซู่เจินที่หายไปกับท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างรวดเร็ว

ซู่เจินบินกลับไปที่ฐานของเขาที่เกาะชายฝั่งตะวันตกทันที เมื่อเขามาถึงเขาก็เข้าไปที่ยานบินและเดินไปที่ห้องของเขาอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่ซู่เจินอาบน้ำอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็นอนลงบนเตียงและเริ่มดูดกลืนอนุภาคอีเทอร์ต่อทันที ซึ่งในตอนนี้มันได้กลายเป็นกิจวัตรประจำวันของซู่เจินไปเรียบร้อยแล้ว

ร่างกายของซู่เจินสามารถกลืนพลังงานอะไรก็ได้โดยไม่มีผลข้างเคียง ยกตัวอย่างเช่น ร่างกายของเขาเป็นถังน้ำ และพลังงานก็คือน้ำ ซึ่งถ้าหากในถังมีน้ำมากเกินไปมันก็จะเกิดการล้นออกมา ทำให้ไม่ว่าเขาจะใส่น้ำไปมากเท่าไหร่มันก็ล้นออกมาอยู่ดี ดังนั้น … การกลืนกินอนุภาคอีเทอร์มันก็คล้าย ๆ กัน

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ซู่เจินได้กลืนกินอนุภาคอีเทอร์มาอย่างต่อเนื่อง มันก็ทำให้ถังน้ำของเขาในตอนนี้มันขยายใหญ่ขึ้น และเขาก็เชื่อว่าเมื่อเวลาผ่านไปถังน้ำใบนี้ของเขาจะต้องใหญ่ขึ้นจนสามารถกลืนกินพลังงานของอนุภาคอีเทอร์ได้จนหมดอย่างแน่นอน!

ดังนั้นการที่ซู่เจินกำลังดูดกลืนอนุภาคอีเทอร์อยู่ในตอนนี้สามารถพูดได้ว่า ไม่เพียงแต่เขาจะได้พลังงานของมันเท่านั้น แต่เขายังสามารถขยายถังน้ำของเขาให้ใหญ่ขึ้นอีกด้วย!

สองชั่วโมงต่อมาซู่เจินก็รู้สึกอิ่มตัวจากการดูดกลืนพลังของอนุภาคอีเทอร์ ทำให้เขาหยุดดูดกลืนและนอนพักผ่อนทันที

ค่ำคืนผ่านมาอย่างเงียบ ๆ

ซู่เจินค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างช้า ๆ พร้อมกับมองไปที่ใบหน้าอันงดงามและส่วนเว้าโค้งที่สมบูรณ์แบบที่กำลังยืนทักทายเขาอยู่ มันทำให้ซู่เจินรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที!

ซึ่งโดยปกติของผู้ชายแล้วยามเช้าจะเป็นช่วงที่บ้องข้าวหลามมันจะแข็งแรงเป็นพิเศษ และยิ่งมาเห็นภาพแบบนี้อีกมันยิ่งทำให้บ้องข้าวหลามมันแข็งแรงยิ่งกว่าเดิม

บริ๊งค์หันไปมองที่ซู่เจินด้วยความตกตะลึงเล็กน้อย ทันใดนั้นหางตาของเธอก็สังเกตไปเห็นบ้องข้าวหลามที่นู่นออกมาจากผ้าห่มของซู่เจิน ทำให้ใบหน้าของบริ๊งค์แดงขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับมุมปากที่ยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว

“คุณคิดว่าฉันมองไม่เห็นมันงั้นหรอ!” บริ๊งค์พูดขึ้นมาในใจอย่างเงียบ ๆ หลังจากนั้นเธอก็พูดขึ้นมากับซู่เจินด้วยรอยยิ้มว่า “บอส! ตื่นได้แล้ว …. อาหารเช้าพร้อมแล้ว“

“วันนี้ฉันรู้สึกมีความสุขมากจริง ๆ แค่ฉันตื่นนอนมาตอนเช้าก็มีคนนำอาหารที่อร่อยขนาดนี้มาให้ แถมคนที่เอามาให้ยังเป็นสาวงามอีก!” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มพร้อมกับลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิ

บริ๊งค์หัวเราะขึ้นมาเล็กน้อยและพูดว่า “บอส ในจำนวนผู้หญิงของคุณทั้งหมด ความสวยของฉันไม่สามารถสู้พวกเธอได้หรอกนะ!“

“ใครให้เธอพูดแบบนั้น! เธอก็รู้ว่าผมเป็นคนจีน แม้ว่าคนตะวันตกจะดูดีและน่าดึงดูด แต่คนตะวันออกก็มีความงามที่แตกต่างกันออกไป และผมก็ค่อนข้างคุ้นเคยกับคนที่เป็นชาวตะวันออกแบบขึ้นมากว่า เพราะว่าผมเห็นมันมาตั้งแต่เด็ก ๆ ล่ะนะ!” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

บริ๊งค์ยิ้มขึ้นมาและพูดว่า “งั้นฉันขอตัวไปทำงานก่อน“

“เอาล่ะ! เดี๋ยวอีกสักพักผมจะตามไป“

หลังจากที่บริ๊งค์เดินออกไปแล้ว ซู่เจินก็ไปอาบน้ำแต่งตัวและกินอาหารให้เรียบร้อย และเดินตามบริ๊งค์ไปทันที

เปปเปอร์ในตอนนี้กำลังสวมหมวกนิรภัยพร้อมกับดูแลงานภายในเขตก่อสร้างอย่างขยันขันแข็ง และดูเหมือนว่าเธอจะทำได้ดีเลยทีเดียว ซู่เจินเดินเข้าไปทักทายเธอสักสองสามคำโดยบอกกับเธอว่า ให้เธอทำตัวชินกับที่นี่ให้เร็ว ๆ และมาเข้าร่วมทีมของเขา …

หลังจากที่ช่วงเช้าอันแสนวุ่นวายผ่านไป ในตอนนี้ซู่เจินกำลังนั่งพักผ่อนอยู่ จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

เมื่อเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นสกายที่โทรมา ทำให้ซู่เจินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“ที่รักคุณคิดถึงผมไหม ?”

หลังจากกดรับโทรศัพท์ ซู่เจินก็ถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้มทันที

“แน่นอนสิ! แล้วตอนนี้คุณกลับมาฉันได้ไหม? “ สกายพูดขึ้นมา

“ตอนนี้ ? ถ้าเกิดว่าคุณไม่รีบ คุณช่วยรอผมหน่อยได้ไหม เพราะว่าตอนนี้ผมอยู่ที่ฐานและกำลังช่วยงานอยู่ ซึ่งผมก็เลิกงานประมาณช่วงมืด ๆ ดังนั้นผมจะรีบกลับไปหาคุณโดยเร็วที่สุด แล้วเราจะออกไปหาอะไรกินด้วยกัน ได้ไหม? ” ซู่เจินพูดขึ้นมาเบา ๆ

“ฉันกลัวว่ามันจะไม่ได้น่ะสิ เพราะว่าตอนนี้ฉันกำลังมีภารกิจที่ค่อนข้างจะยุ่งยาก ดังนั้นโควสันก็เลยบอกให้ฉันโทรมาขอความช่วยเหลือจากคุณ! “ สกายอธิบายขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“มีภารกิจงั้นหรอ ? ผมก็คิดว่าคุณจะคิดถึงผมจริง ๆ ซะอีก“ ซู่เจินแกล้งทำเป็นโกรธและพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ

เมื่อสกายได้ยินซู่เจินพูดเช่นนั้น เธอก็รีบอธิบายให้ซู่เจินฟังทันที “แน่นอนว่าฉันก็คิดถึงคุณมากเช่นกัน และฉันก็รู้ด้วยว่าตอนนี้คุณกำลังยุ่งอยู่ ดังนั้นฉันจึงไม่อยากรบกวนคุณ!”

“ผมแค่แกล้งคุณเล่นเฉย ๆ เอาล่ะ! เดี๋ยวผมจะไปหาคุณเดี๋ยวนี้เลย!”

ซู่เจินกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม … หลังจากที่เขาวางสายจากสกายแล้ว เขาก็เดินไปหาบริ๊งค์แล้วบอกกับเธอว่าเขากำลังจะออกไปทำธุร หลังจากนั้นเขาก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว

โดยที่มีสายตาของคนงานที่อยู่รอบ ๆ มองไปที่ซู่เจินราวกับว่าเขาเป็นมนุษย์ต่างดาว

เมื่อซู่เจินบินมาถึงยานบินของ SHIELD เขาก็เจอกับสกายที่กำลังยืนรอเขาอยู่ เขาค่อย ๆ ร่อนตัวลงพื้นอย่างช้า ๆ และหลังจากที่ขาของเขาแตะพื้นซู่เจินก็ยื่นมือออกไปหาสกายอย่างรวดเร็ว ซึ่งเมื่อสกายเห็นเช่นนั้นเธอก็กระโดดเข้าสู่อ้อมแขนของซู่เจินอย่างรวดเร็ว หลังจากที่พวกเขายืนจูบกันอย่างดูดดื่มจนหายคิดถึงแล้ว พวกเขาก็พากันเดินไปที่ห้องประชุมทันที

ซึ่งในห้องประชุมในตอนนี้ได้มี โคลสัน , เมย์ , เจมมา , ฟิทซ์ ที่กำลังนั่งรออยู่ภายในห้องประชุม ซึ่งนอกจากพวกเขาทั้ง 4 คนแล้วยังมีอีกคนหนึ่งที่กำลังนั่งอยู่นั่นก็คือ

ไมเคิล!

เขาเป็นคนที่โดนฉีดไวรัสตะขาบเข้าสู่ร่างกายและได้ซู่เจินช่วยเอาไว้ก่อนที่ร่างกายของเขาจะระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ แถมตอนนั้นก็ยังเป็นตอนที่สกายเพิ่งเข้าร่วมกับ SHIELD ใหม่ ๆ ซึ่งมันก็เป็นภารกิจแรกที่ทำให้เธอเกือบที่จะได้รับบาจเจ็บอย่างรุนแรง ทำให้ซู่เจินในตอนนั้นต้องจัดการกับชายคนนี้แล้วส่งตัวให้กับ SHIELD และหลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้สนเรื่องที่เกี่ยวกับชายคนนี้อีกเลย

ซึ่งไมเคิลคนนี้ในอนาคตเขาจะกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว จนคนเรียกเขาว่า …

เดทล็อค!

แน่นอนว่าตอนนี้เขายังไม่ได้เป็นเดทล็อค แต่เป็นเพียงแค่ซูเปอร์ทหารมือใหม่ที่สามารถรักษาเสถียรภาพของไวรัสตะขาบได้ และมีเป้าหมายมุ่งเป้าไปที่กัปตันอเมริกา

“คุณจำผมได้ไหม?”

ซู่เจินพยักหน้าให้กับคนอื่นเบา ๆ แล้วหันไปถามกับไมเคิลด้วยรอยยิ้ม

ไมเคิลก็ยิ้มขึ้นมาเช่นกันพร้อมกับพยักหน้าให้ซู่เจินและพูดว่า “แน่นอนสิ! ถ้าเกิดว่าตอนนั้นฉันไม่ได้คุณช่วยชีวิตเอาไว้ ป่านนี้ฉันคงตายไปแล้ว … และนอกจากนี้ฉันยังอยากขอโทษคุณด้วย เรื่องที่ฉันไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ในตอนนั้นแล้วเกือบทำให้สกายได้รับบาดเจ็บ!”

“ไม่ต้องขอโทษผมหรอก .. คุณควรที่จะดีใจด้วยซ้ำที่ผมสามารถช่วยชีวิตคุณไว้ได้ทัน“ ซู่เจินกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

ถ้าเกิดว่าไมเคิลในตอนนั้นได้เผลอทำร้ายสกายขึ้นมาล่ะก็ เขาก็คงฆ่าไมเคิลทิ้งอย่างไม่ลังเลแน่นอน แม้ว่าในอนาคตเขาจะกลายเป็นเดทล็อคก็ตาม!

“เอาล่ะ! ฉันขอบอกไว้ตรงนี้ก่อนเลยว่าภารกิจในครั้งนี้มันค่อนข้างยุ่งยากและไม่ง่ายเหมือนครั้งก่อน ๆ อย่างแน่นอน!“ โคลสันปรบมือขึ้นมาเบา ๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจจากคนที่อยู่ภายในห้องประชุม และเขาก็ค่อย ๆ เริ่มอธิบายเกี่ยวกับภารกิจในครั้งนี้ทันที

ซึ่งก่อนที่ซู่เจินจะมาถึงที่นี่ คนอื่น ๆ ก็ได้ทราบคร่าว ๆ แล้วว่าเป้าหมายของภารกิจในครั้งนี้คืออะไร แล้วทำไมถึงต้องเรียกตัวของไมเคิลมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมภารกิจด้วย และแน่นอนว่าในตอนนี้มีเพียงแค่ซู่เจินเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับภารกิจในครั้งนี้เท่าไหร่ …. และนี่ก็คือสิ่งที่โควสันและคนอื่น ๆ กำลังคิดอยู่ในหัวของพวกเขา

โดยความเป็นจริงแล้วแม้ว่าซู่เจินจะไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับภารกิจในครั้งนี้ แต่ถึงอย่างงั้นเขาก็รู้เรื่องต่าง ๆ มากกว่าโควสันและคนอื่น ๆ อยู่ดี

••••••••••••••••••••••••
*** ขอแก้ชื่อจาก เหมย > เมย์ นะครับ ***