โคลสันอธิบายภารกิจให้กับซู่เจินฟังอย่างละเอียดว่า พวกเขาจะต้องบุกเข้าไปในคุกของรัฐบาลกลาง เพื่อช่วยเหลืออดีตนายพล เอดิสัน โบ ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านการวางกลยุทธ์ และนักรบตะขาบทั้งสามคนออกมาให้ได้ภายในเวลาสองหน้าที

ทำให้ซู่เจินในตอนนี้เกิดความสนใจขึ้นมาเล็กน้อยเกี่ยวกับฐานของนักรบตะขาบที่พวกเขากำลังจะเข้าไป ถึงแม้ว่ามันจะถูกทำลายไปแล้วก็ตาม แต่มันก็ไม่ค่อยจำเป็นสักเท่าไหร่ในตอนนี้ เพราะว่าพวกเขาพบวิธีอื่นที่จะทำให้ไวรัสตะขาบเสถียรได้แล้ว!

“คุณสามารถมองหาเขาได้ไหมว่าอยู่ที่ไหน ?”

หลังจากโคลสันพูดจบ เขาก็หันไปถามกับซู่เจินอย่างกระทันหัน

โควสันยืนรอคอยอย่างใจจดใจจ่อโดยหวังว่าความสามารถในการทำนายอนาคตของซู่เจินจะสามารถหาเบาะแสเกี่ยวกับตัวของพวกเขาได้

“แคลิฟอร์เนีย , ออกแลนด์!”

ซู่เจินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวขึ้นมา

โคลสันรู้สึกดีใจมากและรีบถามต่อว่า “แล้วเขาอยู่ตรงไหนของออกแลนด์ ? “

“น่าจะเป็นโรงงานร้างที่ไหนสักแห่งหนึ่ง … นอกเหนือจากนี้ผมไม่รู้แล้ว“

“มันเพียงพอแล้ว!”

แม้ว่าโคลสันจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เขาก็ได้ล็อกตำแหน่งคราว ๆ ตามที่ซู่เจินบอกเอาไว้แล้ว ซึ่งมันก็ดีกว่าการที่เขาจะต้องมาเริ่มสืบหาตั้งแต่ 0 เป็นไหน ๆ ไม่งั้นเขาคงไม่รู้ว่ามันจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะหาข้อมูลแบบที่ซู่เจินบอกมาได้!

พวกเขาลุกขึ้นแล้วออกไปทำหน้าที่ของตัวเองกันทันที โดยที่ไม่ต้องรอให้โควสันสั่ง ซึ่งพวกเขาก็เริ่มหาจากสถานที่เฉพาะที่ซู่เจินได้เอาไว้ก่อนเป็นอันดับแรก

“คุณ … คุณรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?”

ดูเหมือนว่าไมเคิลจะปรับตัวเข้ากับเหตุการณ์ตรงหน้าของเขาได้ไม่ทัน ซึ่งในขณะที่คนอื่นกำลังยุ่งกันอยู่ ไมเคิลก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปยืนอยู่ข้าง ๆ ซู่เจินอย่างรวดเร็ว

“มันก็แค่การทำนายอนาคต … เชื่อถือไม่ค่อยได้!!” ซู่เจินพูดขึ้นมาเบา ๆ

“แล้วความสามารถนี้ของคุณมันเกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติ หรือว่าเป็น … เหมือนฉัน?” ไมเคิลถามขึ้นมาอย่างสงสัย

“เดี๋ยวคุณไปถามกับพวกเขาในภายหลัง เพราะว่าพวกเขาจะเป็นคนบอกคุณเอง!”

ซู่เจินไม่ได้พูดอธิบายอะไรออกมา เขามองไปที่ไมเคิลแล้วถามว่า “คุณอยากเป็นฮีโร่มาโดยตลอดเลยใช่ไหม ? “

“ใช่! เพราะว่าตอนที่ฉันได้ความสามารถนี้มา ฉันก็หวังว่าจะเป็นฮีโร่ที่ค่อยช่วยเหลือคนอื่น ๆ แถมลูกชายของฉันก็ยังชื่นชอบซูเปอร์ฮีโร่ด้วยดังนั้นฉันจึงอยากเป็นฮีโร่!” ไมเคิลพูดขึ้นมาด้วยความสุขเมื่อเขาพูดถึงเกี่ยวกับลูกชายของเขา

“แล้วถ้าผมบอกว่าการเป็นฮีโร่นั้นจะทำให้คุณต้องเสียเงินจำนวนมหาศาลและคุณยังจะต้องสูญเสียสิ่งอื่น ๆ นอกจากเงินอีกด้วย เช่น … แขนขาของคุณ ? ” ซู่เจินถามขึ้นมาเบา ๆ

ไมเคิลขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย ราวกับว่าเขากำลังคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ซู่เจินพูดอยู่ หลังจากนั้นเขาก็ส่ายหัวเบา ๆ และพูดว่า “ฉันไม่รู้“

ซู่เจินยักไหล่เบา ๆ และไม่ได้ถามอะไรต่อ

“เจอแล้ว!“

ทันใดนั้นสกายก็ตะโกนพร้อมกับภาพที่ปรากฏขึ้นบนจอโฮโลแกรม ซึ่งมันก็คือภาพโรงงานร้าง

“หลังจากตรวจสอบบริเวณรอบ ๆ แล้ว ฉันมั่นใจว่าเขาน่าจะอยู่ที่นี่!“

“เอาล่ะ! ไปเตรียมตัวกันให้พร้อม!”

“ไมเคิล ผมทำชุดออกรบมาให้กับคุณ และหวังว่า …. คุณจะชอบมัน!” ฟิทซ์หันไปพูดกับไมเคิล

ไมเคิลพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น โดยที่มีซู่เจินกำลังยืนมองอยู่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น

เมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงห้องทดลอง ฟิทซ์ก็หยิบชุดออกรบสีดำออกมา

ไมเคิลรับชุดนั้นมาจากฟิทซ์ด้วยความตื่นเต้น

สำหรับฮีโร่แล้วชุดของพวกเขาก็เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ที่แสดงถึงตัวตนของพวกเขาได้เป็นอย่างดี ซึ่งไมเคิลที่ใฝ่ฝันอยากเป็นฮีโร่มาโดยตลอด ในตอนนี้เขาก็ทำมันได้สำเร็จแล้ว หลังจากที่เขาเปลี่ยนชุดอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินออกมาแสดงตัวให้ทุกคนเห็นทันที

“คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง?” ฟิทซ์ถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

“รู้สึกดีมาก! แถมมันยังให้ความรู้สึกที่สบายใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อฉันสวมใส่มันอยู่“

“ชุดนี้ของคุณสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างมากมาย และมันยังสามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต ระดับน้ำตาลในเลือด และสภาพร่างกายของคุณได้อย่างแม่นยำ และสิ่งสุดท้ายที่ขาดไปไม่ได้นั่นก็คือระบบป้องกันการโจมตีจากกระสุนปืนที่ทันสมัยที่สุดในตอนนี้ “ ฟิทซ์อธิบายขึ้นมาอย่างช้า ๆ

“ขอบคุณ!“

ไมเคิลพูดขอบคุณขึ้นมาด้วยความจริงใจ

“คุณคิดว่าไง ? ต้องการชุดออกรบไหม ? “ ฟิทซ์หันหน้าไปถามกับซู่เจิน

ซู่เจินไม่ได้ตอบออกมา ทันใดนั้นก็มีชุดปรากฏขึ้นมาบนร่างกายของซู่เจินอย่างรวดเร็ว

“เอ่อ … ถือซะว่าเมื่อกี้ผมไม่ได้พูดก็แล้วกัน“

เมื่อไมเคิลเห็นเสื้อผ้าของซู่เจิน แล้วลองมองไปที่เสื้อผ้าของเขา เขาก็เลือกที่จะหุบปากอย่างชาญฉลาดทันที

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องของฟังชั่นว่าของใครดีกว่า เพราะว่ามันสามารถดูออกตั้งแต่รูปร่างของชุดแล้ว

โดยชุดของไมเคิลนั้นดูเหมือนชุดของพวกศาลเตี้ยเกรดสาม ในขณะที่ชุดของซู่เจินนั้น … ดูเหมือนชุดของซูเปอร์ฮีโร่ระดับคอสมิค ซึ่งมันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง!

“อย่างไรก็ตามการทำงานของชุดนี้มันก็ดีมาก ดังนั้นคุณช่วยสร้างชุดแบบนี้ให้ผมสักสองสามชุดได้ไหม ? แต่ว่าขอให้มันมีรูปร่างคล้าย ๆ กับชุดของผมนะ!” ซู่เจินถามขึ้นมา

“ไม่มีปัญหา!” ฟิตซ์ตอบตกลงด้วยความยินดี!

“แน่นอนว่าพวกเราเคยทำลายโรงงานของพวกเขามาก่อน แต่พวกเขาก็สร้างขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็ว ดังนั้นคราวนี้พวกเราจะต้องหาข้อมูลที่มีประโยชน์มากที่สุด ดังนั้นเราจะต้องแอบเข้าไปอย่างเงียบ ๆ เมย์ , ซู่เจิน พวกคุณไปเข้าจากทางทิศตะวันตก ส่วนฉันและไมเคิลจะไปเข้าทางท่าเรือ ” โควสันพูดอธิบายแผนการอย่างคราว ๆ ให้กับพวกเขาฟัง โดยมีไมเคิลที่ยืนถือคอมพิวเตอร์ที่ฉายแผนผังของโรงงานแห่งนี้อยู่ข้าง ๆ

หลังจากที่จดจำสถานที่ได้แล้ว พวกเขาก็เริ่มลงมือกันทันที

ซู่เจินและเมย์เดินเข้าไปในโรงงานทางประตูทิศตะวันตก เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปด้านในพวกเขาก็พบกับกล่องสินค้ามากมาย แต่ภายในกล่องสินค้านั้นเต็มไปด้วยความว่างเปล่า … หลังจากที่ซู่เจินตรวจเช็ครอบ ๆ เสร็จแล้วเขาก็หันไปพูดกับเมย์ว่า “ดูเหมือนว่าพวกเราจะมาสายเกินไป“

ในขณะเดียวกันทางด้านของโควสันและไมเคิลในตอนนี้กำลังเผชิญหน้ากับนักรบตะขาบอยู่ และไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มต่อสู้กันทันที

“ไปกันเถอะ!“

ซู่เจินตะโกนบอกกับเมย์และรีบไปสนับสนุนโควสันอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่พวกเขาเดินไปได้เพียงแค่สองก้าว ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นพร้อมกับประตูของห้องเก็บสินค้าที่ถูกเปิดออกอย่างรุนแรง และค่อย ๆ มีนักรบตะขาบเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ

“เอาล่ะ เรามา…“ ซู่เจินยักไหล่เบา ๆ และกำลังที่จะลงมือ

ทันใดนั้นเมย์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาก็พุ่งเข้าไปโจมตีนักรบตะขาบคนนั้นทันที ซึ่งเขาต้องบอกก่อนเลยว่าทักษะการต่อสู้ระยะประชิดของเมย์นั้นแข็งแกร่งมาก เธอสมควรถูกเรียกได้ว่าเป็น เครื่องจักรสังหาร! อย่างไรก็ตามแม้ว่าการโจมตีของเมย์จะเฉียบคม แต่มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะจัดการกับนักรบตะขาบได้ แม้ว่าเธอจะลงมืออย่างสุดแรงมันก็ไม่ได้ทำให้นักรบตะขาบขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย

สิ่งนี้ทำให้เมย์ถึงกับตกตะลึงและคาดไม่ถึง ในขณะเดียวกันนักรบตะขาบก็คว้าไปที่แขนของเมย์อย่างรวดเร็วพร้อมกับต่อยไปที่เธออย่างรุนแรง เมย์พยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง แต่มันก็ไม่ได้ผลทำให้เธอหลับตาลงโดยไม่รู้ตัว!

ตูม!

ตึง!

จู่ ๆ ก็มีเสียงกระแทกเข้ากับกล่องสินค้าดังขึ้นอย่างรุนแรง

เมย์ลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ ทำให้เธอพบเข้ากับกำปั้นสีเขียวขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่ตรงหน้าของเธอ ทำให้เธอรีบหันหน้าไปมองที่ซู่เจินอย่างรวดเร็ว

“ขอบคุณ!” เมย์พูดขึ้นมาเบา ๆ

ซู่เจินยิ้มขึ้นมาพร้อมกับส่ายหัวเบา ๆ และค่อย ๆ เดินเข้าไปหานักรบตะขาบอย่างช้า ๆ