ตอนที่ 33 อวัยวะจักรกลแบตหมด

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature )

ตอนที่ 33 – อวัยวะจักรกลแบตหมด

ในม่านราตรี ชิ่งเฉินรีบปีนข้ามกำแพงเตี้ย ๆ ของลานเล็กสองลาน พุ่งทะลุผ่านในสภาพแวดล้อมที่เขาคุ้นเคยที่สุด

ในพริบตา แผนที่ภูมิประเทศของลานที่สี่ทั้งหมดก็คล้ายกับเป็นภาพสามมิติปรากฏขึ้นในสมองของเขา

ลมฤดูใบไม้ร่วงหนาวนิด ๆ นำพากลิ่นอายแห้งผากบางส่วนของตอนกลางวันมา

พริบตาถัดมา เด็กหนุ่มคำนวณความเร็วในการเผ่นแน่บของอีกฝ่ายเงียบ ๆ

ไม่ได้ ตัวเองต้องเร็วอีกหน่อย!

ชิ่งเฉินรู้สึกว่าปอดของตนเองกำลังเผาไหม้ เลือดก็เดือดพล่านตามมา

ทันใดนั้น เขายืนนิ่งอยู่ในเงาตรงหัวมุมหนึ่ง

แล้วก็กลั้นลมหายใจ

เสียงซู่ ๆ ของใบอู๋ถงที่เสียดสีกันในลาน เงาของใบที่สั่นไหวอยู่บนพื้น

เสียงวิ่งที่อยู่ไม่ไกล แสงไฟที่ดับลงของบ้านเรือน

ล้วนไม่สำคัญแล้ว

3

2

1

คือตอนนี้

เด็กหนุ่มใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดทั้งมวลเหวี่ยงพลั่วทหารไปยังอากาศนอกหัวมุมในค่ำคืนมืดมิด

เสียงตึง คนวัยกลางคนที่กำลังหนีอย่างบ้าคลั่งถึงกับถูกเหวี่ยงใส่ขาทั้งคู่ ล้มกลิ้งออกมาข้างหน้า!

ชิ่งเฉินไม่ได้มองอีกฝ่ายเพิ่มขึ้นสักแวบ ทว่าหมุนตัวหายไปอย่างรวดเร็วในเงามืดระหว่างอาคาร ดักตีแล้วหนี

จนกระทั่งหลังจากเขาไปแล้ว เสียงร้องอเนจอนาถชายกลางคนนั้นจึงได้ดังลั่นทั่วทั้งเขตพักอาศัย หน้าต่างนับไม่ถ้วนล้วนสว่างขึ้นมา มีคนมองออกมาด้านนอกแต่กลับเห็นแค่นักเลงที่กุมขาร้องโอดโอย

คนวัยกลางคนขาขวาหักแล้ว เลือดไหลเป็นน้ำ

อย่างช้า ๆ คนมากมายมุงอยู่ที่หน้าต่างชมความครึกครื้น แต่พวกเขาเห็นแค่เพียงนักเลง กลับมองไม่เห็นร่างของชิ่งเฉินแล้ว

แม้แต่นักเลงยังไม่เข้าใจว่าสรุปแล้วเกิดอะไรขึ้น

เมื่อชิ่งเฉินกลับถึงบ้านเจียงเสวี่ยก็พอดีเห็นอีกฝ่ายโอบกอดหลี่ถงอวิ๋นที่ตัวสั่นเทาอยู่ ชิ่งเฉินถามว่า “เสี่ยวอวิ๋นได้รับบาดเจ็บไหม”

“ก็ถูกทำให้ตกใจกลัว ตอนนี้ฉันจะเรียกตำรวจ ให้ตำรวจมาจัดการพวกเขา”

“ไม่ต้อง ผมเรียกแล้ว” ชิ่งเฉินกล่าว

หลี่ถงอวิ๋นได้ยินเสียงของเขา เงยหน้าขึ้นกล่าวน้ำตานองว่า “พี่ชาย ยังมีอีกคนที่วิ่งหนีไปแล้ว”

“วางใจ ถูกฉันหาเจอแล้ว” ชิ่งเฉินตอบ

เวลานี้ เจียงเสวี่ยจึงเห็นว่าชิ่งเฉินถูกพลั่วทหารบาดง่ามนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ เธอตระหนักในทันทีว่าอีกฝ่ายจะต้องไปเจอกับนักเลงแล้วแน่ ๆ ถึงขนาดที่ว่าเกิดการปะทะกันซึ่งหน้าด้วย

เพียงแต่เธอจับสังเกตชิ่งเฉินมาครึ่งค่อนวันกลับพบว่าอีกฝ่ายนอกจากตรงง่ามนิ้วแล้วก็ไม่มีบาดแผลที่อื่นอีก

“ง่ามนิ้วคุณเป็นแผลแล้ว รอแปบนะ ฉันไปเอาผ้าพันแผลกับไอโอดีนมาให้คุณ” เจียงเสวี่ยกล่าว

“ถึงยังไงก็ยังเป็นคนธรรมดาล่ะนะ” ชิ่งเฉินก้มหน้ามองง่ามนิ้ว ในใจถอนทอดว่าตนเองมีสมองอันทรงพลังเสียเปล่า แต่ไม่มีร่างกายที่สอดคล้องกัน

เขาอยู่ในขั้นตอนรับสกิลที่โลกภายใน จะต้องเร่งมือแล้ว!

“อย่ารบกวนเลยครับ น้าเจียงเสวี่ย” ชิ่งเฉินกล่าว “ที่บ้านผมเองก็มี”

ขณะนี้เพื่อนบ้านซ้ายขวาพบเห็นความเคลื่อนไหวก็ล้วนออกมากันแล้ว เมื่อครู่ทุกคนไม่กล้าโผล่ศีรษะ แต่ตอนนี้ฟังความเคลื่อนไหวมันน่าจะไม่เป็นไรแล้ว

ชิ่งเฉินเห็นว่าผู้คนโดยรอบยิ่งมายิ่งมากจึงรีบกล่าวว่า “ตำรวจกำลังจะมาถึงแล้ว ผมกลับห้องก่อนนะ จำไว้ว่าคืนนี้ผมไม่ได้ทำอะไรนะครับ”

เจียงเสวี่ยลังเลนิดหนึ่ง “ได้”

……

เสียงถกกันอย่างเอะอะนอกหน้าต่าง เสียงหวอของรถตำรวจ ยังมีฝีเท้าของคนที่ไป ๆ มา ๆ คล้ายกับว่าไม่สามารถส่งผลกระทบต่อชิ่งเฉินได้เลย

เขานอนอยู่บนเตียงครุ่นคิดเงียบ ๆ พริบตาที่เหวี่ยงพลั่วทหารออกไปในวันนี้คล้ายกับว่าเขาได้ต้อนรับชีวิตใหม่ของตนเอง

เหตุผลที่ชิ่งเฉินไปไล่ล่านักเลงคนนั้น ด้านหนึ่งคือเด็กน้อยอย่างหลี่ถงอวิ๋นได้รับบาดเจ็บ ทำให้เขาไม่สามารถรับได้

อีกด้านหนึ่งคือ เขารู้สึกมาโดยตลอดว่าถ้าตนเองแม้แต่ความกล้าหาญเล็กน้อยนี้ยังไม่มี งั้นก็ไม่ต้องไปโหยหาชีวิตของโลกภายในแล้ว

เขาหลับลงไปอย่างช้า ๆ จนกระทั่งถูกเสียงเคาะประตูปลุกตื่น

ชิ่งเฉินเปิดประตูอย่างง่วงงุน นอกประตูกลับเป็นหลี่ถงอวิ๋น

“พี่ชิ่งเฉิน พี่มาบ้านหนูหน่อยได้ไหม” หลี่ถงอวิ๋นถามอย่างอ่อนแรง

“ทำไมเหรอ” ชิ่งเฉินงุนงง

“พี่รีบมาช่วยแม่หนูเร็ว” หลี่ถงอวิ๋นกล่าวอย่างเร่งร้อน

ชิ่งเฉินขึ้นบันได กลับเห็นเจียงเสวี่ยนั่งอยู่ตรงโต๊ะกินข้าวอย่างจนแต้ม แขนทั้งคู่ตกห้อยอย่างไร้เรี่ยวแรงข้างตัว

“คุณได้รับบาดเจ็บเหรอครับ” ชิ่งเฉินถาม

“เปล่า ไม่ได้รับบาดเจ็บ” เจียงเสวี่ยเอ่ยตอบ “……คือว่าอวัยวะจักรกลไม่มีพลังงานแล้ว”

คราวนี้ชิ่งเฉินอึ้งไปจริง ๆ แล้ว เขาไม่เคยครุ่นคิดอย่างละเอียดเลยเกี่ยวกับกลไกการทำงานของอวัยวะจักรกล เพียงถือว่าโลกภายในครอบครอบเทคโนโลยีมืดอะไรสักอย่าง อย่างเช่นว่าข้างในซ่อนเตาปฏิกรณ์ปฏิสสารอะไรพวกนี้

แต่คิดไม่ถึงว่าเจียงเสวี่ยเนื่องจากเมื่อวานใช้งานอวัยวะจักรกลมากเกินไปทำเอาเจ้าของเล่นนี้ขยับไม่ได้ไปดื้อ ๆ เลย

พูดอย่างเรียบง่ายก็คือแบตหมดแล้ว……

“เดี๋ยวนะครับ ระยะการใช้งานของมันห่วยขนาดนี้เลยเหรอ” ชิ่งเฉินกังขา “งั้นคนของโลกภายในเขาจะต่อสู้อย่างดุเดือดกันได้ยังไงล่ะ”

เจียงเสวี่ยอธิบายว่า “คุณไม่เคยทะลุมิติดังนั้นไม่รู้ว่าทั่วทั้งโลกภายในล้วนอัพเกรดแหล่งพลังงานเป็นการชาร์จไฟแบบไร้สายกันหมดแล้ว ริม ๆ เมืองจะสามารถมองเห็นปล่องหล่อเย็นของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ แล้วไฟฟ้าทั้งหมดที่มันผลิตล้วนอาศัย ‘เสาไฟคลาวน์’ ที่กระจายตัวอยู่ทั่วเมืองให้กำลังไฟฟ้ากับทั้งเมือง”

“ในโลกภายใน ไม่ว่าจะรถยนต์, เครื่องมือสื่อสาร, อวัยวะจักรกล, หม้อหุงข้าว, หลอดไฟ อุปกรณ์ไฟฟ้า 90% ล้วนบอกลาสายไฟไปแล้ว ก็คล้าย ๆ กับว่ามี wifi ยักษ์ใหญ่อันหนึ่งครอบคลุมทั่วทั้งเมือง”

“ทุก ๆ คนล้วนมีหมายเลขซีเรียลค่าใช้จ่ายของตนเอง ก็คล้าย ๆ กับเลขบัตรประชาชน แค่ต้องจ่ายรายเดือนก็สามารถมีความสุขกับชีวิตสะดวกสบายได้แล้ว กลุ่มการเงินจะเก็บค่าใช้จ่ายตามการใช้ไฟฟ้าของทุก ๆ คน”

“ในเมืองหมายเลข 18 น่าจะมีเสาไฟคลาวน์สามร้อยกว่าต้นที่ทำงานอย่างเต็มกำลัง ดังนั้นคนในนั้นล้วนไม่ได้มีแนวคิดเรื่อง ‘ชาร์จไฟ’ กันแล้ว เพราะว่าอุปกรณ์ของทุกคนไม่ว่าจะเวลาไหนก็ชาร์จไฟอยู่”

ชาร์จไฟไร้สาย? ชิ่งเฉินสับสน นี่ไม่ใช่ความฝันของนักวิทยาศาสตร์นิโคลา เทสลาเหรอ

เวลานี้ สถานะนักเรียนเทพของชิ่งเฉินก็ได้แสดงบทบาทออกมา เขาวิเคราะห์อย่างรวดเร็ว

เนื้อแท้ของการชาร์จไฟก็คือการโอนถ่ายพลังงาน ในความเป็นจริงโลกภายนอกก็มีเทคโนโลยีอย่างนี้ ตัวอย่างเช่นสินค้าใหม่ของเสี่ยวมี่ก็สามารถชาร์จไฟไร้สาย ครอบคลุมทั่วทั้งห้อง

สาเหตุที่เสี่ยวมี่สามารถชาร์จไฟไร้สายก็คือเทคโนโลยีวงจรเรียงกระแส* ทำการพัฒนาเทคโนโลยีระบุตำแหน่ง** เกาะกุมคลื่นความถี่ที่เครื่องชาร์จไฟถ่ายทอดออกมาอย่างแม่นยำ

ในเทคโนโลยีทั้งสองอย่าง เทคโนโลยีระบุตำแหน่งจึงสำคัญที่สุด ไม่อย่างนั้นสิ่งที่เครื่องชาร์จไฟกระจายออกมาก็จะเป็นคลื่นทรงกลม ทว่าจะไม่ถ่ายทอดไปถึงในโทรศัพท์มือถืออย่างแม่นยำ

สรุปสั้น ๆ คือ ถ้าไม่มีการระบุตำแหน่ง เครื่องชาร์จไฟก็จะเป็น “เตาไมโครเวฟ” ประเภทเปิดอันหนึ่ง

นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว

ส่วนเทคโนโลยีของโลกภายในนี้จะต้องไม่เหมือนกับโลกภายนอก อย่างน้อยระดับเทคโนโลยีไม่รู้ว่าพัฒนาไปอีกกี่ขั้นแล้ว

งั้นสิ่งของนี้จะมีผลเสียต่อมนุษย์หรือไม่ คำตอบคือเล็กน้อยจนเหมือนไม่มี เพราะว่ารังสีที่มันแพร่ออกมาไม่ได้มากขนาดโทรศัพท์มือถือด้วยซ้ำ

ขอเพียงเทคโนโลยีระบุตำแหน่งล้ำหน้าเพียงพอก็จะไม่มีผลกระทบอะไร

ชิ่งเฉินย่อมไม่มีงานวิจัยที่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับหลักการถ่ายทอดสัญญาณของโลกภายใน ดังนั้นไม่ได้มั่นใจจนเกินไปว่าอีกฝ่ายเป็นการทำความฝันของเทสลาให้เป็นจริงหรือว่าคล้ายคลึงกับเทคโนโลยีชาร์จไฟไร้สายของโลกภายในขณะนี้

แต่ว่าไม่ว่าจะเป็นประเภทไหนการที่สามารถทำการชาร์จไฟไร้สายให้เป็นจริงอย่างสมบูรณ์ก็ยังคงเป็นสิ่งที่แปลกใหม่อย่างยิ่ง

เวลานี้จู่ ๆ หลี่ถงอวิ๋นถามว่า “งั้นการชาร์จไฟไร้สายอย่างนี้จะมีการแผ่รังสีไหม เดือนที่แล้วเขตที่พักข้าง ๆ มีลุง ๆ ป้า ๆ มาบังคับให้รื้อถอนเสาส่งสัญญาณนะ การแผ่รังสีอันนี้จะเยอะกว่าเสาส่งสัญญาณรึเปล่า”

เจียงเสวี่ยก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้คิดมาก ตอนนี้พอหลี่ถงอวิ๋นพูดขึ้นมาก็กังวลใจขึ้นมาหน่อยแล้ว เธอถามว่า “แอคเคาท์สาธารณะตั้งเยอะพูดว่าแม้แต่การแผ่รังสีของมือถือก็ยังเป็นอันตรายต่อมนุษย์มากเลย งั้นเสาไฟคลาวน์นี่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของพวกเรารึเปล่า”

เป็นความจริง มีแอคเคาท์สาธารณะมากเกินไปแล้วที่ป่าวประกาศอันตรายของการแผ่รังสี

แล้วก็มีคนไม่น้อยที่เชื่อจริง ๆ ถึงขนาดที่ว่าไปรื้อถอนสถานีกับเสาสัญญาณของบริษัทโทรคมนาคมไม่น้อย……

ชิ่งเฉินคิดแล้วกล่าวว่า “ระดับมากน้อยของการแผ่รังสีแตกต่างกันไปตามแต่ละคนนะ”

“หมายความว่าอะไร” หลี่ถงอวิ๋นสับสน

ชิ่งเฉินคิดแล้วกล่าวว่า “ระดับการศึกษายิ่งน้อย การแผ่รังสียิ่งมาก”

หลี่ถงอวิ๋น “???”

เจียงเสวี่ย “???”

……………………………..

ตามนั้นจ้ะ ตอนที่มือถือเริ่มเป็นที่แพร่หลาย ป้า ๆ เราก็ชอบมาสั่งสอนเหมือนกัน “เวลานอนต้องปิดมือถือ” “ห้ามให้มือถืออยู่ใกล้หัวนาน ๆ” “เวลานอนปิดไวไฟ” ฯลฯ ด้วยความเกรงกลัวการแผ่รังสีที่ว่านี่ ส่วนตัวเราน่ะคิดว่าถ้ามันอันตรายอย่างนั้นมันคงไม่ผ่านมาตรฐานทั่วโลกใช้กันทั่วไปอย่างนี้หรอก

*เทคโนโลยีวงจรเรียงกระแส (Rectification Technology) เทคโนโลยีในการเปลี่ยนกระแสไฟฟ้าสลับเป็นทางตรง แรกเริ่มเดิมทีกระแสไฟฟ้าทางตรงเกิดขึ้นก่อน อุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหลายก็ใช้ไฟตรง แต่ไฟตรงมันส่งกระแสไฟฟ้าได้ยาก ก็เลยทำกระแสสลับขึ้นมาส่งไฟฟ้าไปที่บ้านเรา แล้วพอจะเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าก็จะมีตัวแปลงเปลี่ยนมันเป็นกระแสตรง

**เทคโนโลยีระบุตำแหน่ง (PPD Positioning Technology) เท่าที่อ่านดูใช้ในการระบุตำแหน่งของเมาส์ค่ะ

แผนภาพ wireless charging ที่มา https://tips.thaiware.com/965.html

ตอนที่ 34 – แขกคุนหลุน