บทที่ 29 สแลมดังก์

บทที่ 29 สแลมดังก์

เด็กหนุ่มร่างสูงมองที่มือของตัวเองโดยสัญชาตญาณ ลูกบาสไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว เขารีบหันหน้าไปมองทางอู๋ฝานทันที ลูกบาสได้ไปอยู่ในมือของอีกฝ่ายแล้วจริงด้วย

“ตาฉันบ้าง” อู๋ฝานตบลูกบาสพลางพูดเสียงเบา

เด็กหนุ่มร่างสูงยังคงมึนงงอยู่ที่เดิม จนถึงตอนนี้เขาไม่รู้เลยว่าลูกบาสในมือถูกแย่งไปได้อย่างไร

“หน็อย ต่อให้แกแย่งลูกบาสฉันไปได้ ฉันก็จะหยุดแกให้ได้!” เด็กหนุ่มร่างสูงมองไปยังอู๋ฝานพลางตะคอกอย่างเย็นชาในใจ

หลังจากนั้นเขาก็มายืนประจันหน้ากับอู๋ฝาน ย่อตัวลง ตั้งท่าป้องกัน สายตาจับจ้องไปที่การเคลื่อนไหวของอู๋ฝาน และพร้อมที่จะสกัดกั้นอีกฝ่ายทุกเมื่อ

เด็กหนุ่มร่างสูงเดาถูก ทักษะการเล่นบาสเกตบอลของอู๋ฝานอยู่ในระดับปานกลาง เขาเคยเล่นบาสกับเพื่อนร่วมห้องสองถึงสามคนในหอพักมหาวิทยาลัยเท่านั้น เมื่อเทียบกันแล้ว อู๋ฝานจึงด้อยกว่าผู้เล่นหลักของทีมมหาวิทยาลัยมาก

อย่างไรก็ตามหลังจากที่อู๋ฝานรู้ถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายผ่านวิชาตรวจสอบ เขาตกลงที่จะแข่งขัน โดยเชื่อว่าตัวเองอาจสามารถเอาชนะได้

โดยอาศัยความว่องไวของตัวเอง รวมถึงทักษะพยัคฆ์ทะยานที่มาพร้อมกับรองเท้าเมฆาล่อง

ด้วยความว่องไวที่สูงกว่าคู่ต่อสู้ ทำให้อู๋ฝานมีความคล่องตัวกว่า และก่อนที่คู่ต่อสู้จะสามารถตอบโต้ เขาก็แย่งลูกบาสมาได้แล้ว

ในช่วงเวลานี้เองที่ความสามารถของรองเท้าเมฆได้เข้ามามีบทบาทสำคัญ

เห็นอู๋ฝานตบลูกบาสอย่างเก้งก้างและเดินเข้าใกล้เด็กหนุ่มร่างสูง เมื่อเห็นวิธีการตบลูกบาสของอู๋ฝาน เด็กหนุ่มร่างสูงก็เย้ยหยันอยู่ในใจ “สมกับเป็นมือใหม่ การเลี้ยงลูกดูเป็นมือสมัครเล่นจริงๆ!”

จากนั้นเขาก้าวเท้าไปด้านหน้าพร้อมที่จะสกัดลูกบาสของอู๋ฝาน

แต่ทันทีที่เคลื่อนไหว เขากลับเห็นเงาดำปกคลุมตรงหน้า

อู๋ฝานกระโดดขึ้นไปกลางอากาศ! กระโดดขึ้นไปต่อหน้าเขา!

ที่สำคัญกว่านั้น พวกเขาอยู่ใกล้กับเส้นโยนลูกโทษ ซึ่งห่างจากห่วงอยู่พอสมควร!

เขาคิดจะทำอะไร?

เด็กหนุ่มร่างสูงงงงวยไปชั่วขณะ

แต่ความสงสัยดังกล่าวอยู่ได้ไม่นาน หัวใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ

เพราะอู๋ฝานกำลังกระโดดข้ามหัวเขาไป!

ผู้คนในสนามกรีดร้อง ขณะที่เด็กหนุ่มร่างสูงกำลังอยู่อาการโกรธ แต่จิตสำนึกบอกให้เขาหันไปมองทางห่วง ก่อนจะเห็นภาพที่ทำให้ตกใจ

อู๋ฝานดังก์ลูกบาสลงห่วง!

ผู้ชมรอบข้างตกใจไม่ต่างกัน พวกเขามองไปที่อู๋ฝานที่เพิ่งลงมาถึงพื้นด้วยสีหน้าตื่นตกใจ หลังจากเห็นภาพดังกล่าว เด็กผู้หญิงบางคนยกมือขึ้นปิดปากและมองอู๋ฝานด้วยดวงตาเปล่งประกาย

มันเหนือความคาดหมายและน่าตกใจมาก ทั่วทั้งสนามยามนี้มีเพียงเสียงลูกบาสกระดอนกับพื้นกึกก้อง

จากนั้นความเงียบสงัดก็ถูกทำลายลง

“เท่มากเลย!”

“เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น? นี่ฉันเพิ่งเห็นอะไรไปเนี่ย? ตอนนี้ฉันอยู่ในมหาวิทยาลัยจริงเหรอ? นี่มันอย่างกับฉากในการแข่ง NBA เลยไม่ใช่หรือไง?!”

“สแลมดังก์จากระยะไกล? การดังก์เมื่อกี้มันบ้าไปแล้ว!”

“พี่ชายหล่อมาก! ฉันอยากเป็นแฟนคุณนะคะ!”

เกิดเสียงดังอื้ออึงในสนาม

สำหรับเด็กหนุ่มร่างสูงที่แข่งขันกับอู๋ฝาน ในใจของเขาตกใจไม่น้อยไปกว่าคนอื่น ยิ่งเป็นคนที่อยู่ในวงการกีฬาบาสเกตบอลแบบเขา สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เขาตกใจมาก!

ในมหาวิทยาลัยไม่ใช่ใครก็สามารถดังก์แบบนั้นได้ แม้แต่ในทีมของมหาวิทยาลัยก็มีเพียงบางส่วนที่ดังก์ได้

แต่ใครบ้างที่ทำได้เหมือนกับอู๋ฝาน? กระโดดจากเส้นโยนลูกโทษข้ามหัวของเขาไปดังก์อย่างง่ายดายแบบนั้น? นี่เขาสูงถึง 190 เซนติเมตรเลยนะ!

มันไม่สามารถทำได้อย่างง่ายดาย! ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม!

แม้แต่ในหมู่ผู้เล่นมืออาชีพ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำได้!

นี่เขาเป็นใคร? ทำไมถึงแข็งแรงขนาดนั้น? แล้วทำไมเราถึงไม่เคยเห็นเขามาก่อนเลย?

เสียงซุบซิบรอบตัวทำให้อู๋ฝานรู้สึกภูมิใจ

ในความจริงอู๋ฝานก็ตกใจกับความสามารถของตัวเองเช่นกัน เขาแค่อยากอวดเบ่งเพียงนิดหน่อย แต่ไม่คาดคิดว่าความสามารถในการกระโดดที่เพิ่มขึ้นจากทักษะพยัคฆ์ทะยานจะน่ากลัวขนาดนี้หลังจากเขาออกแรงกระโดดสุดตัว

‘ทำเกินไปแล้ว นี่ทำเกินไปจริงๆ เห็นไหมว่าเด็กคนนั้นถึงกับนิ่งไปเลย’ อู๋ฝานมองเด็กหนุ่มร่างสูงที่ยังตกใจ ขณะแอบเตือนตัวเองว่าคราวหน้าควรต้องออมแรงกว่านี้สักนิด

“ถึงตานายแล้ว” อู๋ฝานส่งลูกบาสไปให้เด็กหนุ่มร่างสูง ก่อนตั้งท่าป้องกันการโจมตีของคู่ต่อสู้

แต่อู๋ฝานไม่คาดคิด หลังจากที่เด็กหนุ่มร่างสูงรับลูกบาสไปกอด อีกฝ่ายมองมาทางเขาอย่างลึกซึ้ง แล้วหันหลังเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีก

“เฮ้ นี่จะไปไหน? ไม่แข่งต่อแล้วเหรอ?” อู๋ฝานตะโกน

“แข่ง? แข่งบ้าอะไรล่ะ! คุณเล่นกระโดดขึ้นไปอย่างกับบินได้ แล้วจะให้ฉันแข่งอะไรกับนายอีก? ให้นายกระโดดข้ามหัวแล้วดังก์ลงห่วงอีกครั้งเหรอ? จากนั้นฉันจะได้ขายหน้าอีก? ไม่แข่งแล้ว! ล้มเลิกการแข่งขันไปซะ!” เด็กหนุ่มร่างสูงพูดกับตัวเองอยู่ในใจ เขาไม่ได้หยุดเดินหลังจากที่อีกฝ่ายทักท้วง ไม่นานเขาเดินออกจากสนามบาสเกตบอล และตั้งใจว่าจะหยุดการแข่งขันนี้

“เดี๋ยว นั่นจะออกไปไหน?”

“จริงด้วย ฉันอยากดูหนุ่มหล่อคนนั้นเล่นบาสอีก”

“เจ้าเด็กนั่นขี้ขลาดชะมัด ไม่กล้าแข่งแล้วงั้นเหรอ? กลับมาเดี๋ยวนี้นะ”

หลังจากเด็กหนุ่มร่างสูงเดินจากไป นักศึกษาที่กำลังดูอยู่ขอบสนามก็ตะโกนด้วยความไม่พอใจ เพราะพวกเขายังอยากดูการแข่งขันต่อ! พวกเขาต้องการดูการแสลมดังก์เย้ยฟ้าของอู๋ฝานอีกครั้ง แต่เมื่ออีกฝ่ายเดินหนีไป นั่นจึงทำให้ผู้ชมรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก

แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร มันก็ไม่ทำให้เด็กหนุ่มร่างสูงเปลี่ยนใจ แล้วยังทำให้เขาเดินเร็วมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย เขารู้ว่าเรื่องนี้อาจแพร่กระจายออกไปทั่วมหาวิทยาลัยในไม่ช้า จากนั้นเขาจะกลายเป็นแค่คนขี้แพ้ที่หนีการแข่งกลางคัน

“ทำไมเมื่อกี้เราถึงไปยั่วยุเขากันนะ?” เด็กหนุ่มร่างสูงนึกเสียใจ

อย่างไรก็เปลี่ยนข้อเท็จจริงนี้ไม่ได้ เขาทำได้เพียงเดินออกจากที่นี่โดยเร็วที่สุด ออกห่างจากจุดเกิดเหตุที่น่าอับอายนี้

เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มร่างสูงเดินจากไป อู๋ฝานเองก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อ

การจ้องมองอันดุเดือดของผู้คนโดยรอบทำให้อู๋ฝานแอบมีความสุขอยู่ในใจ แต่ในขณะเดียวกันเขาเตือนตัวเองว่าเจียมตัวเข้าไป อย่าเหิมเกริมเกินไปนัก

อีกอย่างอู๋ฝานยังเพิ่งได้สัมผัสกับการถูกเด็กสาวมากมายส่งเสียเชียร์เป็นครั้งแรก ขณะที่กำลังจะเดินออกจากสนาม มีเด็กสาวหลายคนเข้ามาขอช่องทางติดต่อของเขา อู๋ฝานเริ่มคร่ำครวญว่าผู้หญิงสมัยนี้กล้าได้กล้าเสียมาก และกล้ารุกชายหนุ่มอย่างเขาก่อน แต่ด้วยเพราะไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับผู้หญิงเลย อู๋ฝานจึงหนีออกจากสนามบาสด้วยความลำบากใจ

“นักศึกษา รอเดี๋ยวก่อน!”

อู๋ฝานที่เพิ่งเดินออกจากสนามบาสเกตบอลพลันถูกใครบางคนตะโกนให้เขาหยุด

“มีอะไรหรือเปล่าครับ?” อู๋ฝานถาม และมองชายวัยกลางคนตรงหน้า

“ผมเพิ่งดูการเล่นของคุณในสนามบาสเกตบอลเมื่อกี้ เลยอยากถามว่าคุณเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัย และปีนี้อายุเท่าไหร่แล้ว?” ชายวัยกลางคนถาม

“ผมไม่ใช่นักศึกษาของที่นี่ และผมเรียนจบแล้วครับ” อู๋ฝานตอบ

เช่นเดียวกับสนามกีฬา สนามบาสเกตบอลไม่ได้ห้ามบุคคลภายนอกเข้ามาใช้งาน อู๋ฝานจึงไม่กลัวที่จะบอกความจริงนี้ไป

“ไม่ใช่นักศึกษาของที่นี่เหรอ?” ชายวัยกลางคนผงะ คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากันเป็นปม

“ไม่ใช่ครับ” อู๋ฝานกล่าว “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ”

อู๋ฝานเดินผ่านอีกฝ่ายไป แต่เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว เสียงของชายวัยกลางคนก็ดังขึ้นจากด้านหลังอีกครั้ง

“คุณสนใจมาเป็นอาจารย์ไหม? อาจารย์พลศึกษา!”