บทที่ 28 ยังไงก็ได้

บทที่ 28 ยังไงก็ได้

ด้วยพรจากทักษะขยายพันธุ์ อู๋ฝานจึงจัดการกับลูกเป็ด ลูกไก่ และปลาได้อย่างรวดเร็ว

ภายหลังจัดการกับเมล็ดพันธุ์และพวกลูกสัตว์เรียบร้อย อู๋ฝานได้พบว่าพื้นที่ด้านหลังของภูเขาแห่งนี้ยังมีว่างอีกมาก เหมือนว่าตัวเขาจำเป็นต้องหาเงินให้มากขึ้น เพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์และพวกลูกสัตว์มาเพิ่มเติม

“พูดไปแล้ว…พื้นที่ก็กว้างใหญ่ขนาดนี้ยังไม่ได้สำรวจรอบด้านเลย วันนี้ไม่มีเวลาเท่าไหร่ ไว้พรุ่งนี้ค่อยสำรวจก็แล้วกัน ยังไงแล้วที่นี่ในอนาคตก็เป็นฐานการส่งออกของเรา” อู๋ฝานสำรวจมองรอบด้านพลางพูดกับตนเอง

พื้นที่ทางด้านหลังของภูเขาค่อนข้างกว้างใหญ่ ใหญ่กว่าตัวหมู่บ้านหลายสิบเท่าเสียด้วยซ้ำ มันไม่เพียงมีที่โล่งสำหรับการเพาะปลูก แต่ยังมีภูเขา รวมถึงป่าใกล้เคียงกับภูเขา ตามคำบอกเล่าของหัวหน้าหมู่บ้านเฒ่าชรา พื้นที่ส่วนของป่าค่อนข้างกว้างใหญ่ ใหญ่กว่าป่าน้อยที่อยู่ตรงด้านหน้าของหมู่บ้าน และผู้คนในหมู่บ้านก็แทบไม่มาพื้นที่ด้านหลังภูเขา จึงเป็นเหตุให้จนถึงตอนนี้ก็ไม่เคยมีใครสำรวจป่า

มันจึงกระตุ้นความคาดหวังแห่งการสำรวจแก่อู๋ฝาน เขาเตรียมพร้อมที่จะออกไปสำรวจ

เพียงไม่ช้า เวลาที่อู๋ฝานจะอยู่ที่นี่ได้ก็หมดสิ้นลง เพียงพริบตาเขาจึงกลับไปยังห้องเช่า

อู๋ฝานย่อมไม่พลาดการออกกำลังกายช่วงเช้า ภายหลังล้างหน้า เขาจึงออกไปยังสนามกีฬาของมหาวิทยาลัยเจียงโจว

วันนี้มีคนมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สนามกีฬาครึกครื้นกว่าก่อนหน้า เพียงแต่ในกลุ่มคนเหล่านั้น อู๋ฝานก็ยังได้เห็นหลิ่วเหยียนเอ๋อร์โดยแทบไม่ต้องมองหาให้นาน เพราะแม้อยู่ในกลุ่มคน เธอก็ยังคงโดดเด่นสะดุดตา รูปลักษณ์ภายนอกโดดเด่น ท่าทีเย็นชา วางตัวสูงศักดิ์ จึงทำให้เธอโดดเด่นขึ้นมาแม้อยู่กลางฝูงชน

ขณะอู๋ฝานกำลังอุ่นร่างกาย หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็ผ่านข้างตัวเขามาเชื่องช้า เขาลังเล สุดท้ายจึงเอ่ยคำทักทาย “อรุณสวัสดิ์”

เดิมนั้นอู๋ฝานคิดว่าอีกฝ่ายจะไม่ตอบรับแต่อย่างใด อย่างไรแล้วที่นี่ก็มีคนมากมายคิดอยากเข้าไปสนทนากับหลิ่วเหยียนเอ๋อ เพียงแต่ไม่เคยพบเห็นเธอตอบรับคำทักทายของใคร กระทั่งไม่ค่อยพูดคุยเสียด้วยซ้ำ

แต่ผู้ใดกันทราบ ภายหลังอู๋ฝานกล่าวคำจบ หลิ่วเหยียนเอ๋อร์จึงตอบรับ “อรุณสวัสดิ์” และวิ่งต่อไปโดยไม่หันกลับมอง

อู๋ฝานมั่นใจว่าคำ ‘อรุณสวัสดิ์’ ของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์มันเป็นการตอบรับให้ตัวเขา ไม่ใช่ใครอื่น

เพียงแต่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็ยังคงมีท่าทีเย็นชา แม้ว่าตอบรับแต่เธอไม่ได้คิดหยุดแต่อย่างใด อู๋ฝานยิ้มตอบรับ เขาเริ่มออกวิ่งโดยไม่สนใจรอบด้าน

ช่วงที่อู๋ฝานใกล้จะออกกำลังกายเสร็จ ทันใดนี้เองที่มีลูกบาสเกตบอลหลุดออกมาจากลานบาสเกตบอล มันกระเด็นมาจนถึงพื้นที่สนามส่วนกลาง กลุ่มเด็กสาวที่กำลังนั่งพัก และอู๋ฝานบังเอิญผ่านมาพอดี เขาจึงวิ่งเพียงไม่กี่ก้าวพุ่งเข้าไป เพื่อเอื้อมมือไปคว้าลูกบาสเกตบอลนั้นเอาไว้

สนามกลางและลานบาสเกตบอลอยู่ติดกัน มีรั้วราวสองเมตรพร้อมตาข่ายจึงกั้นระหว่างพื้นที่ทั้งสองเอาไว้

“พวก โยนบอลมาทางนี้เลย” จากอีกฟากของรั้วตาข่าย เด็กหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งในชุดบาสเกตบอลตะโกนบอกอู๋ฝาน

“บอลนายเกือบจะโดนคนอื่นแล้วนะ ขอโทษก่อนดีกว่าไหม?” อู๋ฝานขมวดคิ้ว

เด็กหนุ่มหันมองกลุ่มเด็กสาวที่นั่งอยู่ใกล้เคียง คำจึงกล่าวออกด้วยความเฉยชา “ก็ยังไม่โดนสักหน่อยนี่ จำเป็นต้องขอโทษด้วยหรือยังไง? นอกจากนี้แล้ว ต่อให้โดนยังไงก็เป็นอุบัติเหตุ ใครใช้ให้พวกเธอมานั่งตรงนี้กัน ไม่รู้เหรอว่าที่ตรงนี้มันอยู่ใกล้ลานบาสเกตบอล และลูกบาสมันก็พร้อมจะกระเด็นออกมาได้ทุกเมื่อน่ะ?”

เด็กสาวพลันลุกขึ้นยืน สายตามองลูกบาสในมือของอู๋ฝาน ถัดจากนั้นจึงมองเด็กหนุ่มร่างสูง ก่อนจะเดินจากไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว

“ดูสิ เจ้าตัวยังไม่พูดอะไรด้วยซ้ำ เพราะงั้นหยุดพูดพล่ำแล้วส่งลูกบอลกลับมาได้แล้ว” เด็กหนุ่มร่างสูงมีท่าทีค่อนข้างใจร้อน

“อยากได้? เอาไป!” อู๋ฝานตีลูกบอลในมือขึ้นลงสองครั้ง ก่อนจะโยนมันออกไปโดยไม่สนอะไร

เด็กหนุ่มร่างสูงไม่คิดใส่ใจ จึงยื่นมือไปคว้ารับ แต่แล้วกลับประเมินพลังเหวี่ยงลูกบอลของอู๋ฝานต่ำเกินไป เขาที่เตรียมตัวไม่ทัน แขนจึงเกิดรู้สึกด้านชา ข้อมือถึงกับแทบบิด

“นายจงใจใช่ไหม!” เด็กหนุ่มร่างสูงจับจ้องอู๋ฝานพลางถูไถข้อมือของตัวเอง

“ก็บอกให้โยนส่งให้ไม่ใช่หรือยังไง?” อู๋ฝานตอบกลับ

อู๋ฝานตั้งใจจริง ดังทราบดีว่าตัวเขาเลเวลสองแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งสองหน่วย รวมกับอีกสองหน่วยจากรองเท้าเมฆาล่อง ค่าความแข็งแกร่งของตัวเขาจึงรวมเป็นสี่หน่วย

แต่ในความเป็นจริง หากว่ากำลังของคนทั่วไปสะท้อนออกมาเป็นข้อมูล ก็คงเป็นเพียงแค่หนึ่งหน่วย เหมือนดังตอนที่อู๋ฝานเพิ่งเข้าไปยังโลกแห่งนั้น คนที่แข็งแกร่งและมีพละกำลังอาจมีค่าความแข็งแกร่งสักสองหน่วย หากจะเป็นสามหน่วยนั้นคงมีจำนวนน้อยคน กล่าวได้ว่าความแข็งแกร่งของอู๋ฝาน มันต่างจากคนทั่วไปในโลกความเป็นจริงไปแล้ว

ด้วยแรงเต็มที่ของอู๋ฝาน กับเด็กหนุ่มร่างสูงที่ไม่ได้เตรียมรับ ย่อมเกิดความรู้สึกว่าพ่ายแพ้

“ถ้าคิดว่าแน่ก็มาดวลกัน!” เด็กหนุ่มร่างสูงเผยความโกรธ

ภายหลังเผชิญความพ่ายแพ้ เขาจึงต้องการทวงหน้าตากลับคืน เพราะตัวเขาโดดเด่นในด้านของบาสเกตบอล ไม่แปลกหากจะต้องการใช้บาสเกตบอลกู้หน้าตากลับคืนมา

ด้วยความถือดี เขารู้สึกว่าอย่างไรอู๋ฝานก็ไม่กล้าตอบรับ ดังนั้นจึงคิดใช้โอกาสที่สร้างขึ้นนี้หยามเหยียดอีกฝ่าย อย่าน้อยก็พอจะช่วยกู้หน้าได้อีกระดับหนึ่ง

“ถ้าหากว่าไม่กล้า…” เด็กหนุ่มร่างสูงกำลังจะเอ่ยคำวางท่าออกมา

“ได้สิ” ก่อนเด็กหนุ่มร่างสูงจะพูดจบคำอู๋ฝานกลับตอบรับ เป็นเหตุให้คำพูดของเด็กหนุ่มร่างสูงต้องติดค้างในคอ เรื่องราวจึงยิ่งทำเขาโกรธจนหน้าแดงก่ำ

หรือคนตรงหน้าจะเก่งบาสเกตบอลด้วย?

เด็กหนุ่มร่างสูงงุนงงไปชั่วครู่ แต่ภายหลังครุ่นคิด เขาที่เป็นตัวเล่นหลักของมหาวิทยาลัย ย่อมรู้จักดีว่ามหาวิทยาลัยอื่นหรือโรงเรียนไหนมีใครบ้าง และเขาจดจำไม่ได้ว่ามีคนเช่นอู๋ฝานเป็นตัวนำของทีมใดแม้สักทีม

“อย่างมากไอ้หมอนี่ก็แค่พวกคนที่เล่นเป็นงานอดิเรก คิดว่าพอมีกำลังอยู่บ้างแล้วจะเอาชนะได้งั้นเหรอ หน้าโง่สิ้นดี” เด็กหนุ่มร่างสูงครุ่นคิดกับตนเอง

ทันใดนี้เองที่อู๋ฝานเข้าไปยังลานบาสเกตบอลผ่านประตูที่อยู่ใกล้เคียงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“จะบุกก่อน หรือให้ฉันบุกก่อน” อู๋ฝานถามพร้อมกับมองยังเด็กหนุ่มร่างสูง โดยสีหน้าและท่าทีไม่มีความลังเลใดแม้แต่น้อย

เวลานี้เอง ที่เพื่อนหลายคนของเด็กหนุ่มร่างสูงหยุดการเล่น และถอยไปยืนด้านข้างลาน มองคนทั้งสอง เห็นได้ชัดว่าต้องการส่งมอบพื้นที่ให้คนทั้งสองได้แข่งขัน บางคนที่เล่นบาสอยู่ริมสนาม หรือว่าผ่านไปมา พบเห็นคนกำลังจะดวลกันจึงเข้ามาร่วมรับชม

“ฉันบุกก่อน นายตั้งรับ! หนึ่งคนสามลูก!” เด็กหนุ่มร่างสูงตอบกลับ

“ยังไงก็ได้” อู๋ฝานตอบรับ

เด็กหนุ่มร่างสูงยืนตรงหน้าของอู๋ฝาน ตบลูกบอลในมือพร้อมจับจ้อง ราวกำลังครุ่นคิดว่าจะบุกเข้าไปยังไงดี

เพียงแต่อู๋ฝานไม่ได้ตั้งท่าป้องกันแต่อย่างใด เพียงยืนนิ่งเฉย กระทั่งว่าดูผ่อนคลายเสียด้วยซ้ำ ราวกับไม่คิดป้องกัน แต่กำลังรับชมการเล่นอย่างไรอย่างนั้น

“ไอ้หน้าใหม่!” พบเห็นท่าทางของอู๋ฝาน ใจของเด็กหนุ่มร่างสูงจึงยิ่งพองโตด้วยความนึกรังเกียจเดียดฉันท์

ถัดจากนั้น เด็กหนุ่มร่างสูงจึงประคองลูกบอลตรงเข้าใส่ ขณะเข้าใกล้อู๋ฝาน เขากลับไม่เห็นการเคลื่อนไหวตอบสนองจากอู๋ฝาน เป็นเหตุให้ต้องแค่นเสียงดังอยู่ภายในใจเตรียมผ่านช่องทางด้านซ้ายของอู๋ฝานไป

จบกันที!

เด็กหนุ่มร่างสูงผ่านตัวอู๋ฝานไปโดยง่ายดาย แต่ก่อนที่จะทันได้ยิ้มประดับใบหน้า กลับได้ตระหนักพบเห็นว่าเรื่องราวผิดพลาด

คนผ่านไปแล้ว แต่ในมือไม่มีบอล!