ตอนที่ 13 โดนรังเกียจ (2)
จวินอู๋เสียมองไปที่เขา รอจนกระทั่งเขายกถ้วยยามาให้ถึงที่แล้วป้อนเข้าปากนาง นางถึงค่อยๆ ลดความฉุนเฉียวเพราะถูกขัดจังหวะเมื่อสักครู่นี้ลง
ในสายตาของจวินอู๋เสีย นางไม่ได้คิดลึกอะไรเกี่ยวกับการกระทำของเขามากนัก กลับเหมารวมไปว่ามันเป็นการตอบแทนบุญคุณของอีกฝ่ายเท่านั้น
เนื่องจากชาติที่แล้วอู๋เสียถูกขังให้อยู่แต่ในบ้านพักกลางป่า เติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวตลอดสิบกว่าปี จากทารกไร้เดียงสาสู่เด็กสาวแรกรุ่น นางไม่ค่อยมีโอกาสได้เรียนรู้และเข้าใจเรื่องราวของโลกภายนอกมากสักเท่าไหร่ แล้วจะเข้ากับคนอื่นได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้ก็ไม่ได้อยู่ในขอบเขตความคิดของนางเลยแม้แต่น้อย
ในสิบปีนั้น ความรู้จากตำราแพทย์มากมายได้หลั่งไหลเข้ามาในหัวสมองของนางไม่หยุด ทักษะนับไม่ถ้วนถูกเติมเต็มลงในร่างเล็กๆ โดยฝีมือของญาติเพียงคนเดียวที่ลงมือกักขังนางไว้ในหุบเขาลึกเหมือนนักโทษอย่างโหดเหี้ยม
ดังนั้นจงอย่าคาดหวังอะไรจากตัวจวินอู๋เสีย เพราะนางไม่ประสีประสาอะไรเลย
จวินอู๋เย่าโค้งตัวลงเล็กน้อย มือข้างหนึ่งยกขึ้นคอยพยุงหลังนางไว้ ส่วนอีกข้างก็ป้อนยานางอย่างช้าๆ
จวินอู๋เสียขมวดคิ้วเล็กน้อยตอนที่เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้
“กลิ่นคาวเลือด ข้าไม่ชอบ” กลิ่นที่แสนคุ้นเคยตีขึ้นปะทะกับกลิ่นยาที่ลอยมาเตะจมูก ทำเอาจวินอู๋เสียแทบอยากอาเจียน
มือที่พยุงจวินอู๋เสียอยู่พลันชะงักไป รอยยิ้มบนใบหน้าของจวินอู๋เย่าฉายแววฝืดเฝื่อนขึ้นหลายส่วน
จวินอู๋เสียเพียงบ่นเบาๆ เท่านั้น จากนั้นนางก็ดื่มยาต่อไป
หลังจากดื่มยาเสร็จ จวินอู๋เย่าก็ถือถ้วยเปล่าแล้วเดินออกจากห้อง พอออกมานอกห้องแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าเขาก็เลือนหายไป พร้อมๆ กับยกแขนขึ้นมาดมชายเสื้อของตนเอง ปรากฏว่ามันมีกลิ่นคาวเลือดติดอยู่จริงๆ ทว่าไม่ได้ชัดเจนมากถึงขนาดนั้น
ตอนลงมือ เขามั่นใจแล้วว่าไม่ถูกเลือดกระเซ็นใส่แม้แต่หยดเดียว แต่จะให้ทำอย่างไรได้เล่า โลหิตไหลนองเป็นแม่น้ำขนาดนั้น ป้องกันเพียงใดก็ยังมีกลิ่นมันติดมาอยู่ดี
“ดูเหมือนครั้งหน้า ข้าคงต้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ก่อนมาแล้วสิ” ใบหน้าของเขากลับมามีรอยยิ้มดังเดิม ดวงตาดำขลับลุ่มลึกทำให้คนเดาไม่ออกถึงอารมณ์ของเขา
……
เช้าวันต่อมา ข่าวก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงราวกับไฟป่า
เมื่อคืนองค์ชายรองได้พาหญิงคนรักไปเที่ยวชมทิวทัศน์ที่ทะเลบุปผา ระหว่างทางกลับถูกลอบโจมตี องครักษ์ทุกนายถูกสังหารสิ้น องค์ชายรองได้ปะทะกับศัตรูจนรอดชีวิตกลับมาได้ แต่เขาปกป้องได้เพียงหญิงงามในอ้อมแขนเท่านั้น เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ฮ่องเต้กริ้วหนักมาก ออกคำสั่งให้ทหารตามสืบตัวคนร้ายที่ลอบสังหารองค์ชายรองมาให้ได้
ภายในกำแพงเมืองหลวงที่เต็มไปความพลุกพล่าน ผู้คนต่างพูดคุยถึงข่าวลือที่ดังกระฉ่อน
เรื่องนี้มีรายละเอียดยิบย่อยเยอะเสียเหลือเกิน
ใครๆ ต่างก็รู้ว่าองค์ชายรองกับจวินอู๋เสียแห่งจวนหลินอ๋องนั้นเป็นคู่หมั้นคู่หมายกัน แต่คนที่อยู่ด้วยตอนโดนลอบทำร้ายกลับไม่ใช่จวินอู๋เสีย องค์ชายรองพาสตรีอื่นที่ไม่ใช่คู่หมั้นของตนออกไปเที่ยวยามวิกาลสำราญใจ ขากลับถูกบุคคลปริศนาลอบทำร้าย มิหนำซ้ำองครักษ์ยังตายหมดอีกด้วย
หากพูดถึงจวินอู๋เสีย ในเมืองหลวงแห่งนี้นางก็เปรียบเสมือนนักเลงดีๆ นี่เอง
เป็นที่ทราบกันดีว่าคุณหนูจวนหลินอ๋องนิสัยเย่อหยิ่งจองหองมากแค่ไหน เรื่องในครั้งนี้นางต้องมีเอี่ยวด้วยอย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้ผู้คนจึงคาดเดากันไปว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังการจู่โจมองค์ชายรองนั้นคือจวินอู๋เสียไม่ใช่ใครอื่น ยิ่งไปกว่านั้นคู่หมั้นของนางยังลอบคบหากับสตรีอื่น เรื่องแบบนี้สตรีธรรมดายังทนไม่ได้ นับประสาอะไรกับจวินอู๋เสียผู้ดุร้ายอำมหิตเล่า
ทุกคนต่างก็พูดคุยถึงเรื่องนี้กันตลอดช่วงเช้า องค์ชายรองไม่ยอมทนกับความอำมหิตของหญิงชั่ว นัดสตรีอื่นไปท่องเที่ยวด้วยกันแล้วโดนหญิงชั่วจับได้ หญิงชั่วโกรธมาก จึงสั่งให้ทหารจากกองทัพรุ่ยหลินปลอมตัวเป็นบุรุษลึกลับ แล้วไปลอบทำร้ายองค์ชายรองและสตรีคนใหม่ของเขา
พูดเสียเห็นภาพ เล่าได้สมจริงอย่างกับเห็นมาด้วยตาตัวเองอย่างไรอย่างนั้น
ข่าวลือครั้งนี้ ทำให้จวินอู๋เสียที่เป็นหญิงชั่วอยู่แล้วถูกใส่สีตีไข่จนทำให้นางชั่วช้ายิ่งไปกว่าเดิมอีก
…………….
ตอนที่ 14 ข่าวลือ
ข่าวลือเรื่องราวความรักที่แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้นเพิ่งจะปะทุ เช้าวันต่อมาก็มีเรื่องให้คนในเมืองหลวงต้องชะงักไปตามกันๆ นั่นคือ
ฝ่าบาทมีราชโองการยกเลิกการหมั้นหมายระหว่างองค์ชายรองมั่วเซวี่ยนเฝ่ยและจวินอู๋เสียแห่งจวนหลินอ๋อง นับแต่นี้ต่อไป ทั้งคู่ไม่เกี่ยวข้องกันอีก!
เมื่อวานชาวบ้านร้านตลาดยังคาดเดากันอยู่เลยว่าการลอบโจมตีองค์ชายรองในครั้งนี้จะใช่ฝีมือของจวินอู๋เสียหรือไม่ พอมาวันนี้กลับมีราชโองการยกเลิกงานหมั้นหมายออกมา นี่ไม่เท่ากับว่าเป็นการบอกโดยนัยว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับจวินอู๋เสียแน่นอนหรอกหรือ
ในเมืองหลวง ทุกคนต่างก็พูดถึงจวินอู๋เสียไม่หยุด จวินอู๋เสียกลายเป็นคนชั่วช้าในสายตาของทุกคนไปแล้ว
บรรดาหญิงสาวในเมืองหลวงที่รักใคร่เทิดทูนองค์ชายรองเพราะความหล่อเหลาของเขา ก็อยู่ข้างฝ่ายที่เกลียดจวินอู๋เสียเหมือนกัน
ภายในเวลาสั้นๆ ชื่อเสียงของจวินอู๋เสียก็ตกต่ำจนถึงขีดสุด
ขณะที่คนภายนอกกำลังพูดถึงเรื่องนี้อย่างออกรสออกชาติ ความสับสนวุ่นวายทั้งหมดกลับไม่เล็ดลอดเข้าไปในกำแพงจวนหลินอ๋องแม้แต่น้อย ทุกอย่างยังคงสงบ จวินอู๋เสียขังตัวเองไว้แต่ในห้อง ยุ่งวุ่นวายอยู่กับการศึกษาเจ้าดอกบัวขาวภูติวิญญาณของนาง
ตรงกันข้ามกับภายในห้องหนังสือของจวนหลินอ๋อง จวินเสี่ยนนั่งเคร่งขรึมอยู่หน้าโต๊ะตัวใหญ่ ข่มไฟโทสะที่ปะทุขึ้นกลางอก พยายามกลั้นใจไม่ฉีกราชโองการในมือออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย “เยี่ยม! เยี่ยมมาก! ตอนนี้ข้าแก่ไร้ประโยชน์ ใช้การไม่ได้แล้วสินะ ทุกคนถึงคิดว่าสามารถรังแกหลานสาวของข้าได้!” จวินเสี่ยนกัดฟันและกำราชโองการในมือแน่น พยายามข่มตาให้ปิดลง ใบหน้าแก่ชราแสดงให้เห็นถึงอาการเหนื่อยล้า
วันก่อนที่เขาเพิ่งกลับถึงจวน ก็ได้ยินเรื่องที่มั่วเซวี่ยนเฝ่ยมาที่จวนจากปากของลูกชายคนเล็กแล้ว เขารู้แล้วว่าอีกฝ่ายมีสำนักชิงอวิ๋นหนุนหลัง เกรงว่าการหมั้นหมายระหว่างมั่วเซวี่ยนเฝ่ยและจวินอู๋เสียคงจะยื้อต่อไปไม่ไหวอีก แต่ไม่คิดเลยว่าฝ่าบาทจะประกาศราชโองการออกมาในเวลาแบบนี้!
มั่วเซวี่ยนเฝ่ยโดนลอบทำร้าย คนข้างนอกก็คาดเดากันไปเองแล้วว่าเป็นฝีมือของจวินอู๋เสีย!
จวินเสี่ยนรู้นิสัยหลานสาวของตัวเองดี เรื่องฆ่าคนนางไม่มีทางทำ ยิ่งไม่กล้าทำ ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าช่วงหลายวันมานี้จวินอู๋เสียขลุกอยู่แต่ในจวนรักษาตัวตลอด ไม่ได้ออกไปไหนเลย แล้วจะสั่งให้คนไปลอบทำร้ายมั่วเซวี่ยนเฝ่ยได้อย่างไร
กองทัพรุ่ยหลินเป็นคนของจวนหลินอ๋องก็จริงอยู่ แต่ด้วยนิสัยของจวินเสี่ยนแล้ว ถึงเขาจะตามใจจวินอู๋เสียมากเพียงใด ก็ไม่มีทางให้นางยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกองทัพ
เรื่องที่จวินอู๋เสียสั่งให้ทหารรุ่ยหลินไปทำร้ายองค์ชายรองนั้น เป็นเรื่องปั้นน้ำเป็นตัวชัดๆ!
อย่างไรก็ตามเพราะยังหาตัวคนร้ายตัวจริงที่ทำร้ายมั่วเซวี่ยนไม่เจอ แถมตอนนี้ฮ่องเต้ก็ออกราชโองการถอนหมั้นลงมาแล้ว นี่ไม่ต่างอะไรกับการโยนความผิดให้จวินอู๋เสียเลย ถือเป็นการมอบความอัปยศสร้างความด่างพร้อยให้แก่จวนหลินอ๋องอย่างใหญ่หลวง!
“ท่านพ่อ เรื่องนี้ต้องบอกอู๋เสียหรือไม่” จวินชิงมีสีหน้าไม่พอใจเช่นเดียวกัน เขาเจ็บแค้นที่ตนเองเป็นคนพิการเลยไม่สามารถช่วยเหลือท่านพ่อได้ ไม่สามารถปกป้องหลานสาวของตนเองได้
จวินเสี่ยนส่ายหน้า
“เรื่องนี้หากอู๋เสียรู้ ดูจากนิสัยนางแล้วจะต้องไปโวยวายเป็นแน่ ตอนนี้ร่างกายของนางก็ยังไม่แข็งแรงดี ไม่ต้องบอกนางหรอก ฮ่องเต้มีรับสั่งให้ข้าไปสืบหาตัวคนร้ายที่ลอบโจมตีองค์ชายรองแล้ว เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้กับอู๋เสีย อย่างไรข้าก็ต้องสืบหาความจริงให้ได้” ภักดีมาตลอด แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นเช่นนี้ จวินเสี่ยนรู้สึกผิดหวังอย่างมาก
ลูกชายทั้งสองคนของเขาล้วนสังเวยให้กับสงคราม คนหนึ่งตาย ส่วนอีกคนพิการ
จะมีก็แต่จวินอู๋เสียที่ยังครบสามสิบสองอยู่ แต่มาวันนี้ ราชโองการนี้ กลับทำให้เกียรติยศของจวินอู๋เสียถูกย่ำยีจนไม่เหลือซาก!
ขนาดราชวงศ์ยังปฏิบัติกับนางถึงเพียงนี้ แล้วจะยังมีใครหน้าไหนกล้าแต่งงานกับนางอีก
“ฝ่าบาท พระองค์ช่างโหดร้ายจริงๆ” จวินเสี่ยนพูดเบาๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บปวดใจ
เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าในอนาคตสกุลจวินของพวกเขาคงจะหมดหวังแน่แล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ยังอยากยืนหยัดต่อสู้เพื่อหลานสาวเพียงคนเดียวของพวกเขาอยู่ดี
จวินชิงได้แต่ก้มหน้าด้วยความเศร้าสร้อย กัดริมฝีปากแน่นไม่พูดอะไรอีก มือทั้งสองข้างบีบไปบนขาที่พิการของตัวเองอย่างแรง
…………….