ตอนที่ 25 รอยยิ้มที่แปลกประหลาด

รักครั้งแรกของคุณชายปีศาจ

บทที่ 25 รอยยิ้มที่แปลกประหลาด

“เหอะ พูดมาก็ตลก!” เมิ่งเสี่ยวหลงหัวเราะเบาๆ มองไปทางจั๋วหรัน “เพื่อความสะดวก? เทียนซิงอยากจะอยู่กับใครก็เป็นสิทธิของเธอ ถ้าเธอไม่อยากไปกับพวกนาย พวกนายจะมัดตัวไปหรือไง?”

แค่พูดก็รู้สึกโมโห เมิ่งเสี่ยวหลงเองก็รับรู้ได้ถึงความพิเศษของหลิงเล่จากมู่เทียนซิงแล้ว

หรือพูดอีกอย่างว่าก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดว่าหลิงเล่จะเป็นคนที่หน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้ จะต้องเผชิญกับคนที่เป็นใบ้แถมยังพิการขา ทำให้เมิ่งเสี่ยวหลงรู้สึกว่าตัวเขาด้อยกว่ามาก!

เขาเป็นคนที่ร่างกายสมบูรณ์ เป็นทหารที่ร่างกายแข็งแรง แต่กลับรู้สึกตัวเองด้อยกว่าคนพิการ!

ทำให้อยากเป็นบ้าจริงๆ !

จั๋วหรันมองไปทางเมิ่งเสี่ยวหลงแล้วยิ้มที่มุมปากอ่อนๆ

เป็นหนุ่มอายุน้อยจริงๆ แถมยังเป็นคุณชายในบ้าน การยอมรับทางจิตใจก็น้อยเป็นเรื่องธรรมดา มองไปทางตาของเมิ่งเสี่ยวหลงที่จะพ่นไฟ จั๋วหรันรู้แล้วว่าเขาไม่ใช่คู่แข่งของคุณชายสี่แน่นอน!

เดินไปตรงหน้า เข้าใกล้ ก้มหน้ามอง เหมือนมีตาข่ายล่องหนที่กำลังหดตัวอยู่!

จั๋วหรันพูดกับมู่เทียนซิงว่า “คุณมู่เทียนซิง ไปคุยที่อื่นหน่อยได้ไหมครับ? แค่สองสามคำก็ได้”

“ไม่ฟัง! ไม่ฟัง! ” เมิ่งเสี่ยวหลงจับมือมู่เทียนซิง ดึงเธอมาอยู่ด้านหลัง ไม่ว่ายังไงก็ไม่ให้จั๋วหรันเข้าใกล้เธอแม้แต่น้อย

มู่อี้เจ๋อสองสามีภรรยากลัวว่าจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ กำลังจะไปพูดคุยด้วย

“อือฮึ้มๆ”

ผู้ชายที่นั่งอยู่บนรถเข็นไอเสียงดัง

มู่เทียนซิงถอนหายใจ ยกมือไปตบที่ไหล่ของเมิ่งเสี่ยวหลงเบาๆ “พี่เสี่ยวหลง ฉันขอคุยกับเขาสองสามคำ เดี๋ยวก็เสร็จ”

เธอไม่เข้าใจ หลิงเล่ก็แค่เป็นคนพิการ แต่เมิ่งเสี่ยวหลงก็ไม่ยอม ทั้งๆ ที่ทั้งสองไม่จำเป็นจะต้องเปรียบเทียบกันเลย ทำไมจะต้องแย่งชิงแบบนี้ล่ะ?

เมิ่งเสี่ยวหลงไม่ไว้ใจ ขวางอยู่ตรงหน้าไม่ไปไหน “เทียนซิง ฉันกลัวว่าพวกเขาจะหวังร้ายกับเธอ”

“อือฮึ้มๆ”

ได้ยินเสียงไอของหลิงเล่ มู่เทียนซิงถอนหายใจ สายตาที่มองไปทางเมิ่งเสี่ยวหลงมีความโกรธปนอยู่ “ถ้าพูดแค่สองสามคำก็สามารถแก้ไขปัญหาได้ ยังไงก็ดีกว่ายืนอยู่เดิมไม่ใช่หรอ? พี่เสี่ยวหลงนายก็เห็นแก เห็นแก เห็นแกเรื่องนั้นได้ไหม?”

สายตาของเธอรวมถึงน้ำเสียงที่พูด เห็นได้ชัดเลยว่าเธอกำลังบอกว่านายจะรังแกคนพิการหรอ?

เมิ่งเสี่ยวหลงมองไปทางเธอ เขาไม่ค่อยมั่นใจ แต่ก็ยิ้มอ่อนๆ “โอเค เธอไปเลย”

เขาขยับตัวหลีก เห็นมู่เทียนซิงเดินไปทางจั๋วหรัน

เขามองไปอีกทางก็พบว่าผู้ชายที่นั่งอยู่บนรถเข็นเอามือไว้ใต้คาง มองมาทางเขาแล้วยิ้มอย่างอ่อนหวาน

รอยยิ้มของเขาแปลกประหลาดมาก

เป็นการประชดประชันหรือเป็นการท้าทาย?

เมิ่งเสี่ยวหลงทำหน้าเย็นชา มือที่อยู่ข้างๆ เริ่มกำแน่น บอกตัวเองในใจไม่หยุดว่า:เทียนซิงเป็นผู้หญิงที่จิตใจอ่อนโยน เธอจะทนเห็นเรื่องรังแกคนอ่อนแอกว่าไม่ได้ดังนั้นจะต้องทนไว้ ทนที่จะไม่หาเรื่องของคนพิการ!

แต่หลิงเล่เอาหัวเอียงข้างอีกครั้ง จากเดิมที่เอียงไปด้านขวาตอนนี้เอียงไปด้านซ้ายและยิ้มที่มุมปากมองไปที่หน้าของเมิ่งเสี่ยวหลง!

เมิ่งเสี่ยวหลงรีบมองไปทางอื่น

เขาไม่พูดอะไรสักคำ มองไปทางแผ่นหลังของโล่เทียนซิง เห็นว่าเธอห่างจากตัวเองยิ่งอยู่ยิ่งไกล เขามีความรู้สึกที่จะจับตัวเธอไว้ไม่ได้อีกต่อไป จั๋วหรันรอเธออยู่ที่มุมห้อง พอเห็นเธอเดินไปเขาก็ไปพูดอะไรเข้าหูของเธอไม่รู้เบาๆ นอกจากพวกเขาสองคนไม่มีใครรู้ว่าเขาคุยอะไรกัน

แต่ใบหน้าที่สวยงามของมู่เทียนซิงยิ่งอยู่ยิ่งขมวดคิ้วแน่น

พอจั๋วหรันยืนตัวตรง สายตาของมู่เทียนซิงที่มองมาทางหลิงเล่เต็มไปด้วยความโกรธเหมือนเธอโกรธมากๆ

และหลิงเล่ในตอนนี้กำลังนั่งตัวตรงอยู่บนรถเข็น บนใบหน้าที่หล่อเหล่ากลายเป็นหน้าเย็นชาอีกครั้งกำลังรับสายตาอันโมโหของเธออยู่

“เทียนซิง” เมิ่งเสี่ยวหลงกำลังจะเดินไป ก็เห็นโล่เทียนซิงมองมาทางเขาและพูดกับมู่อี้เจ๋อสองสามีภรรยา “พ่อแม่ หนูไปที่บ้านของคุณชายสี่มีธุระนิดหนึ่ง ไม่นานก็กลับ”

มู่อี้เจ๋อมองไปทางลูกสาว “จะให้คนขับรถไปด้วยไหม? เดี๋ยวคุณชายสี่จะได้ไม่ต้องสั่งให้คนอื่นมาส่ง”

แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว

มู่อี้เจ๋อมองไปทางลูกสาว “จะให้คนขับรถไปด้วยไหม? เดี๋ยวคุณชายสี่จะได้ไม่ต้องสั่งให้คนอื่นมาส่ง”

ความหมายของเขาเห็นได้ชัดมากก็คือกลัวว่าลูกสาวไปแล้วจะไม่มีทางได้กลับมา

ส่วนจั๋วหรันนั้นยิ้มอ่อนๆ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความจริงจังที่ไม่เคยมีมาก่อน “คุณมู่อี้เจ๋อวางใจได้ ผมจะส่งคุณมู่เทียนซิงกลับมาอย่างปลอดภัย”

ส่วนจะส่งกลับมาวันไหนไม่มีใครรู้

เมิ่งเสี่ยวหลงส่ายหัวกำลังจะพูดต่อ แต่ถูกมู่อี้เจ๋อห้ามไว้ก่อน

เขามองไปทางมู่เทียนซิง “ลุงมู่อี้เจ๋อ! ”

“ให้เทียนซิงไปเถอะ” มู่อี้เจ๋อยิ้มและพูดกับหลิงเล่ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “เทียนซิงถูกดูแลตั้งแต่เด็กอย่างดี นิสัยไม่ค่อยดี บางทีก็ชอบงอแง ขอให้คุณเห็นแก่หน้าสองตระกูลอย่าถือสาเธอมากเลย”

ความหมายของเขาก็คือ ถ้าหลิงเล่จะโกรธเรื่องที่โล่เทียนซิงเข้าโรงแรมกับผู้ชายอื่นในยามดึกหรือว่าจะหาเรื่องก็ควรจะนึกถึงคุณปู่หลิงก่อน

เพราะคุณปู่หลิงรอประโยชน์ดีๆ จากโรงงานทอผ้าซิงชั่นอยู่

นั่นคือการขู่ให้หลิงเล่ห้ามรังแกลูกสาวของเขาเด็กขาด!

หลิงเล่เองก็ฟังออก เขาพยักหน้าเบาๆ และไม่มีการตอบกลับอย่างอื่นเพิ่มเติม

จั๋วหรันเองก็ฟังออกและรับปากอีกครั้ง “คุณมู่อี้เจ๋อคิดมากแล้วครับ คุณโล่เทียนซิงหน้าตาสวยงาม ฉลาด คุณชายสี่รักเธอยังไม่ทันเลย จะถือสาเธอได้ยังไงครับ”

มู่อี้เจ๋อยิ้มอ่อนไม่ได้พูดอะไรต่อ

แต่จั๋วหรันหันหลังแล้วเดินออกมาด้านนอก ไม่สนใจหลิงเล่อีก!

“เฮ้ย!เฮ้ย!”

มู่เทียนซิงร้องโวยวาย จั๋วหรันก็ไม่สนใจ!

เธอมองไปทางหน้าของหลิงเล่ที่เย็นเหมือนน้ำแข็ง ยักไหล่แล้วไปจับที่รถเข็นของเขาและเข็นเข้าออกจากบ้าน!

หลิงเล่นิ่งมาก ตอนที่ถูกเธอเข็นออกไป เขาหลับตากำลังรับช่วงเวลาที่มีค่านี้อยู่

เธอเดินไปถึงข้างรถ พอหันหลังกลับก็พบว่ามู่อี้เจ๋อสองสามีภรรยาทำกับเมิ่งเสี่ยวหลงก็มาส่งเธอ

เมิ่งเสี่ยวหลงตะโกนมาทางเธอเสียงดัง “ถ้ามีอะไรก็โทรมาหาฉัน ฉันจะไปรับเธอเอง! ”

มู่เทียนซิงพยักหน้าและโบกมือให้กับพวกเขา “รู้แล้ว ทุกคนเข้าไปเถอะ! ฉันก็แค่ไปแป๊บเดียว ไม่นานก็กลับมา! ไม่ต้องเป็นห่วง! ”

มองไปทางรถที่ยิ่งอยู่ยิ่งห่างไกล สามคนที่ยืนอยู่ทางประตูในใจต่างก็มีคำพูดหนึ่งที่เหมือนกันว่า :เด็กบ้า พวกเราจะไม่เป็นห่วงเธอได้ยังไง?