บทที่ 26 เพราะล้ำค่าก็เลยรักษา
วิวที่อยู่นอกหน้าต่างเปลี่ยนเร็วมาก แสงอาทิตย์สว่างเต็มท้องฟ้า
แต่แมวน้อยที่อยู่ในกล่องทนไม่ไหวแล้ว หลับตาร้องไปมั่ว เห็นได้ชัดว่าไม่ชอบถูกแสงแดดส่องแบบนี้
หลิงเล่ยกมือไปเคาะที่กระจกเบาๆ จั๋วหรันกดปุ่มกด กระจกรถถูกม่านสีทึบบางไว้แล้ว
เธอมองไปทางเขา ไม่คิดว่าเขาจะจิตใจละเอียดอ่อนแบบนี้
มืออันยาวเรียวไปลูบที่ผมของเด็กน้อย โล่เทียนซิงทนไม่ไหวแล้วพูดว่า “แดดส่องแสบตาเกินไป เขาทนไม่ไหว”
หลิงเล่ มองไปทางกล่องและพูดมาว่า “เขาอ่อนแอเกินไป”
โล่เทียนซิงไม่สนใจเอามือไปจับแมวหนุ่มๆ ไม่เอากล่องแล้วและเอาแมวมาไว้ที่หน้าอกของเธอกำลังแกล้งแมวอยู่
ก่อนหน้านี้ที่ห้องโถง แมวตัวที่จั๋วหรันพูดกับจั๋วซีก็คือตัวนี้
ท่องฟ้ายังไม่สว่างก็ได้ยินเสียงแมวร้อง เพราะออกมาดูก็พบว่าแมวน้อยหดตัวนอนสั่นอยู่ที่พื้น แค่ดูก็รู้แล้วเป็นแมวที่เพิ่งคลอด
จั๋วซีอยากจะอุ้มเขากลับไปเลี้ยง แต่หลิงเล่ไม่อนุญาต
จั๋วซีอยากจะแอบให้นมแมวหลิงเล่ก็ไม่อนุญาต
จั๋วซีถามอย่างโศกเศร้าว่าเพราะอะไรและหลิงเล่ก็เขียนตัวหนังสือบนกระดาษให้กับพวกเขาว่า :นอกจากมู่เทียนซิงตกลงเลี้ยงแมวตัวนี้และเป็นคนให้อาหารเองไม่อย่างนั้นก็เอาไปทิ้งไกลๆ
มู่เทียนซิงได้ยินแบบนี้ก็ต้องโกรธอยู่แล้ว
ตอนที่เธออยู่เมืองชิงเฉิงได้เลี้ยงแมววิเชียรมาศตัวขนสั้นดูสูงส่งฉลาดน่ารัก
แมวตัวนั้นใช้ชีวิตกับมู่เทียนซิงมาแปดปี ปีที่อยู่ม.4 มู่เทียนซิงมาเรียนหนังสือที่เมืองเอ็ม แมวตัวนั้นไม่กินไม่นอนรอเธออยู่ที่สวนบ้าน รวมถึงอายุเยอะจากนั้นก็เป็นโรคและตายไป
ตอนที่มู่เทียนซิงได้ยินเรื่องนี้ ได้เขียนใบลากับโรงเรียนและกลับบ้านไปดูและสร้างสุสานให้แมวตัวนั้นกับมือ ฝังไว้ที่สวนหลังบ้าน ในเวลานั้นโล่เทียนซิงเสียใจมากร้องไห้มาครึ่งเดือนเต็มๆ
มู่อี้เจ๋อสองสามีภรรยากลัวว่าลูกสาวจะเสียใจเกินไป เสนอจะซื้อสัตว์เลี้ยงที่ดีกว่านี้ให้เธออีกตัว แต่หลังจากที่เธอเรียนม.ปลายที่เมืองเอ็ม เรียนจบไปเรียนมหาวิทยาลัยก็ไม่มีเวลาเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเลย
หลังจากที่ผ่านเรื่องนั้นมา มู่เทียนซิงเข้าใจว่า:ถ้าไม่มีเวลาจะอยู่เคียงข้างก็ไม่ต้องเลี้ยง ไม่ต้องให้สัตว์เลี้ยงตายใจความคิดถึงและความโศกเศร้า
ลูบแมวตัวน้อยที่อยู่บนหน้าอก มู่เทียนซิงก็นึกถึงแมวของเธอ
แมวของเธอชื่อซีซี
แต่เธอไม่ได้รักษาเขาให้ดีและเดินถึงจุดสิ้นสุดของชีวิตพร้อมเขา
นัยน์ตามีน้ำตาคลอเบ้า เธอกลั้นไว้ไม่ให้ไหลลงมา
เงยหน้ามองไปทางหน้าข้างของจั๋วซี เธอถามอย่างสงสัยว่า “เขามีชื่อยัง?”
จั๋วซีส่ายหัว “ยัง ชื่อเนวๆ? ฉันดูแล้วแมวตัวนี้คือตัวเมีย”
เนวๆ?
มู่เทียนซิงขมวดคิ้ว รู้สึกชื่อนี้แก่ๆ
และในตอนนี้ข้างๆ ก็มีเสียงดังขึ้น “เจินเจิน เจินที่แปลว่าเจินซี”
ทำให้หัวใจเธอเกือบหยุดเต้น
เจิน ซี!
มองไปทางหน้าข้างของหลิงเล่ เธอไม่ค่อยแน่ใจว่าทำไมเขาถึงตั้งชื่อนี้ หรือเขาเคยรู้มาก่อนว่าเธอเคยมีแมวชื่อซีซี?
หลิงเล่มองมาทางเธอแล้วยิ้มที่มุมปาก “แมวตัวนี้ขาวเหมือนไข่มุกเรียนเจินเจินเป็นไงบ้าง?”
เธอโล่งอก
ที่แท้ตั้งชื่อเจินเจินเพราะขาวเหมือนไข่มุกนี่เอง
เขายิ้มอ่อนๆ เหมือนทุกๆ ครั้ง “เจินเจิน เพราะมีค่าควรจะรักษาให้ดี”
ในรถเงียบมาก
มู่เทียนซิงไม่ได้บอกว่าชื่อนี้ดีหรือไม่ดี แต่แมวที่อยู่บนอกยิ่งอยู่ยิ่งร้องดัง เธอรีบมองไปทางจั๋วหรัน “ไปคลินิกสัตว์! ”
หลิงเล่นั่งอยู่ที่เดิมในมือมีขวดนมอุ่นๆ นั่นคือนมที่มู่เทียนซิงยัดเข้ามาในมือให้เขา แต่ไม่ใช่ให้เขาดื่มให้เขาช่วยเอาไว้
ระหว่างที่นั่งสองคนมีของแปลกมากมายวางอยู่เป็นของที่หลิงเล่ไม่เคยเห็นมาก่อนทั้งนั้น
เธอเอาตัวเจินเจินวางไว้บนตัก มือไปค้นของพวกนั้นที่วางอยู่ เหมือนเธอคุ้นชินกับของทุกอย่างมาก
ยุ่งไปซักแป๊บ เธอไปเอาขวดนมจากมือของเขามาป้อนให้เจินเจินกิน
เจินเจินดูดไม่หยุดบนใบหน้าที่ดูเล็กน้อยเต็มไปด้วยความสุข
“จุกนมที่เปลี่ยนเมื่อกี้คือจุกนมสำหรับแมวที่แรกเกิด ถ้าพวกนายกลับบ้านก็อย่าลืมทำความสะอาดจุกนมด้วย หลังจากนี้15วันก็ให้กินยาถ่ายพยาธิหนึ่งเม็ด ตอนนี้ยังเด็กอยู่คงจะรับสารเคมีไม่ไหวและนมผงนี้จะต้องซื้อต่อและซื้อยี่ห้อนี้ เมื่อก่อนฉันเคยซื้อ ใช้ดีมาก อย่าใช้นมวัวป้อนให้เจินเจิน เพราะกระเพาะของสัตว์น้อยพิเศษมาก จะต้องละเอียดกว่านมวัว10เท่าถึงจะให้กินได้และมีโปรตีนบางอย่างก็ไม่สามารถดูดซึมได้”
เธอพูดไม่หยุดและทุกคำพูดที่เธอพูดไปจั๋วซีก็ตั้งใจฟังมาก
หลิงเล่มองไปทาเจินเจินที่อยู่ในมือของเธอ สีหน้าของแมวดูสบาย ดูตอนที่เธอป้อนนมให้กับแมวบนใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเมตตาความอ่อนโยนของผู้หญิง
อาจจะเป็นเพราะว่าร้องนานเกินไปจนทำให้ หลอดแก้วเจ็บทำให้เจิรเจินดื่มชามาก
นม20MLดื่มไปครึ่งชั่วโมงเต็มๆ
ตอนที่โล่เทียนซิงเอาจุกนมออกและเอากระดาษเช็ดปากให้ พอเงยหน้าขึ้นก็ได้กิ่นหอมจากดอกLagerstroemia
กลับถึงคฤหาสน์จื่อเวยที่เธอชอบแล้ว
แต่เธอไม่ค่อยอยากจะเข้าไป “ควรจะเลี้ยงแมวยังไงฉันสอนให้พวกนายแล้ว”
จั๋วซีมองไปทางหลิงเล่ด้วยสีหน้าที่ลำบากใจก็ได้ยินหลิงเล่พูดมาว่า “จั๋วหรันเอาแมวตัวนั้นไปทิ้ง ยิ่งไกลยิ่งดี!”
จั๋วหรันไม่ขยับตัว แต่ห้ามเธอไว้ “คุณมู่เทียนซิงครับ ก่อนหน้านี้ผมเคยบอกแล้วว่าที่คุณชายสี่ยอมให้เลี้ยงแมวตัวนี้ข้อแม้คือคุณจะเป็นคนเลี้ยงที่คฤหาสน์จื่อเวย”
“งั้นฉันเอากลับบ้านเลยดีกว่า!”
มู่เทียนซิงยิ้มแล้วพูด
เธอไม่ได้โง่ ถ้าเธอไม่เข้าไปอยู่ในนั้น หลิงเล่ก็จะเอาแมวไปทิ้งแล้วเธอก็เก็บไปเลี้ยงที่บ้านก็ได้แล้วไม่ใช่หรอ?
พ่อกับแม่กำลังรอเธออยู่ พี่เสี่ยวหลงก็กำลังรอเธออยู่ อีกไม่กี่วันเสี่ยวหวีก็จะมาที่เมืองเอ็มแล้ว!
หลิงเล่ยิ้มอย่างเย็นชาน้ำเสียงเต็มไปด้วยความอันตราย “แค่ของที่พบในคฤหาสน์ของฉันก็ถือว่าเป็นของคฤหัสถ์ ถ้ามีใครไม่ได้รับอนุญาตและเอาของของฉันเป็นของตัวเอง ถ้ามีความกล้านี้ก็ลองได้”
แม่เจ้า!
มู่เทียนซิงแลบลิ้นแล้วมองไปทางหลิงเล่ มองไปทางขาที่ขยับไม่ได้ของเขาและพูดว่า “ฉันไม่เชื่อ! ”
หลิงเล่ไม่ได้โกรธแล้วมองมาทางเธอ
มู่เทียนซิงไม่กลัวเขา จิกตาไปที่เขา “คนอื่นกลัวฉันไม่กลัวนะ!”
เขาพยักหน้าแล้วยิ้มอ่อน “รอบข้างฉันขาดผู้หญิงที่ไม่กลัวฉันกับคนที่เลี้ยงแมวพอดี”