ตอนที่ 33 เมรัยเทพ
มนุษย์เราชื่นชอบอะไรมากที่สุดอย่างนั้นหรือ?
แน่นอนว่า.. เรื่องของคนอื่น!
หลังจากที่จางผิงร้องตะโกนออกไปอย่างนั้น ทุกคนในร้านอาหารต่างก็หันไปมองทันที บางคนถึงกับลุกขึ้นยืนเพื่อให้มองเห็นได้อย่างชัดเจน
แม้แต่บริกรในร้านที่ไม่ได้ยุ่งอยู่กับการต้องคอยต้อนรับดูแลลูกค้า ก็ยังชะเง้อมองไปทางโต๊ะของหลินหนานเป็นตาเดียว
ท้าดื่มเหล้าขาวแอลกอฮอล์เกือบ 70 ดีกรีทั้งชามนี่นะ!
ใครจะไปทำได้กัน?
ไม่มีทาง!!
ใครกันที่บ้าถึงขนาดยอมรับคำท้าแบบนี้ได้?
ทุกคนในร้านต่างก็จ้องมองด้วยความสนอกสนใจ บางคนถึงกับหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายคลิปนาทีแห่งประวัติศาสตร์นี้ไว้ เพื่อที่จะนำไปลงเรียกยอดไลค์ยอดแชร์
ใบหน้าของจางผิงบ่งบอกว่ากำลังมีความสุขอย่างมาก และกำลังอิ่มเอมใจอย่างที่สุด!
หึ.. ฉันยังไม่ฆ่าแกวันนี้แน่ แต่จะปล่อยให้แกได้รับความอับอายเสียก่อน!
จางผิงถึงกับคิดไว้ในใจว่า หากหลินหนานพ่ายแพ้ เขาจะสั่งให้หลินหนานคุกเข่าต่อหน้าเขา และเรียกเขาว่า ‘พ่อ’ ท่ามกลางสายตาของทุกคน
เขาต้องการทำลายศักดิ์ศรี และความภาคภูมิใจของหลินหนาน ให้แหลกยับเยินต่อหน้าฉินเสี่ยวยู่!
ฉินเสี่ยวยู่.. ฉันจะให้เธอได้เห็นว่า ไอ้หมอนี่ก็แค่ขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น ไม่มีทางที่มันจะเทียบฉันได้!
มันไม่มีทางเทียบแฟนเก่าของเธอได้แม้แต่ปลายเล็บ!
แต่หากเขาเป็นฝ่ายแพ้เล่า…
เสียใจ.. เพราะมันไม่มีทางเกิดขึ้นแน่!
หลินหนานคงไม่ใช่เมรัยเทพกลับชาติมาเกิด จะชนะในเรื่องที่ไม่สามารถเป็นไปได้นี้ได้อย่างไร?
ทั้งฉินเสี่ยวยู่ และอีกหลายๆคนในร้านอาหาร ต่างก็จ้องมองหลินหนานด้วยใจที่เต้นรัว ฉินเสี่ยวยู่คิดไม่ถึงว่า จางผิงจะจงใจขุดหลุมเพื่อให้หลินหนานกระโดดเข้าไปในกับดักของตนเองเช่นนี้
แต่สิ่งที่เธอคิดไม่ถึงยิ่งกว่านั้นก็คือว่า หลินหนานไม่เพียงกระโดดลงไปในกับดักของจางผิงง่ายๆ แต่กลับขุดหลุมฝังตนเองให้ลึกลงไปยิ่งขึ้น
และหลุมที่หลินหนานขุดในครั้งนี้ ก็ใหญ่โตพอที่จะเรียกว่าสุสานได้เลยทีเดียว!
“หลินหนาน นายไม่จำเป็นต้องเดิมพัน!” ฉินเสี่ยวยู่กระซิบห้าม
แน่นอนว่า หากหลินหนานปฏิเสธตอนนี้ย่อมต้องเสียหน้า แต่ก็ดีกว่ายอมรับเดิมพัน ซึ่งจะมีผลที่ไม่คาดคิดตามมาอีกมากมาย
ยอมถอยหนึ่งก้าว เพื่อได้เห็นแผ่นฟ้า และท้องทะเลต่อไป!
แต่คำพูดของฉินเสี่ยวยู่ก็ดังไปเข้าหูของจางผิงอย่างชัดเจน..
คิดจะกลับคำกลืนน้ำลายตัวเองสินะ?
ไม่มีทาง.. ฉันไม่ยอมให้มันทำแบบนั้นแน่!
“ลูกผู้ชายพูดแล้วย่อมไม่คืนคำ! ในเมื่อพูดคำไหนก็ต้องเป็นคำนั้น..”
จางผิงร้องตะโกนลั่นร้าน พร้อมกับหันไปถามหลินหนานด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “จริงมั๊ยครับคุณหลิน? ในเมื่อคุณเป็นคนเสนอเดิมพันครั้งนี้เอง หวังว่าคุณจะไม่กลืนน้ำลายตัวเองหรอกนะครับ..”
“ไม่แน่นอน!” หลิงหนานพยักหน้ายิ้มๆ
“เยี่ยม!! ผมนับถือในความเป็นลูกผู้ชายของคุณหลินจริงๆ คุณช่างกล้าหาญสมเป็นชายชาตรี!” จางผิงแสร้งทำเป็นชื่นชมหลินหนานเสียงดัง
เขาแทบจะอดทนรอไม่ได้ เมื่อนึกถึงภาพที่หลินหนานกำลังโขกศรีษะต่อหน้าตัวเอง แม้ปากจะพูดชื่นชมหลินหนานออกไปแบบนั้น แต่ภายในใจกลับกร่นด่าเขาว่า ‘ไอ้หน้าโง่!’
“เอาล่ะทุกท่าน.. มาร่วมให้กำลังใจคุณหลินดื่มเหล้าให้หมดชามกัน!”
จางผิงร้องตะโกนบอกทุกคนในร้าน พร้อมกับกระตุ้นหลินหนานด้วยคำพูดว่า “หมดชาม!!”
หลินหนานจ้องมองเหล้าขาวชามโตนั้น ด้วยสีหน้าที่ดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรนัก..
“หมดชาม!”
“หมดชาม!”
“หมดชาม!”
เวลานี้ผู้คนในร้านต่างก็พากันตะโกนร้องเชียร์หลินหนานกันยกใหญ่ ทุกคนต่างก็จ้องมองหลินหนานด้วยสีหน้าท่าทางตื่นเต้นอย่างมาก
ท่ามกลางความตื่นเต้นของทุกคนในร้าน หลินหนานค่อยๆ ยื่นมือออกไปจับชามใบใหญ่ที่มีเหล้าอยู่เต็มนั้นไว้
“นี่นายจะดื่มจริงๆเหรอ?”
ฉินเสี่ยวยู่รีบยื่นมือไปจับข้อมือหลินหนานไว้ พร้อมกับจ้องมองเขาด้วยสายตาอ้อนวอน
“ถ้านายดื่มเหล้าหมดชามนี้ นายต้องตายแน่ๆ!”
หลินหนานหันไปมองฉินเสี่ยวยู่ เขายิ้มให้กับเธอและตอบไปว่า “ได้โปรดเชื่อใจผม!”
แววตาของหลินหนานนั้น เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจเมื่อพูดประโยคนี้ออกมาอีกครั้ง..
ได้โปรดเชื่อใจผมงั้นเหรอ?
นับเป็นครั้งที่สอง.. ที่หลินหนานได้พูดประโยคนี้กับเธอ!
ฉินเสี่ยวยู่ได้แต่นิ่งอึ้งไป..
และในจังหวะนั้นเอง หลินหนานก็ได้ยกชามเหล้าใบใหญ่ขึ้นแนบริมฝีปากของตนเอง พร้อมกับกระดกชามขึ้น และเริ่มดื่มเหล้าในชามทันที
อึกๆ
อึกๆ
ภายในร้านอาหารเปลี่ยนเป็นเงียบกริบ มีเพียงเสียงของหลินหนานที่กำลังกลืนเหล้าขาวลงลำคอเท่านั้น..
ทุกคนที่จ้องมองหลินหนานดื่มเหล้าในชามนั้น ต่างก็พากันกลั้นหายใจ ราวกับเกรงว่าเสียงหายใจของพวกตน จะไปรบกวนสมาธิของหลินหนานเข้า
ด้วยเหตุนี้ เสียงหลินหนานกลืนเหล้าลงลำคออึกๆนั้น จึงยิ่งดังมากกว่าปกติ และทุกคนต่างก็ได้ยินกันอย่างชัดเจน..
จางผิงจ้องมองภาพหลินหนานที่กำลังดื่มเหล้าด้วยสีหน้าอิ่มเอมใจ เวลานี้เขากำลังรอดูภาพหลินหนานช็อค หรือไม่ก็อาเจียนออกมาต่อหน้าทุกคนในร้าน
จะไม่ให้จางผิงรอดูภาพเหล่านั้นได้อย่างไรกันเล่า ในเมื่อภาพที่เห็นอยู่เวลานี้คือ ความเร็วในการดื่มของหลินหนานดูเหมือนจะลดลง และข้อมือทั้งสองข้างที่ยกชามเหล้าเทใส่ปากนั้น ก็ดูเหมือนค่อยๆอ่อนกำลังลง
แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็ยังไม่เกิดขึ้น เพราะหลินหนานยังไม่อาเจียนออกมา และยังไม่มีเหล้าหกออกมาแม้แต่หยดเดียว
กระทั่งหลินหนานยกชามสูงขึ้นเรื่อยๆ จนชามนั้นแทบจะคว่ำใส่ศรีษะของเขาแล้ว หลินหนานก็ยังไม่อาเจียนออกมา และเวลานี้จางผิงถึงกับเริ่มอยู่ไม่สุข..
เป็นไปไม่ได้! นี่มันคือเหล้าขาวเกือบ 70 ดีกรีจำนวนหนึ่งลิตรครึ่ง!
หรือว่าหมอนี่มันขี้โกง?
แต่ทุกคนในร้านต่างก็เห็นเหมือนกันว่า หลินหนานยังไม่ทำเหล้าหกออกจากปากเลยแม้แต่หยดเดียว แล้วเขาจะโกงได้อย่างไร?
ทุกคนในร้านต่างก็เห็นหลินหนานกระดกเหล้าในชามเข้าไปจนหมด แต่กลับไม่พบว่าเขามีอาการ หรือปฏิกิริยาใดๆแสดงออกมาทางร่างกายเลย
โดยปกติแล้ว ร่างกายของมนุษย์นั้นเมื่อได้รับแอลกอฮอล์เข้าไป ร่างกายจะมีระบบเผาผลาญและกำจัดแอลกอฮอล์ในเลือด และส่วนหนึ่งจะถูกขับออกมาทางเหงื่อ และปัสสาวะ
แอลกอฮอล์ทุกชนิด ล้วนทำมาจากธัญพืชซึ่งเป็นแหล่งอาหารทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นข้าวฟ่าง ข้าวบาเล่ย์ และอีกมากมาย ร่างกายของหลินหนานซึ่งกำลังต้องการแหล่งอาหารอย่างเร่งด่วน จึงสามารถดูดซับและเผาผลาญแอลกอฮอล์ที่เข้าไปได้อย่างรวดเร็ว
ฉะนั้นแล้ว ตราบใดที่กระเพาะอาหารของเขายังใส่ได้ อย่าว่าแต่เหล้าขาวหนึ่งลิตรครึ่งเลย ต่อให้เป็นห้าลิตร สิบลิตร หรือห้าสิบลิตร เขาก็ไม่มีทางเมาอย่างแน่นอน!
เพราะมันจะไม่ต่างจากไวน์เพียงหนึ่งแก้วสำหรับหลินนาน!
จางผิงเริ่มกระวนกระวายใจมากขึ้น เมื่อเห็นว่าหลินหนานกระดกชามเหล้าขึ้นดื่มจนใกล้จะหมดแล้ว แต่กลับไม่มีอาการมึนเมา หรือว่าอาเจียนออกมาให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
จบกัน!
นี่ฉันเป็นฝ่ายแพ้งั้นเหรอ?
เวลานี้จางผิงกระวนกระวายใจอย่างที่สุด!
“ไม่ต้องห่วง.. หมอนั่นไม่มีทางได้ดื่มหมดชามแน่!”
ระหว่างที่กำลังร้อนใจอยู่นั้น จางผิงก็หันไปมองอ้ายเฉวี่ยที่ยืนขยิบตาให้อยู่ด้านหลัง เขาเข้าใจความหมายในคำพูดของเธอได้ทันที
แม้อ้ายเฉวี่ยจะไม่อยากทำเช่นนั้น แต่เธอก็ทนเห็นแฟนของตัวเองต้องขายหน้าท่ามกลางผู้คนมากมายแบบนี้ไม่ได้
อ้ายเฉวี่ยค่อยๆยื่นขาข้างหนึ่งออกไปเกี่ยวขาเก้าอี้ของหลินหานไว้
“ว้าย..”
เธอแกล้งทำเป็นซวนเซเล็กน้อย ก่อนจะล้มลงไปกองกับพื้น และจงใจออกแรงลากเก้าอี้ที่หลินหนานนั่งอยู่ออกไปด้วย
“แย่แล้ว!!”
ฝูงชนที่กำลังจ้องมองอยู่ต่างก็ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ เพราะเกรงว่าหลินหนานจะดื่มเหล้าไม่หมดชามด้วยเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดนี้
แต่ภาพที่ทุกคนเห็นในเวลานี้ก็คือ..
หลินหนานกำลังยืนอยู่ในท่านั่งยองๆกลางอากาศ โดยที่ไม่มีเก้าอี้รองรับก้นอยู่ แต่ไม่มีเหล้าหกกระฉอกออกมาจากชามแม้แต่หยดเดียว!
ตรงกันข้าม.. อ้ายเฉวี่ยกลับล้มลงกระแทกกับพื้นเต็มเปา เพราะเธอออกแรงดึงเก้าอี้ของหลินหนานสุดแรง หน้าของเธอคว่ำลงไปจนกระโปรงเปิดแทบเห็นกางเกงชั้นใน
ในระหว่างหนั้น หลินหนานก็กำลังเงยคอขึ้นจนหน้าแหงน เพื่อดื่มเหล้าที่เหลือในชามให้หมดในคราวเดียว
จากนั้น เขาก็ยกชามเปล่าในมือขึ้นอวดทุกคนที่อยู่รอบๆ
ในชามขนาดใหญ่นั้น ไม่มีเหล้าเหลือแม้แต่หยดเดียว!
ในที่สุด หลินหนานก็สามารถดื่มเหล้าหนึ่งลิตรครึ่งได้จนหมดรวดเดียว ท่ามกลางสายตาทุกคู่ที่จ้องมองมาด้วยความตกตะลึง ประหนึ่งว่ากำลังดูมายากลอยู่!
หลังจากที่ทุกคนนิ่งเงียบไปด้วยความตกใจครู่ใหญ่ จากนั้นเสียบปรบก็ดังสนั่นไปทั่วทั้งร้าน..
“สุดยอด!”
“เจ๋งมาก!”
“โคตรเก่งเลย!”
“หมอนี่เป็นเมรัยเทพกลับชาติมาเกิดรึเปล่า?!”
เวลานี้ทุกคนต่างก็ส่งเสียงฮือฮาราวกับว่ากำลังดูภาพยนตร์ที่ตื่นเต้นอยู่ ในขณะที่จางผิงได้แต่นั่งหน้าซีดเหงื่อตก..
เป็นไปไม่ได้!
นี่มันไม่ใช่หนังไซไฟ!
หมอนั่นทำได้ยังไงกัน?!
หลังจากกระดกเหล้าขาว 68 ดีกรีไปรวดเดียวหนึ่งลิตรครึ่ง มันกลับไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อยงั้นเหรอ?
ระหว่างที่จางผิงกำลังใคร่ครวญหาเหตุผลจนหัวแทบจะระเบิดนั้น หลินหนานก็ได้วางชามเปล่าลงบนโต๊ะ จากนั้นจึงหันมองไปทางจางผิง
“คุณจาง.. เหล้านี้รสชาดไม่เลวเลย!” หลินหนานเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น
จางผิงถึงกับเข่าอ่อน และรู้สึกว่าแข้งขาเริ่มหมดเรี่ยวแรง เขาแทบอยากจะวิ่งหนีออกไปจากร้านในทันที
แต่แล้วจู่ๆ ร่างกายของหลินหนานก็ถึงกับสั่นสะท้าน เขายกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองเสียงดังราวกับคนไม่ได้สติ
“หลินหนาน.. นี่นายเป็นยังไงบ้าง?” ฉินเสี่ยวยู่รีบเข้าไปประคองร่างของเขาทันที
หลินหนานกลับเอาแต่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จา..
“ไม่นะ! ดูเหมือนเขาจะเริ่มเมาแล้ว!”
“ก็แหงอยู่แล้ว! ใครจะไปทนได้ ดื่มเข้าไปตั้งขนาดนั้น!”
“อ้าว.. ถ้าเมา ก็เท่ากับเป็นฝ่ายแพ้เดิมน่ะสิ!”
จางผิงที่ได้ยินเสียงผู้คนวิพากษ์วิจารณ์ ก็ถึงกับใจชื้นขึ้นมาทันที และถึงกับแสยะยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
เวลานี้.. เขามั่นใจมากว่า ตนเองเป็นฝ่ายชนะ!
ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นดีใจไปกว่าการที่ผลลัพธ์พลิกผันเช่นนี้อีกแล้ว!
เขาเป็นฝ่ายชนะ!
—————
เมรัยเทพ คือเทพไดโอนิซัส (dionysus) เป็นเทพที่ได้รับการยกย่ององค์หนึ่งในคณะเทพโอลิมเปียน และยังเป็นที่นับถือกันอย่างแพร่หลายในฐานะเทพผู้พบและผู้ครองผลองุ่น อีกทั้งยังเป็นเทพผู้ครองน้ำองุ่น ตลอดจนความมึนเมาเนื่องด้วยการดื่มน้ำองุ่นด้วย