ตอนที่ 32 เดิมพัน

“เอ่อ.. งั้นลองวิธีอื่นดีมั๊ย?” ฉินเสี่ยวยู่รีบแนะนำ
“อืมม.. งั้นก็หาวิธีที่ดูเนียนเป็นธรรมชาติกว่านี้หน่อย!” หลินหนานตอบกลับไป
สำหรับชายหนุ่มหญิงสาวที่เป็นแฟนกันนั้น หากต้องการแสดงความรักต่อกัน ก็คงจะมีไม่กี่อย่างเท่านั้น นอกเหนือจากไปกินข้าวและป้อนอาหารให้กันแล้ว ก็ไปดูหนังแล้วก็จูบปากกันนิดๆหน่อย..
ส่วนเรื่องอื่นนอกเหนือจากนี้ เขาคงไม่สามารถแสดงได้ เพราะเวลานี้เขาทำหน้าที่เป็นถึงลูกเขยท่านประธานแห่งเย่กรุ๊ป เขาจำเป็นต้องซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพของตนเอง
เขาจะไม่ยอมเปลืองตัวอย่างเด็ดขาด..
แต่ในระหว่างที่หลินหนานกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น จางผิงก็เดินมาที่โต๊ะของพวกเขาทั้งคู่พอดี และเมื่อมาถึง จางผิงก็วางขวดเหล้าขาวกระแทกลงบนโต๊ะเสียงดัง พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“นี่สหาย.. ถึงแม้ฉันจะเพิ่งได้พบกับนายเป็นครั้งแรก แต่ฉันก็รู้สึกถูกชะตากับนายมาก เหมือนกับว่าพวกเราสองคนสนิทสนมกันมานมนาน!”
หลินหนานเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย และไม่คิดที่จะตอบอะไรกลับไป แต่เมื่อคิดได้ว่า เดี๋ยวหมอนี่จะถอยกลับเสียก่อน จึงได้แต่พยักหน้าและตอบกลับไปว่า
“อืมม.. ผมเองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน!”
“งั้นก็ดีเลย! ในเมื่อพวกเราต่างก็เป็นเพื่อนกันแล้ว อย่ามัวแต่นั่งกินผักอยู่เลย พวกเรามาดื่มฉลองกันหน่อยไม่ดีกว่าเหรอ?” จางผิงเป็นฝ่ายชักชวน
“นายมีแผนชั่วร้ายอะไรกันแน่?” ฉินเสี่ยวยู่ขมวดคิ้วเข้าหากัน พร้อมกับเอ่ยถามจางผิงเสียงห้วน
หากฉินเสี่ยวยู่ดูไม่ออกว่าจางผิงมีแผนชั่วร้ายซ่อนอยู่แล้วล่ะก็ ย่อมหมายความว่าอาหารที่เธอกินเข้าไป คงจะไปเลี้ยงบำรุงหน้าอกทั้งสองข้างจนหมด และไม่เหลือไปถึงสมองเลยแม้แต่น้อย
“อย่ามองผมในแง่ร้ายขนาดนั้นสิ! ผมก็แค่อยากดื่มกับแฟนของคุณก็เท่านั้นเอง ไม่ได้หรือยังไง?” จางผิงปรายตามองฉินเสี่ยวยู่พร้อมกับเอ่ยตอบ
“แล้วทำไมเขาต้องดื่มกับนายด้วย? ฉันไม่อนุญาต!” ฉินเสี่ยวยู่ลุกขึ้นยืนพร้อมตอบกลับไปเสียงห้วน
ยิ่งเห็นท่าทีกางปีกปกป้องของฉินเสี่ยวยู่ จางผิงก็ยิ่งเชื่อว่าทั้งสองคนคบหากันอยู่จริง และนั่นก็ได้ทำให้ไฟแค้นในใจของเขาลุกโชนมากขึ้น และยิ่งต้องการที่จะแก้แค้นคนทั้งคู่มากกว่าเดิม
“นี่เพื่อน.. ดื่มนิดๆหน่อยเท่านั้นน่า! ไม่เคยได้ยินหรือไง.. ดื่มเหล้ากระชับสัมพันธ์ ลูกผู้ชายเขาก็ทำกันแบบนี้ทั้งนั้นล่ะ…”
จากนั้น จางผิงก็จงใจหยุดชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อว่า “เว้นแต่ว่า.. นายจะไม่ใช่ลูกผู้ชาย!!”
หลินหนานยังนึกกังวลอยู่ว่า เขาจะหาทางบีบบังคับให้หมอนี่มีเรื่องกับตนเองได้ยังไงอยู่พอดี เพื่อที่เขาจะได้มีโอกาสแสดงฝีมือให้เห็น แต่กลับกลายเป็นว่า จู่ๆโอกาสนั้นก็ได้มาเยือนหน้าประตูบ้านของเขาอย่างง่ายดาย..
ในเมื่อท้าทายกันถึงเพียงนี้ แน่นอนว่าหลินหนานย่อมไม่มีทางถอยแน่!
“ดื่ม หรือไม่ดื่ม สำคัญยังไงไม่ทราบ?”
จางผิงถึงกับยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ประตูสำหรับเขาได้เปิดออกแล้ว!
จางผิงจงใจตอบกลับไปด้วยสีหน้าจริงใจ “สำคัญสิ! ลูกผู้ชายที่ไหนบ้าง เข้าสังคมแต่กลับไม่ดื่มเหล้า? มาเร็ว.. ฉันรินให้นายเอง!”
จางผิงจัดการรินเหล้าขาวลงในแก้วให้หลินหนานทันที โดยไม่สนใจว่าเขาจะตกลงหรือไม่!
เหล้าขาวขวดนี้หมักด้วยข้าวฟ่าง และมีแอลกอฮอล์สูงถึง 68 ดีกรีเลยทีเดียว!
แน่นอนว่าดีกรีของแอลกอฮอล์สูงขนาดนี้ หากเป็นคนธรรมดาทั่วไป ดื่มไปเพียงแค่หนึ่งหรือสองแก้ว ก็คงต้องมึนศรีษะแล้ว
แต่หากเป็นนักดื่มตัวยง หรือพวกที่ติดเหล้าหนักๆ ก็น่าจะดื่มได้มากถึงครึ่งลิตร แต่คงไม่น่าจะมากกว่านั้น เพราะขืนดื่มมากไป คงต้องนอนหลับไหลไปนานหลายวันหลายคืนเลยทีเดียว
จางผิงเองก็จัดอยู่ในจำพวกนักดื่มคอแข็ง เพราะเขาดื่มแอลกอฮอล์อยู่เป็นประจำ และใครๆต่างก็ให้ฉายาเขาว่า ‘นักดื่มพันจอก’ และที่ผ่านมา เขาก็จะเป็นคนที่มักจะเมาเป็นคนสุดท้ายของโต๊ะเสมอ
และทุกครั้งที่จางผิงพบเจอคู่แข่ง เขาก็มักจะท้าดวลด้วยการดื่มเหล้าขาวยี่ห้อนี้ และทุกครั้งเขาก็จะสามารถน็อคคู่แข่งได้สำเร็จ
เรียกได้ว่า ตราบใดที่คู่แข่งของเขากล้ารับคำท้าแล้วล่ะก็ จางผิงก็มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน และไม่มีทางที่คู่แข่งของเขาจะลุกหนีไปจากโต๊ะได้
จางผิงสามารถดื่มเหล้าขาวยี่ห้อนี้ได้มากถึงหนึ่งขวดครึ่ง โดยที่ยังสามารถทรงตัวได้อย่างสบาย..
ซึ่งนับเป็นปริมาณที่น่ากลัวอย่างมาก!
“เอาล่ะ.. ฉันรินให้นายแล้ว ต่อไปก็รินให้ตัวเองบ้าง!” จางผิงร้องบอกหลินหนานพร้อมกับรินเหล้าขาวลงในแก้วของตัวเอง
จางผิงยกแก้วเหล้าขึ้นชู พร้อมกับพูดขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “มา.. ดื่มให้กับความเบื่อหน่าย และดื่มให้กับมิตรภาพของเรา หมดแก้ว!”
พูดจบ.. จางผิงก็กระดกเหล้าขาวในแก้วเข้าปากจนหมด!
หลินหนานยังคงนั่งนิ่ง และหันไปมองฉินเสี่ยวยู่
“หลินหนาน นายไม่จำเป็นต้องไปสนใจคนพรรณนี้ นายไม่จำเป็นต้องดื่ม!” ฉินเสี่ยวยู่รีบห้ามปรามทันที
“เสี่ยวยู่.. คุณพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนัก ผมกับคุณหลินเพิ่งจะได้พบกันครั้งแรก นี่เป็นมารยาททางสังคม ต่อให้เราสองคนไม่ได้คบหากันแล้ว ก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ไม่ใช่เหรอ..”
จางผิงยิ้มกว้าง ก่อนจะหันไปถามหลินหนานว่า “ว่าไงคุณหลิน.. คุณว่าผมพูดถูกมั๊ยครับ?”
“ถูกสิ!” หลินหนานพยักหน้า
จางผิงได้แต่ฮัมเพลงอยู่ในใจ และอดคิดไม่ได้ว่า หลินหนานก็แน่เหมือนกัน ที่กล้าขัดใจแฟนตัวเองเช่นนี้!
ฉินเสี่ยวยู่ไม่พอใจอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้แสดงใดๆอารมณ์ออกมา..
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า จู่ๆหลินหนานจะพูดออกไปเช่นนี้ “ดื่มให้กับเสี่ยวยู่ที่วันนี้พบเจอแต่ผู้ชายห่วยแตก หมดแก้ว!”
จากนั้น หลินหนานก็กระดกเหล้าในแก้วของตนเข้าปาก จนแห้งไม่เหลือแม้แต่หยดเดียวเช่นกัน..
แต่จางผิงถึงกับสีหน้าเปลี่ยนไปทันที..
นี่แกกล้าเรียกฉันว่าผู้ชายห่วยแตกเชียวเหรอ?
แกบังอาจมากไปแล้ว!
“เยี่ยมมากคุณหลิน มา.. มาดื่มกันอีก!” จางผิงร้องบอกพร้อมกับทำท่าจะรินเหล้าลงไปในแก้วของหลินหนาน
แต่หลินหนานกลับรีบเอาฝ่ามือปิดแก้วของตนเองไว้ พร้อมกับพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวก่อน!”
“อะไรอีกล่ะ? หรือนายไม่เห็นแก่หน้าฉัน?” จางผิงเอ่ยถามเสียงเย็น
“มันไม่เกี่ยวกับเรื่องเห็นแก่หน้า หรือไม่เห็นแก่หน้าใคร แต่ดื่มธรรมดาๆแบบนี้มันน่าเบื่อไปหน่อย!” หลินหนานตอบกลับไปทันที
“อ่อ.. แล้วนายอยากจะดื่มแบบไหนล่ะ?” จางผิงเอ่ยถามขึ้นด้วยความอยากรู้
หลินหนานไม่สนใจที่จะตอบคำถามของจางผิง แต่กลับหันไปดีดนิ้วเรียกบริกร “น้องชายมานี่หน่อย!”
บริกรหนุ่มเดินเข้ามาหาพร้อมกับถามขึ้นว่า “มีอะไรให้ผมรับใช้ครับท่าน?”
“ไปเอาเหล้าขาวแบบนี้มาอีกหนึ่งลัง..”
หลินหนานร้องบอกบริกรพร้อมกับชี้ไปที่ขวดเหล้าบนโต๊ะ “อ่อ.. แล้วก็เอาชามใบใหญ่ที่สุดของร้านมาด้วยสองใบ”
บริกรหนุ่มพยักหน้ารับคำสั่ง และรีบออกไปจัดการทันที
ไม่นานนัก.. บริกรหนุ่มก็ยกเหล้าขาวออกมาหนึ่งลัง พร้อมด้วยชามสำหรับใส่น้ำแกงใบใหญ่สองใบตามคำสั่งของหลินหนาน
จากนั้นหลินหนานก็จัดการเปิดลังเหล้า โดยมีจางผิงนั่งหรี่ตา กอดอกมองอยู่นิ่งๆ
หมอนี่กำลังคิดที่จะทำอะไรกัน?
อย่าบอกนะว่ามันจะเทเหล้าขาวใส่ชามนั่น?
นี่มันเหล้าขาวเกือบ 70 ดีกรีเชียวนะ แกจะดื่มแบบนั้นได้ยังไง?
ฉินเสี่ยวยู่เองก็ได้แต่มองหลินหนานตาโต เธอเองก็ไม่เข้าใจว่าหลินหนานกำลังคิดที่จะทำอะไรกันแน่?
หลินหนานจัดการเปิดเหล้าขาวหกขวดพร้อมกันอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เทเหล้าขาวทั้งหกขวดลงไปในชามใบใหญ่ทั้งสองใบ
ขวดที่หนึ่ง..
ขวดที่สอง..
ขวดที่สาม..
แต่ละขวดจุเหล้าขาวครึ่งลิตร และสามขวดก็คือหนึ่งลิตรครึ่ง เมื่อเทเหล้าขาวทั้งสามขวดลงไปจนหมด ก็แทบจะเต็มชามใบใหญ่ใบหนึ่ง..
และเมื่อได้เห็นเหล้าขาวเต็มชามใหญ่ขนาดนั้น จางผิงก็ถึงกับงุนงง และนิ่งอึ้งไปด้วยความตกตะลึง
หมอนี่มันเสียสติหรือยังไง?
นี่มันเหล้าขาวนะ ไม่ใช่เบียร์?
ใครกันจะดื่มเหล้าขาวเกือบ 70 ดีกรีได้รวดเดียวหนึ่งลิตรครึ่งกันล่ะ?
หลินหนานผลักชามใบใหญ่นั้นออกไปพร้อมกับพูดยิ้มๆ “ตามธรรมเนียมแล้ว เพื่อแสดงถึงมิตรภาพที่แท้จริง จะต้องดื่มรวดเดียวหมดชาม คุณจาง.. คุณจะให้เกียรติดื่มก่อนมั๊ยครับ?”
หมอนี่ไร้ยางอายชะมัด!
เมื่อครู่ฉันรินให้แกเป็นแก้ว แต่แกกลับรินให้ฉันเป็นชามขนาดนี้ ใครจะโง่ดื่มเข้าไปกันล่ะ?
“อะไรกันคุณหลิน.. คุณเล่นรินเหล้าขาวเป็นชามแบบนี้ ใครจะไปดื่มได้กันล่ะ?”
“นี่คุณไม่กล้าเหรอ?” หลินหนานทำเสียงเย้ยหยัน
จางผิงเห็นสายตาเย้ยหยันของหลินหนาน ก็ได้แต่ตอบกลับไปด้วยความไม่พอใจ
“คุณหลิน.. นี่คุณหาเรื่องผมนี่นา! ทำไมคุณไม่ดื่มเองล่ะ..”
“ได้สิ! แต่คุณกล้าเดิมพันกับผมมั๊ยล่ะ?” หลินหนานเหลือบมองด้วยหางตา พร้อมกับเอ่ยท้าทาย
“เดิมพันยังไง?” จางผิงถามกลับทันที
“ถ้าผมสามารถดื่มเหล้าขาวหมดชามนี้ได้ คุณจะต้องทำตามที่คำสั่งของผม แต่ถ้าผมทำไม่ได้ ผมก็จะทำตามคำสั่งของคุณ! ตกลงมั๊ย?” หลินหนานตอบกลับไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
จางผิงได้ยินแบบนั้น ก็ถึงกับตีปีกดีอกดีใจอยู่เงียบๆ
หึ.. ฉันชนะเห็นๆ!
ในเมื่อแกอยากจะตายตั้งแต่ยังหนุ่ม ฉันก็จะสงเคราะห์ให้!
“ได้เลย! ในเมื่อคุณหลินท้าทายแบบนี้ ผมก็ต้องรับคำท้าอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณอาเจียนออกมา หรือมีอาการเมาแม้แต่น้อย เท่ากับคุณเป็นฝ่ายแพ้ทันที!” จางผิงขยิบตาให้หลินหนาน
“แน่นอน! ถึงตอนนั้นคุณจะสั่งให้ผมทำอะไรก็ได้!” หลินหนานพยักหน้า
“ดีล!”
จางผิงลุกขึ้นยืนพร้อมกับร้องตะโกนออกมาเสียงดัง
“ทุกท่านได้โปรดฟังทางนี้ คุณหลินเดิมพันกับผมว่า เขาจะดื่มเหล้าขาวในชามนี้ให้หมดในคราวเดียว ถ้าเขาเมาเท่ากับเขาแพ้เดิมพันผม แต่ถ้าเขาไม่เมา เท่ากับผมแพ้เดิมพันเขา.. และผู้แพ้ก็จะต้องทำตามคำสั่งของผู้ชนะ!”
“ทุกคนในที่นี้ช่วยเป็นพยานให้ผมด้วยนะครับ!”