ตอนที่ 28 กอดเอวของเขา
ตอนที่ 28 กอดเอวของเขา
ครั้นหลินเซี่ยได้ยินคำพูดของเฉินเจียเหอ ดวงตาที่หวาดกลัวของเธอพลันเปล่งประกาย “ดีเลย ดีเลย เราไปกันเถอะ”
เธอรีบเร่งเพื่อหลีกเลี่ยงเสียงร้องของหมูถูกเชือด
เดิมทีหู่จือต้องการไปดูคนเชือดหมูและเป่ากระเพาะหมู แต่เมื่อได้ยินว่าเฉินเจียเหอและหลินเซี่ยกำลังจะไปตลาด เขาก็วิ่งเข้ามาขอร้องเฉินเจียเหอด้วยความกระตือรือร้น “พ่อ ผมก็อยากไปเหมือนกัน”
ตอนที่อยู่เมืองไห่เฉิง พ่อของเขาบอกว่าจะพาไปตลาดเมื่อกลับบ้าน
ไปตลาดก็สนุกเหมือนกัน เขาอยากซื้อประทัดปีใหม่ด้วย
“ได้สิ”
หลินเซี่ยรีบจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าของหู่จือ “หู่จือ เธอมีเสื้อผ้าใหม่บ้างใหม่? รีบเอาออกมาใส่เร็ว”
ไปตลาดในเมืองต้องพบปะผู้คน จึงต้องสวมใส่เสื้อผ้าใหม่
หูจื่อเม้มริมฝีปากด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ผมไม่มีเสื้อผ้าใหม่ พ่อไม่ได้เอาเสื้อผ้าปีใหม่มาให้ด้วยซ้ำ”
เสื้อผ้าใหม่ทั้งหมดอยู่ในเมืองไห่เฉิง ตอนที่จะกลับมา พ่อของเขารีบร้อนราวกับกำลังวิ่งหนีเอาชีวิตรอด เขาจึงสุ่มหยิบเสื้อผ้ามาแค่สองตัว
หลินเซี่ยรู้สึกไม่สบายใจเมื่อมองดูหู่จือกำลังทำหน้าบูดบึ้งและบ่นพ่อของตัวเอง
นี่คือสิ่งที่มักเกิดขึ้นกับเด็กที่ไม่มีแม่ ในฐานะพ่อ เขาไม่อาจใส่ใจในหลาย ๆ เรื่องด้วยตัวคนเดียว
หลินเซี่ยลูบผมหู่จือให้เรียบร้อยและพูดว่า “งั้นเราไปซื้อด้วยกันวันนี้”
แม่เฒ่าโจวได้ยินว่าพวกเขากำลังจะไปตลาด นางจึงนำหมวกหนังของหู่จือมาสวมให้
หมวกใบนี้มีลักษณะเหมือนหัวรถจักร โดยมีด้านข้างห้อยลงมาพันรอบคอ
หลินเซี่ยค้นหาผ้าพันคอและถุงมือมาสวมใส่ หลังเตรียมตัวเสร็จ เธอก็พร้อมที่จะออกไปข้างนอกแล้ว
เฉินเจียเหอซ่อมจักรยานจนใช้งานได้ เขาหยิบถุงผ้ามาเตรียมใส่ของ และจูงจักรยานออกไป
เมื่อพวกเขามาถึงถนนหมู่บ้าน ครอบครัวของเอ้อร์เลิ่งกำลังยุ่งอยู่กับการจับหมูในเล้า
หมูส่งเสียงร้องดังเสียดแทงหัวใจ
เฉินเจียเหออุ้มหู่จือไปนั่งเบาะเด็กด้านหน้า และขึ้นคร่อมจักรยาน จากนั้นหันไปพูดกับหลินเซี่ยว่า “ไปเถอะ”
หลินเซี่ยรีบซ้อนท้ายเบาะหลัง ก่อนที่เฉินเจียเหอจะถีบจักรยานออกจากหมู่บ้าน
ถนนออกจากหมู่บ้านเป็นหลุมเป็นบ่อ เฉินเจียเหอต้องหันมามองหลินเซี่ยที่นั่งซ้อนท้ายบ่อยครั้งเพราะเกรงว่าเธอจะตก เห็นแบบนั้นเธอจึงจับเสื้อของเฉินเจียเหอแน่นขึ้น
แต่เสื้อผ้าฝ้ายของเขาหลวมมาก และดูเหมือนไม่มีซิปด้านหน้า เธอจึงรู้สึกไม่ปลอดภัยที่จะจับเสื้อของเขาไว้ กลัวว่าหากจักรยานตกหลุม เธออาจเผลอดึงเสื้อของเขาและตกรถไปพร้อมกัน
เธอนั่งตัวสั่นเทาอยู่ด้านหลังความกลัว แต่เฉินเจียเหอยังคงปั่นอย่างดุเดือดราวกับกำลังจะบิน
หลินเซี่ยมองแผ่นหลังกว้างของเขาพลางลูบมือทั้งสอง ในเมื่อคุณปั่นเร็วขนาดนี้ ฉันก็จะไม่ทนอีกต่อไป
จากนั้นเธอก็เอื้อมมือไปโอบกอดเอวของเฉินเจียเหอ
ชายหนุ่มที่กำลังปั่นจักรยานพลันตกใจ
รอยยิ้มบางปรากฏที่มุมปากของเขา ขณะที่ออกแรงปั่นเร็วขึ้น
หลังจากปั่นไปประมาณยี่สิบนาที พวกเขาก็มาถึงเมืองประจำอำเภอ
ขณะที่ลอดใต้สะพาน พวกเขามองเห็นอาคารต่าง ๆ ในเมืองประจำอำเภอ รวมถึงบ้านสองชั้น หน้าร้านตามถนน และในบางครั้งก็มีมอเตอร์ไซค์แล่นผ่านไปมา
เมื่อเข้ามาในเมือง เฉินเจียเหอจอดและล็อกจักรยานไว้ที่หน้าร้านเล็ก ๆ และบอกเจ้าของร้านให้ช่วยดูแลรถให้เขาหน่อย ก่อนจะมุ่งหน้าตรงไปตลาด
หลินเซี่ยมองเฉินเจียเหอที่จอดจักรยาน ก่อนจะตระหนักได้ว่าเธอกอดเขามาตลอดทางโดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจ
อย่างไรก็ตาม ในเวลากลางวันแสก ๆ เขาสวมใส่เสื้อผ้าตัวหนา เธอจึงนั่งกอดเอวเขามาโดยไม่ได้คำนึงถึงสิ่งใด
นี่ไม่ถือเป็นความใกล้ชิดที่แท้จริงเลยด้วยซ้ำ
ในวันที่มีตลาด ตามท้องถนนจะคึกคักไปด้วยเสียงเร่ขายอย่างต่อเนื่อง
“ถังหูลู่ ผมอยากกินถังหูลู่” นี่เป็นครั้งแรกที่หู่จือมาตลาดใหญ่ในเมืองประจำอำเภอ เมื่อมาถึงตลาด เขาก็เห็นแผงขายของเรียงรายมากมาย จึงตะโกนขึ้นด้วยความตื่นเต้น
“งั้นรอเดี๋ยว” เฉินเจียเหอเดินไปซื้อถังหูลู่สองไม้
“นี่”
ไม้หนึ่งยื่นให้หู่จือ และอีกไม้ส่งให้หลินเซี่ย “ของคุณ”
“ให้ฉันด้วยเหรอ?”
หลินเซี่ยรู้สึกว่าเฉินเจียเหอปฏิบัติต่อเธอเหมือนเด็กน้อย
เธอถอดถุงมือเพื่อรับไม้ถังหูลู่ จากนั้นดึงผ้าพันคอที่ปิดปากลงและกัดเข้าไปหนึ่งคำ
เฉินเจียเหอเฝ้าดูริมฝีปากสีแดงสดของหญิงสาวกัดถังหูลู่สีสดใส ลูกกระเดือกของเขาขยับเล็กน้อย ขณะที่ความรู้สึกประหลาดก่อตัวขึ้นในใจ
“คุณก็กินด้วยสิ” เธอยื่นถังหูลู่ให้เฉินเจียเหอ เพื่อให้เขากัดคำหนึ่ง
ถังหูลู่มีรสชาติหวานเกินไป เธอไม่สามารถกินหมดด้วยตัวคนเดียว
ชายหนุ่มมองถังหูลู่ที่เธอยื่นให้ เดิมทีเขาต้องการบอกว่าเขาไม่ชอบของหวาน แต่เมื่อเขาได้พบกับสายตาที่จริงใจของหญิงสาว เขาก็ทนไม่ได้ที่จะปฏิเสธและกัดเข้าไปหนึ่งคำ
หู่จื่อที่กำลังกินถังหูลู่อย่างมีความสุขอยู่ด้านข้าง พลันเงยหน้ามองเฉินเจียเหอด้วยความสงสัย “พ่อ เมื่อก่อนพ่อเคยบอกว่าไม่ชอบของหวานไม่ใช่เหรอ?”
เฉินเจียเหอกัดถังหูลู่และลิ้มรสมันอย่างจริงจัง “อันนี้ไม่หวาน ข้างในมันเปรี้ยว”
ใบหน้าของหู่จือเต็มไปด้วยความสงสัยเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขามองถังหูลู่ในมือ และกัดเข้าไปอีกครั้ง
ไม่หวานงั้นเหรอ?
“ไป ไปซื้อเสื้อผ้าใหม่กันเถอะ”
เฉินเจียเหอพาพวกเขาไปที่แผงขายเสื้อผ้าใกล้กับทางแยกประตูตะวันตกที่อยู่ใกล้ ๆ
มีเสื้อผ้าเด็กมากมายแขวนอยู่บนแผง แต่หู่จือคิดว่าเสื้อผ้าพวกนั้นไม่ได้ดูดี
หลินเซี่ยไม่ชอบเสื้อผ้าพวกนั้นเช่นกัน เธอถามว่า “เราซื้อเสื้อผ้าเด็กจากที่อื่นแถวนี้ได้อีกไหม? ลองเดินดูรอบ ๆ เพิ่มเติมกันดีกว่า”
“งั้นไปห้างสรรพสินค้า”
เฉินเจียเหอพาพวกเขาไปที่ห้างสรรพสินค้าในเมือง
อาคารสามชั้นแห่งนี้เป็นอาคารที่โดดเด่นอย่างยิ่ง ภายในทั้งสองชั้นมีไว้สำหรับขายสินค้าโดยเฉพาะ
มีตั้งแต่เสื้อผ้า รองเท้า และถุงเท้า ไปจนถึงของใช้ในชีวิตประจำวัน
หลินเซี่ยพาหู่จือเดินดูเสื้อผ้าเด็ก แต่หลังจากเดินดูเป็นเวลานาน เด็กน้อยคนนี้ก็ยังไม่เจอชุดที่เขาชอบใจ
เขาค่อนข้างจู้จี้จุกจิกสำหรับเด็กวัยนี้
หลินเซี่ยพูด “ในเมื่อเธอไม่ชอบอะไรที่นี่ งั้นซื้อผ้าไปตัดชุดที่ต้องการดีไหม?”
ในช่วงเวลานี้ ผู้คนในชนบทมักหาซื้อผ้าเพื่อนำไปให้ช่างตัดเสื้อตัดตามแบบที่ต้องการ มันไม่เพียงราคาถูกกว่า แต่ยังมีคุณภาพดีอีกด้วย
หู่จือปฏิเสธโดยแทบไม่ต้องคิด “ผมไม่อยากได้”
“ช่างเถอะ ไม่ต้องซื้อก็ได้ ที่บ้านมีเสื้อผ้าเยอะแยะจนใส่ไม่หมด”
ใบหน้าของเฉินเจียเหอหมองคล้ำทันที นึกสงสัยอย่างยิ่งว่าเด็กคนนี้จงใจพูดประชดพวกเขา
“แล้วเธอต้องการอะไรล่ะ? เราจะได้ช่วยกันหามาให้”
หู่จือลังเลอยู่นาน ในที่สุดก็ยอมแสดงคำขอออกมา “ผมอยากใส่ชุดทหาร เพื่อนร่วมชั้นของผมตงตงมีชุดทหารที่เท่มาก ลุงของเขาซื้อมันมาจากเมืองประจำจังหวัด และดูทันสมัยมาก”
ระหว่างที่เดินดูเสื้อผ้าไปรอบ ๆ เขาไม่เจอชุดทหารที่ต้องการ
หู่จือมีแจ็กเกตผ้าฝ้ายและแจ็กเกตหนังอยู่แล้ว เมื่ออาเซี่ยกลับมาจากในเมือง เขามักซื้อเสื้อผ้าทันสมัยและมีสไตล์มากมายมาฝาก ซึ่งชุดทั้งหมดอยู่ที่เมืองไห่เฉิง ถ้าเทียบกับเสื้อผ้าแฟชั่นพวกนั้น เขาไม่ค่อยชอบเสื้อผ้าในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เลย
สิ่งที่เขาต้องการคือเครื่องแบบทหารแบบเดียวกับของตงตง
เขาคุยโวกับตงตงว่า เขาจะสวมชุดทหารไปโรงเรียนวันเปิดเทอม
เฉินเจียเหอเห็นว่าหู่จือจู้จี้จุกจิกกับเสื้อผ้าของตัวเองมาก เขาจึงพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึมว่า
“พวกเขามีแต่เสื้อผ้าแบบนี้ อย่าเลือกมากนักเลย”
หู่จือพ่นลมหายใจเย็นชา ขณะมองเฉินเจียเหอด้วยความไม่พอใจ
หลินเซี่ยเข้าใจความปรารถนาและความชอบในเครื่องแบบทหารของเด็กน้อย
เมื่อเห็นพ่อและลูกอารมณ์เสีย เธอพูดปลอบใจหู่จือว่า “ในเมื่อเราหาซื้อที่นี่ไม่ได้ งั้นก็ไปหาซื้อผ้ากันเถอะ ฉันเห็นว่าที่บ้านมีจักรเย็บผ้าอยู่ ถ้ามันยังใช้ได้ ฉันจะทำชุดทหารให้เธอเอง”
เฉินเจียเหอและหู่จือหันมองเธอด้วยความไม่อยากเชื่อในเวลาเดียวกัน
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พี่เหอร้ายกาจน้า ปั่นเร็วหวังให้สาวกอดเอวตัวเองเหรอ
เซี่ยเซี่ยคนนี้ทำอะไรได้เยอะกว่าที่คิดนะ
ไหหม่า(海馬)