เมื่อได้ยินการสนทนาระหว่างทั้งสอง ซูฟ่านก็ตื่นตระหนก
เขาไม่พูดอะไรและยังคงฟังต่อไป
“ใช่ ฉันได้ยินมาเหมือนกัน เช้านี้ไม่หยุดรถหรือไง?”
“ผู้ควบคุมขบวนรถไปปลุกคนที่กำลังจะลงจากรถไฟ แต่บังเอิญพบว่าผู้โดยสารที่อยู่ตรงข้ามคน ๆ นั้นเลือดท่วมเลย”
“ฉันได้ยินมาว่าหน้าอกของเขาถูกกรีดเลย มันน่าสยดสยองมาก”
“ผู้ควบคุมรถไม่กล้าพูดอะไรแค่บอกเพื่อนร่วมงานให้พาร่างชายออกไปจากรถไฟเมื่อถึงสถานีแล้วค่อยเคลียร์ที่เกิดเหตุ คาดว่ามีแต่คนลงจากรถไฟตอนนั้นเท่านั้นแหล่ะที่เห็นมัน”
เมื่อชายคนนั้นพูดจบ ดวงตาของซูฟ่านก็เบิกกว้างและเขาก็สูดลมหายใจ
เขายืนขึ้น
“ผมมีบางอย่างต้องทำด่วนน่ะ”
หลังจากพูดแล้วซูฟ่านก็เดินไปที่โบกี้สามอย่างรวดเร็ว
มีเพียงเสียงของผู้โดยสารที่คุยกันเป็นครั้งคราวในโบกี้สามดูไม่เหมือนกับมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นเลย
ดูเหมือนไม่ค่อยมีใครรู้เลย
ซูฟ่านมองไปที่เตียงทีละเตียงแต่ไม่เห็นชิวหมิงหยุน พูดให้ถูกคือซูฟ่านสังเกตมาตลอดทางที่เขามาคือไม่มีวี่แววของเขาเลยต่างหาก
โบกี้ของซูฟ่านคือโบกี้ที่ 10 และโบกี้โรงอาหารอยู่ในโบกี้ที่ 9
โบกี้ที่ตามหลังโบกี้หมายเลข 10 เป็นที่นั่งทั้งหมด และชิวหมิงหยุนก็เดินจากไปในทิศทางของโบกี้หมายเลข 9
โบกี้หมายเลข 1 คือหน้าขบวนรถไฟซึ่งหมายความว่าหากเขาไม่เห็นชิวหมิงหยุนในโบกี้หมายเลข 2 ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ชิวหมิงหยุนจะเป็นผู้ประสบเหตุ
ซูฟ่านถูกหยุดโดยพนักงานบนขบวนรถไฟทันทีที่เขากำลังจะเข้าโบกี้หมายเลข 2
เขาเห็นซูฟ่านทำลับ ๆ ล่อ ๆ และคิดว่าเขาดูแปลก ๆ
“คุณอยู่โบกี้หมายเลขอะไรครับ”
พนักงานถามซูฟ่าน
“ผมอยู่โบกี้ 10 ผมมาที่นี่เพื่อหาเพื่อนแต่ผมไม่เห็นเขาเลย และผมไม่รู้ว่าเขาลงจากรถไฟไปแล้วหรือเปล่า”
ซูฟ่านพูดด้วยรอยยิ้ม
“เพื่อน? เขาชื่ออะไรครับ?”
“นามสกุลของเขาคือชิว”
“นามสกุลชิว?!”
พนักงานรถไฟขมวดคิ้วแน่น
“ใช่ เขานามสกุลชิว เขาบอกผมว่าเขาจะลงที่เมืองกุ่ยหยุนด้วย แต่ทำไมเขาถึงหายตัวไปก็ไม่รู้”
ซูฟ่านแสร้งทำเป็นสงสัย
พนักงานมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง และขอให้ซูฟ่านคุยกับเขาในสำนักงาน
“เพื่อนของคุณ คน ๆ นี้ใช่ไหมครับ”
พนักงานรถไฟโชว์รูปถ่ายบัตรประจำตัวและบอกว่ามันถูกถ่ายเมื่อเขาพบว่าหน้าอกของชิวหมิงหยุนถูกกรีดและถ่ายส่งไปที่สำนักงานใหญ่เพื่อขอคำแนะนำ
หลังจากที่ได้เห็นชิวหมิงหยุนหัวใจของซูฟ่านก็เย็นเฉียบ
“ใช่ เกิดอะไรขึ้นกับเขา”
ซูฟ่านถามด้วยความเป็นห่วง
“คุณตามหาเขาทำไมครับ”
“ของของผมยังอยู่ในกระเป๋าของเขา ฉันต้องการเอาคืนน่ะ”
ซูฟ่านพูดอย่างสบาย ๆ
“นั่นสินะครับ…ไม่ต้องรอหรอกครับ เขาบาดเจ็บสาหัสจึงถูกนำออกจากรถเพื่อส่งปฐมพยาบาล”
“บาดเจ็บสาหัส?!”
ซูฟ่านแสร้งทำเป็นประหลาดใจ
เมื่อพนักงานรถไฟเห็นท่าทางของซูฟ่านเขาก็คิดว่าซูฟ่านเป็นเพื่อนของชิวหมิงหยุน ดังนั้นเขาจึงแสดงภาพที่ถ่ายในเวลานั้นให้ซูฟ่านดู
ในภาพ บาดแผลที่หน้าอกของชิวหมิงหยุนนั้นมองเห็นได้อย่างชัดเจน
รอยแผลสีม่วงนั้นเด่นชัดว่ามีพิเศษ
“แล้ว…คุณเห็นของที่เขาพกมาด้วยหรือเปล่าครับ”
ซูฟานถาม
“มีแต่ของใช้ในชีวิตประจำวัน ต้องการอะไรไหมครับ ผมสามารถช่วยคุณติดต่อไปที่สำนักงานใหญ่และให้สำนักงานใหญ่ช่วยคุณหาโรงพยาบาลที่คุณชิวหมิงหยุนอยู่และส่งสิ่งของของคุณมาให้คุณก่อนได้ บุคคลนี้ได้รับบาดเจ็บอย่างมาก อาการบาดเจ็บของเขาจะรอดหรือไม่นั้นยังไม่แน่นอนครับ”
พนักงานรถไฟพูดด้วยความกลัว
“ลืมมันไปเถอะ ผมจะไม่สร้างปัญหาหรอกถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”
“อืม คุณสนิทกับคุณชิวไหมครับ”
“ไม่เลย ผมรู้จักผิวเผิน”
“อือ……”
พนักงานรถไฟหยุดพูด
อันที่จริงเขาแค่สงสัยว่าทำไมหลังจากโทรหาสำนักงานใหญ่แล้ว สำนักงานใหญ่จึงเตือนเขาไม่ให้โทรหาตำรวจ
แต่เมื่อเห็นว่าซูฟ่านและชิวหมิงหยุนไม่ได้สนิทกัน เขาจึงไม่ได้ถามมากเกินไป
ซูฟ่านกล่าวอำลากับพนักงานรถไฟ
เมื่อคืนเขาคิดว่ามันสงบดีแต่เขาไม่คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชิวหมิงหยุน
กล่าวอีกนัยหนึ่ผู้คนจากองค์กรนั้นอยู่ในรถแล้ว
ชิวหมิงหยุนถูกจัดการและคนต่อไปคือซูฟ่าน
ตามนิสัยขององค์กรนี้ชิวหมิงหยุนควรได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ไม่น่าถึงตาย
แน่นอนองค์กรนี้เคยฆ่าคนไปสองคนด้วย และก็ขึ้นอยู่กับว่าชิวหมิงหยุนจะโชคร้ายเป็นคนที่สามไหม
กลับไปที่โบกี้ทานอาหาร ซูฟ่านกำลังอยู่ในช่วงคิดมาก
เขาไม่กล้าติดต่อคังหมินฟูเพราะคังหมินฟูเน้นย้ำที่จะไม่ติดต่อกับเขาก่อนที่งานจะเสร็จ
เพื่อป้องกันไม่ให้โทรศัพท์ของเขาถูกเจาะ มันจะไม่เป็นการดีเพราะข้อมูลของผู้ขนส่งคนอื่น ๆ อาจจะหลุดได้
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณเหรอ?”
หลินจูมองไปที่ซูฟ่านที่ดูกังวลขณะรับประทานอาหารเช้า
“ฮะ? ไม่มีอะไรหรอก”
“คุณทำภารกิจอันตรายอยู่หรือเปล่า?”
“ทำไมคุณคิดแบบนั้น?”
ซูฟ่านมองไปที่หลินจูและถามด้วยความสงสัย
“เมื่อคืนก่อนฉันเผลอหลับไปตอนนั้นคุณดูตื่นตัวและครุ่นคิดอะไรบางอย่าง และพอลืมตาขึ้นมาคุณก็ยังตื่นอยู่”
“คุณดูเน็ตอยู่ลอดทั้งคืนแสดงว่าคุณไม่ได้นอนเท่าไหร่เลย”
หลินจูรู้สึกภูมิใจกับกระบวนการวิเคราะห์ของเธอมาก
ซูฟ่านมองไปที่หลินจูด้วยความประหลาดใจหลังจากฟัง
“คุณรู้จักบัญชีเว่ยป๋อของผมได้ยังไง”
“คุณติดตามบัญชีส่วนตัวของเสี่ยวหยุน ฉันก็แค่ดูผู้ติดตามทีละคนก็พอ ใช่ไหม?”
หลินจูหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาอย่างภาคภูมิใจและเปิดเว่ยป๋อเพื่อให้ซูฟ่านดู จากนั้นก็กดไปที่เมนูความสนใจของเขา
“นักเรียนซูกับฉันก็ควรสนิทสนมกันด้วยสิ อย่าลำเอียงสิ”
“โอเค”
ซูฟ่านพูดอย่างไม่เต็มใจ
อันที่จริงเขาติดตามเว่ยป๋อฉินเสี่ยวหยุนในตอนนั้นเพราะเธอบังคับเขาให้ติดตามเธอเอง
ตอนนี้หลินจูบังคับให้เขาต้องใส่ใจเธอด้วย
ผู้หญิงสองคนนี้นิสัยคล้ายกันจริง ๆ พวกเธอทั้งคู่ชอบบังคับคนอื่น
หลินจูยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วดันโจ๊กไปต่อหน้าซูฟ่าน
“กินให้ดี ๆ สินักเรียนซู”
หลังจากพูดหลินจูก็ตักโจ๊กมาช้อนหนึ่งช้อนแล้วเป่าก่อนเข้าปากของซูฟ่าน
เสียงของหลินจูไพเราะมากและความอ่อนโยนของเธอก็ดึงดูดความสนใจของผู้ชายคนอื่นในโบกี้ทานอาหาร
ไอ้ผู้ชายผู้น่าอิจฉาคนนี้มาพร้อมกับสาวงามเพื่อเดตบนรถไฟแถมป้อนโจ๊กให้ด้วย!
นอกจากอิจฉาแล้วพวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้
หญิงสาวในโบกี้ทานอาหารมองไปที่ซูฟ่านและหลินจู พวกเธอแอบรู้สึกว่าพวกเขาสองคนนี้เข้ากันได้ดีจริง ๆ!
แสงแดดส่องมาที่ผิวสีขาวของหลินจูดังนั้นผิวของเธอจึงดูดีจริง ๆ
ขาวเนียนใสไร้ริ้วรอยใด ๆ
จมูกโด่ง ขนตายาว ตาโต…
ตอนแรกซูฟ่านรู้สึกว่า หลินจู ฉินเสี่ยวหยาง และ ชูหยุนซี หน้าตาอยู่ในระดับใกล้เคียงกันมาก
แต่ตอนนี้ซูฟ่านเข้าใหล้ใบหน้าของหลินจูมาก
เพื่อนสาวข้างบ้านคงอธิบายถึงบรรยากาศของหลินจูได้ดี
ภายใต้การแอบดูของทุกคน ซูฟ่านได้เปิดปากของเขาและกลืนโจ๊กที่หลินจูป้อนเขา
“ผมจะกินเอง”
ซูฟ่านรู้สึกอายนิดหน่อย
หลังอาหารเช้าหลินจูกับซูฟ่านก็กลับไปที่เตียง
ทั้งสองนั่งลงบนเตียงและเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์นอกหน้าต่าง