บทที่ 19 ฉันลองเอง

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

พิชญาไม่พอใจมากที่บรรยากาศที่ตัวเองสร้างออกมาถูกผู้ช่วยทำลาย ดังนั้นจึงชักสีหน้าใส่ผู้ช่วย“เกิดอะไรขึ้นถึงได้ตื่นตระหนกแบบนี้”

“ที่โกดัง……ชั้นวางของโกดังล้มลง!”สองมือผู้ช่วยค้ำไว้ที่เข่า พูดอย่างหอบๆ

พิชญาได้ยิน ก็ดึงคอเสื้อของผู้ช่วยขึ้นมา“คุณพูดอะไร?ชั้นวางล้มลง?”

“ค่ะ”

“งั้นผ้าพวกนั้นที่อยู่บนชั้นวางล่ะ?”พิชญาเริ่มร้อนใจ

ผู้ช่วยกลืนน้ำลายแล้วตอบว่า“ผ้าก็ล้มด้วย ตอนนี้ผ้าหลายร้อยพับล้วนกองอยู่บนพื้น ป้ายก็กระจัดกระจายไปทั่ว แยกไม่ออกแล้วว่าผ้าไหนเป็นประเภทไหน”

“สมควรตาย!”พิชญาโมโหจนผลักผู้ช่วยออก ไม่สนที่จะเล่นงานวารุณีแล้ว ยกเท้าขึ้นวิ่งไปทางโกดัง

ดีไซเนอร์คนอื่นๆเห็นสถานการณ์แบบนี้ ก็ตามไปดูความวุ่นวาย

แป๊บเดียว คนในห้องทำงานใหญ่ก็ออกไปหมด เหลือแค่วารุณีคนเดียว

วารุณีกอดข้อมูลโครงการยืนอยู่ที่เดิม ไม่รู้ว่าจะไปไหน หลังจากคิดๆดู ก็ตามไปด้วย

พอเธอมาถึงหน้าโกดัง ก็ได้ยินเสียงตวาดของพิชญา“พวกคุณยังจะตะลึงทำบ้าอะไร?ไม่รีบเก็บผ้าเข้าที่อีก เดี๋ยวคนที่อยู่เบื้องหลังจะมารับสินค้าไปแล้ว!”

“แต่ว่าผู้จัดการ ผ้าพวกนี้เป็นสินค้าคุณภาพสูง หลายๆอย่างพวกเราไม่เคยเห็น พวกเราจะรู้ได้ไงว่าเป็นผ้าอะไร?”มีคนพูดเสียงอ่อน

พิชญาไม่สนอะไรมาก ชี้ไปที่คนที่พูด พูดเสียงร้ายกาจ:“พูดเหลวไหลให้น้อยๆหน่อย พวกคุณมีเวลาแค่ชั่วโมงหนึ่ง ถ้าหนึ่งชั่วโมงแล้ว ผ้าพวกนี้ยังไม่เก็บเข้าที่ พวกคุณก็ถูกทำโทษแน่”

วารุณีที่อยู่หน้าประตูได้ยินประโยคที่พิชญาพูดเป็นการแอบข่มขู่หน่อยๆ คิ้วที่สวยงามขมวดเข้าหากัน

พิชญาให้ดีไซเนอร์พวกนี้เก็บผ้าเข้าที่โดยไม่อาจโต้แย้งใดๆได้

แต่มีดีไซเนอร์ไม่เคยเห็นผ้าพวกนี้ ทำให้พวกเขาจัดเก็บผ้าพวกนี้ภายในหนึ่งชั่วโมง ไม่ได้เด็ดขาด

ซึ่งชัดเจนว่าเป็นสิ่งที่ลำบากใจมาก

“ไม่ทำงานเหรอ มาล้อมรอบอะไรที่นี่กัน?”เวลานี้ นอกฝูงชน ก็มีเสียงเย็นชาดังขึ้นมา

วารุณีได้ยินเสียงมาจากด้านหลังของตัวเอง ก็รีบหันไปมอง

มองเห็นนัทธีเดินมาอย่างหน้านิ่งๆ เธอก็พยักหน้าเล็กน้อย และทักทายอย่างสุขุม“ประธานนัทธี”

นัทธีมองเธอ ตอบรับอือ แล้วเดินไปข้างหน้าต่อ

เขาไปที่ไหน กลุ่มคนก็แยกออกโดยอัตโนมัติ หลีกทางให้เขา

นัทธีเดินมาอยู่ตรงหน้าพิชญา

พิชญามองใบหน้าเย็นชาของเขา ในใจก็รู้สึกกยำเกรงหน่อยๆ ก็ยังฝืนยิ้มออกไป“นัทธี คุณมาได้ไง?”

“เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ คุณยังบอกผมมาทำไมอีก?”นัทธีมองเธออย่างเย็นชา สุดท้ายก็มองไปที่ผ้าหลากหลายสีสันที่อยู่บนพื้น ริมฝีปากบางๆเม้มออกอย่างเยือกเย็น

“พิชญา ผมจำได้ว่าสองวันก่อนผมบอกคุณไปแล้วว่า ชั้นวางมีปัญหาต้องซ่อม ให้คุณรีบเอาผ้าส่งให้คนที่มารับสินค้า ทำไมคุณไม่ทำตาม?”

เผชิญหน้ากับคำถามของนัทธี พิชญาก้มหน้าลงอย่างร้อนตัว“ฉันยุ่งมาก ก็เลย……”

“นี่ไม่ใช่ข้ออ้าง!”นัทธีเอาคำพูดของเธอคืนกลับไปอย่างไม่ปรานีเลยสักนิด

พิชญาอับอายมาก มือทั้งสองลำตัวข้างกำขึ้นมาแน่นๆ

ต่อว่าต่อหน้าคนจำนวนมากแบบนี้ พิชญารู้สึกแค่ว่าตัวเองเสียหน้า

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนพวกนี้ยังมีวารุณี ทำให้เธอยิ่งรับไม่ได้มากขึ้น ในใจรู้สึกโกรธแค้น

แต่เธอไม่กล้าโกรธแค้นนัทธี จึงจ้องเขม็งไปทางวารุณีอย่างแรง

วารุณีมีใบหน้าสงสัย

เธอยืนอยู่ตรงนี้ ไม่พูดอะไร แบบนี้ก็ยังถูกพิชญาโมโหได้ น่าตลกเล็กน้อยจริงๆ

การกระทำเล็กๆของพิชญาถูกนัทธีเห็นเข้าไปในสายตา

นัทธีกลับไม่คิดมาก เอาสายตามองไปทางดีไซเนอร์พวกนั้น“หนึ่งชั่วโมงครึ่งเอาผ้าพวกนี้กลับเข้าที่ได้ไหม?”

“กลัวว่าจะไม่ได้ ผ้าพวกนี้พวกเราไม่เคยเห็นเยอะมาก และไม่เคยสัมผัสด้วย ดังนั้นเอาเก็บเข้าที่ก็ได้แต่เอาข้อมูลเข้าโกดัง เปรียบเทียบภาพบนข้อมูลมาจัดเข้าที่ แบบนี้ถ้าเร็วสุดก็ต้องสามชั่วโมง”มีดีไซเนอร์ตอบ

ผ้าพวกนี้เยอะมากจริงๆ

“เร็วกว่านี้ไม่ได้เหรอ?”นัทธีดูไม่พอใจกับผลลัพธ์นี้อย่างมาก

คนที่มารับสินค้าที่ทำความร่วมมือกันนั้นช้าสุดก็จะมารับผ้าพวกนี้อีกชั่วโมงครึ่งแล้ว จะรอสามชั่วโมงได้ไงกัน

จากนั้นเวลานี้ก็ไม่มีใครตอบ

เห็นสถานการณ์แบบนี้ ทันใดนั้นเองวารุณีก็ยกมือขึ้น“งั้นฉันลองดีกว่าค่ะ!”