บทที่ 20 ราชวิทยาลัยการออกแบบ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

เสียงของเธอไม่ถือว่าดัง แต่ในโกดังที่เงียบผิดปกติ กลับดังขึ้นมาอย่างชัดเจน

ทุกคนต่างมองไปที่เธอ สายตาเต็มไปด้วยความสงสัยและไม่อยากจะเชื่อ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งพิชญา ตาขาวแทบจะกลอกไปถึงฟ้าแล้ว

นัทธีกลับไม่มีการแสดงออกใดๆ“คุณจะบอกว่า คุณสามารถเอาผ้าพวกนี้ไปเก็บเข้าที่ได้ ภายในหนึ่งชั่วโมงครึ่ง?”

“ฉันทำคนเดียวไม่ได้ค่ะ แต่ถ้าประธานนัทธีหาผู้ช่วยสองคนให้ฉัน……”

“เธอเนี่ยนะ?”วารุณียังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกพิชญาชี้หน้าใส่ตัดบทอย่างดูถูก “เธอที่ออกจากเรียนกลางคัน กลัวว่าองค์ประกอบของเสื้อผ้าคืออะไรยังไม่รู้เลยมั้ง แล้วมาพูดโม้อย่างไม่ละอายใจว่าเก็บผ้าพวกนี้เข้าที่ได้เนี่ยนะ?”

วารุณีทำเหมือนไม่ได้ยินเธอพูด เดินไปหานัทธี พอถึงตรงหน้าเขาก็หยุดลง มองเขานิ่งๆ“ประธานนัทธีเชื่อฉันไหม?”

นัทธีไม่พูดมาก“งั้นก็ฝากคุณด้วย”

วารุณีเพิ่งจะพยักหน้า พิชญาก็กระโดดออกมาอีกทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ“นัทธี คุณเชื่อจริงๆเหรอว่าเธอเก็บผ้าพวกนี้เข้าที่ได้?”

“ในเมื่อเธอกล้าพูดแบบนี้แล้ว ทำไมผมจะไม่กล้าเชื่อล่ะ?”นัทธีเหลือบมองเธอ แล้วพูดอย่างเย็นชา

พิชญารู้สึกสำลัก จากนั้นจึงกัดปากอย่างไม่พอใจ“แต่ว่าเธอไม่จบมหาวิทยาลัย และพวกเราดีไซเนอร์ในนี้มีใครบ้างที่ไม่ได้จบมหาวิทยาลัยชื่อดัง ผ้าบางอย่างพวกเขายังไม่เคยเห็น เธอจะรู้ได้ไง”

“ใช่ไหม?”นัทธีมองไปที่วารุณี

เขาไม่เชื่อว่าลูกศิษย์ของเมอร์เซเดอ จะไม่ได้จบแม้แต่มหาวิทยาลัย

วารุณียิ้มบางๆ ตอบอย่างสบายๆว่า:“ฉันเรียนไม่จบจากมหาวิทยาลัยในประเทศจริงๆค่ะ เพราะว่าเรื่องส่วนตัวจึงต้องออกกลางคัน แต่มหาวิทยาลัยที่ต่างประเทศ ฉันไม่เพียงแต่เรียนจบอย่างประสบความสำเร็จ แต่ยังได้ใบประกาศนียบัตรมาด้วย ใช่สิ ฉันลืมบอกไปว่า ที่ฉันเรียนที่ต่างประเทศคือราชวิทยาลัยการออกแบบซาชิโอ”

ฮะ……

ทุกคนในที่นั้นต่างตกตะลึง

ราชวิทยาลัยการออกแบบซาชิโอ นั่นเป็นราชวิทยาลัยการออกแบบเสื้อผ้าชั้นนำของโลกเชียว ทุกปีรับนักเรียนแค่สามร้อยคน ดังนั้นเข้าไปได้ ต่างเป็นคนที่มีพรสวรรค์สุดๆ

คิดไม่ถึงว่าคนนี้จะเป็นหนึ่งในนั้น

ในเวลาอันสั้น สายตาที่ดีไซเนอร์พวกนี้มองวารุณีก็เปลี่ยนไป จากดูถูกเหยียดหยาม ก็กลายเป็นดูถูกอย่างมาก

แม้แต่นัทธีก็คิดไม่ถึงว่าวารุณีจะมาจากมหาวิทยาลัยนี้

ไม่น่าล่ะเธอถูกเมอร์เซเดอรับเป็นศิษย์ได้

“เป็นไปไม่ได้!”เวลานี้ จู่ๆเสียงแหลมเล็กที่ไม่เข้ากับสถานการณ์ตอนนี้ก็ดังขึ้นมา“เธอจะมาจากซาชิโอได้อย่างไร!”

อารมณ์ของพิชญาใจร้อน ไม่ยอมเชื่อความจริงนี้

เธอเพิ่งพูดว่าวารุณีเรียนไม่จบมหาวิทยาลัย ตอนนี้วารุณีบอกว่าตัวเองจบจากซาชิโอ

กับตบหน้าเธอแล้ว ต่างกันตรงไหน!

“ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้”วารุณีหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดๆไป จากนั้นยื่นไว้ตรงหน้าพิชญา“นี่คือใบจบของฉัน ถ้าผู้จัดการพิชญาคิดว่ามีปัญหาล่ะก็ ยินดีให้ผู้จัดการพิชญาไปพิสูจน์ได้ตลอดเวลาค่ะ”

พิชญาจ้องโทรศัพท์ตรงหน้าเขม็ง เหมือนว่าจะจ้องโทรศัพท์ออกมาให้เป็นรูสองรู“เธอจงใจใช่ไหม จงใจพูดออกมาตอนนี้ ทำให้ฉัน ……

“พอแล้ว!”ฉากทะเลาะนี้นัทธีดูต่อไปไม่ไหว เม้มปากบางๆแล้วต่อว่าอย่างทนไม่ไหวว่า:“ในเมื่อคุณอยู่ช่วยที่นี่ไม่ได้ ก็ไสหัวไป!”

“นัทธี……”

“ออกไป!”

สีหน้าพิชญาดูแย่

พอเธอไป นัทธีก็ไล่คนอื่นออกไป เหลือเพียงแต่คนสองคนที่จะมาเป็นลูกมือให้วารุณีชั่วคราว

วารุณีก็ไม่เสียเวลาต่อไป ให้ผู้ช่วยสองคนเอาผ้าที่รู้จักไปเก็บก่อน จากนั้นเธอค่อยจัดการที่เหลือให้เสร็จ

หลังจากผู้ช่วยสองคนนี้ทำผ้าที่พวกเขารู้จักเสร็จ เวลาก็ผ่านไปสี่สิบนาทีแล้ว

วารุณีวางข้อมูลโครงการที่อยู่ในอ้อมแขนลง ค่อยๆเข้าไป มองดูผ้าร้อยกว่าผืนที่เหลือ ชี้ทีละอันแล้วพูดว่า“นี่คือผ้าฝ้ายผสมโพลิเอสเตอร์ นี่คือผ้าฝ้ายเทียม นี่คือผ้าซาติน นี่คือผ้าไหมแท้ ……”

แป๊บเดียว สิบนาทีก็ผ่านไป นัทธีพบว่าเธอได้เก็บผ้าหลายสิบผืนแล้ว

และเมื่อดูจากสายตาของผู้ช่วยสองคนนั้นที่เอาข้อมูลเข้าคลังมาเปรียบเทียบแล้ว และก็คอยอุทานออกมาตลอด ก็สามารถคาดการณ์ได้ว่า เธอเก็บเข้าที่ถูกหมด

นัทธีมองวารุณี สายตาค่อยๆกลายเป็นชื่นชม

บางทีเธออาจจะรับหน้าที่เป็นหัวหน้าดีไซเนอร์ของBath fire rebirthได้

“เอ๋?”เหมือนว่าจะเจอปัญหายาก ทันใดนั้นเองวารุณีก็ส่งเสียงสงสัย