บทที่ 8 โจเซฟ

เจ้าของร้านพิศวง

บทที่ 8 : โจเซฟ

ก๊อกก๊อก!

“หัวหน้า มีรายงานเข้ามาครับ”

เสียงเรียกดังกล่าวทำให้โจเซฟเงยหน้าขึ้นจากเอกสาร มองไปยังเด็กหนุ่มผมทองหน้าประตู

“เข้ามาสิ คล็อด”

เขาวางปากกาลง ถอดแว่นตาออกแล้วถูจมูกเล็กน้อย

“มีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับกระจกมนตราหรือเปล่า นักล่าพวกนั้น…”

ชายชราลุกขึ้นพลางมองไปยังกองแฟ้มบนโต๊ะ สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วคำราม

“….เป็นเศษเดนของนอร์ซินชัด ๆ!”

โจเซฟดูเหมือนชายแก่ ๆ ธรรมดาในตอนที่นั่ง แต่เมื่อยืนขึ้น กล้ามเนื้อและโครงร่างอันใหญ่โตของเขาก็ปูดออกมาราวกับกำลังจะฉีกเสื้อผ้าออก พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ ผมสีขาวหงอกนั้นทำให้ชายชราคนนี้แผ่ออร่าอันน่าเกรงขามออกมา

คล็อดโบกมือให้ผู้คนข้างนอกก่อนจะเปิดประตูอย่างนุ่มนวลแล้วเดินเข้าไป

“ขออภัยด้วยท่านอาจารย์ แต่นี่เป็นรายงานเรื่องใหม่ครับ”

“เรื่องใหม่งั้นเหรอ? มีเรื่องอะไรจะสำคัญไปกว่าพวกกลุ่มนักล่าปัญญาอ่อนที่วัน ๆ เอาแต่ก่อปัญหาอีกเล่า?!

โจเซฟเคาะโต๊ะด้วยความโกรธ จนเสียงโลหะดังออกมาจากแขนกลของเขา

จากนั้นรอยร้าวก็ปรากฏขึ้นบนโต๊ะที่สั่นด้วยแรงกระแทก

“บัดซบเอ๊ย! ฉันคงจะได้เกษียณอย่างมีความสุขไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะพวกสารเลวนั่น! ให้ตายสิ! สักวันฉันจะไปฉี่ที่หลุมศพแม่พวกมัน!”

ริมฝีปากของคล็อดกระตุกจนอดไม่ได้ที่จะพูดขัด

“อาจารย์คำนึงถึงภาพลักษณ์หน่อยก็ดีนะครับ…”

โจเซฟพึมพำ…

“จะไปกลัวอะไรเล่า?” ชายชราเหลือบมองไปที่ด้านหลังของคล็อด “ปิดประตูไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”

“…”

หลังจากพูดไปขนาดนั้นถ้าลืมปิดมันก็คงไม่ทันให้ถามแล้วล่ะ?

“มาต่อกันเลยดีกว่าครับ” คล็อดเกาหัวอย่างช่วยไม่ได้แล้ววางแฟ้มในมือลงบนโต๊ะ

“สายสืบของเราที่ติดตามสถานการณ์เรื่องกลุ่มนักล่าอยู่ได้รายงานมาว่า เขาพบไวลด์ที่ซอย 23 ครับ…”

“ใครนะ?!”

ดวงตาของโจเซฟหรี่ลงขณะที่สีหน้าของเขาเคร่งขรึมขึ้นมา

“ไวลด์… แฟรงก์ ไวลด์ ‘บุรุษหน้ากากดำ’ ผู้ที่ถูกระบุให้เป็นผู้ใช้มนตร์ดำระดับทำลายล้าง เขาหายตัวไปเมื่อสองปีก่อน หลังจากศึกที่ไวท์ฮิลส์ ค่าหัวของเขาเพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้ทางหอพิธีกรรมต้องห้ามออกตัวต่อต้านอย่างรุนแรง”

คล็อดเดาไว้แล้วว่าอาจารย์ของเขาจะต้องมีปฏิกิริยาแบบนี้ ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็รายงานเรื่องที่ได้รับมาอย่างแม่นยำ

“ในที่สุดมันก็ปรากฏตัวอีกครั้งแล้วสินะ ฉันคิดว่าขยะแบบมันจะเอาแต่ซ่อนตัวอย่างสั่นกลัวไปตลอดเสียอีก” โจเซฟเยาะเย้ย

“คุณเป็นคนยืนกรานว่าเขายังมีชีวิตอยู่และบอกให้เพิ่มเงินรางวัลค่าหัวต่อไป เพราะเชื่อมั่นว่าเขาจะปรากฏตัวอีกครั้งไม่ใช่เหรอครับ…” คล็อดพึมพำ

“แน่นอนสิ… ไม่มีใครรู้จักมันดีไปกว่าฉัน”

โจเซฟมองลงไปที่แขนกลที่ถูกปรับแต่งโดยสมาคมแห่งสัจธรรม เสียงโลหะดังก้องขึ้นมาทันทีที่นิ้วมือของเขารวมกันเป็นกำปั้น

ชายชราสูญเสียแขนขวาในการต่อสู้เมื่อสองปีก่อน แต่ก็ได้ทำลายร่างของไวลด์ไปครึ่งหนึ่งเช่นกัน หลายคนเชื่อว่าไวลด์นั้นตายไปแล้ว แต่โจเซฟกลับมีลางสังหรณ์ว่าอีกฝ่ายจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน!

“ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะซ่อนตัวอยู่ที่นอร์ซิน สถานที่อันตรายที่สุดคือที่ปลอดภัยที่สุดงั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าสมองของมันจะดีขึ้นมาบ้างแล้วสินะ หวังว่าตอนนี้มันจะมีมากกว่าแค่น้ำในสมองขนาดเท่าวอลนัทของมัน”

“แล้วมันมาทำอะไรที่ซอย 23 กัน?” โจเซฟถามขณะเอามือกดลงไปบนโต๊ะ

“ตามรายงาน เขาเข้าไปในร้านหนังสือเก่า ๆ ที่ดูจะธรรมดา เป็นเวลานานกว่าหนึ่งชั่วโมง เหมือนว่าเข้าไปซื้อหรือยืมหนังสือสักเล่ม” คล็อดตอบ

“ผู้ใช้มนตร์ดำที่ใช้พลังมาจากอักขระและภาษากลับมาซื้อหนังสือเนี่ยนะ? ไร้สาระน่า! มีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับร้านหนังสือนั่นแน่ ๆ พวกนายตรวจสอบที่นั่นหรือยัง?”

“ทำไปแล้วครับ ร้านหนังสือนี้อยู่ภายใต้การดูแลของหอการค้าแห่งเถ้าถ่าน เปิดดำเนินการมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แม้ว่าจะมีลูกค้าไม่มาก แต่ร้านก็มีชื่อเสียงที่ดี ความผิดปกติอย่างเดียวก็มีแค่เจ้าของร้านที่เป็นคนต่างถิ่น ตอนแรกทางเราสงสัยว่าที่นี่อาจจะเป็นที่หลบภัยของพวกผู้ใช้มนตร์ดำ แต่ตอนนี้พวกเราเริ่มไม่แน่ใจเท่าไหร่”

“อะไรที่ทำให้พวกนายรู้สึกไม่แน่ใจกัน?”

คล็อดตอบด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย

“หอการค้าแห่งเถ้าถ่านเป็นของพวกดรูอิด… ผู้ศรัทธาในธรรมชาติและป่าไม้ มันไม่น่าจะเป็นไปได้ที่พวกเขาจะเชื่อมโยงกับผู้ใช้มนตร์ดำ นอกจากนี้ถ้าพวกเราทำอะไรผลีผลามสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของหอการค้าแห่งเถ้าถ่าน พวกดรูอิดอาจจะยื่นเรื่องรายงานไปยังศูนย์ใหญ่ของหอพิธีกรรมต้องห้ามได้”

โจเซฟกระแทกฝ่ามือบนโต๊ะ “ชิ ไอ้เจ้า… พวกชอบกินผัก !”

“เอ่อ พวกดรูอิดไม่ได้เป็นมังสวิรัติครับ …”

“ช่างมันเถอะน่า! ให้ตายสิ! ใคร ๆ ก็เข้าสู่ด้านมืดได้ทั้งนั้นแหละ ภารกิจของพวกเราเหล่าอัศวินคือการกำจัดความมืด! นายคิดว่าไวลด์ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงในร้านหนังสือ เพื่อพูดคุย อ่านหนังสือ และดื่มชาหรือไง?”

โจเซฟตะคอกด้วยความโกรธเกรี้ยว

“คล็อดศิษย์รัก นายคิดจริง ๆ เหรอว่าผู้ใช้มนตร์ดำแสนชั่วร้ายที่เต็มไปด้วยอุบายและความเคียดแค้นจะมานั่งพักอ่านหนังสือในร้านหนังสือธรรมดา ๆ จริง ๆ น่ะ?!”

“ถ้านายคิดแบบนั้น ฉันจะใช้รองเท้าบูตปลายแหลมคู่นี้ เตะก้นนายสุดแรงเลย!”

คล็อดที่ถูกขู่ ไม่กล้าโต้กลับอาจารย์ของเขา ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงแค่พูดเยาะเย้ยกลับไป “แต่ท่านอาจารย์ หอการค้าแห่งเถ้าถ่านช่วยจ่ายเงินค่าใช้จ่าย 40% ให้กับหน่วยข่าวกรองของเราเลยนะครับ”

“…”

ใบหน้าของโจเซฟแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง ชายชราหายใจเข้าลึก ๆ สองครั้ง ก่อนจะก้าวออกไปข้างหน้าโต๊ะทำงาน สวมเนคไทและเสื้อคลุม รูปร่างขนาดใหญ่ของเขาควบคู่กับเสื้อผ้าเหล่านี้ให้บรรยากาศราวกับ ‘มาเฟียสไตล์ตะวันตก’

“ไม่ว่าจะยังไง ฉันจะไปที่ซอย 23 เพื่อดูว่าไอ้ร้านหนังสือนั่นมันเป็นยังไงกันแน่!”

โจเซฟคำราม

“ครับอาจารย์”

คล็อดก้มหน้าพร้อมเปิดประตู

หลังจากนั้นโจเซฟก็เดินออกจากประตู มุ่งหน้าไปที่ลิฟต์ โดยมีผู้คนที่เดินผ่านไปมาในหอพิธีกรรมต้องห้ามต่างก็หยุดทักทายเขา

“สวัสดีตอนบ่ายครับ ท่านหัวหน้าอัศวิน”

“สวัสดีครับ ท่านอัศวินแห่งแสง”

“สวัสดีครับ ท่านหัวหน้าหน่วย”

“สบายดีไหมครับ ท่านหัวหน้าอัศวิน?”

อับราฮัม โจเซฟ

หนึ่งในสิบอัศวินแห่งแสงของหอพิธีกรรมต้องห้าม หรือจะพูดให้ถูกก็คืออดีตอัศวินแห่งแสง

การต่อสู้ที่ไวท์ฮิลส์ ทำให้ไวลด์ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนต้องหนีไปซ่อนตัว ส่วนโจเซฟเองก็ได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวงทั้งทางร่างกายและจิตใจ เข้าสู่สภาวะกึ่งเกษียณและย้ายไปทำงานด้านข่าวกรองของหอพิธีกรรมต้องห้าม

“ฮะฮะ…”

โจเซฟกดปุ่มในลิฟต์ ทำให้มันเริ่มเคลื่อนลงไปอย่างช้า ๆ

หอพิธีกรรมต้องห้าม เป็นหอคอยที่มีความสูงมากกว่าสามร้อยเมตร มันมีเขตสำนักงานและทางเดินที่อัดแน่น เหมือนรวงผึ้งขนาดใหญ่ประกอบไปด้วย

สาขาข่าวกรอง สาขาฝึกอบรม สาขาการต่อสู้ และสาขาโลจิสติกส์

ตั้งแต่โบราณกาล เหล่าอัศวินที่ครอบครองพลังแห่งธาตุได้พยายามที่จะชำระล้างความชั่วร้ายออกไปจากโลกมาโดยตลอด

ลิฟต์ขนาดใหญ่สี่สิบเก้าตัวที่อยู่ตรงกลางเคลื่อนที่ขึ้นและลงตลอดเวลา โดยบรรทุกผู้คนหลายพันคนขึ้นลงหอคอยในแต่ละวัน

“ขอดูหน่อยเถอะว่านายเป็นคนแบบไหนกันแน่… หลินเจี๋ย”

โจเซฟพึมพำพลางยัดรายงานลงในกระเป๋ากางเกง ขณะที่ประตูลิฟต์ค่อย ๆ เปิดออกอย่างช้า ๆ

ทันใดนั้นชายชราก็หลับตาลง “ให้ตายสิ ภาพหลอนนั่น…มันกลับมาอีกแล้ว…”