ตอนที่ 57 ร้ายมากกว่าดี ตอนที่ 58 ยาดีรักษาไม่ได้

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 57 ร้ายมากกว่าดี / ตอนที่ 58 ยาดีรักษาไม่ได้

ตอนที่ 57 ร้ายมากกว่าดี

“นายท่าน เมื่อครู่นี้ฝนตกลงมาอย่างกะทันหันและหนักด้วย ในช่องเขาด้านหน้ามีโคลนและหินบางส่วนหล่นลงมากีดขวางเส้นทาง” หั่วหลางเอ่ย “หากจะต้องเอาสิ่งกีดขวางออกเกรงว่าจะล่าช้า แต่ถ้าอ้อมก็จะยิ่งช้าเข้าไปใหญ่ เกรงว่าคืนนี้คงไม่สามารถเดินทางไปถึงเมืองเล็กๆ หรือโรงพักม้าได้ขอรับ”

ฉีเชียนมองช่องเขาด้านหน้าด้วยแววตาครุ่นคิดพิจารณา หากพวกเขาไม่เชื่อฉินหลิวซีและยืนกรานที่จะรีบเดินทาง พวกเขาจะถูกหินหล่นทับพอดีหรือไม่นะ

เขาหันกลับไปมองรถม้าของฉินหลิวซีด้านหลังก่อนจะเอ่ยกับหั่วหลาง “ฟ้าจะมืดแล้ว ไม่ต้องอ้อม จัดการเอาสิ่งกีดขวางออกจากเส้นทางให้รถม้าผ่านได้”

“ขอรับ”

เฉินผีที่อยู่ด้านข้างได้ยินเช่นนั้นแล้วก็วิ่งกลับไปที่รถม้าของฉินหลิวซี “คุณชาย พวกเขาต้องจัดการสิ่งกีดขวางก่อนถึงจะไปต่อได้ขอรับ”

“อืม” ฉินหลิวซีกำลังเล่นไม้ที่ถูกฟ้าผ่าที่อยู่ในมือท่อนนั้น นางกำลังคิดว่าจะเอาไปทำอาวุธวิเศษอะไรดี กระบี่เล็กๆ สักเล่มจะดีหรือไม่นะ?

เฉินผีไม่ได้รบกวนนาง เขาไม่มีอะไรทำจึงออกไปมองดูพวกหั่วหลวงกำจัดสิ่งกีดขวางออกจากถนน เพียงแต่ตอนขาไป เขาไปอย่างร่าเริง แต่ตอนขากลับ กลับกลับมาด้วยหน้าตาเศร้าหมอง

เขากำลังช่วยเคลื่อนย้ายสิ่งกีดขวางบนถนน แล้วมือของเขาก็ถูกหินที่หล่นลงมาบาดจนได้เลือด

ฉินหลิวซีเดาะลิ้น “อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด คราวเคราะห์หนีอย่างไรก็ไม่พ้น”

“คุณชาย!” เฉินผีน้อยใจ

ฉินหลิวซีนำยาจินชวง[1]และน้ำสะอาดออกมา ทำความสะอาดแผลและใส่ยาจินชวงให้เขา ก่อนจะเอ่ย “ไม่เป็นไร ก็แค่เลือดตกยางออกเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต ผ่านแล้วก็ผ่านไป”

ฉีเชียนที่เดินกลับมาพร้อมกับเฉินผีได้ยินเช่นนั้นเข้าก็เอ่ยขึ้น “ท่านไม่คิดที่จะช่วยให้เขาหลบเลี่ยงเคราะห์ครั้งนี้หรือ”

ฉินหลิวซีเอ่ย “แค่เลือดเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น หลบหลีกไม่พ้นก็แค่รับไว้ ไม่ได้มีอะไรร้ายแรงถึงตาย อีกอย่างข้าก็ช่วยเขาแล้ว มิฉะนั้นจะหลบฝนได้อย่างไร แต่ที่เขาหลบเลี่ยงไม่พ้นกลับเป็นทางเลือกและดวงชะตาของตัวเขาเอง ท่านว่าเด็กน้อยอย่างเขาว่างๆ ไม่มีอะไรทำ ไปดูคนอื่นสนุกๆ ก็พอแล้ว จะไปช่วยพวกพี่ๆ ทำไมกัน ดูสิ แล้วช่วยอะไรได้หรือไม่”

เจ้านายของเขาช่างไร้น้ำใจจริงๆ!

ฉีเชียนหันไปมองเฉินผีที่กำลังห่อเหี่ยวแล้วก็รู้สึกเห็นใจขึ้นมาทันที

ส่วนเจ้านายที่ไร้หัวใจนั้นก็กำลังทำสีหน้าสมน้ำหน้าเขาอยู่ ทำให้ฉีเชียนรู้สึกว่าเจ้าเด็กน้อยยิ่งน่าสงสาร

ฉีเชียนยืนพิงข้างประตูรถม้าขณะที่รอให้ผู้ใต้บังคับบัญชาจัดการกับสิ่งกีดขวาง และฟังฉินหลิวซีสั่งสอนเฉินผีไปด้วย เขาเห็นว่าท้องฟ้ามืดลงทุกขณะ แล้วก็เหมือนจะได้ยินเสียงรถม้าดังเข้ามาในระยะใกล้

“เวลานี้แล้วยังมีคนเร่งเดินทางอีกหรือ” ฉินหลิวซีเองก็ได้ยินเสียงล้อรถม้าเช่นกันและมองไปยังทิศทางที่มาของเสียง

ฉีเชียนยืดตัวขึ้นและเรียกให้หั่วหลางระวังตัว

รถม้าคันหนึ่งและผู้ติดตามชั้นยอดบนหลังม้าจำนวนหนึ่งปรากฏขึ้นในสายตา เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังรีบร้อน เมื่อคนที่นำอยู่ด้านหน้าเห็นว่ามีพวกฉีเชียนอยู่ทางด้านนี้แล้วก็ยกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้คนที่ตามมาด้านหลังหยุดทันที จากนั้นก็ควบม้านำมาก่อน

หั่วหลางเข้าไปต้อนรับ

ผู้ติดตามซึ่งเป็นชายวัยกลางคนสวมเสื้อทอตัวสั้นกระโดดลงจากหลังม้าสูงใหญ่ตัวนั้น ก่อนจะประสานมือถามหั่วหลาง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กลับไปที่รถม้าเพื่อรายงาน เมื่อได้รับคำสั่งจากเจ้านายที่อยู่บนรถม้าแล้ว เขาก็นำผู้ติดตามบางส่วนเข้ามาช่วยกันจัดการกับสิ่งกีดขวางด้วย

เมื่อมีคนช่วยเยอะขึ้น ถนนที่ถูกปิดกั้นก็กลับมาสัญจรได้อีกครั้งอย่างรวดเร็ว พวกฉินหลิวซีก็เริ่มเดินทางอีกครั้ง กระทั่งท้องฟ้ามืดสนิทลง พวกเขาก็ยังไม่สามารถเดินทางถึงในเมืองหรือโรงพักม้าได้จริงๆ ได้แต่ต้องปักหลักค้างคืนอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ แทน

“นายท่าน รถม้าที่ตามหลังพวกเรามาผ่านไปแล้วขอรับ” หั่วหลางเอ่ยกับฉีเชียน

ฉีเชียนส่งเสียงตอบรับทีหนึ่งแล้วก็ไม่ได้สนใจอีก

“พวกเขาจะกลับมา” ฉินหลิวซีมองเข้าไปในความมืด “และจะเจ็บหนักกลับมาด้วย”

กลิ่นอายของเลือดและความตายรุนแรงมาก คนกลุ่มนั้นจะพบเจอเรื่องร้ายมากกว่าดี

ทุกคนตกตะลึง

ตอนที่ 58 ยาดีรักษาไม่ได้

ท้องฟ้านั้นมืดมิดราวกับน้ำหมึก เสียงกรีดร้องและการต่อสู้อันดุเดือดดังมาจากในป่า นกที่อยู่บนต้นไม้ตกใจจนกระพือปีกบินหนีอย่างสับสน

“ผิงจื่อ พาพวกเขาออกไป” ผู้ติดตามวัยกลางคนฟันคอชายชุดดำและตะโกนอย่างเฉียบขาด

“ท่านลุง” ผู้ติดตามอีกคนเป็นเด็กหนุ่มชื่อผิงจื่อที่กำลังต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขา ขณะที่หันหลังให้เขาอยู่ดวงตาก็แดงก่ำขึ้น ก่อนที่เขาจะหันหน้ามา

“ไป” ผู้ติดตามวัยกลางคนหอบหายใจหนัก “คุ้มครองพวกเขาให้ดี รีบไปเร็ว นี่คือคำสั่ง”

ผิงจื่อสะกดกลั้นเสียงสะอื้น ด้วยวิชาตัวเบาไม่กี่ก้าวเขาวิ่งไปถึงรถม้าที่แยกเป็นสองท่อน และลากตัวเด็กสองคนออกมาขึ้นม้า

“เจ้าพาน้องข้าไป” เด็กที่โตกว่าส่งเด็กน้อยที่หายใจรวยรินในอ้อมแขนส่งให้เขา

“คุณหนู แล้วท่านเล่า”

เด็กที่ถูกเรียกว่าคุณหนูหันหน้ากลับมา หากตรงนั้นมีแสงสว่างก็จะสามารถเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดของนางในเวลานี้ได้อย่างชัดเจน แต่ดวงตาของนางกลับนิ่งสงบและเต็มไปด้วยความแค้น

นางลากม้าอีกตัวมาก่อนจะพลิกตัวขึ้นม้าอย่างราบรื่น จากนั้นก็หันไปมองผู้ติดตามชายวัยกลางคนที่ยังคงต่อสู้อยู่ นางกัดริมฝีปากของตนอย่างแรง แล้วก็หันหน้ากลับมา “ไป”

นางนำหน้าไปก่อน จากนั้นผิงจื่อก็อุ้มเด็กน้อยควบม้าตามหลังมา

ชายชุดดำเห็นเช่นนั้นต้องการจะไล่ตามไป แต่ผู้ติดตามวัยกลางคนก็ร้องเสียงแหลมออกมา แล้วรีบพุ่งเข้าไปพร้อมกวัดแกว่งกระบี่ยาวในมือ

เสียงของการต่อสู้เบื้องหลังค่อยๆ จางหายไป สีเจิงใช้หลังมือเช็ดหางตาของตน ก่อนจะเม้มปากและควบม้าพุ่งกลับไปตามทางที่มา

ณ เวลานั้น ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่เงียบสงบ ฉินหลิวซีและคนอื่นๆ เพิ่งจะกินข้าวเย็นอยู่ในหมู่บ้านชาวนาหลังหนึ่งเสร็จเรียบร้อยและกำลังจะจิบชา

มีเสียงฝีเท้าม้าดังขึ้น

ฉินหลิวซีวางถ้วยชาลง เป็นชาที่ดี แต่นางไม่มีเวลาดื่มแล้ว

“เฉินผี ขอให้เจ้าของบ้านต้มน้ำร้อนหม้อใหญ่ให้หน่อย”

“ได้ขอรับ”

ฉีเชียนหันไปมองฉินหลิวซี ปากของเขาอ้าออก แต่กลับไม่ได้เอ่ยอะไร

เสียงเท้าม้าดังขึ้นด้านนอกบ้านชาวนาหลังนั้น

หั่วหลางที่เฝ้าอยู่ด้านนอกรีบเข้ามาข้างในและประสานมือขอคำแนะนำจากฉีเชียน “นายท่านพวกเขากลับมาจริงๆ ขอรับ ดูเหมือนจะบาดเจ็บไม่น้อย”

กลิ่นเลือดโชยมาแต่ไกล

“คุณชายได้โปรดขอยาช่วยชีวิตพวกข้าด้วย” เสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างชัดเจนที่ด้านนอกพร้อมกับเสียงดังตุบ ซึ่งน่าจะเป็นเสียงคนคุกเข่า

“ท่านหมอฉิน ท่านว่าอย่างไร”

ฉินหลิวซีเอ่ยอย่างเกียจคร้าน “ข้าออกมารักษาคนเพราะคำเชิญของท่าน นับว่าเป็นแขกของท่าน คนที่ควรตัดสินใจไม่ใช่ข้า”

“ไปดูกันเถิด” ฉีเชียนลุกขึ้นยืน

ฉินหลิวซีเหลือบมองเขา “คุณชายฉีเป็นคนมีน้ำใจ ไม่กลัวว่าจะเดือดร้อนทีหลังเลยนะ”

ฉีเชียนยืนเอามือไพล่หลัง เมื่อเขาได้ยินเช่นนั้นก็หันหลังกลับมา “ท่านหมอฉินเองก็ไม่กลัวมิใช่หรือ ท่านถึงกับสั่งให้เฉินผีน้อยเตรียมตัวไว้แล้วด้วยซ้ำ”

ฉินหลิวซีเลิกคิ้วทันทีและลุกขึ้นยืนเช่นกัน “ข้ากำลังคิดว่าจะหาเงินได้บ้างหรือไม่ ออกไปดูกันเถอะ”

พวกเขาหลายคนเดินออกมาและพบว่าคนผู้หนึ่งกำลังคุกเข่าอยู่นอกเรือนเล็กจริงๆ ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยเลือด นางเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง ส่วนด้านหลังนางถัดไปหนึ่งก้าวเป็นผู้ติดตามหนุ่มน้อยที่กำลังอุ้มเด็กน้อยใกล้ตายคนหนึ่งไว้

เมื่อมองไปที่คราบเลือดบนร่างกายของพวกเขาและจำนวนคนที่เหลืออยู่แค่นี้ ไม่ใช่เรื่องยากที่จะจินตนาการได้ว่าพวกเขาผ่านการต่อสู้นองเลือดมาอย่างโหดร้ายน่าเวทนาเพียงใด ไม่เช่นนั้นคงไม่เหลือแค่พวกเขาสามคนนี้หรอก

เมื่อสีเจิงเห็นฉีเชียนและฉินหลิวซีที่ยืนถัดไปด้านหลัง นางก็หมอบลงกับพื้นและเอ่ยขอร้องอีกครั้ง “ขอความกรุณาคุณชายผู้ใจบุญให้ยาดีเพื่อช่วยเหลือน้องชายของข้าด้วยเถิด”

ฉินหลิวซีมองไปยังเด็กน้อยก่อนจะเอามือไพล่หลังแล้วเอ่ย “เขากำลังจะตาย ไม่มียาดีๆ ที่จะช่วยเขาได้หรอก”

ยาดีรักษาไม่ได้ แต่นางทำได้!

ร่างของสีเจิงสั่นสะท้านทันที นางเงยหน้าขึ้นมองฉินหลิวซีและคิดที่จะโต้แย้ง แต่เมื่อเห็นสายตาคู่นั้นแล้ว น้ำตาที่อดกลั้นไว้ก็ไหลลงมาทันที

คุณชายน้อยผู้นี้ไม่ได้โกหก นางรู้ดี

สีเจิงคลานเข่าเข้าไปคุกเข่าต่อหน้าฉินหลิวซี เอ่ยว่า “หากคุณชายช่วยเขาได้ ชีวิตของข้าก็เป็นของคุณชาย!”

[1]ยาจินชวง เป็นผงยาสำหรับห้ามเลือดและรักษาแผล