ตอนที่ 37 เฉินหลิงฉือ ปะทะ พระเอก (1)

ตัวของผมในต่างโลก…. แม่งบ้า!!!

“ จริงๆฉันก็ไม่ได้อยากทำให้ท่านพี่สุดที่รักเสียใจหรอกนะ แต่ว่านายจะต้องล้มลง แทบเท้าของฉัน!”หลิงฉือ

 

 

ท้ายที่สุดแล้ว คู่แรกที่ต้องขึ้นมาสู่กันก่อนก็คือผมกับเฉินหลิงฉือ ผมของเธอปลิวไสวเมื่อได้สัมผัสกับลมที่พัดผ่านเข้ามาพร้อมทั้งทำท่าทางเชือดคือให้ผมดู ผมมองภาพนั้นด้วยสายตาที่เฉยชา แม้ว่าเธอจะพูดด้วยสีหน้าท่าทางที่จริงจังก็เถอะนะ

 

 

แต่มันดูน่ารักปุ๊กปิ๊กมากเลยอ่ะ ผมทำใจสู้เต็มที่ไม่ลงหรอกนะ อรั้ย~

 

 

“ มีอะไรจะบอกกันก่อนสู้ไหม? ”มอร์แกน

 

 

“ อัลเลียน ฟอน เจเนซิส เรียกว่าบี๋ก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักนะ ”

 

 

“ เฉินหลิงฉือ ธิดาคนสุดท้องของจักรพรรดิเฉินเซียน ”เฉินหลิงฉือ

 

 

“ จะทำให้นายมาก้มกราบฉัน เทิดทูนฉันเป็นจักรพรรดินีเดี๋ยวนี้แหละ!! ”เฉินหลิงฉือ

 

 

อืมๆ มีความมั่นใจสูงจังเลยน้า คงต้องบอกว่าสมแล้วล่ะมั้งที่เป็นลูกสาวของจักรพรรดิ 

 

 

แต่ว่า.. ไอ้ตรงคนดูนั่นมันอะไรล่ะเนี่ย? จือหนานกำลังคลั่งเรอะน่ะ?

 

 

ผมสัมผัสออร่าแห่งความฉุนเฉียวออกมาจากทางจือหนานได้อย่างชัดเจน โชคยังดีที่มีรามและซือถู(คนใช้ของหลิงฉือ)คอยรั้งเธอล็อคแขนเธอเอาไว้ไม่ให้เข้ามาทำอะไรกับน้องสาวแท้ๆของเธอน่ะ ไม่งั้นเป็นเรื่องแน่

 

 

“ อืม หลิงฉือจังสินะ ฝากตัวด้วย ”

 

 

“ ย- อย่าเติมคำว่าจังลงท้ายนะ!!! ”เฉินหลิงฉือ

 

 

ถึงเจ้าตัวจะดูคูลก็เถอะ แต่ว่าแบบนี้มัน.. น่ารักจัง ทำเอาผมอยากแกล้งไปอีกเรื่อยๆเลยล่ะ

 

 

“ แล้วก็พวกเธอน่ะก็ดูเอาไว้ด้วยนะว่าทั้งสองคนสู้กันยังไง จำไว้ว่าทุกวินาทีคือโอกาสและความรู้ ”มอร์แกน

 

 

เริ่มได้!!!

 

 

“ หวังว่าจะออมมือให้สักหน่อยนะ เพราะฉันน่ะเป็นมือใหม่ ”

 

 

บี๋เริ่มตั้งการ์ดขึ้นมาทันทีที่การต่อสู้ได้เริ่มขึ้นพร้อมๆกับการที่คอยรวบรวมมานาบางส่วนทั่วทั้วร่างเพื่อหมุนเวียนมันจนเกิดเป็นออร่า ความร้อนระอุเริ่มปะทุขึ้นใต้ผิวหนังของเขา จนทำให้บี๋นั้นจำเป็นต้องถอดเสื้อของตนออกอย่างช่วยไม่ได้ 

 

 

อันที่จริงการที่ถอดอุปกรณ์ป้องกันพื้นฐานของโรงเรียนออกแบบนี้ถือว่ากล้าไม่เบา และมันยังเป็นการดูถูกหลิงฉืออีกด้วย แต่เชื่อสิว่าไอ้บ้านั่นมันไม่ได้คิดจะทำอะไรแบบนั้นเลย ที่มันทำไปก็เพราะมันร้อนล้วนๆ

 

 

“ รอยสัก? ”ราม

 

 

และแน่นอนว่าทันทีที่เขาได้ถอดเสื้อออกมาจะทำให้คนอื่นได้เห็นถึงรอยสักทั้งสามจุดของเขาที่แขนขวา แขนซ้าย และกลางหลัง ซึ่งร่องรอยที่แขนจะเป็นเหมือนกับหอกที่ต่างขั้วกัน ข้างซ้ายเหมือนกับหอกศักดิ์สิทธิ์ ส่วนข้างขวาเหมือนกับหอกของปีศาจ และอีกที่นึงนั่นคือที่กลางหลัง เป็นรูปปีกทั้งหกข้างมีสีของปีกที่แบ่งขั้วกันอย่างชัดเจน ราวกับหยินและหยาง

 

 

มันเป็นอะไรที่ใครในที่นี้ไม่เคยเห็นมาก่อน

 

 

สิ่งนั้นทำให้อาจารย์มอร์แกนเริ่มสนใจในตัวของเขา

 

 

“ …. คิดจะหลอกล่อข้าหรอ? ใช้วิธีสกประซะจริง ”เฉินหลิงฉือ

 

 

เนื่องจากการถอดเสื้อของตัวของบี๋ ทำให้เขาได้เผยร่างกายที่กำยำและแน่นปั๊กให้คนอื่นๆได้เห็น มันทำเอาไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย หรือผู้หญิงต่างก็ละสายตาจากเรือนร่างอันเซ็กซี่นั้นแทบไม่ได้

 

 

“ ฟู่ว ”

 

 

ออร่าเริ่มคงตัว ก่อนจะปรากฏออกมาในรูปแบบของพลังงานสีม่วงเป็นประกายล้อมรอบตัวเขา

 

 

“ ชี่กง! ”เฉินหลิงฉือ

 

 

ในทางฝั่งนี้จะเรียกวิชาคล้ายๆกันนี้ว่าออร่า และสำหรับอีกดินแดนหนึ่งที่ซึ่งหลิงฉือได้จากมา จะเรียกสิ่งนี้ว่าชี่กง เป็นการควบแน่นปราณภายในให้ปรากฏออกมาให้เห็น ความสำคัญของการใช้ชี่กงคือการที่จะสามารถใช้วิชาตัวเบาได้ และสามารถใช้กระบวนยุทธ์อื่นๆตามติดได้ในทันที

 

 

หลิงฉือเห็นแล้วว่าคู่ต่อสู้ของตัวเองนั้นไม่ธรรมดา เธอควบแน่นปราณภายในร่างจนเปลี่ยนเป็นพลังงานสีดำเลื่อมทองล้อมรอบตัวของเธอ 

 

 

ท่าร่างของเธอในตอนนี้บ่งบอกได้เลยว่าต้องการที่จะบุกทะลวงให้ถึงที่สุดในครั้งเดียว

 

 

ART – ระบำวิหคเพลิง

 

 

“ เพลิงอมตะ ”เฉินหลิงฉือ

 

 

ออร่าสำดำเลื่อมทองบนร่างเธอได้กลายเป็นเปลวเพลิงสีฟ้าปกคุลมร่างของเธอ ความร้อนของมันส่งผลกระทบมาถึงตรงที่บี๋ยืนอยู่เลย มันรุนแรงมากจริงๆ

 

 

แม้ว่าการต่อสู้นี้อาจารย์จะบอกว่าสามารถสู้กันจนเกือบตายได้ แต่ตัวของบี๋ก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเท่าไร เขาตั้งใจที่จะเก็บงำพลังของหอกคู่ที่เขาได้รับมาให้รู้เพียงเขากับคนอีกหยิบมือนึง เพื่อที่ตัวเขาจะได้ไม่ถูกคนอื่นๆจับจ้องมากเกินไป

 

 

แต่โดยส่วนตัวแล้วหลิงฉือคิดเกี่ยวกับตัวของเขานั่นต่างออกไป

 

 

เธอคิดว่าหลังจากจบการต่อสู้นี้ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง เขาก็จะดังขึ้นมาในหมู่ห้องพิเศษแน่นอน

 

 

“ บากหน้า- ”เฉินหลิงฉือ

 

 

ในชั่วเสี้ยววิ หมัดที่ปกคลุมไปด้วยเพลิงร้อนของหลิงฉือก็เข้ามาใกล้ใบหน้าของบี๋อย่างมาก 

 

 

ปั๊ก–

 

 

“อึ่ก!!?– ”

 

 

ฟูมมมม!!!

 

 

ดีที่เขาตั้งการ์ดป้องกันขึ้นมาได้ทัน ทว่าทันทีที่หมัดของเธอได้กระทบกับแขนเขาของ เปลวเพลิงจำนวนมหาศาลได้พุ่งออกมาอัดเป็นแรงกระแทกครั้งที่สอง

 

 

มันร้อนมากซะจนผิวของบี๋แทบจะไหม้เลยล่ะ

 

 

แม้แต่ลองกินุสก็ไม่สามารถป้องกันสิ่งนั้นได้ ทำได้เพียงแต่เพิ่มความอึดให้เขาก็เท่านั้นแหละ แต่ไม่ว่ายังไงหากเขาต้องการจะจบมันอย่างรวดเร็วมันก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่ที่เขาไม่ทำก็เพราะว่าต้องการที่จะดูความสามารถของผู้หญิงคนนี้ก่อนยังไงล่ะ

 

 

“ !? ”

 

 

ทว่าเมื่อได้ลองมองออกไป กลับไม่เห็นตัวของหลิงฉือแล้ว ก่อนที่จะรู้สึกถึงลางไม่ดีบางอย่างได้ เขาก็หลบมันไม่ทัน-

 

 

“ ตัดลมหายใจ- ”เฉินหลิงฉือ

 

 

เธอก้มหลบในมุมอับสายตาแล้วหมุนตัวสามร้อยหกสิบองศา ตอกส้นเท้าที่ลุกโชติไปด้วยไฟเข้าตรงซี่โครงในตำแหน่งที่พอดีกับปอดของเขา ทำเอาซะจุกจนแทบหายใจไม่ออก

 

 

“ อุ่ก- !! ”

 

 

ไม่นานนัก คลื่นอัดกระแทกของเปลวเพลิงก็ซัดเข้ามาในครั้งที่สอง เหมือนกับตอนที่เธอต่อยเขาในครั้งแรก

 

 

บี๋ที่พอรู้การโจมตีของหลิงฉือคร่าวๆได้กระโดดถอยหลังออกมาตั้งหลัก แล้วปล่อยการ์ดลง ทำตัวสบายๆ

 

 

‘ การโจมตีเมื่อกี้นี้มันอะไรน่ะ หลังจากที่กระแทกเข้ามาแล้วก็มีคลื่นไฟซัดเข้ามาอีกรอบเลย- แปลกมาก ’

 

 

“น่าสนใจ- ”

 

 

ในทางกลับกัน แววตาของหลิงฉือในตอนนี้นั้นเหมือนกับนักล่า ที่พร้อมจะล่าเหยื่อของตน ทว่านั่นเป็นสิ่งที่เป็น ก่อนที่จะได้เห็นสิ่งนั้น

 

 

“ !!!!! ” เฉินหลิงฉือ

 

 

เธอรีบกระโดดถอยกลับไปตั้งหลักไม่ต่ำกว่า 100 เมตรห่างจากบี๋ทันที ไม่รู้ว่าสัญชาตญาณของเธอมันเป็นบ้าอะไรถึงกู่ร้องถึงอันตรายซะขนาดนั้น แต่ก็ยังดีกว่าที่เธอจะยอมเสี่ยงพุ่งเข้าไปในขณะที่สัญชาตญาณในการเอาตัวรอดของเธอกำลังทำงาน

 

 

ความรู้สึกที่เธอได้มองไปที่บี๋ในตอนนี้ มันเหมือนกับว่าเขานั้นเป็นคนละคนกับคนก่อนหน้า ออร่าของเขาที่ปะทุออกมาก่อนหน้านี้วนกลับเข้าไปในร่างใหม่ ก่อนที่จะปะทุออกมาอีกครั้งอย่างกับระเบิด

 

 

ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า การปะทุของมานามันยิ่งรุนแรงมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่ง.. ที่ออร่าของเขาสูงส่งจนถึงขนาดที่เธอไม่สามารถที่จะต่อกรได้ซึ่งๆหน้าเหมือนกับก่อนหน้านี้เลย

 

 

“ อะไรน่ะ… ”เฉินหลิงฉือ

 

 

ออร่าที่ปะทุซ้ำๆของชายคนนั้นทำให้พื้นที่แถบนั้นเกิดระเบิดขึ้นซ้ำๆ ทำให้มีม่านควันปกคลุมหนาจนแทบจะมองไม่เห็น แต่ถึงแม้จะมองไม่เห็นแต่ก็รู้สึกได้ ว่าสิ่งที่อยู่หลังม่านควันนั้น มันน่ากลัว

 

 

มองผ่านๆเหมือนหลิงฉือจะเห็นรอยยิ้มแสยะหลังม่านควันที่ปกคลุมหนาทึบนั่น ในขณะที่คนอื่นๆยังไม่ทันได้สังเกตเห็นอะไร เหงื่อเย็นเริ่มไหลลงมาบนใบหน้าที่งดงามของเธอ

 

 

เธอไม่ได้เหนื่อย แต่ร่างกายของเธอกำลังตอบสนองต่อความกลัวตรงหน้า

 

 

มันคือสิ่งที่เธอไม่เข้าใจเลย ว่ามันคืออะไรกันแน่

 

 

“ … เกิดอะไรขึ้นน่ะ!! มองแทบไม่เห็นเลย! ”ราม

 

 

“ บอสกำลังเอาจริง… ”เฉินจือหนาน

 

 

“ ฉันรู้สึกได้ถึง… ปีศาจ.. ” ???

 

 

“ เธอเป็นใครอ่ะ!? ”ราม

 

 

“ มีชาร์ นักบวชศักดิ์สิทธิ์ของเผ่ามาร ”มีชาร์

 

 

อีกทางหนึ่ง ก็ได้มีผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งได้กล่าวถึงปีศาจขึ้นมาในระหว่างการต่อสู้นั้น รามสืบความได้ว่าเธอมีชื่อว่ามีชาร์ และเป็นคนของเผ่ามาร

 

 

“ ปีศาจหรอ? มันต่างกับมารยังไงอ่ะ? ”ราม

 

 

“ ต่างสิ ต่างมากๆ ”มีชาร์

 

 

“ เพราะปีศาจเป็นเผ่าพันธ์ที่มีแต่ร่างจิต และพวกเขาอาศัยอยู่เฉพาะภายในดันเจี้ยน ในอีกทางหนึ่งที่จะมีปีศาจอยู่ที่นี่ได้คือการสิงสู่ ”มีชาร์

 

 

“ แต่มันเป็นไปได้ยังไง? ทั้งๆที่ก่อนหน้านี่ไม่มีใครสังเกตเห็นมาก่อน? ”มีชาร์

 

 

“ แล้วระหว่างมารกับปีศาจ.. เผ่าไหนแกร่งกว่ากันอ่ะ? ”ราม

 

 

“ ฉันไม่รู้.. แต่รู้ไว้ว่า อึ่ก- ”มีชาร์ 

 

 

[ จอมปีศาจ… มีพลังเทียบเท่าหรือมากกว่าข้า ] ???

 

 

‘ ท่านอิกนอร์.. ท่านจะให้ข้าพูดเรื่องพวกนั้นจริงๆหรอ?.. ’ มีชาร์

 

 

[ … ] อิกนอร์

 

 

‘ …ก็ได้ค่ะ! ข้าไม่รู้ว่าท่านรู้จักพวกจอมปีศาจได้ยังไง แต่ข้าจะกล่าวให้พวกนั้นฟังก็ได้! ’มีชาร์

 

 

“ รู้ไว้แค่ว่าอย่าไปยุ่งกับจอมปีศาจก็พอ ”มีชาร์

 

 

“อ๋อ! โอเค! ”ราม

 

 

ขณะเดียวกัน ในทางด้านของการต่อสู้ระหว่างสองคนนั้น

 

 

แขนขวาของบี๋เกิดอาการเกร็งขึ้นอย่างหนัก ก่อนที่รอยสักที่แขนขวาจะหายไปและกลายสภาพเป็นหอกของลูซิเฟอร์ ที่มีนามว่า ซาตาน- ไม่สิตอนนี้คงต้องเรียกว่าลูซี่ล่ะนะ

 

 

[ ให้ตาย การจะพูดนอกผนึกนี่กินพลังงานเอาเรื่องชะมัด ] ลูซิเฟอร์ 

 

 

“ พร้อมจะสู้ไปด้วยกันไหมลูซี่? ”

 

 

[ อย่ามาเรียกชั้นว่าลูซี่นะยะ อีกอย่างแกสู้คนเดียวไม่ใช่รึไง? ] ลูซิเฟอร์

 

 

“ เอาจริงถ้าจะให้เรียกหอกว่าซาตานมันอาจจะฟังดูแปลกๆหน่อย ฉันเรียกมันว่าลูซี่ฟังดูสบายใจกว่าเยอะเลย ”

 

 

[ ขนาดมีจอมปีศาจอยู่ใกล้ๆแล้วยังจะสบายใจอีกนะ.. แกนี่มันบ้าของแท้ ] ลูซิเฟอร์

 

 

“ แล้วชื่อน่ารักไหมล่ะ ลูซี่น่ะ ”

 

 

[ ก็น่ารักดี…- เดี๋ยว ไม่ใช่ประเด็นนี่!!  ] ลูซิเฟอร์

 

 

“ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!! ยืมพลังหน่อยนะลูซิเฟอร์! ”

 

 

[ ตามใจ- แต่อย่าเหนื่อยจนทรุดละกัน ลำบากพวกชั้น ] ลูซิเฟอร์

 

 

“ จ้า~ ”

 

 

ตามจริงเขาไม่อยากที่จะใช้มันสักเท่าไหร่ แต่แค่แสดงมันออกมาในสภาพของหอกเล่มหนึ่งก็คงไม่มีอะไรมาก เพราะคนอื่นจะคิดเอาเองว่ามันคืออาร์ติแฟกส์ชนิดหนึ่ง ที่ดูแกร่งมาก

 

 

เพียงแค่การตวัดหอกครั้งเดียวก็สามารถทำให้เกิดลมกรรโชกแรงจนถึงขั้นที่ฝุ่นควันทั้งหมดหายไปในการตวัดหอกเพียงครั้งเดียว

 

 

และการปรากฏตัวขึ้นของหอกเล่มนั้นทำให้เพื่อนร่วมห้องคนอื่นตกใจมาก เพราะก่อนหน้านี้ มันไม่เคยมีมาก่อน

 

 

“ หอกหรอ!!?? ”เฉินหลิงฉือ

 

 

“ เอาจริงล่ะนะ ”

 

 

รอยยิ้มของบี๋ที่ได้เผยออกมานั้น มันคือรอยยิ้มของปีศาจที่กำลังจะเล่นกับเหยื่อของตัวเองอยู่ชัดๆ

 

 

“ เดี๋ยว- เดี๋ยวก่อน!!?? ”เฉินหลิงฉือ

 

 

“ นี่คือวิชาหอกของฉันที่พึ่งสร้างขึ้นมาเมื่อไม่กี่วันก่อน มันถูกสร้างมาเพื่อหอกสองเล่มที่ฉันมี เตรียมพร้อมรับมือให้ดีล่ะ”

 

 

ART – ความศักดิ์สิทธิ์สู่ก้นบึ้งแห่งห้วงทมิฬ 

 

 

รูปแบบหอกนรก – ล่าวิญญาณ

 

 

ทันใดนั้นร่างของบี๋พลันหายไปจากระยะสายตาของหลิงฉือ ก่อนที่จะปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเธอในพริบตาหมุนตันฟาดหอกใส่เธอ การโจมตีของเขาไม่ได้เร็วมากนัก เพราะอย่างนั้นเธอจึงสามารถนำมือขึ้นมาปัดหอกออกไปได้ทัน

 

 

ทว่า- ทันทีที่เธอสัมผัสเข้ากับหอกนรกเล่มนั้น ราวกับว่าดวงวิญญาณของเธอกำลังถูกโจมตี การมองเห็นมันสั่นคลอนไปอย่างบอกไม่ถูก อีกทั้งเรี่ยวแรงของเธอก็ถดถอยลงอย่างมากโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง

 

 

การโจมตีนั้นแม้มันจะไม่ได้รุนแรงมากนัก แต่มันก็มีอิทธิพลต่อเธอมากพอที่จะทำให้ปราณภายในร่างของเธอนั้นไม่เสถียร ด้วยเหตุนั้นการโคจรในปราณภายในร่างกลับไม่สามารถทำได้ไม่ว่าเธอจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม

 

 

เหมือนกับว่าหอกเล่มนั้นมันมีความสามารถในการขัดขวางคลื่นพลังงาน หรือไม่ก็เป็นสิ่งที่สามารถกระทบต่อปราณที่เป็นเหมือนกับพลังงานได้โดยตรง

 

 

“ ผู้หญิงคนนั้นกำลังแย่ การโคจรปราณของเธอมีปัญหา”นัมกุงยู

 

 

“ หอกเล่มนั้นมันมีอะไรแปลกๆรึเปล่าคะท่านพี่? ”นัมกุงบยอล(น้องสาวฝาแฝด)

 

 

“ ข้าก็ไม่แน่ใจ- บางทีหอกนั่นอาจจะสามารถขัดขวางการโคจรปราณในร่างได้ก็ได้ ”นัมกุงยู

 

 

“ นั่นมันแย่เลยไม่ใช่หรอเจ้าคะ!? ”นัมกุงบยอล

 

 

“ ใช่ มันแย่มากๆเลยล่ะ ”นัมกุงยู

 

 

เนื่องจากเจียงหู(ยุทธภพหรือที่ราบภาคกลาง) กับมูริมมีการใช้ศิลปะการต่อสู้ที่คล้ายคลึงกัน ทำให้ทายาทสืบทอดตระกูลขุนนางเก่านัมกุง อย่างนัมกุงยูั้นสามารถมองการต่อสู้ของหลิงฉือ ออกได้ไม่ยากอีกทั้งทั้งสองที่นี้เองก็มีความเกี่ยวข้องกันอย่างนึง นั่นก็คือปราณ มันคือพลังงานที่เป็นเหมือนกับมานาภายในร่างที่ต้องการ การกระตุ้นให้ทำงาน 

 

 

นัมกุงยูมองว่าการควบคุมลมปราณของหลิงฉือนั้นเธอสามารถทำมันให้สมบูรณ์แบบได้ นับว่าเป็นยอดฝีมือเลย แต่คู่ต่อสู้ของเธอกลับมาของอย่างหอกแปลกประหลาดที่สามารถส่งผลกระทบต่อปราณในร่างได้โดยตรง ทำให้คนอย่างผู้ที่ถือหอกคนนั้น เป็นผู้ที่เธอไม่ถูกด้วยเป็นที่สุด

 

 

นั่นรวมถึงพวกเขาที่มาจากมูริมด้วย

 

 

“ ยอดไปเลย การใช้หอกของบี๋มันน่าประทับใจมาก ”ราม

 

 

“ แต่สิ่งที่ตะหงิดใจฉันอย่างหนึ่ง.. คือ ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงไม่โจมตี? ”ราม

 

 

“ ไม่ใช่ไม่โจมตี แต่โจมตีไม่ได้ ”เฉินจือหนาน

 

 

“ ยังไงนะ? ”ราม

 

 

“ กระบวนหอกสีแดงเล่มนั้นของบอสคือการกระแทกวิญญาณโดยตรง ทำให้ประสิทธิภาพในการรับรู้นั้นต่ำลงเป็นอย่างมาก อีกอย่าง.. เจ้าหอกเล่มนั้นสามารถขัดขวางการรวมพลังงานได้ไงล่ะ ”เฉินจือหนาน

 

 

“ เหลือเชื่อ.. ไม่เคยเห็นอะไรแบบนั้นมาก่อนเลยแฮะ ”ราม

 

 

ตลอดสี่วันที่จือหนานอยู่กับบี๋มา เขาเคยแสดงหอกให้เธอดูเพียงแค่เล่มเดียวเท่านั้น อีกทั้งยังได้แสดงกระบวนหอกของเขาที่เขาคิดค้นขึ้นมาอย่างเร่งด่วนต่อหน้าเธอ มันเป็นอะไรที่แปลกมาก ทั้งการเคลื่อนไหว และการส่งพลังในการฟาดฟันออกไป

 

 

กระบวนท่าของเขาไม่ได้สวยงาม แต่แข็งแกร่ง

 

 

กระบวนท่าของเขาไม่ได้แข็งทื่อ แต่ก็ยืดหยุ่น

 

 

มันเป็นอะไรที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนเลย แม้กระทั่งในอาณาจักรบ้านเกิดของเธอก็ยังไม่มีปรมจารย์หอกที่พริ้วไหวตามสถานการณ์ขนาดนี้ให้เธอได้เห็น 

 

 

จือหนานคิดว่าเขาไม่สามารถคิดค้นพวกมันเองได้ เจ้านายของเธอคงจะได้ต้นแบบกระบวนท่าพวกนี้มาจากใครบางคนที่แข็งแกร่งมากๆ ถ้าเป็นตามที่เธอเข้าใจน่ะนะ

 

 

ซึ่งก็ถูกของเธอ เพราะกระบวนท่าพวกนี้นั้นถูกดัดแปลงมาจากท่ารำหอกอสูรสงครามของกอร์ ที่อันตรายจนถึงที่สุด

 

 

และคนที่กำลังเป็นหนูทดลองให้กับอาร์ตที่อันตรายรองลงมาจากสิ่งนั้นก็คือองค์หญิงจากเจียงหูยังไงล่ะ

 

 

“ มือข้าสั่นไม่หยุดเลย… ”เฉินหลิงฉือ

 

 

“ จริงๆฉันก็ไม่ได้อยากทรมาณเธออะไรขนาดนั้น แต่ที่เอาลูซี่ออกมานี่ก็เพราะว่าอยากลองของใหม่น่ะ ”

 

 

“ … ใช้ข้าเป็นหนูทดลองเนี่ยนะ! ”เฉินหลิงฉือ

 

 

“ ( !! สามารถโคจรปราณได้แล้ว!! ) ”เฉินหลิงฉือ

 

 

บี๋หยุดการโจมตีของเขา หลิงฉือถอยหลังทิ้งระยะห่างออกไปกว่าหนึ่งร้อยเมตร หอกของบี๋เปลี่ยนกลับไปเป็นรอยสักดังเดิม ตอนนี้เขารู้แล้วว่าลูซี่ที่เป็นหอกมีความสามารถในระดับไหน เพราะงั้นหลังจากนี้เขาจะเก็บมันกลับไป แล้วเปลี่ยนมาเป็นการต่อสู้ด้วยมือเปล่าแทน ด้วยเหตุผลเพียงอย่างเดียว.. เพราะความสนุกล้วนๆ 

 

 

“ หอกล่ะ? หอกนั่นหายไปไหน?? ”เฉินหลิงฉือ

 

 

“ เอาเก็บไปแล้ว ”

 

 

“ ..เอาของดีเก็บไปแล้วอ่ะนะ? เหอะ- แล้วแกจะเสียใจ ”เฉินหลิงฉือ

 

 

“ เข้ามา ”

 

 

ทั้งบี๋และหลิงฉือชาร์จลมปราณในร่าง โคจรมันอย่างรวดเร็วพร้อมกันทั้งคู่

 

 

ทั้งสองคนเดินเป็นวงกลมเพื่อดูเชิงซึ่งกันและกันในขณะที่ต่างคนต่างก็กำลังรวบรวมพลังงานกันอยู่

 

 

“ พวกนั้นกำลังทำอะไรกันอยู่น่ะ? ”ราม

 

 

“ กำลังวัดความสามารถของอีกฝ่ายไงล่ะ ”นัมกุงยู

 

 

“ เป็นเรื่องธรรมดาที่คนจากเจียงหูจะต้องดูความสามารถของศัตรูให้แน่ใจก่อน แล้วค่อยใส่ให้สุดในตอนที่รู้ว่าไม่สามารถที่จะสู้ไหว เพราะศักดิ์ศรีมันค้ำคอทำให้พวกเขานั้นไม่สามารถที่จะถอยได้ ”นัมกุงยู

 

 

“ และเพื่อศักดิ์ศรีของธิดาของจักรพรรดิ องค์หญิงแห่งเจียงหูที่ถูกเขาพรากไปในการกระแทกวิญญาณครั้งที่แล้ว เธอจึงต้องนำมันกลับมา ไม่ว่ายังไงก็ตาม ”นัมกุงยู

 

 

“ ขีดความสามารถสูงสุดของผู้ชายคนนั้นจะมากมีมากขนาดไหนกันแน่นะ ”นัมกุงบยอล

 

 

“ บอสกำลังอ่อนข้อให้อยู่อย่างเห็นได้ชัด ข้าคิดว่าเป้าหมายของบอสคือการที่จะยอมแพ้ในศึกนี้ ”เฉินจือหนาน

 

 

“ ก่อนหน้านี้เขาไม่อยากเป็นหัวหน้าห้องสินะ ไม่แปลกที่อยากจะยอมแพ้ตั้งแต่เนิ่นๆ ”ราม

 

 

“ อีกอย่าง ตอนที่เขาถอดเครื่องป้องกันออก(เสื้อนักเรียน) เขาก็ได้เหยียบย่ำศักดิ์ศรีขององค์หญิงคนนั้นไปตั้งแต่แรกแล้วล่ะ เพราะมันเหมือนกับว่าเธอกำลังเอาเปรียบผู้ชายคนนั้นอยู่ แต่ถ้าเขาอยากจะยอมแพ้จริง ก็ไม่แปลกที่จะถอดเครื่องป้องกันนั้นออก ”นัมกุงยู

 

 

“ ผู้ชายคนนั้นเขาก็ถึกเอาเรื่องเหมือนกันนะคะท่านพี่ ”นัมกุงบยอล

 

 

“ อื้ม ข้าว่าถ้าคนนั้นเป็นข้า ตั้งแต่ที่ข้าถูกตอกส้นใส่ตรงกระบังลมแถวๆปอด คงจะล้มหมอบตั้งแต่ตอนนั้นแล้วล่ะ เขาอึดจริงๆนั่นล่ะ ”นัมกุงยู

 

 

( แหงสิ ก็เป็นกระสอบทรายนี่หว่า )

 

 

ทันทีที่ทั้งคู่ได้ชาร์จพลังปราณของตนจนเต็มแมกส์ ก็พร้อมที่จะพุ่งเข้ายัดหน้ากันทันที แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้เพราะก่อนหน้าที่จะตีกัน ก็ต้องคุยกันก่อน

 

 

“ จะมาเป็นทาสของชั้นไหม? นายแผลเป็น? ”เฉินหลิงฉือ

 

 

“ … แผลเป็นเนี่ยนะ?? ”

 

 

“ คำตอบคือ- ไม่ ”

 

 

“ งั้นก็ไม่ต้องคุยกันแล้ว!- ”เฉินหลิงฉือ

 

 

“ อะไรวะเนี่ยเอาแต่ใจซะไม่มี! ”

 

 

ในสุดท้ายแล้ว ก็จบลงที่ทั้งคู่ต้องเข้าปะทะกันด้วยพลังเต็มที่ของตน ร่างวิหคเพลิงของหลิงฉือพุ่งเข้าใส่บี๋ในร่างที่ปกคุลมไปด้วยออร่าอย่างดุดัน

 

 

จนเกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง จนแรงสั่นสะเทือนมันกระหึ่มไปจนถึงฝั่งคนดู!!

 

 

แล้วก็…

 

 

 

 

 

 

ตัดจบตอน