“ จริงๆฉันก็ไม่ได้อยากทำให้ท่านพี่สุดที่รักเสียใจหรอกนะ แต่ว่านายจะต้องล้มลง แทบเท้าของฉัน!”หลิงฉือ
ท้ายที่สุดแล้ว คู่แรกที่ต้องขึ้นมาสู่กันก่อนก็คือผมกับเฉินหลิงฉือ ผมของเธอปลิวไสวเมื่อได้สัมผัสกับลมที่พัดผ่านเข้ามาพร้อมทั้งทำท่าทางเชือดคือให้ผมดู ผมมองภาพนั้นด้วยสายตาที่เฉยชา แม้ว่าเธอจะพูดด้วยสีหน้าท่าทางที่จริงจังก็เถอะนะ
แต่มันดูน่ารักปุ๊กปิ๊กมากเลยอ่ะ ผมทำใจสู้เต็มที่ไม่ลงหรอกนะ อรั้ย~
“ มีอะไรจะบอกกันก่อนสู้ไหม? ”มอร์แกน
“ อัลเลียน ฟอน เจเนซิส เรียกว่าบี๋ก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักนะ ”
“ เฉินหลิงฉือ ธิดาคนสุดท้องของจักรพรรดิเฉินเซียน ”เฉินหลิงฉือ
“ จะทำให้นายมาก้มกราบฉัน เทิดทูนฉันเป็นจักรพรรดินีเดี๋ยวนี้แหละ!! ”เฉินหลิงฉือ
อืมๆ มีความมั่นใจสูงจังเลยน้า คงต้องบอกว่าสมแล้วล่ะมั้งที่เป็นลูกสาวของจักรพรรดิ
แต่ว่า.. ไอ้ตรงคนดูนั่นมันอะไรล่ะเนี่ย? จือหนานกำลังคลั่งเรอะน่ะ?
ผมสัมผัสออร่าแห่งความฉุนเฉียวออกมาจากทางจือหนานได้อย่างชัดเจน โชคยังดีที่มีรามและซือถู(คนใช้ของหลิงฉือ)คอยรั้งเธอล็อคแขนเธอเอาไว้ไม่ให้เข้ามาทำอะไรกับน้องสาวแท้ๆของเธอน่ะ ไม่งั้นเป็นเรื่องแน่
“ อืม หลิงฉือจังสินะ ฝากตัวด้วย ”
“ ย- อย่าเติมคำว่าจังลงท้ายนะ!!! ”เฉินหลิงฉือ
ถึงเจ้าตัวจะดูคูลก็เถอะ แต่ว่าแบบนี้มัน.. น่ารักจัง ทำเอาผมอยากแกล้งไปอีกเรื่อยๆเลยล่ะ
“ แล้วก็พวกเธอน่ะก็ดูเอาไว้ด้วยนะว่าทั้งสองคนสู้กันยังไง จำไว้ว่าทุกวินาทีคือโอกาสและความรู้ ”มอร์แกน
เริ่มได้!!!
“ หวังว่าจะออมมือให้สักหน่อยนะ เพราะฉันน่ะเป็นมือใหม่ ”
บี๋เริ่มตั้งการ์ดขึ้นมาทันทีที่การต่อสู้ได้เริ่มขึ้นพร้อมๆกับการที่คอยรวบรวมมานาบางส่วนทั่วทั้วร่างเพื่อหมุนเวียนมันจนเกิดเป็นออร่า ความร้อนระอุเริ่มปะทุขึ้นใต้ผิวหนังของเขา จนทำให้บี๋นั้นจำเป็นต้องถอดเสื้อของตนออกอย่างช่วยไม่ได้
อันที่จริงการที่ถอดอุปกรณ์ป้องกันพื้นฐานของโรงเรียนออกแบบนี้ถือว่ากล้าไม่เบา และมันยังเป็นการดูถูกหลิงฉืออีกด้วย แต่เชื่อสิว่าไอ้บ้านั่นมันไม่ได้คิดจะทำอะไรแบบนั้นเลย ที่มันทำไปก็เพราะมันร้อนล้วนๆ
“ รอยสัก? ”ราม
และแน่นอนว่าทันทีที่เขาได้ถอดเสื้อออกมาจะทำให้คนอื่นได้เห็นถึงรอยสักทั้งสามจุดของเขาที่แขนขวา แขนซ้าย และกลางหลัง ซึ่งร่องรอยที่แขนจะเป็นเหมือนกับหอกที่ต่างขั้วกัน ข้างซ้ายเหมือนกับหอกศักดิ์สิทธิ์ ส่วนข้างขวาเหมือนกับหอกของปีศาจ และอีกที่นึงนั่นคือที่กลางหลัง เป็นรูปปีกทั้งหกข้างมีสีของปีกที่แบ่งขั้วกันอย่างชัดเจน ราวกับหยินและหยาง
มันเป็นอะไรที่ใครในที่นี้ไม่เคยเห็นมาก่อน
สิ่งนั้นทำให้อาจารย์มอร์แกนเริ่มสนใจในตัวของเขา
“ …. คิดจะหลอกล่อข้าหรอ? ใช้วิธีสกประซะจริง ”เฉินหลิงฉือ
เนื่องจากการถอดเสื้อของตัวของบี๋ ทำให้เขาได้เผยร่างกายที่กำยำและแน่นปั๊กให้คนอื่นๆได้เห็น มันทำเอาไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย หรือผู้หญิงต่างก็ละสายตาจากเรือนร่างอันเซ็กซี่นั้นแทบไม่ได้
“ ฟู่ว ”
ออร่าเริ่มคงตัว ก่อนจะปรากฏออกมาในรูปแบบของพลังงานสีม่วงเป็นประกายล้อมรอบตัวเขา
“ ชี่กง! ”เฉินหลิงฉือ
ในทางฝั่งนี้จะเรียกวิชาคล้ายๆกันนี้ว่าออร่า และสำหรับอีกดินแดนหนึ่งที่ซึ่งหลิงฉือได้จากมา จะเรียกสิ่งนี้ว่าชี่กง เป็นการควบแน่นปราณภายในให้ปรากฏออกมาให้เห็น ความสำคัญของการใช้ชี่กงคือการที่จะสามารถใช้วิชาตัวเบาได้ และสามารถใช้กระบวนยุทธ์อื่นๆตามติดได้ในทันที
หลิงฉือเห็นแล้วว่าคู่ต่อสู้ของตัวเองนั้นไม่ธรรมดา เธอควบแน่นปราณภายในร่างจนเปลี่ยนเป็นพลังงานสีดำเลื่อมทองล้อมรอบตัวของเธอ
ท่าร่างของเธอในตอนนี้บ่งบอกได้เลยว่าต้องการที่จะบุกทะลวงให้ถึงที่สุดในครั้งเดียว
ART – ระบำวิหคเพลิง
“ เพลิงอมตะ ”เฉินหลิงฉือ
ออร่าสำดำเลื่อมทองบนร่างเธอได้กลายเป็นเปลวเพลิงสีฟ้าปกคุลมร่างของเธอ ความร้อนของมันส่งผลกระทบมาถึงตรงที่บี๋ยืนอยู่เลย มันรุนแรงมากจริงๆ
แม้ว่าการต่อสู้นี้อาจารย์จะบอกว่าสามารถสู้กันจนเกือบตายได้ แต่ตัวของบี๋ก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเท่าไร เขาตั้งใจที่จะเก็บงำพลังของหอกคู่ที่เขาได้รับมาให้รู้เพียงเขากับคนอีกหยิบมือนึง เพื่อที่ตัวเขาจะได้ไม่ถูกคนอื่นๆจับจ้องมากเกินไป
แต่โดยส่วนตัวแล้วหลิงฉือคิดเกี่ยวกับตัวของเขานั่นต่างออกไป
เธอคิดว่าหลังจากจบการต่อสู้นี้ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง เขาก็จะดังขึ้นมาในหมู่ห้องพิเศษแน่นอน
“ บากหน้า- ”เฉินหลิงฉือ
ในชั่วเสี้ยววิ หมัดที่ปกคลุมไปด้วยเพลิงร้อนของหลิงฉือก็เข้ามาใกล้ใบหน้าของบี๋อย่างมาก
ปั๊ก–
“อึ่ก!!?– ”
ฟูมมมม!!!
ดีที่เขาตั้งการ์ดป้องกันขึ้นมาได้ทัน ทว่าทันทีที่หมัดของเธอได้กระทบกับแขนเขาของ เปลวเพลิงจำนวนมหาศาลได้พุ่งออกมาอัดเป็นแรงกระแทกครั้งที่สอง
มันร้อนมากซะจนผิวของบี๋แทบจะไหม้เลยล่ะ
แม้แต่ลองกินุสก็ไม่สามารถป้องกันสิ่งนั้นได้ ทำได้เพียงแต่เพิ่มความอึดให้เขาก็เท่านั้นแหละ แต่ไม่ว่ายังไงหากเขาต้องการจะจบมันอย่างรวดเร็วมันก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่ที่เขาไม่ทำก็เพราะว่าต้องการที่จะดูความสามารถของผู้หญิงคนนี้ก่อนยังไงล่ะ
“ !? ”
ทว่าเมื่อได้ลองมองออกไป กลับไม่เห็นตัวของหลิงฉือแล้ว ก่อนที่จะรู้สึกถึงลางไม่ดีบางอย่างได้ เขาก็หลบมันไม่ทัน-
“ ตัดลมหายใจ- ”เฉินหลิงฉือ
เธอก้มหลบในมุมอับสายตาแล้วหมุนตัวสามร้อยหกสิบองศา ตอกส้นเท้าที่ลุกโชติไปด้วยไฟเข้าตรงซี่โครงในตำแหน่งที่พอดีกับปอดของเขา ทำเอาซะจุกจนแทบหายใจไม่ออก
“ อุ่ก- !! ”
ไม่นานนัก คลื่นอัดกระแทกของเปลวเพลิงก็ซัดเข้ามาในครั้งที่สอง เหมือนกับตอนที่เธอต่อยเขาในครั้งแรก
บี๋ที่พอรู้การโจมตีของหลิงฉือคร่าวๆได้กระโดดถอยหลังออกมาตั้งหลัก แล้วปล่อยการ์ดลง ทำตัวสบายๆ
‘ การโจมตีเมื่อกี้นี้มันอะไรน่ะ หลังจากที่กระแทกเข้ามาแล้วก็มีคลื่นไฟซัดเข้ามาอีกรอบเลย- แปลกมาก ’
“น่าสนใจ- ”
ในทางกลับกัน แววตาของหลิงฉือในตอนนี้นั้นเหมือนกับนักล่า ที่พร้อมจะล่าเหยื่อของตน ทว่านั่นเป็นสิ่งที่เป็น ก่อนที่จะได้เห็นสิ่งนั้น
“ !!!!! ” เฉินหลิงฉือ
เธอรีบกระโดดถอยกลับไปตั้งหลักไม่ต่ำกว่า 100 เมตรห่างจากบี๋ทันที ไม่รู้ว่าสัญชาตญาณของเธอมันเป็นบ้าอะไรถึงกู่ร้องถึงอันตรายซะขนาดนั้น แต่ก็ยังดีกว่าที่เธอจะยอมเสี่ยงพุ่งเข้าไปในขณะที่สัญชาตญาณในการเอาตัวรอดของเธอกำลังทำงาน
ความรู้สึกที่เธอได้มองไปที่บี๋ในตอนนี้ มันเหมือนกับว่าเขานั้นเป็นคนละคนกับคนก่อนหน้า ออร่าของเขาที่ปะทุออกมาก่อนหน้านี้วนกลับเข้าไปในร่างใหม่ ก่อนที่จะปะทุออกมาอีกครั้งอย่างกับระเบิด
ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า การปะทุของมานามันยิ่งรุนแรงมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่ง.. ที่ออร่าของเขาสูงส่งจนถึงขนาดที่เธอไม่สามารถที่จะต่อกรได้ซึ่งๆหน้าเหมือนกับก่อนหน้านี้เลย
“ อะไรน่ะ… ”เฉินหลิงฉือ
ออร่าที่ปะทุซ้ำๆของชายคนนั้นทำให้พื้นที่แถบนั้นเกิดระเบิดขึ้นซ้ำๆ ทำให้มีม่านควันปกคลุมหนาจนแทบจะมองไม่เห็น แต่ถึงแม้จะมองไม่เห็นแต่ก็รู้สึกได้ ว่าสิ่งที่อยู่หลังม่านควันนั้น มันน่ากลัว
มองผ่านๆเหมือนหลิงฉือจะเห็นรอยยิ้มแสยะหลังม่านควันที่ปกคลุมหนาทึบนั่น ในขณะที่คนอื่นๆยังไม่ทันได้สังเกตเห็นอะไร เหงื่อเย็นเริ่มไหลลงมาบนใบหน้าที่งดงามของเธอ
เธอไม่ได้เหนื่อย แต่ร่างกายของเธอกำลังตอบสนองต่อความกลัวตรงหน้า
มันคือสิ่งที่เธอไม่เข้าใจเลย ว่ามันคืออะไรกันแน่
“ … เกิดอะไรขึ้นน่ะ!! มองแทบไม่เห็นเลย! ”ราม
“ บอสกำลังเอาจริง… ”เฉินจือหนาน
“ ฉันรู้สึกได้ถึง… ปีศาจ.. ” ???
“ เธอเป็นใครอ่ะ!? ”ราม
“ มีชาร์ นักบวชศักดิ์สิทธิ์ของเผ่ามาร ”มีชาร์
อีกทางหนึ่ง ก็ได้มีผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งได้กล่าวถึงปีศาจขึ้นมาในระหว่างการต่อสู้นั้น รามสืบความได้ว่าเธอมีชื่อว่ามีชาร์ และเป็นคนของเผ่ามาร
“ ปีศาจหรอ? มันต่างกับมารยังไงอ่ะ? ”ราม
“ ต่างสิ ต่างมากๆ ”มีชาร์
“ เพราะปีศาจเป็นเผ่าพันธ์ที่มีแต่ร่างจิต และพวกเขาอาศัยอยู่เฉพาะภายในดันเจี้ยน ในอีกทางหนึ่งที่จะมีปีศาจอยู่ที่นี่ได้คือการสิงสู่ ”มีชาร์
“ แต่มันเป็นไปได้ยังไง? ทั้งๆที่ก่อนหน้านี่ไม่มีใครสังเกตเห็นมาก่อน? ”มีชาร์
“ แล้วระหว่างมารกับปีศาจ.. เผ่าไหนแกร่งกว่ากันอ่ะ? ”ราม
“ ฉันไม่รู้.. แต่รู้ไว้ว่า อึ่ก- ”มีชาร์
[ จอมปีศาจ… มีพลังเทียบเท่าหรือมากกว่าข้า ] ???
‘ ท่านอิกนอร์.. ท่านจะให้ข้าพูดเรื่องพวกนั้นจริงๆหรอ?.. ’ มีชาร์
[ … ] อิกนอร์
‘ …ก็ได้ค่ะ! ข้าไม่รู้ว่าท่านรู้จักพวกจอมปีศาจได้ยังไง แต่ข้าจะกล่าวให้พวกนั้นฟังก็ได้! ’มีชาร์
“ รู้ไว้แค่ว่าอย่าไปยุ่งกับจอมปีศาจก็พอ ”มีชาร์
“อ๋อ! โอเค! ”ราม
ขณะเดียวกัน ในทางด้านของการต่อสู้ระหว่างสองคนนั้น
แขนขวาของบี๋เกิดอาการเกร็งขึ้นอย่างหนัก ก่อนที่รอยสักที่แขนขวาจะหายไปและกลายสภาพเป็นหอกของลูซิเฟอร์ ที่มีนามว่า ซาตาน- ไม่สิตอนนี้คงต้องเรียกว่าลูซี่ล่ะนะ
[ ให้ตาย การจะพูดนอกผนึกนี่กินพลังงานเอาเรื่องชะมัด ] ลูซิเฟอร์
“ พร้อมจะสู้ไปด้วยกันไหมลูซี่? ”
[ อย่ามาเรียกชั้นว่าลูซี่นะยะ อีกอย่างแกสู้คนเดียวไม่ใช่รึไง? ] ลูซิเฟอร์
“ เอาจริงถ้าจะให้เรียกหอกว่าซาตานมันอาจจะฟังดูแปลกๆหน่อย ฉันเรียกมันว่าลูซี่ฟังดูสบายใจกว่าเยอะเลย ”
[ ขนาดมีจอมปีศาจอยู่ใกล้ๆแล้วยังจะสบายใจอีกนะ.. แกนี่มันบ้าของแท้ ] ลูซิเฟอร์
“ แล้วชื่อน่ารักไหมล่ะ ลูซี่น่ะ ”
[ ก็น่ารักดี…- เดี๋ยว ไม่ใช่ประเด็นนี่!! ] ลูซิเฟอร์
“ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!! ยืมพลังหน่อยนะลูซิเฟอร์! ”
[ ตามใจ- แต่อย่าเหนื่อยจนทรุดละกัน ลำบากพวกชั้น ] ลูซิเฟอร์
“ จ้า~ ”
ตามจริงเขาไม่อยากที่จะใช้มันสักเท่าไหร่ แต่แค่แสดงมันออกมาในสภาพของหอกเล่มหนึ่งก็คงไม่มีอะไรมาก เพราะคนอื่นจะคิดเอาเองว่ามันคืออาร์ติแฟกส์ชนิดหนึ่ง ที่ดูแกร่งมาก
เพียงแค่การตวัดหอกครั้งเดียวก็สามารถทำให้เกิดลมกรรโชกแรงจนถึงขั้นที่ฝุ่นควันทั้งหมดหายไปในการตวัดหอกเพียงครั้งเดียว
และการปรากฏตัวขึ้นของหอกเล่มนั้นทำให้เพื่อนร่วมห้องคนอื่นตกใจมาก เพราะก่อนหน้านี้ มันไม่เคยมีมาก่อน
“ หอกหรอ!!?? ”เฉินหลิงฉือ
“ เอาจริงล่ะนะ ”
รอยยิ้มของบี๋ที่ได้เผยออกมานั้น มันคือรอยยิ้มของปีศาจที่กำลังจะเล่นกับเหยื่อของตัวเองอยู่ชัดๆ
“ เดี๋ยว- เดี๋ยวก่อน!!?? ”เฉินหลิงฉือ
“ นี่คือวิชาหอกของฉันที่พึ่งสร้างขึ้นมาเมื่อไม่กี่วันก่อน มันถูกสร้างมาเพื่อหอกสองเล่มที่ฉันมี เตรียมพร้อมรับมือให้ดีล่ะ”
ART – ความศักดิ์สิทธิ์สู่ก้นบึ้งแห่งห้วงทมิฬ
รูปแบบหอกนรก – ล่าวิญญาณ
ทันใดนั้นร่างของบี๋พลันหายไปจากระยะสายตาของหลิงฉือ ก่อนที่จะปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเธอในพริบตาหมุนตันฟาดหอกใส่เธอ การโจมตีของเขาไม่ได้เร็วมากนัก เพราะอย่างนั้นเธอจึงสามารถนำมือขึ้นมาปัดหอกออกไปได้ทัน
ทว่า- ทันทีที่เธอสัมผัสเข้ากับหอกนรกเล่มนั้น ราวกับว่าดวงวิญญาณของเธอกำลังถูกโจมตี การมองเห็นมันสั่นคลอนไปอย่างบอกไม่ถูก อีกทั้งเรี่ยวแรงของเธอก็ถดถอยลงอย่างมากโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง
การโจมตีนั้นแม้มันจะไม่ได้รุนแรงมากนัก แต่มันก็มีอิทธิพลต่อเธอมากพอที่จะทำให้ปราณภายในร่างของเธอนั้นไม่เสถียร ด้วยเหตุนั้นการโคจรในปราณภายในร่างกลับไม่สามารถทำได้ไม่ว่าเธอจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม
เหมือนกับว่าหอกเล่มนั้นมันมีความสามารถในการขัดขวางคลื่นพลังงาน หรือไม่ก็เป็นสิ่งที่สามารถกระทบต่อปราณที่เป็นเหมือนกับพลังงานได้โดยตรง
“ ผู้หญิงคนนั้นกำลังแย่ การโคจรปราณของเธอมีปัญหา”นัมกุงยู
“ หอกเล่มนั้นมันมีอะไรแปลกๆรึเปล่าคะท่านพี่? ”นัมกุงบยอล(น้องสาวฝาแฝด)
“ ข้าก็ไม่แน่ใจ- บางทีหอกนั่นอาจจะสามารถขัดขวางการโคจรปราณในร่างได้ก็ได้ ”นัมกุงยู
“ นั่นมันแย่เลยไม่ใช่หรอเจ้าคะ!? ”นัมกุงบยอล
“ ใช่ มันแย่มากๆเลยล่ะ ”นัมกุงยู
เนื่องจากเจียงหู(ยุทธภพหรือที่ราบภาคกลาง) กับมูริมมีการใช้ศิลปะการต่อสู้ที่คล้ายคลึงกัน ทำให้ทายาทสืบทอดตระกูลขุนนางเก่านัมกุง อย่างนัมกุงยูั้นสามารถมองการต่อสู้ของหลิงฉือ ออกได้ไม่ยากอีกทั้งทั้งสองที่นี้เองก็มีความเกี่ยวข้องกันอย่างนึง นั่นก็คือปราณ มันคือพลังงานที่เป็นเหมือนกับมานาภายในร่างที่ต้องการ การกระตุ้นให้ทำงาน
นัมกุงยูมองว่าการควบคุมลมปราณของหลิงฉือนั้นเธอสามารถทำมันให้สมบูรณ์แบบได้ นับว่าเป็นยอดฝีมือเลย แต่คู่ต่อสู้ของเธอกลับมาของอย่างหอกแปลกประหลาดที่สามารถส่งผลกระทบต่อปราณในร่างได้โดยตรง ทำให้คนอย่างผู้ที่ถือหอกคนนั้น เป็นผู้ที่เธอไม่ถูกด้วยเป็นที่สุด
นั่นรวมถึงพวกเขาที่มาจากมูริมด้วย
“ ยอดไปเลย การใช้หอกของบี๋มันน่าประทับใจมาก ”ราม
“ แต่สิ่งที่ตะหงิดใจฉันอย่างหนึ่ง.. คือ ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงไม่โจมตี? ”ราม
“ ไม่ใช่ไม่โจมตี แต่โจมตีไม่ได้ ”เฉินจือหนาน
“ ยังไงนะ? ”ราม
“ กระบวนหอกสีแดงเล่มนั้นของบอสคือการกระแทกวิญญาณโดยตรง ทำให้ประสิทธิภาพในการรับรู้นั้นต่ำลงเป็นอย่างมาก อีกอย่าง.. เจ้าหอกเล่มนั้นสามารถขัดขวางการรวมพลังงานได้ไงล่ะ ”เฉินจือหนาน
“ เหลือเชื่อ.. ไม่เคยเห็นอะไรแบบนั้นมาก่อนเลยแฮะ ”ราม
ตลอดสี่วันที่จือหนานอยู่กับบี๋มา เขาเคยแสดงหอกให้เธอดูเพียงแค่เล่มเดียวเท่านั้น อีกทั้งยังได้แสดงกระบวนหอกของเขาที่เขาคิดค้นขึ้นมาอย่างเร่งด่วนต่อหน้าเธอ มันเป็นอะไรที่แปลกมาก ทั้งการเคลื่อนไหว และการส่งพลังในการฟาดฟันออกไป
กระบวนท่าของเขาไม่ได้สวยงาม แต่แข็งแกร่ง
กระบวนท่าของเขาไม่ได้แข็งทื่อ แต่ก็ยืดหยุ่น
มันเป็นอะไรที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนเลย แม้กระทั่งในอาณาจักรบ้านเกิดของเธอก็ยังไม่มีปรมจารย์หอกที่พริ้วไหวตามสถานการณ์ขนาดนี้ให้เธอได้เห็น
จือหนานคิดว่าเขาไม่สามารถคิดค้นพวกมันเองได้ เจ้านายของเธอคงจะได้ต้นแบบกระบวนท่าพวกนี้มาจากใครบางคนที่แข็งแกร่งมากๆ ถ้าเป็นตามที่เธอเข้าใจน่ะนะ
ซึ่งก็ถูกของเธอ เพราะกระบวนท่าพวกนี้นั้นถูกดัดแปลงมาจากท่ารำหอกอสูรสงครามของกอร์ ที่อันตรายจนถึงที่สุด
และคนที่กำลังเป็นหนูทดลองให้กับอาร์ตที่อันตรายรองลงมาจากสิ่งนั้นก็คือองค์หญิงจากเจียงหูยังไงล่ะ
“ มือข้าสั่นไม่หยุดเลย… ”เฉินหลิงฉือ
“ จริงๆฉันก็ไม่ได้อยากทรมาณเธออะไรขนาดนั้น แต่ที่เอาลูซี่ออกมานี่ก็เพราะว่าอยากลองของใหม่น่ะ ”
“ … ใช้ข้าเป็นหนูทดลองเนี่ยนะ! ”เฉินหลิงฉือ
“ ( !! สามารถโคจรปราณได้แล้ว!! ) ”เฉินหลิงฉือ
บี๋หยุดการโจมตีของเขา หลิงฉือถอยหลังทิ้งระยะห่างออกไปกว่าหนึ่งร้อยเมตร หอกของบี๋เปลี่ยนกลับไปเป็นรอยสักดังเดิม ตอนนี้เขารู้แล้วว่าลูซี่ที่เป็นหอกมีความสามารถในระดับไหน เพราะงั้นหลังจากนี้เขาจะเก็บมันกลับไป แล้วเปลี่ยนมาเป็นการต่อสู้ด้วยมือเปล่าแทน ด้วยเหตุผลเพียงอย่างเดียว.. เพราะความสนุกล้วนๆ
“ หอกล่ะ? หอกนั่นหายไปไหน?? ”เฉินหลิงฉือ
“ เอาเก็บไปแล้ว ”
“ ..เอาของดีเก็บไปแล้วอ่ะนะ? เหอะ- แล้วแกจะเสียใจ ”เฉินหลิงฉือ
“ เข้ามา ”
ทั้งบี๋และหลิงฉือชาร์จลมปราณในร่าง โคจรมันอย่างรวดเร็วพร้อมกันทั้งคู่
ทั้งสองคนเดินเป็นวงกลมเพื่อดูเชิงซึ่งกันและกันในขณะที่ต่างคนต่างก็กำลังรวบรวมพลังงานกันอยู่
“ พวกนั้นกำลังทำอะไรกันอยู่น่ะ? ”ราม
“ กำลังวัดความสามารถของอีกฝ่ายไงล่ะ ”นัมกุงยู
“ เป็นเรื่องธรรมดาที่คนจากเจียงหูจะต้องดูความสามารถของศัตรูให้แน่ใจก่อน แล้วค่อยใส่ให้สุดในตอนที่รู้ว่าไม่สามารถที่จะสู้ไหว เพราะศักดิ์ศรีมันค้ำคอทำให้พวกเขานั้นไม่สามารถที่จะถอยได้ ”นัมกุงยู
“ และเพื่อศักดิ์ศรีของธิดาของจักรพรรดิ องค์หญิงแห่งเจียงหูที่ถูกเขาพรากไปในการกระแทกวิญญาณครั้งที่แล้ว เธอจึงต้องนำมันกลับมา ไม่ว่ายังไงก็ตาม ”นัมกุงยู
“ ขีดความสามารถสูงสุดของผู้ชายคนนั้นจะมากมีมากขนาดไหนกันแน่นะ ”นัมกุงบยอล
“ บอสกำลังอ่อนข้อให้อยู่อย่างเห็นได้ชัด ข้าคิดว่าเป้าหมายของบอสคือการที่จะยอมแพ้ในศึกนี้ ”เฉินจือหนาน
“ ก่อนหน้านี้เขาไม่อยากเป็นหัวหน้าห้องสินะ ไม่แปลกที่อยากจะยอมแพ้ตั้งแต่เนิ่นๆ ”ราม
“ อีกอย่าง ตอนที่เขาถอดเครื่องป้องกันออก(เสื้อนักเรียน) เขาก็ได้เหยียบย่ำศักดิ์ศรีขององค์หญิงคนนั้นไปตั้งแต่แรกแล้วล่ะ เพราะมันเหมือนกับว่าเธอกำลังเอาเปรียบผู้ชายคนนั้นอยู่ แต่ถ้าเขาอยากจะยอมแพ้จริง ก็ไม่แปลกที่จะถอดเครื่องป้องกันนั้นออก ”นัมกุงยู
“ ผู้ชายคนนั้นเขาก็ถึกเอาเรื่องเหมือนกันนะคะท่านพี่ ”นัมกุงบยอล
“ อื้ม ข้าว่าถ้าคนนั้นเป็นข้า ตั้งแต่ที่ข้าถูกตอกส้นใส่ตรงกระบังลมแถวๆปอด คงจะล้มหมอบตั้งแต่ตอนนั้นแล้วล่ะ เขาอึดจริงๆนั่นล่ะ ”นัมกุงยู
( แหงสิ ก็เป็นกระสอบทรายนี่หว่า )
ทันทีที่ทั้งคู่ได้ชาร์จพลังปราณของตนจนเต็มแมกส์ ก็พร้อมที่จะพุ่งเข้ายัดหน้ากันทันที แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้เพราะก่อนหน้าที่จะตีกัน ก็ต้องคุยกันก่อน
“ จะมาเป็นทาสของชั้นไหม? นายแผลเป็น? ”เฉินหลิงฉือ
“ … แผลเป็นเนี่ยนะ?? ”
“ คำตอบคือ- ไม่ ”
“ งั้นก็ไม่ต้องคุยกันแล้ว!- ”เฉินหลิงฉือ
“ อะไรวะเนี่ยเอาแต่ใจซะไม่มี! ”
ในสุดท้ายแล้ว ก็จบลงที่ทั้งคู่ต้องเข้าปะทะกันด้วยพลังเต็มที่ของตน ร่างวิหคเพลิงของหลิงฉือพุ่งเข้าใส่บี๋ในร่างที่ปกคุลมไปด้วยออร่าอย่างดุดัน
จนเกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง จนแรงสั่นสะเทือนมันกระหึ่มไปจนถึงฝั่งคนดู!!
แล้วก็…
ตัดจบตอน