บทที่ 36 – ‘ตัวเอก’

 

การต่อสู้ครั้งที่สองเกิดขึ้นซึ่งเต็มไปด้วยความรุนแรงเสียยิ่งกว่าครั้งแรก ทุกครั้งที่คมดาบและเคียวปะทะเข้ากัน

ต่างสร้างให้เกิดเคลื่อนน้ำที่ซัดไปทั่ว เกิดเป็นหลุมบ่อหน้าลึกขนาดใหญ่ดูแปลกตาอย่างยิ่ง แน่นอนว่าเพราะการต่อสู้ที่รุนแรงของทั้งสองนั้น

ทำให้ทั้งสองลอยออกมาไกล แม้มิวจะสามารถบินได้แต่การบินของเธอมันไม่ได้อิสระขนาดนั้นอย่างมากก็ทำได้แค่ลอยตัว

แต่ทว่าเมื่อการต่อสู้กับยมทูตสีดำนี้เริ่มขึ้นจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาแล้วหลายชั่วโมง ตัวมิวเองก็เริ่มที่จะคุ้นเคยกับพลังของเธอมากยิ่งขึ้น

ทำให้ทุกครั้งที่เคลื่อนไหว แทนที่จะเหนื่อยและช้าลงมันกลับตรงกันข้ามเลย เธอเร็วขึ้น แรงขึ้นแข็งแกร่งขึ้นในทุกครั้งที่โจมตี

ลมหายใจมังกรที่ปล่อยออกมาได้ ก็สามารถควบคุมความรุนแรงได้อย่างดีเยี่ยม ใช่แล้ว แม้มิวจะรู้จักอัตลักษณ์บางอย่างของตัวเองอย่างดีหลังจากการวิวัฒนาการขึ้นมา

เหมือนกับการที่ต้องขยับแขนขยับขาตัวเอง.. แต่ทว่าสำหรับมังกรด้วยกันแล้วมิวก็ยังนับเป็นแค่เด็กที่หัดเดินได้ไม่กี่เดือน

หากต้องไปต่อสู้ในฐานะมังกรธรรมดากับมังกรตัวอื่น การที่เธอจะโดนจัดการนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

แต่ทว่ามิวนั้นเป็นเทพมังกร และพลานุภาพของเธอมันอยู่เหนือคนในโลกปัจจุบันดังนั้น แม้เธอจะต่อสู้กับใครไปมันก็ไม่ได้ช่วยให้เธอชินกับอัตลักษณ์ได้

เพราะ.. มันไม่มีใครสามารถต้านทานพลังอันน้อยนิดของมิวได้ด้วยซ้ำ จึงไม่มีใครช่วยขัดเกลาความแข็งแกร่งให้กับเธอเลย

ทว่านับตั้งแต่เจอเจ้าสมองนั้นมาหรือแม้แต่ยมทูตสีดำตรงหน้านี้.. ความเข้าใจเกี่ยวกับอัตลักษณ์ของมิวนั้นถูกขัดเกลาขึ้นเหมือนกับปีศาจแห่งการเรียนรู้

เหมือนกับเธอแค่ลืมมันไปเท่านั้น.. ไม่ใช่เธอกำลังเรียนรู้อยู่เลยแม้แต่น้อย และนั่นไม่ได้มีเพียงแค่อัตลักษณ์หรือสัญชาตญาณ

แต่ยังรวมถึงสิ่งที่เรียกว่า ‘ประสบการณ์’ อีกด้วย.. ประสบการณ์ของมิวนั้นยังนับว่าไม่มี จะบอกว่าเธอไม่เคยเจอเรื่องอะไรร้ายๆ มาก็ถูก

หากให้เทียบกันแล้ว.. แม้แต่ตัวของรินนะยังมีประสบการณ์มากกว่าตัวของมิวด้วยซ้ำ เพราะเธอเติบโตมากับโลกที่เปลี่ยนแปลง

กลับกันมิวเพียงแค่ไปเกิดใหม่แล้วมีเรื่องราวเกิดขึ้นที่เจ้าตัวไม่เคยตกในสถานการณ์ลำบากถึงชีวิตเลย

ดวงตาของมิวในตอนนี้เหมือนกับมีไฟแห่งชีวิตลุกไหม้ขึ้น ทั้งที่ในก่อนหน้านี้ไม่เคยมี บนปากของเธอมีรอยยิ้มที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

อีกทั้งความรู้สึกที่มีต่อแฟนสาว.. ความรู้สึกที่อยากจะกลับไปเป็นแฟนของเรนะมันรุนแรงยิ่งกว่าเดิมเพราะยิ่งถูกขัดขวางมิวยิ่งรู้สึกเหมือนจุดประสงค์ตัวเองนั้นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ..

ใหญ่จนมากพอที่จะทำให้ความรู้สึกของเธอเติบโตขึ้น.. หากจะบอกว่าพระเอกหรือนางเอกในการ์ตูนหรือนิยายมักจะมีจุดมุ่งมั่งที่ต้องไปให้ถึง

ตลอดเวลาที่ผ่านมา..นับตั้งแต่ตอนที่เธอเกิดในฐานะคางาริจนถึงทุกวันนี้.. มิวก็เป็นตัวประกอบชั้นดีตามที่เธอเคยโปรโมตให้กับตัวเองจริงๆ นั่นแหละ

เพราะเธอนั้นไม่เคยมีความมุ่งมั่นที่แรงกล้า ไม่ได้มีจุดประสงค์อะไรที่ชัดเจนในชีวิต เธอเพียงแค่ใช้ชีวิตอยู่ตามกฎระเบียบ

ตามสิ่งที่ควรจะเป็น.. เป็นเหมือนตัวละครนอกเฟรมที่พร้อมจะเคลื่อนไหวตามกระแสที่พัดผ่านเข้ามา

ทว่าตอนนี้ไม่ใช่..

มิวกำลังยิ้ม.. เธอกำลังแสดงตัวตนของตัวเอง.. ตัวตนที่บอกว่านี่แหละคือตัวเธอ..

“ฉันนี่แหละคือ—”

ตัวเอกของเรื่องราวในครั้งนี้!!

มิวก้าวขาไปข้างหน้า.. ถ้าจะบอกว่าตัวเอกก่อนจะชนะได้ต้องแพ้มาก่อนหนึ่งครั้งบางทีถ้ามิวชนะในครั้งนี้เธอคงเหมาะสมจะเป็นตัวเอกจริงๆ แล้ว

เพราะเธอเคลื่อนไหวเหมือนกับหายตัวได้ เพียงแต่เป็นความเร็วเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่มิวใช้ เธอปรากฏตัวตรงหน้ายมทูตสีดำ

พร้อมกับกระหน่ำโจมตีใส่ศัตรูที่อยู่ตรงหน้าด้วยความเหนือกว่า ตอนนี้ยมทูตสีดำกำลังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด

มันล่าถอยไปด้านหลังอย่างเดียว.. แต่ทว่าท่าทางของมันกลับไม่ได้ร้อนรนอะไรขนาดนั้น.. แม้คมดาบของมิวจะตวัดผ่านคอมันแล้วก็ตาม

ทว่าร่างของยมทูตกลับสลายหายไปกะทันหัน ร่างกายที่ควรถูกตัดขาดกลับเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

มิวเองก็แหงนหน้ามองท้องฟ้า.. ที่ตะวันเริ่มจะโผล่ขึ้นมาจากท้องฟ้าแล้ว ทั้งความรู้สึกต่างๆ ของเธอควรถูกระงับลงไปได้แล้ว

เพราะสิ่งที่เธอต้องทำไม่ใช่การทำให้ตัวเองชินกบอัตลักษณ์หรือร่างกาย.. แต่เป็นการช่วยตัวเองที่กำลังจะตายในเวลาอีกไม่นานต่างหาก

แต่เพราะการต่อสู้กับเจ้าบ้านั่นทำให้มิวถูกลากออกมาจากโตเกียวไกลมาก.. ซึ่งมิวเองก็ไม่มีเวลาเหลือขนาดนั้นแทนที่จะมัวเสียเวลาต่อสู้กับเจ้าบ้านี่มิวต้องไปช่วยก่อน

มิวจึงหันหลังให้พร้อมกับพุ่งตัวกลับไปยังทิศทางเดิมที่มาแทบจะทันที โดยอาศัยพลังเขตจิตมังกรในการรับรู้ทิศทางเอา

ทว่าเมื่อมิวหันหลังกลับไปพร้อมกับดีดตัวพุ่งออกไปนั้น เหนือหัวมิวก็พลันมีเงาขนาดมหึมาบางอย่างปรากฏขึ้นกะทันหัน

“ห๊า..”

มิวเงยหน้าขึ้นมองด้วยความตระหนกก่อนจะร้องออกมา

“แกมันไม่มีกลิ่นอายเป็นเหมือนผู้คุมเวลาเลยสักนิดเว้ย”

มิวร้องออกมา เพราะสิ่งที่พุ่งมาทางเธอไม่ใช่พลังที่เกี่ยวข้องกับกาลเวลา.. แต่เป็นพลังกายภาพล้วนๆ ชัดๆ

เพราะมันคือหินสีดำขนาดใหญ่ ซึ่งพุ่งมาด้วยความเร็วสูงพอที่จะฟาดเข้าร่างมิวได้โดยเธอหลบไม่พ้นเพราะขนาดมันใหญ่เกินไป

ร่างของมิวที่ถูกกระแทกอัดก็ปลิวดิ่งลงไปใต้ทะเลลึกแทบจะในพริบตาเดียวเหมือนกลับหินก้อนยักษ์นั้นมีแรงผลักมหาศาล

“ทำได้ทุกอย่างซะจนน่ากลัวจริงๆ เจ้านั่น”

มิวบ่นพึมพำ แม้มิวจะพอตอบโต้กับมันได้ แต่มิวรู้สึกว่าเจ้าคนตรงหน้ามันยังไม่เอาจริงไม่พอต่อให้มิวฆ่ามันได้มันก็ไม่ตายอยู่ดี

ทนเหมือนแมลงสาบเลย.. แน่นอนว่ามิวเองก็คงเหมือนกันเพราะมีดาบของเอริเนียในมือน่ะนะ มิวพยายามจะพลิกตัวและดีด

แต่ทว่าร่างเธอก็กระแทกกลับบางอย่าง..

“อุก”

เสียงสะท้อนใต้ทะเลดังขึ้น เพราะนี่เป็นใต้ทะเลลึกเมื่อเสียงนั้นดังขึ้นมิวถึงกลับขมวดคิ้วหันไปมองว่าตัวเองชนกลับอะไร..

“นี่..มัน..”

มิวมองด้วยสีหน้าประหลาดใจ.. เพราะตรงหน้าเธอนั้นมันคือซากฟอสซิลที่เป็นเหมือนผลึกที่มิวคุ้นๆ ตาอยู่บ้าง

แต่ทว่าภายในนั้นเหมือนมีซากศพของสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์อยู่ด้วย ถึงแม้จะดูไม่ออกว่ามันคือสิ่งมีชีวิตประเภทไหน

แต่สิ่งที่มิวมั่นใจเหนือสิ่งอื่นใดคือสิ่งนี้มันเป็นแค่ซากศพจากดึกดำบรรพ์ เธอไม่สามารถสัมผัสถึงพลังงานชีวิตใดๆ จากมันได้เลย

หากมองข้ามหน่อยๆ มันก็คงไม่ต่างจากหินก้อนหนึ่ง.. แต่ที่มิวประหลาดใจก็คือเธอรู้สึกคุ้นเคยกับมันอย่างน่าประหลาด

โครงกระดูกที่อยู่ในคริสตัลนั้นช่างดูคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด.. ทั้งที่มันน่าจะเป็นสิ่งที่เก่ามากยิ่งกว่าอะไรในโลกแท้ๆ..

แต่ทว่าความรู้สึกแบบนั้นไม่ได้อยู่นานนัก เพราะด้านหลังมิวนั้นมียมทูตสีดำพุ่งดิ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง

“ตามติดไม่เลิกเลยนะ”

มิวดึงสติกลับมาเลิกสนใจฟอสซิลปริศนาเธอพุ่งกลับไปปะทะเข้ากับยมทูตสีดำก่อนจะโรมรันกันต่อเนื่องอีกรอบ

แต่เพราะมิวไม่มีเวลามากนัก ทุกการโจมตีของมิวจึงเป็นการโจมตีที่หวังจะให้อีกฝ่ายต้องหลบและมิวจะใช้โอกาสนั้นในการหลบหนีไปทางโตเกียว

เพราะเธอเหลือเวลาไม่มากแล้ว..

“ฉัน.. จะไม่ยอมตายเด็ดขาด”

“แค่ป้องกันให้ฉันไม่ตายก็พอ.. เรนะ.. รอก่อนนะ”

อย่างน้อยเป้าหมายของมิวที่ต้องไล่ตามก็มีขึ้นมาแล้ว แค่นี้ก็คงเรียกว่าตัวเอกได้แล้วแหละ!