บทที่ 35 – การต่อสู้

 

แต่ทว่าในพริบตาต่อมาที่มิวควรจะถูกตัดร่างนั้น ร่างของเธอก็สลายไปพร้อมกันจังหวะที่อีกฝ่ายกะพริบตา

เงาของมิวปรากฏขึ้นด้านหลังอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ปลายคทาจะชี้ไปที่อีกฝ่าย แน่นอนว่าจังหวะนี้มิวไม่คิดจะออมมือหรือเก็บฝีมืออีกต่อไป

เมื่อครู่นี้หากเธอไม่ไหวพริบดีเรียกอัตลักษณ์ ‘ชินคิโร’ ออกมาสร้างภาพลวงตาแทนที่ตนเองเอาไว้ได้ แต่แน่นอนมันไม่ได้แปลว่ามิวพ้นวิกฤตแต่อย่างใด

เมื่อมิวชี้ปลายไม้ไปด้านหน้า เธอก็โจมตีอีกฝ่ายด้วย… ลมหายใจมังกรทันที ลำแสงสีขาวสาดสว่างจ้าทะลุทะลวงทุกสิ่งอย่างยิงออกไป

แต่ทว่าวินาทีที่มันเห็นลมหายใจมังกรมันก็ตวัดเคียวจากล่างขึ้นบนราวกับต้องการจะปัดลำแสงนั้นขึ้นท้องฟ้า

แต่ทว่าพลังงานนี้มันไม่ใช่สิ่งที่ใครจะสามารถต้านทานหรือควบคุมมันได้ เอาเข้าจริงแม้แต่มังกรก็ทำได้เพียงดูดเข้ามาแล้วเปลี่ยนให้เป็นพลังงานหล่อเลี้ยงตนเองเท่านั้น

เพราะพลังงานนี้มันทรงพลังเกินจะยากแท้หยั่งถึง!ทว่าในวินาทีที่เข็มนาฬิกาปรากฏขึ้น สีหน้าของมิวก็เปลี่ยนสี

ลมหายใจมังกรที่พ่นออกมานั้นก็ถูกหักเหไปพร้อมกับเวลา.. หรือพูดอีกอย่างคือพื้นที่ เดิมทีทั้งเวลาและพื้นที่ต่างเป็นของที่สัมพันธ์กัน

ซึ่งเมื่อมันใช้พลังบางอย่างที่คล้ายการหักเหของเวลา อวกาศเองจึงโค้งงอขึ้นและเหมือนกับถูกปัดขึ้นไปบนฟ้าทันที

แน่นอนว่านี่คือการคาดเดาของมิว เพราะถ้าไม่ใช่เพราะวิธีการหักเหกาลเวลานี้มิวก็นึกไม่ออกจริงๆ

ลมหายใจมังกรของเธอพุ่งขึ้นบนฟ้า แน่นอนว่าลมหายใจมังกรนั้นมันทรงพลังยิ่งกว่าอะไรเมื่อพุ่งขึ้นฟ้ามันก็ทะลุชั้นบรรยากาศออกไปอย่างง่ายดาย

ดวงจันทร์ที่แขวนตระหง่านอยู่ตรงนั้นราวกับเป็นเป้าหมายของมิวในเวลานี้ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ใช่.. ทว่าโชคยังดีที่ลมหายใจมังกรนั้นถูกหยุดกะทันหันก่อนถึงดวงจันทร์ มิวถึงกับขมวดคิ้วเพราะพลังของเธอเหมือนถูกยิงไปชนกับอะไรบางอย่าง

ทว่ามันไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเพราะเป็นเรื่องที่ดีแล้วที่ดวงจันทร์ไม่โดนลบหายไปเพราะเธอ และวินาทีที่ลมหายใจมังกรสลายหายไป

ยมทูตสีดำถือเคียวก็พุ่งดิ่งใส่มิวด้วยความเร็วเหนือกว่าแสงทุกอย่างที่พุ่งกระทบวัตถุเข้ามาสู่ม่านตามิว

มันจึงกลายเป็นเงาสีดำที่รวดเร็วยิ่งกว่าทุกความเร็วบนโลก แม้แต่แสงก็ไม่อาจตามทันความเร็วนี้ได้

“เอริเนีย!”

มิวตะโกนเรียกเอริเนีย แต่ทว่า… กลับไม่มีเอริเนียตอบสนองต่อคำพูดนั้นราวกับว่าเธอยังไม่ตื่นจากห้วงนิทราอย่างไรอย่างนั้น

เมื่อมิวนึกย้อนกลับไปถึงความสามารถของมิว.. แน่นอนสำหรับมิวคงเข้าใจว่าเพราะในตอนนี้เอริเนียยังไม่ตาย!

เธอต้องตายหลังจากที่มิวตายไปเป็นเทพมังกร แต่ในความจริงแล้วนี่เป็นโลกแค่ไม่กี่สิบปีก่อนเท่านั้น ทั้งเอริเนียและมิวต่างก็ถูกผนึกไว้อยู่ในห้วงนิทราแล้ว

หากพูดให้ถูกที่เธอไม่ตื่นคงเป็นเพราะ ‘โลกแห่งนั้น’ ที่มิวบอกว่า ‘มิวตื่นขึ้นมาพร้อมดาบ’ มันยังไม่ปรากฏขึ้นในช่วงเวลานี้นั่นเอง!

แต่ทว่า… ภายใต้ความสิ้นหวังที่การอัญเชิญถูกผนึก.. ไม่สิ แม้ร่างกายเธอจะวิวัฒนาการมาถึงขั้นพร้อมเรียกอัตลักษณ์แกมาแล้วก็ตาม

แต่สถานที่ที่อัตลักษณ์ถูกเรียกออกมายังอยู่ในช่วงวิวัฒนาการสร้างอยู่ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่มิวถูกตัดแขนตัดขา

พูดให้ถูกคือการไม่สามารถใช้อัตลักษณ์ได้ทั้งหมด ให้เปรียบเทียบแล้วคงเหมือนกับมนุษย์ที่จู่ๆ ก็สูญเสีย แขนขา ดวงตา อะไรทำนองนั้นนั่นแหละ

เคียวสีดำนั้นมีนาฬิกาปรากฏขึ้นอีกครั้ง ราวกับเวลาในร่างกายมิวเริ่มถูกดูดอย่างน่าประหลาด เหมือนพลังชีวิตกำลังสูญหาย

ดวงวิญญาณกำลังแตกสลาย!

เคียวนั้นตวัดลงใส่กลางหน้าของมิวอย่างไม่ใหญ่ดี แต่นั่นก็ยังพอเอี้ยวตัวออกด้านซ้ายแล้วหลบได้ แม้แต่ดาบมารกรีมัวร์มันยังไม่ติดมือมิวมา

เธอได้แต่กำหมัดพร้อมกับต่อยออกไปสุดแรงเกิด พลังทำลายล้างจากหมัดของมิวมันก็มากพอจะถล่มตึกสูงหลายสิบชั้นได้ด้วยหมัดเดียว

“ตู้ม!!”

เสียงแตกกระจายของอากาศธาตุดังขึ้นจนกลายเป็นสุญญากาศ เกิดเป็นแรงกระแทกที่ซัดเข้าท้องเจ้ายมทูตสีดำนี้อย่างเหี้ยมโหด

แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นอะไรเลย เคียวสีดำของมันที่ฟันพลาดเพราะการเอี้ยวตัวหลบของมิสก็เปลี่ยนวิธีตวัดออกข้างตามมิวที่เอี้ยวตัวหลบ

ซึ่งมันแน่นอนว่ามิวที่หลบในระยะประชิดเองก็คาดเดาสถานการณ์แบบนี้ไว้ เธอจึงเตรียมตัวที่จะย่อหลบเช่นกัน

เข่ามิวพับลงกะทันหัน ทำให้เคียวนั้นตวัดผ่านอากาศไปอย่างง่ายดาย ซึ่งเป็นจังหวะที่กล้ามเนื้อแขนของยมทูตสีดำที่ไม้แน่ใจว่าด้านในนั้นมีกล้ามเนื้อหรือเปล่า เพราะอาจจะเป็นแค่โครงกระดูกเหมือนในการ์ตูนอนิเมะ

แต่นั่นก็เป็นจังหวะที่มิวสามารถตอบโต้ได้ เธอที่ทิ้งตัวไปด้านหลังใช้มือค้ำกลางอากาศก่อนเตะขาขึ้นฟ้าเสยใส่คางของมันอย่างโหดเหี้ยม

ความแรงของขานั้นมีมากกว่าหมัดแน่นอน เพราะกล้ามเนื้อขาถูกออกแบบมาเพื่อเดินหรือวิ่งซึ่งใช้งานหนักกว่าแขนสองข้างอยู่แล้ว

เพราะงั้นวินาทีที่เตะเสยกลางคางอีกฝ่ายซึ่งน่าจะเป็นจุดอ่อนของสิ่งมีชีวิตมันก็ควรจะได้ผลอยู่แล้ว

มิวหมุนตัวกลางอากาศถอยออกไปหลายก้าว มองเจ้ายมทูตสีดำที่ในที่สุดก็หยุดนิ่งสักที.. มิวมองที่มือและขาตัวเอง

วินาทีเดียวสั้นๆ เมื่อกี้เป็นอีกครั้งที่เธอรู้สึกแปลกประหลาดอย่างมาก.. คำพูดเพ้อเจ้อของรินนะลอยขึ้นมาในหัว

มิวได้แต่ส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้.. เธอหันขึ้นไปมองอีกฝ่ายที่แน่นิ่วไปมิวค่อนข้างมั่นใจว่าต้องได้ผลแน่ถ้ามันยังเป็นสิ่งมีชีวิตน่ะนะ

ทว่า.. ถ้ามันง่ายขนาดนั้น นี่คงไม่ต้องเรียกว่าวิกฤตแล้ว!

ใต้ผ้าคลุมที่ปิดหน้าของเหมือนมีแสงว้าบผ่านราวกับตาที่จับจ้องมาที่มิวนั้นมันกลายเป็นสีแดง แน่นอนว่าเป็นแค่ในความรู้สึก

มันดีดตัวพุ่งดิ่งเข้าใส่มิวด้วยความเร็วที่สูงกว่าเดิมในตอนแรกแทนที่จะใช้เคียวตวัดแต่คราวนี้มันกลับเอ้าปลายที่โค้งงอตรงข้ามกับเคียวกระแทกใส่มิวอย่างรุนแรง

วินาทีนั้นดวงตาของมิวเบิกกว้างด้วยความเจ็บปวด การถูกกระแทกด้วยพละกำลังมหาศาลที่มีความเร็วสูงที่สุดบนโลกใบนี้

ต่อให้ไม่ใช่คมดาบ.. ไม่สิ มันเจ็บปวดกว่าคมดาบด้วยซ้ำเพราะเป็นแรงอัดกระแทก มิวเบิกตากว้าง ปากพ่นเลือดสีแดงฉานออกมาก่อนที่ร่างจะถูกส่งปลิวเหมือนลูกปืนใหญ่กระเด็นไกลไปทางทะเล

แม้แถวที่พักของคางารินั้นจะไม่เฉียดใกล้ทะเลเลยก็ตาม แต่ทว่าการที่มิวถูกกระแทกจนกระเด็นถึงทะเลก่อนจะตกลงผิวทะเลกลิ้งอยู่หลายตลบ

นั่นก็เป็นเพราะแรงกระแทกมหาศาลของอีกฝ่าย.. มิวกุมท้องด้วยความเจ็บปวดก่อนจะอ้วกอาหารออกมาเพราะหมัดเมื่อครู่

แต่ยมทูตสีดำที่ป่าเถื่อนยิ่งกว่ายมทูตในการ์ตูนก็พุ่งตามมาเหนือหัวมิวที่นอนอยู่กลางทะเล ก่อนที่มันจะกระโดดเหยียบใส่กลางหัวมิวอย่างเหี้ยมโหด

หากโดนไปหัวคงแตกกระจุยกระจายแน่ แค่หมัดเมื่อครู่ซี่กระดูกของเธอก็แตกหักจนทิ่มอวัยวะภายในจนเละเทะหมดแล้ว

มิวกัดฟันร้องออกมาผลักตัวหลบออกด้านข้างกลิ้งบนผิวน้ำ

“ตู้ม!!!!”

เท้าของยมทูตกระแทกน้ำจนมันสาดกระจายไปทั่ว เกิดเป็นคลื่นทะเล.. สายตาของมันจับจ้องมาที่มิว

“อย่า.. ได้คิด.. พยายาม.. จะย้อน..กลับมา..เพื่อแก้ไข”

เสียงที่เหมือนกระตุก หรือเน็ตไม่เสถียร.. บางครั้งก็ถึงพร่ามัวแยกไม่ออกว่าเป็นบุรุษหรือสตรีดังออกจากใต้ผ้าคลุม บางทีตัวมันอาจจะไม่มีเพศแต่แรก

และอาจจะไม่ใช่สิ่งมีชีวิตด้วย

สิ้นสุดคำพูดของมันเงาร่างของมันก็พร่าเลือนก่อนปรากฏตัวตรงหน้ามิวพร้อมกับตวัดเคียวใส่คอของมิว

แต่ทว่า… ดาบเล่มหนึ่งที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้น เหมือนกับว่าเสียงเรียกของมิวพึ่งจะเดินทางไปถึงหรืออาจจะเป็นเพราะมันพึ่งแหวกว่ายข้ามผ่านห้วงเวลามาถึงไม่แน่ใจ

ดาบปริศนาที่ร่วงลงมาจากฟากฟ้านั้นแม้ไม่มีคนจับมันก็ยังปัดป้องเคียวที่พุ่งมา.. กลับกันเคียวที่ปะทะกับดาบเล่มนี้เองกลับรู้สึกเหมือนมันจะเริ่มพังทลายลง

ยมทูตสีดำถอยกรูดกลับไปแทบจะทันที.. คมดาบนั้นปักลงกลางร่างกายของมิวก่อนที่ถูกอย่างที่เคยเกิดขึ้นจะหายไป..ความเจ็บปวดของมิวหายไปทั้งหมดสิ้น

ดวงตาของเธอเบิกขึ้นก่อนจะจับเอาดาบเล่มนั้นขึ้นมา.. มิวค่อยๆ ลุกขึ้นพร้อมกับยันตัวขึ้นยืน

“ดาบเล่มนี้.. คนที่ใช้ได้มันควรจะมีแค่ยัยเอริเนียนั่นไม่ใช่เหรอ”

มิวพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ.. แต่ถึงแบบนั้นดาบเล่มนี้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว ดาบมหาเผ่าพันธุ์.. ที่ตอนนั้นอาจจะเป็นอะไรบางอย่างที่เหนือกว่านั้น

วินาทีที่มิวจับดาบเล่มนี้.. เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นอะไรบางอย่างที่เหนือขั้นขึ้นไปอีก

“โดนอัดอยู่ฝ่ายเดียว.. มันไม่สนุกเลยนะเฮ้ย มาต่อยกสองกันแบบเท่าเทียมดีกว่า!”

มิวชี้ดาบไปด้านหน้า.. ยมทูตสีดำแม้จะตกใจที่เคียวมันเหมือนจะพังทลายลงเพราะดาบแต่ก็ไม่ได้เกินความคิดของมันนัก

มันพุ่งตัวด้วยความเร็วก่อนหน้านี้หลายเท่า.. ทว่ามิวกลับสามารถเร็วได้ยิ่งกว่านั้น แทนที่จะเป็นมันที่เข้าใกล้

มิวกลับเป็นคนเข้าใกล้เอง ในตอนที่มันยังง้างเคียวไม่เสร็จคมดาบของมิวก็เข้าไปใต้วงแขนของทันพร้อมกับตวัดใส่แขนของมัน

แม้ยมทูตจะมีบาเรียกันเอาไว้ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าดาบเล่มนี้ทุกอย่างล้วนเป็นเพียงแค่เต้าหู.. บาเรียถูกตัดจนฉีกขาดก่อนที่จะแยกแขนมันออกจากลำตัวอย่างง่ายดาย

ยมทูตถูกตัดแขนในพริบตาทั้งที่ก่อนหน้ามิวแทบทำอะไรมันไม่ได้ด้วยซ้ำ!