บทที่ 34 – กาลเวลา

 

มิวเคลื่อนที่ผ่านสถานที่ต่างๆ ด้วยความเร็วสูง.. เพราะว่าเธอไม่ค่อยอยากจะปรากฏตัวให้ใครเห็นเท่าไหร่นัก

ยิ่งเจอคนเยอะ ยิ่งมีโอกาสถูกสอบสวน.. โลกในอนาคตอย่างในเมืองลอยน้ำยังดีหน่อยที่ไม่มีการยืนยันตัวตนที่หนักหนาอะไรขนาดนั้น

เรียกได้ว่าจะมีใครโผล่ออกมาก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องที่ผิดสังเกตเท่าไหร่นัก แต่ถึงแบบนั้นไม่ใช่สำหรับที่ญี่ปุ่นเพราะหากมีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นละก็เรื่องคงไม่จบง่ายๆ

แถมมิวรู้ดีว่านี่คือในอดีต.. เธอต้องระวังอะไรบางอย่างที่เทพธิดาคนนั้นได้บอกเอาไว้ด้วย… ถึงจะไม่รู้ว่าคืออะไรเธอต้องทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง

โอกาสมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

มิวใช้เวลาไม่นานในการเดินทาง.. แม้ในความจริงจะผ่านมานานแล้ว แต่มิวนั้นเธอยังรู้สึกว่าผ่านมาไม่นานเท่าไหร่นัก

และยังเป็นช่วงเวลาก่อนตายของมิว ทำให้เธอจดจำเรื่องราวก่อนหน้านั้นได้เป็นอย่างดี.. ไม่สิ ถ้าจะให้บอกคือวันพรุ่งนี้เป็นวันครบรอบ 6 ปีที่มิวคบกับแฟนมา

เธอคบกับแฟนมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่มหาลัยแล้ว แม้จะเรียนอยู่คนละคณะก็ตามที… แน่นอนวันที่ 25 นั้นคือวันที่เธอเตรียมของไว้เพื่อฉลองวันครบรอบในวันที่ 26 นั่นเอง.. แต่มิวไม่คิดว่าในวันครบรอบจะเป็นวันตายของตัวมิวเอง

เธอส่ายหน้าปัดความคิดด้านลบในหัวทิ้งพร้อมกับบอกตัวเองว่า ‘ฉันมาเพื่อแก้ไขสิ่งนั้นไม่ใช่หรือไง’ ซ้ำไปซ้ำมา

“แต่ว่าสาเหตุที่ฉันตาย…คืออะไรกันแน่”

มิวพึมพำกับตัวเอง.. เธอจำได้ว่าในวันที่ 25 นั้นมิวไม่ได้คุยกับแฟนตัวเองเลยเพราะจู่ๆ แฟนเธอ เรนะก็โทรมาหาเรื่องกันในระหว่างที่มิวหาซื้อของขวัญอยู่

มิวรีบเดินทางกลับไปยังห้องเช่าของตัวเอง ซึ่งเป็นห้องเช่าราคาที่ไม่สูงหรือไม่ต่ำมากเท่าไหร่พออยู่ได้

มิวไม่รู้สาเหตุการตายของตัวเอง ดังนั้นเธอจึงต้องจับตามองตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าอาจจะโดนอะไรฆ่า

แต่ยังมีดีอยู่อย่างหนึ่งมิวจำได้ว่าตัวเองตายวันรุ่งขึ้น เพราะก่อนที่เธอจะตายเธอกำลังเดินทางไปหาแฟนสาวที่นัดกันไว้แต่วันก่อนๆ

ก็นัดเดทนั่นแหละนะ และเธอก็รู้สึกตัวอีกทีตอนอยู่โรงพยาบาลมีแฟนสาวกำลังทำสีหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่ด้วย

มิวรีบเคลื่อนที่ ทุกอย่างยังเป็นเหมือนในความทรงจำมิวหมด นั่นก็แน่ละนะเพราะโลกแห่งนี้คือโลกในอดีต

มิวสามารถแอบเข้าไปในห้องของตัวเองได้อย่างเงียบเชียบและไม่มีใครสังเกตเห็น ห้องของเธอจะบอกว่าเล็กก็ไม่ได้เพราะค่อนข้างใหญ่

เพราะที่ทำงานของมิวค่อนข้างดี.. พูดให้ถูกกว่านี้ก็คือเงินเดือนของเธอได้ค่อนข้างเยอะนั่นแหละนะ

แต่ก็ตามสภาพห้องของผู้ชาย มันค่อนข้างรก.. ป่านนี้ตัวของมิวหรือคางาริคงกำลังหาซื้อของที่จะเป็นของขวัญวันเกิดให้กับแฟนสาวอยู่

มิวจึงสามารถทำตัวสบายเหมือนได้อยู่ห้องของตัวเอง เธอทิ้งตัวลงบนเตียงพร้อมกับสูดลมหายใจลึกๆ

“….เอ้ะ.. นี่เตียงฉันเน่าขนาดนี้เลยเหรอ?”

มิวที่สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก็ได้กลิ่นตุๆ.. ก็นะเธอไม่มีเวลาว่างซักขนาดนั้นนี่น่า อาจจะเพราะมิวในตอนนี้เป็นคนอื่นไปแล้วเลยทำให้ได้กลิ่นตุๆ ของตัวเองชัดเจน

แต่เตียงเธอก็ยังเป็นเตียงเธอ.. ตลอดเวลาที่ผ่านมานับตั้งแต่ตื่นขึ้นเธอแทบไม่ได้พักเลย แถมยิ่งผ่านการต่อสู้ก่อนหน้านี้มา

ทำให้มิวเองก็เหนื่อยอยู่เหมือนกัน เมื่อได้กลับสู่สถานที่ที่ควรจะเรียกว่าเป็น Save Zone ของตัวเองเธอก็แทบจะหลับไปในทันที

ความเหนื่อยล้าตลอดวันที่ผ่านมาทำให้มิวได้นอนพักผ่อนอย่างเต็มที่.. มันควรจะเป็นแบบนั้น…

อาจจะเพราะมิวนั้นกลายเป็นมังกรไปแล้ว แม้เธอจะเหนื่อยหรือพักผ่อนสัญชาตญาณเธอก็ไวต่อเสียงเสมอ

เพราะงั้นทันทีที่มีเสียงของถุงจากร้านสะดวกซื้อตกลงบนพื้นดวงตาของมิวก็ลืมขึ้นและมองไปข้างหน้าทันที

เหงื่อมิวไหลริน ในวินาทีนั้นมิวก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นขโมย.. ไม่ใช่แค่ขโมยธรรมดาแต่เป็นแมวขโมยผู้ชาย.. และผู้ชายที่ว่าก็คือตัวเองในอดีต เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือเรนะ

ใช่แล้ว.. มิวลืมไปได้ยังไง.. วันนี้มันวันเสาร์และปกติวันเสาร์ยัยเรนะมักจะมาทำความสะอาดที่ห้องเธอให้ประจำ

แต่ตอนนั้นที่มิกลับมาห้องยังรกเหมือนเดิม มิวเลยคิดว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาที่ห้องของตัวเอง.. เพราะวันพรุ่งนี้เป็นวันครบรอบมิวเดาว่าเธอก็คงไปหาซื้ออะไรมาเป็นของขวัญตัวเองเหมือนกัน

แต่ความจริงนั้น ของขวัญที่เรนะจะมอบให้คางารินั้นเธอสามารถตัดสินใจได้ในเสี้ยววิ.. จะว่าเป็นความเอาใจใส่ในแบบของผู้หญิงก็ได้

เรนะมองไปที่ผู้หญิงที่สวยเจิดจ้าตรงหน้า.. เอาเข้าจริงต่อให้ไม่มีใครพูดเธอก็รู้ดีว่าผู้หญิงตรงหน้านี้สวยกว่าตัวเรนะเองซะอีก

และการที่ผู้หญิงแบบนี้มานอนหลับอยู่ห้องแฟนตัวเองทั้งที่ไม่ใช่เพื่อน พี่น้องหรือครอบครัว แต่เป็นชาวต่างชาติสุดสวย

“ธ… เธอ..!!”

มิวรีบเคลื่อนไหวให้รวดเร็วกว่าเสียงของเรนะอ้อมตัวเข้าไปด้านหลังเธอพร้อมกับปิดปากเธอไว้ก่อนที่จะพูดอะไร

“….ทำไมฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นอาชญากรแปลกๆ”

มิวคิดในใจ แต่อีกฝ่ายเป็นแฟนตัวเองก็คงไม่ผิดหรอกใช่ไหม.. ขืนเธอร้องออกมาเรื่องไม่จบแค่มิวที่เป็นสาวต่างชาติถูกพาเข้าสถานีตำรวจแน่

และเธอเองก็ไม่อยากทำร้ายเรนะเหมือนกัน.. มิวจึงหาคำอธิบายมาอธิบาย

“ใจเย็นๆ ก่อนนะ ฉันรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ แต่มันไม่ใช่อย่างที่คิดเข้าใจไหม ฉันแค่เข้าผิดห้องเฉยๆ”

“…….”

อาจจะเพราะโดนปิดปากอยู่เรนะเลยตอบอะไรไม่ได้ แต่ถึงแบบนั้นเธอก็ยังมองมิวด้วยสายตาที่ไม่เชื่อเพราะคนข้างห้องเรนะรู้จักพวกเขาทุกคน

และพวกเขาไม่มีคนหน้าตาแบบนี้.. นอกจากนี้จะเข้าห้องที่ล็อคมาได้ยังไง

อันที่จริงต่อให้ผ่านเหตุผลทั้งหมดที่ว่านั้นมาได้ ถ้ามีผู้หญิงมาอยู่ในห้องผู้ชายที่เป็นแฟนตัวเองเรนะเองก็ไม่ใช่แม่พระพ่อที่จะควบคุมอารมณ์ให้คิดถึงหลักเหตุผลอะไรแบบนั้นได้อยู่ดี

“อ้าก.. ฉันขอโทษนะ”

มิวร้องออกมาอย่างไม่มีทางเลือกนอกจาก..ทำให้เรนะสลบ แล้วก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เธอไม่กล้าอยู่นี้แล้ว

มิวตามหาตัวเองในอดีตแล้วสถิตอยู่กับตัวเองตลอดเวลา เพราะเธอไม่อยากเจอเรนะสักเท่าไหร่

ในตอนเย็นของวันเดียวกัน มิวที่นั่งมองตัวเองจากอีกที่หนึ่งด้วยการพรางตัว มิวมองคางาริที่รับโทรศัพท์จากแฟนตัวเอง

ถึงจะไม่รู้ว่าคุยอะไรกันแต่ความจำในอดีตมันย้อนกลับมา.. ตอนที่เธอรับโทรศัพท์จากเรนะคือเธอพูดว่า

“ไอ้บ้า ไปตายซะ”

“นี่เธอเป็นอะไรเนี่ย”

“หนวกหู ไปนอนกับชาวต่างชาติแกนู้นไป”

เมื่อมิวนึกคำพูดที่ตัวเองไม่เข้าใจในตอนนั้นขึ้นมาได้.. ใบหน้าที่ไม่ได้จริงจังของมิวก็ย่นลง…

“เดี๋ยวสิ.. มันต้องไม่เป็นแบบนี้สิ”

มิวพึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้าย่ำแย่เล็กน้อย เธอสังเกตเห็นอะไรบางอย่างในการข้ามเวลาครั้งนี้แล้ว

“ฉัน..ต้องไม่ออกไปข้างนอกวันพรุ่งนี้”

มิวพึมพำกับตัวเองก่อนที่จะโดดเข้าไปในห้องของตัวเธอเองในระหว่างที่คางาริหลับอยู่ เธอถอนหายใจ

“ขอโทษนะตัวฉัน.. ทรมานนิดหน่อย แต่นายต้องไม่เสียเรนะไปเหมือนที่ฉันต้องเสีย”

มิวพึมพำพร้อมกับจะลักพาตัวตัวเองไปขังเอาไว้ เพื่อในกรณีที่เลวร้ายที่สุด.. ทว่าในตอนที่มิวกำลังอุ้มตัวเองขึ้น

ภาพความทรงจำของมิวในเช้าวันที่ 26 ก็ลอยขึ้นมา.. มันเป็นภาพที่เธอนอนตกเตียง.. นั่นเพราะอะไร…?

ความรู้สึกบางอย่างพุ่งพรวดออกมาจากจิตใต้สำนึกของมิว มันคือสัญชาตญาณเอาตัวรอดสุดโต่งของเทพมังกรในตัวเธอ

ความอันตรายนี้มันมีมากว่าเจ้าสมองนั้นเสียอีก.. ราวกับว่ามันสามารถฆ่าเธอได้ไม่ใช่แค่การทำให้บาดเจ็บเท่านั้น

มิวทิ้งคางาริลงกับพื้นพร้อมกับโดดออกจากห้องไปอย่างว่องไว วินาทีนั้นเองจุดที่มิวเคยอยู่ก็เกิดรอยแยกของห้วงมิติและกาลเวลา

ในที่แห่งนั้นเหมือนกับหลุมดำขนาดย่อยไม่มีผิด มันพยายามจะดูดกลืนเอาทุกอย่างในฆ้องนี้รวมถึงร่างคางาริ แต่ทว่าเงาสีดำปริศนาก็เหยียบย่างเข้ามาในห้องดึงเอาร่างของคางาริเอาไว้

ก่อนที่หลุมนั้นจะหายไปพร้อมกับคางาริที่ร่วงลงบนพื้น.. แต่คางาริก็ยังหลับอยู่ดี.. พอมิวมาสัมผัสดูดี.. เธอรู้สึกเหมือนกับว่าโลกในตอนนี้เต็มไปด้วยอาณาเขตบางอย่าง

“แกเป็นใคร”

มิวตะโกนออกมา.. ก่อนที่เงาสีดำนั้นจะปรากฏขึ้นต่อหน้ามิว เคียวสีดำตวัดใส่คอของมิว.. คามรู้สึกทีได้จากเคียวเล่มนี้เหมือนกับดาบคำสาปไม่มีผิด

ไม่สิ.. มันแข็งแกร่งยิ่งกว่านั้นหลายหมื่นหลายแสนเท่า ต่อให้เป็นอัตลักษณ์นิรันดร์ของเธอก็ไม่อาจต้านทานได้อย่างแน่นอน

มิวเอี้ยวตัวหลบอย่างว่องไวด้วยปฏิกิริยาตอบสนองสุดขั้ว.. เจ้าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่ที่เธอเคยพบมาแน่นอน

เงาสีดำนั้นไม่ได้ตอบคำถามมิว แต่มันสวมผ้าคลุมสีดำ ดำไปทั้งตัว.. มือสองข้างที่อยู่ใต้ผ้าคลุมสีดำนั้นไม่สามารถเห็นได้ชัดจนราวกับถูกตัวเลขโรมันบดบังเอาไว้

เคียวในมือของมันยกขึ้นก่อนที่จะมีภาพคล้ายภาพโฮโลแกรมเป็นวงแหวนนาฬิกาโรมันปรากฏขึ้นก่อนที่จะตวัดเข้าจากใต้วงแขนของมิวลากไปถึงไหล่

แน่นอนว่ามิวไม่สามารถตอบสนองได้ทันเคียวนั้นตัดทะลุร่างของมิวอย่างโหดเหี้ยมจนถูกแยกออกเป็นสองส่วนอย่างง่ายดาย!