สภาพแวดล้อมโดยรอบเต็มไปด้วยความหรูหราและโรแมนติก

ซู่เจินนั่งลงพร้อมกับสกาย โดยที่พวกเขานั่งตรงข้ามกัน ซู่เจินมองไปที่สกายด้วยรอยยิ้ม หลังจากนั้นไม่นานไฟในห้องอาหารก็ค่อย ๆ หรี่ลงอย่างช้า ๆ พร้อมกับแสงเทียนบนโต๊ะที่ค่อย ๆ ส่องสว่างขึ้นมา ทำให้สกายตื่นเต้นเล็กน้อย โดยที่ปากของเธอยิ้มออกมาไม่หยุด มันเต็มไปด้วยความสุขและความหอมหวาน ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะมีสุขมากขนาดนี้

ในขณะเดียวกันก็มีเสียงไวโอลินอันไพเราะดังขึ้นมาเบา ๆ ชวนให้พวกเขาเคลิบเคลิ้มไปกับมัน

ดินเนอร์ใต้แสงเทียนสุดโรแมนติกพร้อมกับเสียงไวโอลินอันไพเราะ!

ชายและหญิงที่รักกัน!

การดินเนอร์ใต้แสงเทียนของพวกเขาในครั้งนี้เรียกได้ว่าค่อนข้างที่จะสมบูรณ์แบบ ในบางครั้งพวกเขาก็นั่งจ้องตากันด้วยความรักอันเปี่ยมล้น มันชั่งเป็นความสุขที่หาที่ไหนไม่ได้จริง ๆ และเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว แปปเดียวก็ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว

“ที่รักคุณมีความสุขไหม!“

ซู่เจินเดินโอบเอวของสกายเดินออกมาจากร้านอย่าง ๆ ช้า พร้อมกับถามสกายที่กำลังพิงตัวของเขาอยู่เหมือนกับหมีโคอาล่าขึ้นมาเบา ๆ

สกายพยักหน้าอย่างรุนแรง เพราะว่าเธอไม่สามารถคิดได้ว่ามันจะมีอะไรที่ทำให้เธอพอใจได้มากกว่านี้อีกแล้ว และความทรงจำของเธอในวันนี้ … เธอจะไม่มีวันลืมมันอย่างแน่นอน .. ไปชั่วชีวิต!

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปสถานที่ต่อไปกันเถอะ“ ซู่เจินยิ้มขึ้นมาพร้อมกับกระชับเอวของเธอให้แน่นขึ้นเล็กน้อย

“อืม“ ใบหน้าอันแสนงดงามของสกายแดงขึ้นมาเล็กน้อยและตอบซู่เจินขึ้นมาอย่างเชื่อฟัง

แน่นอนว่าบริเวณใกล้เคียงกับร้านอาหารที่พวกเขาได้ไปนั่งกินเมื่อกี้ มันมีโรงแรมสุดหรูอยู่ ทำให้พวกเขาทั้งสองคนเดินเข้าไปในโรงแรมอย่างรวดเร็ว และซู่เจินก็เดินไปเปิดห้องกับพนักงานและพาสกายเดินไปที่ลิฟต์ และทันทีที่ประตูลิฟต์ปิดลงพวกเขาทั้งสองคนก็จูบกันอย่างดูดดื่ม ราวกับว่ามีเหล็กติดตัวของพวกเขาอยู่

“ติ๊ง!“

ประตูลิฟต์เปิดออกอย่างช้า ๆ แต่อารมณ์ของพวกเขาในตอนนี้ได้ถูกจุดขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว ทำให้ซู่เจินอุ้มสกายขึ้นมาในขณะที่พวกเขากำลังจูบกันอยู่ และรีบเดินไปที่ห้องของเขาพร้อมกับเปิดประตูเข้าไปอย่างรวดเร็ว

ปัง!

เท้าของซู่เจินค่อย ๆ เกี่ยวไปที่ประตูและปิดมันอย่างรุนแรง

ผ้าคลุมไหล่ของสกายถูกโยนทิ้งเอาไว้ข้าง ๆ อย่างรวดเร็ว เพราะว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ใกล้กันราวกับว่าพวกเขาไม่ต้องการแยกออกจากกันเลยแม้แต่น้อย และพวกเขาก็ค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าออกที่ละชิ้นอย่างช้า ๆ และสกายก็เอนตัวลงนอนบนเตียงพร้อมกับมองไปที่ซู่เจินด้วยสายตาหวานเยิ้ม

เมื่อซู่เจินมองไปที่สกายก็ทำให้เขาพบเข้ากับผิวสีขาวอมชมพูอันงดงามและแววตาอันหวานเยิ้ม ทำให้ซู่เจินค่อย ๆ มองต่ำลงไปเรื่อย ๆ ราวกับว่าราชากำลังตรวจสอบอาณาเขตของตัวเองอย่างไงอย่างงั้น เขามองไปที่ร่างกายของเธออย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้พลาดจุดไหนไปแม้แต่นิดเดียว ทำให้สกายในตอนนี้เต็มไปด้วยความเขินอายจากการจ้องมองของซู่เจินที่มองมาที่เธออยู่ตลอดเวลา หลังจากนั้นเธอก็ค่อย ๆ หลับตาลงอย่างประหม่าเล็กน้อย

ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกได้ถึงมือขนาดใหญ่ที่อบอุ่นและร้อนแรงวางอยู่บนใบหน้าของเธอเบา ๆ และเมื่อเธอได้ยินซู่เจินตะโกนเรียกชื่อของเธอขึ้นมา สกายก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว และเธอก็รู้สึกว่ามันกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ….

ความสุขมันคืออะไร?

สำหรับสกายแล้วการที่เธอได้อยู่กับผู้ชายที่เธอรัก นั่นแหละคือความสุขของเธอ บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเธอขาดความอบอุ่นจากครอบครัวในตอนเด็ก ทำให้เธอในตอนนี้คิดว่าความสุขแค่นี้มันก็เพียงพอสำหรับเธอแล้ว

แม้ว่า … ฉันจะไม่รู้ว่าพ่อแม่ของฉันเป็นใคร แม้ว่า … ฉันจะไม่รู้ว่าครอบครัวมันมีความสุขอย่างไร?

แต่ฉันก็มีเขา ซู่เจิน … เขาคือบ้านของฉัน!

สกายนอนหลับด้วยใบหน้าอันไร้เดียงสา พร้อมกับกรนขึ้นมาเบา ๆ …

โดยที่มือของเธอนั้นโอบคอของซู่เจินเอาไว้ไม่ยอมปล่อย แม้ว่าเธอจะหลับไปแล้วก็ตาม เพราะเธอกลัวว่าซู่เจินจะหายไปเมื่อเธอตื่นขึ้นมา

ภายในห้องไม่มีแสงไฟสักดวงที่เปิดอยู่ ทำให้มันค่อนข้างมืดสลัวเล็กน้อย ในขณะเดียวกันซู่เจินก็มองไปที่สกายที่กำลังยิ้มออกมาในยามที่เธอหลับด้วยรอยยิ้ม

ยามเช้า

สกายค่อย ๆ ยื่นมือของเธอควานหาไปรอบ ๆ และไม่นานเธอก็พบเข้ากับความว่างเปล่า ทำให้เธอที่สะลึมสะลืออยู่ในตอนแรกตกใจตื่นขึ้นมาทันที เพราะว่าเมื่อเธอลืมตาตื่นขึ้นมาซู่เจินก็ไม่อยู่แล้วทำให้เธอในตอนนี้รู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก และในขณะที่เธอกำลังจะโกนเรียกชื่อของซู่เจิน จู่ ๆ เธอก็ได้ยินเสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างของซู่เจินที่เดินเข้ามาอย่างช้า ๆ พร้อมกับสิ่งของต่าง ๆ มากมายในมือของเขา

“คุณหายไปไหนมา“

สกายลุกขึ้นแล้วกระโดดเหวี่ยงตัวเข้าไปในอ้อมแขนของซู่เจินอย่างรวดเร็ว

ซู่เจินยิ้มและพูดขึ้นว่า “ผมไปซื้ออาหารเช้ามา“

“ฉันคิดว่า … ฉันคิดว่า … “ สกายบ่นพึมพำขึ้นมาเบา ๆ

“คุณคิดว่าผมหายไปสินะ … ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้อยู่กับคุณตลอดเวลา แต่ผมก็ไม่มีวันทิ้งคุณไปในเวลาอย่างนี้แน่นอน“ ซู่เจินไม่คิดว่าสกายจะยึดติดกับตัวเขามากขนาดนี้ ดูเหมือนว่าเด็กผู้หญิงกับผู้หญิงจริง ๆ มันช่างแตกต่างกันมากซะเหลือ และหลังจากการเปลี่ยนแปลงของสกายในตอนนี้ มันอาจจะทำให้การพึ่งพาตัวเองของเธอเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า!

“อืม ๆ“ สกายพยักหน้ารั่ว ๆ เมื่อได้ยินคำพูดของซู่เจิน

“คุณจะนอนต่อไหม ? ถ้าไม่เราจะได้ทานอาหารเช้ากัน!”

“อืม“ สกายตอบขึ้นมาอย่างมีความสุข ซึ่งสภาพของเธอในตอนนี้ก็คือ ล่อนจ้อน และเธอก็ไม่คิดที่จะใส่มันด้วย เธอเดินไปนั่งที่โต๊ะและกินอาหารเช้ากับซู่เจินอย่างมีความสุข แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่อาหารเช้าธรรมดา แต่สำหรับสกายแล้วแค่นี้มันก็ทำให้เธอมีความสุขมากแล้ว

“วันนี้คุณมีแผนที่จะทำอะไรต่องั้นหรอ กลับไปที่ SHIELD หรือว่าคุณจะไปกลับผม ? ” ซู่เจินถามขึ้นมา

สกายครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจว่า “แน่นอนว่าฉันอยากไปกับคุณ แต่ … ตอนนี้ฉันพบเบาะแสอะไรบางอย่าง ทำให้ฉันอยากกลับไปตรวจสอบมันให้เร็วที่สุด และหลังจากนั้นฉันก็จะได้อยู่กับคุณตลอดไป!”

“งั้นเดี๋ยวอีกสักผมจะพาคุณไปส่งที่ยานก็แล้วกัน“

“อืม!“

หลังจากที่ทานอาหารเช้าและพักผ่อนกันเต็มที่แล้ว พวกเขาก็แต่งตัวและเดินออกจากโรงแรมทันที

ย้อนกลับไปที่ยานบินของ SHIELD ตอนนี้ทุกคนสังเกตเห็นว่าสกายในตอนนี้ดูแตกต่างไปจากเดิมเล็กน้อย ราวกับว่าเธอมีเสน่ห์บางอย่างที่ไม่เหมือนใครปรากฏขึ้นมา … และเมื่อพวกเขาคิดถึงตอนที่ซู่เจินพาสกายออกไปข้างนอกในคืนนั้น พวกเขาก็เข้าใจในทันทีเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น

โคลสันแกล้งพูดติดตลกขึ้นมาเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องที่ซู่เจินบอกว่าเขาได้รับบาจเจ็บ แต่เขากับพาสกายออกไปทำเรื่องโรแมนติกกันสองคนด้านนอก ทำอย่างนี้มันไม่เกินไปหน่อยงั้นหรอ ?

แต่ซู่เจินกับพูดขึ้นมาว่า “คุณอิจฉาผมงั้นหรอ ? ทำไมคุณไม่ลองไปหาแฟนสาวสักคนดูล่ะ ไม่แน่มันอาจจะช่วยให้จิตใจอันบอบช้ำของคุณมันดีขึ้นก็ได้!”

“ถ้าวันนี้ไม่มีภารกิจอะไร คุณควรที่จะหยุดพักผ่อนให้เพียงพอซะก่อน ไม่งั้นเดี๋ยวร่างกายของคุณจะแย่เอา และเดี๋ยวผมจะกลับไปที่ฐานแล้วถ้าเกิดว่าคุณคิดถึงผมก็โทรมาหาผมได้ตลอดเวลา!“ ซู่เจินจูบไปที่แก้มของสกายเบา ๆ และในขณะที่เขากำลังจะจากไป เขาก็สังเกตเห็นเจมมาขึ้นมาโดยบังเอิญ แถมเธอกำลังทำสีหน้าแปลก ๆ ออกมา ราวกับว่าเธอกำลังอิจฉา ? หรือว่า … หึง ?

ซู่เจินยิ้มให้กับเธอเบา ๆ ทำให้เจมมารีบเปลี่ยนสีหน้าของเธอโดยทันทีและยิ้มให้กับเขาเช่นกัน

“คุณสวยขึ้นมาก!“

หลังจากซู่เจินจากไป เจมมาก็เดินมาหาสกายและอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา

สกายยิ้มและพูดขึ้นมาว่า “ชุดนี้สวยงั้นหรอ ?”

“ไม่! มันไม่เกี่ยวกับเสื้อผ้าเลยสักนิด แต่มันเป็นเพราะจิตใจของคุณในตอนนี้ได้กลายเป็นผู้หญิงเต็มตัวแล้วมากกว่า … “ เจมมาหยุดคิดสักพักหนึ่งและพูดต่อว่า “ตอนนี้คุณดูเหมือนกับอัญมณีที่ส่องแสงแวววาวระยิบระยับอยู่บนท้องฟ้า“

สกายยิ้มหวานขึ้นมาทันที เพราะเธอก็รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของเธอเช่นกัน

“นี่คือช่องว่างความแตกต่างระหว่างเด็กผู้หญิงกับผู้หญิง ซู่เจิน … เมื่อไหร่คุณจะทำให้ฉันกลายเป็นผู้หญิงเต็มตัวสักที!” จู่ ๆ เจมมาก็นึกถึงฉากของตัวเองและซู่เจินขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เธอนึกถึงตอนที่เขานอนบนตักของเธอ …

“ฮัดชิ่ว!”

ในขณะที่ซู่เจินกำลังบินอยู่จู่ ๆ เขาก็จามขึ้นมาซะอย่างงั้น “แปลก ? เราเพิ่งแยกจากสกายเมื่อกี้นี้เอง ไม่คิดเลยว่าเธอจะคิดถึงฉันมากขนาดนี้“

ซู่เจินส่ายหัวเบา ๆ พร้อมกับเร่งความเร็วขึ้น แต่ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นแสงบางอย่างที่ดูคุ้นเคยที่ด้านล่างของเขา ซึ่งเป็นบริ๊งค์ที่เปิดประตูพอร์ทัลและเดินออกมาอย่างช้า ๆ

“เธอมาที่นี่ทำไม?”

ซู่เจินรู้สึกสงสัยเล็กน้อย เขาเปลี่ยนทิศทางและบินตามไปทันที