แม้ว่าซู่เจินจะสัญญากับพวกเขาว่าจะพาโควสันกลับมาอย่างแน่นอน แต่พวกเขาก็ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้

ถึงแม้สภาพของโควสันจะดูไม่ค่อยดีนัก แต่มันก็มีเพียงแค่บาดแผลภายนอกเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งตรงกันข้ามกับอาการทางจิตใจของโควสันที่มันรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม แต่ถึงอย่างไรโควสันก็กลับมาได้อย่างปลอดภัย แค่นี้ก็ทำให้ทุกคนรู้สึกโล่งใจแล้ว

และโควสันก็ยังรู้อีกว่าไมเคิลยังไม่ตาย ทำให้เขาพยายามที่จะสืบหาข้อมูลของไมเคิลอยู่ตลอดเวลา แต่ก็น่าเสียดายที่มัน … ไม่มีเบาะแสอะไรเลย

“คุณจะกลับไปที่ฐานแล้วงั้นหรอ?”

สกายเดินมาหาซู่เจินและถามขึ้นมาเบา ๆ

ซู่เจินพยักหน้าเบา ๆ และพูดว่า “ถ้าหากว่าไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นที่นี่ ผมก็จะกลับไปที่ฐานและสร้างมันให้เสร็จเร็วที่สุด แต่ก่อนที่ผมจะกลับไปผมยังมีธุรบางอย่างที่ต้องทำก่อน!”

“อะไรงั้นหรอ“ สกายถามขึ้นมาอย่างอยากรู้อยากเห็น

“ทานอาหารเย็นกับหญิงสาวคนหนึ่ง เพราะว่าผมเพิ่งเจอร้านอาหารร้านหนึ่งที่อร่อยมาก แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหญิงสาวคนนั้นจะยอมไปทานดินเนอร์ใต้แสงเทียนกับผมไหม? “ ซู่เจินมองไปที่สกายและพูดขึ้นมาด้วยยิ้ม

สกายยิ้มขึ้นมาอย่างมีความสุขและพูดว่า “ฉันคิดว่าเธอเต็มใจอย่างแน่นอนที่จะไปกับคุณ และถ้าเกิดว่า … คุณมีอย่างอื่นให้เธอหลังจากดินเนอร์ใต้เสียงเทียนแล้วละก็ … เธออาจจะไปกับคุณเดี๋ยวนี้เลยก็ได้!“

“คุณกำลังบอกใบ้ผมงั้นหรอ“ ซู่เจินเดินเข้าไปโอบเอวของสกายและถามขึ้นมาเบา

สกายส่ายหัวเบา ๆ พร้อมกับเอาแขนของเธอคล้องไปที่คอของซู่เจินและพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า “ที่รักนี่ไม่ใช่คำใบ้หรอกนะ แต่เป็นความต้องการที่ชัดเจนต่างหาก!”

“ดูเหมือนว่าถ้าไม่มีกิจกรรมอื่น ๆ หลังจากดินเนอร์ใต้แสงเทียนแล้ว ฉันก็คงไม่คิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาหรอก“ เขาไม่รู้ว่าสกายพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทำไม แต่ตอนนี้เขาเริ่มมีความต้องการขึ้นมาแล้วจริง ๆ

ลองคิดดูสิว่าสกายนั้นได้ชื่อว่าเป็นแฟนของเขา และสกายก็เป็นคนที่อยู่ด้วยกันกับเขามานานที่สุดและเธอก็เป็นคนที่เขารักมากที่สุด ด้วยเหตุนี้นี่เองที่ทำให้เขาพยายามที่จะควบคุมตัวเองและไม่ต้องการให้ครั้งแรกของเธอต้องเป็นค่ำคืนที่ไม่น่าจดจำ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า … เรื่องบางเรื่องก็ควรที่จะพูดมันออกมาตรง ๆ!

ดั่งคำพูดที่ว่า …

ถ้าคุณต้องการให้ดอกไม้หุบ คุณก็ต้องหุบมันด้วยตัวของคุณเอง!

“ทำไมคุณถึงพาฉันมาที่นี่ล่ะ? ไม่ใช่ว่าเราจะไปที่ร้านอาหารกันงั้นหรอ ?”

ซู่เจินพาสกายออกมาจากยานบินทันที และนี่ก็เป็นครั้งแรกของเธอที่ได้ออกมาเดินเล่นบนท้องถนนแบบนี้ ซึ่งมันไม่ได้รวมกับการที่เธอจะต้องออกมาทำภารกิจข้างนอก เพราะว่าหลังจากที่เธอได้เป็นที่ปรึกษาของ SHIELD เธอก็ไม่ค่อยมีเวลาสักเท่าไหร่ในการที่จะออกมาเดินเล่นแบบนี้

ในตอนที่สกายอยู่ที่ SHIELD เธอก็ไม่ค่อยมีเวลาสักเท่าไหร่ในการสืบข่าวเกี่ยวกับพ่อแม่ของเธอ เพราะว่าส่วนใหญ่เธอจะทำแต่ภารกิจร่วมกับพวกโควสัน

“แน่นอนว่าที่นี่ไม่ใช่ร้านอาหาร … คุณก็เห็นอยู่ว่าป้ายมันเขียนว่า “ร้านเสื้อผ้า” แล้วมันจะกลายเป็นร้านอาหารไปได้ยัง!” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

สกายถามขึ้นมาอย่างมึนงง “ฉันรู้ว่าที่นี่คือร้านเสื้อผ้า แต่ฉันไม่รู้ว่าคุณจะพาฉันมาที่นี่เพื่ออะไร?”

“ผมก็ต้องพาคุณมาเสื้อผ้าอยู่แล้วสิ แม้ว่าปกติคุณจะแต่งตัวสวยอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เรากำลังจะไปเดทและดินเนอร์ใต้เสียงเทียน ดังนั้นเราควรที่จะแต่งตัวให้มันสวยกว่านี้ไม่ใช่หรือไง และไม่ต้องพูดถึง … กิจกรรมหลังอาหารเย็นของเราอีก มันน่าจะคึกคักดีนะว่าไหม … “ ซู่เจินพูดอธิบายขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

สกายเข้าใจสิ่งที่ซู่เจินกำลังจะสื่อทันทีและเธอก็พูดขัดจังหวะเขาขึ้นมาว่า “พวกเรารีบไปเลือกชุดกันเถอะ เพื่อให้ค่ำคืนนี้ของฉันและคุณกลายเป็นค่ำคืนอันแสนวิเศษและน่าจดจำไปชั่วชีวิต“

เมื่อมองไปที่สกายที่มีความกังวลเล็กน้อย ซู่เจินก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา พร้อมกับสกายที่ดึงแขนของซู่เจินเข้าไปในร้านอย่างรวดเร็ว

ในร้านเสื้อผ้าแห่งนี้มีชุดเดรสระดับไฮเอนด์ให้เลือกสรรมากมาย และพนักงานของที่นี่ก็บริการดีมาก แม้ว่าซู่เจินและสกายจะใส่ชุดธรรมดาเดินเข้ามาในร้าน แต่พวกเขาก็แนะนำเสื้อผ้าให้กับพวกเขาอย่างมืออาชีพ โดยไม่มีสายตาดูถูกเลยแม้แต่น้อย

“คุณคิดว่าฉันใส่ชุดนี้แล้วดูเป็นยังไงบ้าง?” สกายในชุดราตรีสีแดงถามซู่เจินขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

ซู่เจินคิดอยู่สักพักหนึ่งแล้วพูดว่า “ไม่เลวเลย … ตอนนี้คุณสวยมากเลยล่ะ แต่ผมคิดว่าสีแดงมันไม่ค่อยเหมาะกับนิสัยของคุณสักเท่าไหร่ ทำไมคุณไม่ลองใส่สีดำหรือสีม่วงล่ะ มันน่าจะเข้ากับคุณได้มากกว่านี้“

“อืม“ สกายพยักด้วยความพึงใจให้กับซู่เจินเบา ๆ แน่นอนว่าเธอพอใจกับคำพูดของซู่เจินมาก

แน่นอนว่าซู่เจินไม่ได้พูดแต่งเรื่องขึ้นมา แต่เป็นเพราะเขาเข้าใจในตัวของเธอจริง ๆ

“แล้วชุดนี้ล่ะ?” ซู่เจินหยิบชุดราตรีรัดรูปสีดำให้กับสกาย และในทันทีที่สกายเห็นชุดเธอก็รู้สึกชอบมันทันที “ฉันจะไปลองใส่มันดู“

เมื่อเห็นว่าสกายชอบมัน ซู่เจินก็ตั้งหน้าตั้งตารอที่จะได้เห็นความงามของเธอหลังจากที่เธอได้สวมใส่ชุดตัวนั้นอย่างใจจดใจจ่อ

สกายเดินเข้าไปในห้องลองเสื้ออย่างรวดเร็ว ส่วนซู่เจินก็นั่งรออยู่ข้างนอกอย่าเงียบ ๆ เกือบห้านาที ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงเรียกของสกายดังขึ้นมา

“ที่รักคุณ … คุณเข้ามาช่วยฉันหน่อยได้ไหม”

“ด้วยความยินดี!”

ซู่เจินตอบขึ้นมาด้วยรอยยิ้มและเดินเข้าไปในห้องลองเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว

พื้นที่ด้านในไม่ค่อยกว้างมากนัก และตอนนี้สกายก็กำลังยืนหันหลังให้กับเขาอยู่ เผยให้เห็นแผ่นหลังที่ขาวราวกับหิมะของเธอและซิบที่ยังไม่ได้รูดขึ้น

“เดี๋ยวผมช่วยคุณเอง!” ซู่เจินเดินเข้าไปไกล้ ๆ กับสกายและช่วยเธอดึงซิปที่อยู่ด้านหลังของเธอขึ้นอย่างช้า ๆ และในขณะที่เขากำลังดึงอยู่จู่ ๆ เขาก็รู้สึกได้ถึงการสูดดมจากสกายอย่างชัดเจน “คุณเป็นอะไรใหม ? หรือว่าเสื้อผ้ามันคับไป? “

“ไม่ … ไม่เป็นไร“

สกายส่ายหัวเบา ๆ และหันไปมองรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว ทำให้ซู่เจินรู้ได้ทันทีเลยว่าทำไมเธอถึงสูดดมเขาเมื่อกี้

แม้ว่าชุดนี้มันจะเป็นชุดรัดรูปก็จริง แต่มันก็ไม่ได้รัดแน่นขนาดนั้น และถึงแม้ว่ามันจะเป็นอย่างงั้นแต่ส่วนบนของเธอมันก็รัดแน่นซะจนเด่นชัดเลยทีเดียว

“คุณหัวเราะอะไร“ เมื่อสกายเห็นว่าซู่เจินกำลังมองมาที่เธอและหัวเราะเบา ๆ เธอก็ถามเขาขึ้นมาด้วยความโกรธปนความเขินอายเล็กน้อย

“ไม่มีอะไรหรอก ผมก็แค่ขำที่แฟนของผมหุ่นดีขนาดนี้ แต่คนออกแบบชุดกับออกแบบมารัดรูปซะขนาดนี้ สงสัยว่าเขาคงไม่มีใครที่หุ่นดีแบบแฟนผมมาลองใส่ชุดของเขาอย่างแน่นอน ไม่งั้นขนาดของชุดมันคงจะพอดีมากกว่านี้ เอาล่ะ! ถ้าคุณใส่แล้วรู้สึกออึดอัด คุณก็ไปเปลี่ยนเถอะ“

“ฉันไม่อึดอัดหรอกนะ แถมชุดนี้มันก็สวยดีด้วย คุณไม่ชอบมันงั้นหรอ?”

“ชอบสิ!“

“งั้นฉันเอาชุดนี้!”

“อืม! และถ้าผมจำไม่ผิดมันมีผ้าคลุมไหล่อยู่ผืนหนึ่งที่เข้ากับชุดนี้มาก“ ชุดนี้มันสวยจริง ๆ นั่นแหละ โดยเฉพาะเมื่อสวมมันบนร่างกายของสกาย มันยิ่งทำให้เธอเต็มไปด้วยเสน่ห์หน้าค้นหา แต่เธอจะมีเสน่ห์มากกว่านี้ถ้าเกิดว่าเธอใส่ผ้าหลุมไหล่เข้าไปอีกอย่างหนึ่ง

แน่นอนว่าซู่เจินต้องการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับพวกเธอ เพราะว่านี่จะเป็นช่วงเวลาที่พวกเธอมีความสุขมากที่สุดในชีวิต

หลังจากที่พวกเขาเดินออกมาจากห้องลองเสื้อผ้า ซู่เจินก็ซื้อชุดและผ้าคลุมไหล่ผืนนั้นมาใส่ให้สกายอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่พวกเขาซื้ออะไรเสร็จแล้ว พวกเขาก็ไปที่ร้านอาหารกันทันที

ในตอนนี้สกายแตกต่างไปจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง เพราะว่าตอนนี้เธอดูเหมือนกับองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ เธอค่อย ๆ ควงแขนของซู่เจินขึ้นมาด้วยท่าทางมีความสุข และไร้เดียงสา ซึ่งซู่เจินก็ชอบท่าไร้เดียงสาของเธอเป็นอย่างมาก

“ทำไมที่นี่ถึงไม่มีคนเลยล่ะ? “

เมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงร้านอาหาร สกายก็พบว่าภายในร้านอาหารตอนนี้ไม่มีแขกคนอื่น ๆ เลยแม้แต่น้อย และเมื่อเธอมองไปที่ซู่เจิน เธอก็พบเข้ากับรอยยิ้มแห่งชัยชนะปรากฏขึ้นบนหน้าของซู่เจินทันที

“อย่าบอกนะว่าคุณจองร้านอาหารแห่งนี้ไว้ทั้งหมดแล้ว?”

“ใช่! เพราะว่าผู้หญิงทุกคนย่อมมีจินตนาการคล้าย ๆ กัน ดังนั้นในฐานะที่ผมเป็นแฟนของคุณ ผมก็มีหน้าที่ที่จะทำให้วันนี้ของคุณเป็นวันที่สมบูรณ์แบบที่สุด!”