“คุณบอกว่าพวกเขาปลอดภัยดี ? แสดงว่าไมเคิลก็ปลอดภัยด้วยใช่ไหม ? “ จู่สกาย ๆ ก็ถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน หลังจากได้ยินสิ่งที่ซู่เจินพูดขึ้นมาก่อนหน้านี้

ซู่เจินพยักหน้าขึ้นมาเบา ๆ แล้วพูดว่า “อย่างน้อยตอนนี้เขายังไม่ตาย แต่ … ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นโชคดีหรือโชคร้ายของเขากันแน่“

“ยังไม่ตายงั้นหรอ ? ดีแล้วล่ะ เพราะตอนแรกมีคนไปจับตัวลูกชายของไมเคิลมาข่มขู่ให้ไมเคิลมอบตัวโควสันให้กับพวกเขา ซึ่งตอนแรกพวกเราก็วางแผนกันเอาไว้แล้ว แต่พวกเขากลับเล่นเล่ห์เหลี่ยมกับพวกเรา โดยการแอบวางระเบิดเวลาเอาไว้ ทำให้ในขณะที่พวกเรากำลังหนี ไมเคิลก็ถูกแรงระเบิดอัดเข้าอย่างรุนแรง จนทำให้พวกเราคิดว่าเขานั้นตายไปแล้ว …” สกายพูดขึ้นมาเบา ๆ

“เขาถูกระเบิดจนกลายเป็นเถ้าถ่านเลยงั้นเหรอ?” ซู่เจินถามขึ้นมาหลังจากที่สกายพูดจบ และเขาก็พูดต่อว่า “แน่นอนว่าถ้าเป็นคนธรรมดามันก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ไมเคิลไม่ใช่คนธรรมดาเพราะว่าเขามีไวรัสตะขาบอยู่ภายในร่างกายของเขา แม้ว่าไวรัสตัวนี้มันจะไม่ได้ดีเท่ากับไวรัสเอ็กซ์ตรีมมิส แต่มันก็ยังมีความสามารถในการฟื้นตัวสูงมาก ดังนั้นเขาจึงไม่ตายอย่างแน่นอน“

“อืม! แล้วตอนนี้คุณรู้ไหมว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน? พวกเราจะได้ไปช่วยเหลือพวกเขาออกมา“ สกายถามขึ้นมาทันที พร้อมกับคนอื่น ๆ ที่มองไปที่ซู่เจินด้วยความประหม่าเล็กน้อย

ซู่เจินลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “ผมรู้ว่าตอนนี้โควสันอยู่ที่ไหน ดังนั้นเรื่องของโควสันเดี๋ยวผมจะเป็นคนจัดการเอง ส่วนเรื่องของไมเคิลผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาอยู่ที่ไหน แต่ผมรับประกันได้ว่าเขาจะไม่ตายอย่างแน่นอน และเขาจะกลับมาในอนาคต แต่มันก็อาจจะ … เปลี่ยนแปลงไปบ้าง เพราะถึงยังไงเขาก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงชะตากรรมของเขาได้ อย่างน้อย … มันก็ดีกว่าการที่เขาจะต้องตาย“

ถ้าหากว่าไม่มีอุบัติจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ไม่แน่ว่าไมเคิลอาจจะกลายเป็นคนพิการไปแล้วก็ได้ ? ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นไปแล้ว เราก็แค่ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติของมันก็แค่นั้น

“เชื่อใจผมได้เลย ผมจะพาโควสันกับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน“ ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง

คำพูดของซู่เจินทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่รู้สึกโล่งใจและเชื่อใจเขาโดยไม่มีเหตุผล ไม่ว่าซู่เจินจะพูดอะไรออกมาในตอนนี้ พวกเขาก็พร้อมที่จะทำตามที่สั่งทันที

เมื่อซู่เจินเห็นว่าอารมณ์ของพวกเขาในตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว ซู่เจินก็บินออกไปจากยานเพื่อไปช่วยเหลือโควสันทันที

แน่นอนว่าโควสันนั้นแตกต่างกับไมเคิล เพราะว่าอีกฝ่ายต้องการจับตัวของโควสันไปก็เพื่อรีดเอาข้อมูลวิธีการฟื้นคืนชีพของเขา ดังนั้นโควสันในตอนนี้น่าจะถูกทรมาณอยู่อย่างแน่นอน ซึ่งสิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่ซู่เจินห่วงที่สุดนั่นก็คือสภาพจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้นซู่เจินก็อยากรู้เช่นกันว่าโควสันฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อย่างไร!

เมืองร้าง

เมืองนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1940 เพื่อใช้เป็นสถานที่ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ แต่หลังจากโครงการนี้จบลงเมืองแห่งนี้ก็ถูกทิ้งรกร้างเอาไว้ ทำให้ภายในเมืองไม่มีต้นหญ้าสักต้น มันแห้งแล้งราวกับทะเลทราย เหมือนกับว่าโลกได้ลืมไปแล้วว่ามันเคยมีสถานที่แบบนี้อยู่มาก่อน

ซึ่งโควสันก็ถูกขังอยู่ที่เมืองแห่งนี้!

ในขณะเดียวกันตอนนี้โควสันกำลังถูกทรมาณโดยเอดิสัน โดยที่เอดิสันพยายามที่จะทำลายจิตใจของโควสันให้แตกสลาย แต่โควสันก็ไม่ได้สะทกสะทานเลยแม้แต่น้อยพร้อมกับหัวเราขึ้นมาเบา ๆ เพราะว่าการทรมาณแค่นี้มันไม่สามารถทำให้อะไรเขาได้ จนกระทั่งมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามา ซึ่งมันเป็นคนที่โควสันคาดไม่ถึงมาก่อน

ลีน่า!

ในขณะเดียวกันเอดิสันก็เดินไปรับโทรศัพท์จากการ์เร็ตต์ ทันใดนั้นจู่ ๆ เอดิสันก็ล้มลงกับพื้นพร้อมกับลมหายใจที่หายไป

เขาโดนวางยาพิษ!

เพราะว่าการ์เร็ตต์ต้องการให้ลีน่าเข้ามาทำหน้าที่แทนเอดิสัน ในการรีดข้อมูลจากโควสันเกี่ยวกับข้อมูลการฟื้นคืนชีพของเขา ทำให้เขาจะต้องฆ่าเอดิสันทิ้งเพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหลออกไป

แน่นอนว่าลีน่าเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและมีเสน่ห์มาก เธอเรียนรู้วิธีการพูดและการใช้ช่องว่างภายในจิตใจของผู้คนในการทำให้เธอบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ

เธอค่อย ๆ เทน้ำใส่แก้วแล้วยกไปให้โควสัน พร้อมกับนั่งลงคุยกับเขาเหมือนคุยกับเพื่อนตามปกติ

แน่นอนว่าจิตใจของโควสันในตอนแรกนั้นมันมั่นคงมาก แต่เมื่อเจอกับเสน่ห์ของลีน่าก็ทำให้เขาค่อย ๆ เปลี่ยนความคิด เพราะเขาน่าจะตายไปแล้ว แล้วทำไมเขาถึงยังมีชีวิตอยู่กับความทรงจำที่สวยงามเหล่านี้ โควสันเริ่มหวั่นไหวเล็กน้อย ทำให้เขาเริ่มคิดตามเกี่ยวกับสิ่งที่ลีน่าได้พูดขึ้นมา … เขาตายไปแล้วจริง ๆ ใช่ไหม ? แล้วทำไมเขาถึงได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง ?

ภายใต้เสน่ห์ของลีนาในที่สุดโคลสันก็ตัดสินใจเดินลงไปนอนที่เครื่องกระตุ้นความทรงจำ!

ทันใดนั้นความทรงจำของโควสันก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป เกาะ ? ….. มันค่อย ๆ เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งความทรงจำในห้องผ่าตัดก็ปรากฏขึ้นมา โควสันเห็นว่าหัวกะโหลกของเขาถูกผ่าเปิดออกมา และเห็นว่าภายในหัวของเขานั้นมีเครื่องจักรอะไรบางอย่างกำลังทำงานอย่างรวดเร็ว เพื่อกระตุ้นประสาทสมองของเขาให้ตื่นตัวตลอดเวลา ซึ่งมันเจ็บปวดมาก เจ็บจนเขาไม่สามารถทนได้ ทำให้เขาต้องตะโกนขอร้องให้อีกฝ่ายฆ่าเขาทิ้งซะ ดีกว่าต้องมาทนทรมาณแบบนี้

ซึ่งลีน่าก็ยืนมองโคลสันอยู่ข้าง ๆ เตียง พร้อมกับฟังเสียงร้องตะโกนอันแสนเจ็บปวดของโควสันที่ตะโกนออกมาตลอดเวลาด้วยสีหน้าเรียบเฉย จากนั้นเธอก็พึมพำขึ้นมาเบา ๆ …. และเริ่มบันทึกข้อมูลที่เธอต้องการทันที

ทันใดนั้นลีน่าก็รู้สึกว่าหัวใจของเธอมันสั่นราวกับว่ากำลังมีอันตรายอะไรบางอย่างคืบคานเข้ามา

ซึ่งความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทำให้เธอค่อนข้างที่จะเชื่อในสัญชาตญาณของเธอ เธอหันหน้าไปมองที่โควสันเล็กน้อยและหันหลังเดินออกจากห้องทันที

ในขณะที่ลีน่ากำลังเดินออกจากห้อง จู่ ๆ ลีน่าก็หยุดเดินโดยไม่รู้ตัว ….

เธอเห็นคนคนหนึ่งที่เธอไม่อยากจะเจอที่สุดในชีวิต และเธอก็กลัวที่จะเจอเขาด้วย

“พวกเราเจอกันอีกแล้วนะ แม่สาวดอกไม้แสนสวย“ ซู่เจินมองไปที่ลีน่าด้วยรอยยิ้ม ส่วนลีน่าก็ยิ้มออกมาเช่นกัน แต่เป็นรอยยิ้มที่ดูน่าเกลียดสุด ๆ

“ดูเหมือนว่าคุณจะยังไม่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของการ์เร็ตต์ ดังนั้นผมจะพูดกับคุณเหมือนครั้งที่แล้ว … ผมจะให้เวลาคุณหนีและให้โอกาสคุณในการพูดสิ่งที่ต้องการออกมา” ซู่เจินกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

“ทำไม … ทำไม? “ ลีน่าถามขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก

“ทำไมผมถึงได้ปล่อยคุณไปงั้นหรอ ? แม้ว่าผิวของคุณจะดูคล้ำไปหน่อย แต่ถึงอย่างงั้นคุณก็มีเสน่ห์ในแบบฉบับของตัวเอง ทำให้ผมเกิดสนใจในตัวของคุณขึ้นมาเล็กน้อย ? ” ซู่เจินมองไปที่ลีน่าด้วยสายตาจริงจัง แม้ว่าลีน่าจะมีผิวสีดำ แต่มันก็ไม่ได้ดำสนิทออกประมาณคล้ำ ๆ ด้วยซ้ำ และเธอก็ไม่ได้สวยมากนักในตอนแรกที่เขาเจอ แต่นิสัยใจคอของเธอนั้นมีเสน่ห์ที่แตกต่างออกไปหลังจากที่ซู่เจินได้ลองสัมผัสมาเป็นเวลานาน

สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ซู่เจินรู้อยู่แล้วว่าแท้ที่จริงแล้วเธอไม่ใช่คนเลวอย่างแน่นอน เพราะว่าในโลกนี้ความแตกต่างระหว่างความดีและความเลวนั้นมันไม่ค่อยชัดเจนสักเท่าไหร่ แต่มันขึ้นอยู่กับเจตนาและความชอบธรรมที่ซ่อนอยู่ภายในตัวของพวกเขา

หญิงสาวที่มีความสามารถและมีเสน่ห์ ถือว่าเป็นผู้หญิงที่ดี

และสิ่งที่สำคัญรองลงมาก็คือ เธอนั้นไม่ได้มีภัยคุกคามกับเขาหรือคนรอบข้างเลยแม้แต่น้อย และถ้าถามว่าทำไมเขาถึงปล่อยเธอไปงั้นหรอ ?

แม้ว่าเธอจะเป็นเพียงแค่คนธรรมดา แต่จริง ๆ แล้วเธอยังมีอีกตัวตนหนึ่งที่ซ่อนอยู่

ลีน่าเดินออกจากห้องไปได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเธอก็ไม่คิดว่าซู่เจินจะปล่อยเธอไปง่าย ๆ แบบนี้เช่นกัน แต่อย่างน้อยเธอก็ยังมีชีวิตอยู่ นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี หลังจากที่ลีน่าจากไป ซู่เจินก็ค่อย ๆ เดินเข้าไปในบ้านแล้วพบกับโควสันที่กำลังนอนอยู่บนเครื่องกระตุ้นความทรงจำด้วยความเจ็บปวด

“โอเค ๆ“

ซู่เจินค่อย ๆ เอาตัวของโควสันออกมาจากเครื่องกระตุ้นความทรงจำ และวางลงบนเตียงอย่างช้า ๆ หลังจากนั้นไม่นานโควสันก็ค่อย ๆ สงบลงพร้อมกับลืมตามองไปที่ซู่เจินอย่างช้า ๆ

“มีอะไร? คุณไม่ต้องไปสนใจความทรงจำพวกนั้นให้มากนัก เพราะว่ามันไม่ค่อยสำคัญสักเท่าไหร่ และผมก็รู้นะว่ามันยากที่จะยอมรับความทรงจำพวกนั้นในทันที“ ซู่เจินถอนหายใจออกมาเบา ๆ

โคลสันส่ายหัวอย่างอ่อนแรง แต่แววตาของเขานั้นกับเต็มไปด้วยความแน่วแน่ “อย่างน้อย … ฉันก็รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น!“

ซู่เจินส่ายหัวเบา ๆ หลังจากนั้นเขาก็พยุงร่างของโควสันเดินออกมาจากห้องอย่างช้า ๆ และเมื่อพวกเขาออกมาเรียบร้อยแล้ว ซู่เจินก็ใช้พลังงานจากแหวนมาห่อหุ้มร่างกายของโควสันเอาไว้ จากนั้นเขาก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว …