บทที่4ตอนที่5

 

 

มีอาชีพที่ถูกเรียกกันว่านักผจญภัย

 

 

ในทวีปอาร์คมีลแห่งนี้ซึ่งมีการคุกคามของสัตว์อสูรจำนวนมาก มันอันตรายมากสำหรับคนทั่วไปที่จะเข้าไปในดินแดนของสัตว์อสูรตามลำพัง มันเหมือนกับการเข้าไปฆ่าตัวตาย

 

 

อย่างไรก็ตามมันก็มีสิ่งล่อตาล่อใจนั่นก็คือวัตถุดิบล้ำค่าและแร่หายากจำนวนมากบริเวณที่สัตว์อสูรอาศัยอยู่

 

 

นักผจญภัยต่างเข้าท้าทายกับสัตว์อสูรเพื่อสิ่งของเหล่านั้น ซึ่งมีหน้าที่เผชิญอันตรายเพื่อรับค่าตอบแทนๆพวกหน่วยอัศวิน

 

 

ในกิดล์นักผจญภัย เป็นที่รวมตัวของเหล่านักผจญภัยเพื่อแลกเปลี่ยนซื้อขายวัตถุดิบและค้นหาคำขอ

 

 

เช่นเดียวกันในกิลด์อาร์คาซัมพวกคุณสามารถเห็นเหล่านักเรียนน้อยใหญ่เข้ามาสมัครเป็นนักผจญภัย มันที่กบดานของเหล่านักเรียนสถาบันโซลมินาติเลยก็ว่าได้เพื่อทำคำขอ

 

 

ในกิลด์นั้นมีชายผู้หนึ่งที่พิงหลังกำแพงและมองไปรอบๆ เผ่าครึ่งสัตว์ผู้มีหูและหางสีทองสวมเครื่องแบบของสถาบันโซลมินาติ เป็น ฟีโอ รีซิสซ่าส์

 

 

(หืมมมมมมมมม~ไม่เห็นเจ้าโนโซมุเลยแหะ~)

 

 

เขากำลังมองหา โนโซมุ เบลาตี้ นักเรียนที่อยู่ในชั้นปีเดียวกันกับเขาที่เขาเริ่มมาสนใจเอาตอนนี้

 

 

ฟีโอได้ยินว่าบางครั้งโนโซมุก็ถูกขอให้ทำงานภายในกิลด์

 

 

หลังจากเลิกเรียน วันนี้ข้าน้อยเองก็เห็นไอริสและคนอื่นๆออกจากสถาบันมา แต่ไม่ยักกะเห็นเจ้าโนโซมุ ก็คิดว่าน่าจะมาหาคำขอภายในกิลด์แต่ดูจะไม่ใช่

 

 

(อืมมม ไปอยู่ที่ไหนกันนะ……)

 

 

ขณะที่ฟีโอกำลังนึกถึงอยู่ว่าโนโซมุจะไปไหนได้บ้างก็มีคนทักเขา

 

 

「นี่ เจ้าหมาจิ้งจอก วันนี้ไม่ไปไล่บอกรักคนอื่นงั้นเรอะ?」

 

 

คนที่เข้ามาคุยกับข้าน้อยคือคนที่มีแรงค์ A อยู่ปีเดียวกัน ชื่อ เควิน อาร์ดินัล ฟีโอถอนหายใจเล็กน้อย

 

 

(เฮ้อ กำลังกังวลอยู่เลยว่าตัวปัญหาจะโผล่มารึเปล่า~)

 

 

เผ่าจิ้งจอกอย่างฟีโอไม่ค่อยให้ใครมาเรียกตัวเองแบบห้วนๆ ยกเว้นญาติของตัวเอง

 

 

เป็นที่ทราบกันดีว่าเผ่าจิ้งจอกมักจะหมกมุ่นกับสิ่งที่สนใจมากๆ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่สนใจก็จะเมินเฉยดื้อๆ

 

 

เพราะแบบนี้แหละถึงได้แปลกแยก

 

 

อย่างไรก็ตามพวกเขาเป็นพวกช่างเจรจา

 

 

แม้ว่าจะทำตัวห่างเหินกับผู้คนส่วนใหญ่แต่ก็รับรู้อารมณ์ของผู้อื่นได้โดยละเอียดอ่อนและสามารถทำการเจรจาต่อรองโดยไม่ให้อีกฝ่ายหงุดหงิดได้

 

 

แม้แต่ฟีโอก็ไม่เว้น แม้ในบทเรียนภาคปฏิบัติเขาจะเข้าปาร์ตี้ไปแบบสุ่มๆก็เถอะนะ

 

 

อย่างไรก็ตามเผ่าจิ้งจอกมักไปตามใจเรื่อยและมักจะปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมแถวๆนั้นอยู่บ่อยๆ ไม่เหมือนกับเควินที่เป็นเผ่าที่แข็งแกร่ง พวกเราเพียงแค่โปรยเสน่ห์เท่านั้นเอง

 

 

หมาป่าสีเงินเป็นเผ่าที่ภาคภูมิใจในความแข็งแกร่งและหมั่นฝึกฝนตัวเองทุกวันคลุกคลีกับความแข็งแกร่งจนมากเกินไป

 

 

เควินที่เป็นหมาป่าสีเงินตรงนี้ก็ไม่เว้น

 

 

เขาหลงรักไอริสเพราะความแข็งแกร่งและความมุ่งมั่นในตัวเธอ

 

 

สำหรับเขาแล้วฟีโอเองยอมรับคนแบบนี้ไม่ลง

 

 

「แกที่ปาร์ตี้กับคนอื่นแล้วแอบอู้อยู่ตลอด คราวนี้วางแผนจะทำอะไรอีกล่ะ?」

 

 

「ก็นะ แต่ว่าวันนี้ขอไม่รับคำเชิญละกันนะ」

 

 

「หืมมม? หมายความว่ายังไง?」

 

 

เมื่อเควินพูดเช่นนั้น ฟีโอก็ชี้ไปยังสถานที่หนึ่ง

 

 

เป็นป้ายประกาศคำขอต่างๆทุกส่วนของป้ายนั้นถูกใช้จนเต็มแน่นและมีการเขียนข้อความขนาดใหญ่ไว้ตรงกลาง

 

 

「อะไรนะ….ไซคลอปส์!」

 

 

「ก็นั่นแหละน้า ได้ยินว่ามีปาร์ตี้นักผจญภัยบางส่วนเข้าไปในส่วนลึกของป่า และดูเหมือนว่าจะเจอมันก็เลยรีบหนีออกมาน่ะ……」

 

 

◇◆◇

 

 

ไซคลอปส์เป็นยักษ์ตัวใหญ่มีตาเดียวเป็นยักษ์สายพันธุ์ที่แกร่งกว่ายักษ์ทั่วๆไปและมีขนาดใหญ่กว่ายักษ์ตัวอื่นๆ

 

เป็นสัตว์อสูรที่มีการกล่าวกันว่ามีความอันตรายรองลงมาจากมังกรและเป็นสัตว์อสูรแรงค์ A

 

 

มันมีความแข็งแกร่งมากตัวมันสามารถดึงต้นไม้ใหญ่ๆออกมาเหวี่ยงได้อย่างง่ายดาย ร่างกายที่แข็งดุจเหล็ก การโจมตีธรรมดานั้นไม่ค่อยจะได้ผล

 

เป็นสัตว์อสูรที่อันตรายอย่างมากในการต่อสู้ระยะประชิดและมักกล่าวกันว่าวิธีจัดการมันก็คือการโจมตีระยะไกลที่มีพลังรุนแรง เนื่องจากกล้ามเนื้อของมันอ่อนแอต่อเปลวเพลิงและสายฟ้าจึงทำให้สามารถฆ่ามันก่อนที่จะเข้าใกล้ได้

 

 

 

อย่างไรก็ตามนั่นไม่ใช่ความอันตรายเพียงหนึ่งเดียวของสัตว์อสรูตัวนี้ สิ่งที่เป็นลักษณะพิเศษของมันคือความสามารถของไซคลอปส์เองคือ “ดวงตาแห่งความบ้าคลั่ง”

 

 

เป็นความสามารถที่จะทำให้อีกฝ่ายกลัวจนต้องวิ่งหนีและเพิ่มพลังกายให้กับตัวเองถึงสองเท่า

 

 

เมื่อเปิดใช้งานดวงตาจะแดงก่ำและกล้ามเนื้อทั่วร่างจะเปล่งปลั่ง

 

 

นี่คือสถานการณ์แสนเลวร้าย หากมันใช้พลังนั่นขึ้นมาแม้แต่นักผจญภัยระดับสูงธรรมดาก็ยากที่จะจัดการมันได้ง่ายๆ

 

 

นอกจากนี้การเพิ่มพลังกายถึงสองเท่าก็หมายถึงการเพิ่มพลังป้องกันของตัวเองขึ้นสองเท่าเช่นกันและความว่องไวของมันก็เพิ่มขึ้นด้วยเหมือนกัน

 

 

◇◆◇

 

 

「นั่นเป็นเหตุผลให้ทาง “อัศวินเงินสีรุ้ง”ออกไปทำการกำจัดพวกมันสินะ」

 

อัศวินเงินสีรุ้ง

 

 

เป็นกลุ่มอัศวินของอาร์คาซัมและเป็นกลุ่มอัศวินชั้นยอดที่รวมหัวกะทิของแต่ละประเทศเอาไว้

 

 

กองกำลังอัศวินนี้มีพื้นฐานมาจากกองทหารที่ถูกส่งมาจากอาณาจักรฟอร์ซิน่า เมื่อ 10 ปีก่อนและเริ่มรวมกับกองทัพอื่นๆในการต่อสู้กับสัตว์อสูรที่บุกเข้ามา มันถือกำเนิดเป็นกลุ่มอัศวินของหลายๆประเทศที่มารวมตัวกันจนรวบรวมผู้แข็งแกร่งที่มีความสามารถในการต่อกรกับสัตว์อสูรอย่างท่วมท้น

 

 

หลังจากนั้นอัศวินเงินสีรุ้งนั้นก็ได้รับการดูแลอย่างดีหลังจากการรุกรานครั้งใหญ่

 

 

แม้ว่าสเกลจำนวนคนจะลดลงไปบ้างจากช่วงการรุกรานครั้งใหญ่ แต่คุณภาพของแต่ละคนนั้นยอดเยี่ยมและมีกองกำลังถึง 1000 นาย

 

 

สำหรับผู้ที่ตั้งเป้าเป็นอัศวินต่างก็หมายตาที่จะเข้าอัศวินเงินสีรุ้งที่แข็งแกร่งที่สุดนี่

 

 

จิฮัด รัลเดลเองก็เป็นรองหัวหน้ากลุ่มอัศวินที่กำลังฝึกเหล่าลูกน้องด้วยความแข็งขัน

 

 

「อืม ก็นะเห็นได้ชัดว่าถ้าเข้าไปลึกก็จะเจอมัน ถ้าไม่ไปไกลเกินไปก็ไม่เป็นไร」

 

จากนั้นเควินก็ออกจากกิลด์พร้อมปาร์ตี้ของเขา

 

 

ไม่นานฟีโอก็เลิกสนใจเควินและนึกถึงโนโซมุ

 

 

「ตอนนี้อยู่ไหนกันนะ~」

 

 

นักเรียนชายผู้ได้รับความสนใจจากฟีโอถึงขีดสุด คนที่เจ้าหญิงเทพธิดาทมิฬสนใจคนนั้น ใบหน้าของฟีโอที่ยิ้มให้เห็นถึงความแก่นของเจ้าตัวนั้นมันกำลังก่อตัวขึ้น

 

 

◇◆◇

 

 

โนโซมุกำลังเดินผ่านเมือง ขณะที่เคิวนและฟีโออยู่ที่กิลด์ เขากำลังเดินทางไปฝึกที่กระท่อมของชิโนะตามปกติ

 

 

แม้ว่าจะปลดปล่อย “พันธนาการ”ในที่แห่งนั้น ก็ไม่ต้องกลัวใครมาเห็นเพราะมีแต่ป่าที่ล้อมรอบ สำหรับโนโซมุที่ต้องการปกปิดพลังของดราก้อนสเลเยอร์ เพราะกลัวเป็นที่จับตามองของคนรอบข้างและพยายามฝึกฝนมันเพื่อให้ใช้งานได้คล่องขึ้น

 

 

โนโซมุกำลังนึกคิดย้อนไปยังวันวานขณะเดินผ่านเมืองอยู่

 

 

อย่างไรก็ตามยิ่งโนโซมุคิดก็ยิ่งมีความวิตกมากขึ้น

 

ผมนึกถึงข่าวลือที่ทำให้ตัวผมต้องโดดเดี่ยว

 

ในอดีตตัวเขาที่หันหลังทุกอย่างให้กับสถาบันแห่งนี้ แต่ตอนนี้เขาค่อยๆมองรอบตัวเองใหม่อีกครั้ง เพราะคำกล่าวของชิโนะและได้พูดคุยกับไอริส

 

 

อย่างไรก็ตามเพราะว่าตัวผมเองก็เพิ่งสังเกตสภาพแวดล้อมรอบๆตัวเองได้ไม่นานมันทำให้ผมเริ่มรู้สึกอึดอัดใจ

 

มันเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยสังเกตเห็นตัวตนที่อยู่ภายในเปลือกของตัวผม….ไม่สิผมไม่ได้สังเกตเห็นมันเลยแม้แต่น้อยและถ้าผมรู้ถึงความจริง ตัวผมเองก็กลัวความจริงนั่นจะมาทำลายจนจิตใจแตกสลาย

 

 

◇◆◇

 

 

เช้าวันนั้นวันที่พบกับลิซ่าที่หน้าประตูใหญ่ เธอวิ่งเข้ามาตบหน้าผม

 

 

ลิซ่าบอกเลิกกับเขา ทั้งๆที่เขายังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำอะไรลงไป เธอมองมาที่ผมด้วยความเกลียดชังและเย็นชา จากนั้นก็จากไปอย่างไม่ใยดี

 

 

จากนั้นทุกอย่างรอบตัวผมก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

 

 

เพื่อนร่วมชั้นตีตัวออกห่างและกลายเป็นคนโดดเดี่ยว

 

 

ผลการเรียนที่เคยยอดเยี่ยมกลับดิ่งลงเหว

 

ในฐานะที่เป็นตัวตนที่ทำร้ายจิตใจลิซ่าที่เป็นที่นิยมของคนทั้งหลาย โนโซมุโดนทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องชายหญิงประนามตัวเอง และรุมทำร้าย มันทำให้เขาหมดสิ้นทั้งความฝันและความหวัง

 

 

อย่างไรก็ตามพอมามองย้อนดูแล้วมันจะไม่แปลกเกินไปหน่อยเหรอ

 

ลิซ่าเป็นคนดังนั้นไม่เถียง เนื่องจากอัตราการแพร่กระจายของข่าวลือมันก็ค่อนข้างเร็ว แต่สิ่งที่แปลกคือลิซ่าที่เชื่อในเรื่องนั้น

 

 

นักเรียนคนอื่นๆเองต่างก็เชื่อตามๆลิซ่ากันไปแบบไร้เหตุผล เพราะโนโซมุที่ไม่ได้ปฏิเสธ

 

ยังไงก็ตามโนโซมุไม่ได้นอกใจเธอเลยแม้แต่น้อย และโนโซมุกับลิซ่ายังเป็นเพื่อนสมัยเด็กกัน เป็นคนในจำนวนน้อยที่มาจากประเทศเดียวกัน

 

 

ในตามความเป็นจริงตัวเธอควรจะเชื่อมั่นในตัวผมมากกว่านี้ ตัวเธอที่มักจะเชื่อในสิ่งที่เห็นอยู่ตลอดมาแต่ตอนนี้กลับสับสน

 

 

และคนที่จะทำแบบนั้นได้ก็ต้องเป็นคนที่ลิซ่าเชื่อใจและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลิซ่าในขนาดหนึ่งจนทำให้ลิซ่าเชื่อได้

 

 

และตอนนั้นเองมันก็มีตัวตนเพียงหนึ่งเดียวนั่นแหละในสถาบันแห่งนั้น

 

 

(…………ไม่มีทาง……ถ้างั้นเขาก็?)

 

โนโซมุนึกถึงได้เพียงคนๆเดียวที่สามารถทำแบบนั้นได้นั้นคือ เคน・โนทิส

 

 

 แน่นอนว่าทุกอย่างมันลงล็อคไปหมดที่โนโซมุสงสัยทุกอย่าง

 

 

ในความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราแล้วลิซ่าก็ไว้ใจเคนในระดับเดียวพอๆกับโนโซมุเลย

 

 

(หืมมม! นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม…………………หลังจากที่หมอนั่นปล่อยข่าวลือ………และไปออกเดทหลังจากนั้น…………)

 

 

โนโซมุส่ายหัวเพื่อสลัดความคิดที่ว่าหาก “เคนเป็นคนร้ายจริงๆ เขาก็คงไม่สามารถที่จะพูดได้ว่าตัวเขาเองก็อยู่ในสถานที่แห่งนั้นเช่นกัน” เพราะตัวผมเองก็อยู่ที่นั่นวันที่เกิดเหตุ

 

 

(…………ไม่มีทางน่า ตัวผมเองก็มั่นใจนะว่าไม่ได้ออกไปไหน?)

 

 

ในข่าวลือโนโซมุเป็นฝ่ายที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดและเป็นคนที่ดิ้นรนพยายามแก้ปัญหาจนถึงที่สุด

 

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าเคนพยายามปิดกั้นไม่ให้โนโซมุเคลื่อนไหวและพยายามไม่พูดแง่ลบเพื่อไม่ให้โนโซมุได้รู้ความจริง

 

 

ในเวลานั้นตัวเขาเองก็ต้องโดดเดียวไร้สถานที่หลบหนีมีแต่ความสิ้นหวังที่รออยู่

 

 

มันก็มีสถานที่ให้หนีนั่นคือการฝึกกับชิโนะ แต่ว่าภายในสถาบันมันไม่มี

 

 

มนุษย์ที่ถูกผลักดันให้ถึงขีดจำกัดของจิตใจและจะต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวด ดังนั้นพวกเขาก็เลือกเส้นทางที่ง่ายที่สุดเพื่อป้องกันจิตใจของตัวเอง

 

 

เคนที่มองโนโซมุจมปลักกับความเศร้าโศกไม่ได้ให้การช่วยเหลือเขาเลยแม้แต่น้อย ทำได้เพียงแค่พูดกับเขาตามปกติและเฝ้ามองตัวโนโซมุที่กำลังดิ่งลงเหวไปเรื่อยๆ

 

 

ถึงตอนนี้โนโซมุจะไม่หนีแล้ว อย่างน้อยเขาก็สัญญากับชิโนะว่า “หากเขาหนีก็จะไม่ละสายตาจากความจริงอันแสนโหดร้าย” โนโซมุเองก็ไม่รู้ว่าควรจะหนีไปที่ไหนแล้ว

 

(…………ไม่มีทางเลือกอื่น…นอกจากไปตรวจสอบเรื่องนี้)

 

「ไงโนโซมุ มาทำอะไรในสถานที่แบบนี้กันล่ะ?」

 

ขณะนั้นเองก็มีเสียงเรียกโนโซมุจากด้านหลัง

 

 

เสียงของคนที่คิดว่าจะทำอะไรสักอย่างในตอนนี้

 

 

เสียงของเพื่อนสมัยเด็กที่ผมไว้ใจมากที่สุดคนนั้น

 

「……เคน」

 

 เคน・โนทิส

 

 

ผมสีบลอนด์อันสีสวยงามกำลังสั่นไหวนั่น

 

 

◇◆◇

 

 

「แล้วมาทำอะไรกันในสถานที่แบบนี้กันละโนโซมุ?」

 

เคนคุยกับโนโซมุด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าจะมองจากตรงไหนก็ไม่น่าใช่คนที่หลงเข้ามาในที่แห่งนี้แน่ๆ

 

「นะ น่า ก็นิดหน่อย……」

 

โนโซมุอารมณ์เสียขึ้นมาทันที

 

 

เห็นได้ชัดว่าลิซ่าไม่ได้มาด้วย

 

「…………เคนผมมีเรื่องจะคุยนิดหน่อยจะว่าไรไหม?」

 

「?นะข้าเองก็สัญญากับลิซ่าว่าจะไปหาเธอด้วย ก็มีเวลานิดหน่อยว่าแต่…มีอะไร?」

 

「มันยากที่จะพูดที่นี่ ตามมาหน่อยได้ไหม……」

 

โนโซมุหันหลังให้เคนและเริ่มออกเดิน ไปเขตชานเมือง

 

 

ผมคิดว่าคงไม่ดีถ้าจะไปที่ๆพวกมาร์ฝึกกันตอนเช้า ดังนั้นจึงไปทางอื่น

 

 

เคนตามโนโซมุมาโดยไม่พูดอะไร

 

“เคน ต่างไปจากแต่ก่อน…………”

 

โนโซมุยังคงเดินต่อไปและพูดเช่นนั้นภายในใจ

 

 

◇◆◇

 

 

「แล้วมีเรื่องอะไรจะพูดงั้นเหรอ?」

 

เคนถามโนโซมุ

 

 

ทั้งสองเผชิญหน้ากันที่ชานเมือง

 

 

พระอาทิตย์ตกดินที่กำลังย้อมท้องฟ้าเป็นสีแดงและแสงนั่นก็ทำให้ตัวทั้งสองมีสีแดงปกคลุมทั่วร่าง

 

 

แสงพระอาทิตย์ที่กำลังตกดินทอดเงาของโนโซมุและเคนสะท้อนให้เห็นทั้งสองที่กำลังหันหน้าไปทางทุ่งหญ้าที่มีแสงสลัว

 

 

「เคน…ตอนที่มีข่าวลือเรื่องผมกับลิซ่าทำไมถึงไม่คิดจะแก้ไขให้กันเลยล่ะ?」

 

「…………หะ?」

 

โนโซมุลังเลชั่วครู่ แต่ก็เริ่มถามเคนออกไป

 

「ข่าวลือที่ว่าผมนอกใจเธอ แต่ว่าผมไม่ได้ทำ แต่ลิซ่ากลับไม่สงสัยเลยว่าผมนอกใจเธอ」

 

โนโซมุไม่อยากจะเชื่อเช่นนั้น แต่เขาก็มั่นใจแน่ๆล่ะว่าเขาจะพูด

 

“มันไม่ใช่แบบนั้น“กำลังเข้าใจอะไรผิดอยู่”

 

ในขณะที่เขากำลังหวังแบบนั้นโนโซมุก็ยังพูดข้อสงสัยต่อไป

 

 

「ถ้าลองคิดดูไม่คิดว่ามันแปลกบ้างเหรอไง เพื่อให้ลิซ่าเชื่อในเรื่องที่ผมนอกใจในตอนนั้น มันต้องมีคนที่คอยชักใยทำให้เธอเชื่อเช่นนั้นอยู่แน่ๆใช่ไหมล่ะและมันต้องเป็นคนที่ลิซ่าเชื่อใจได้ด้วย」

 

โนโซมุเบนสายตาชั่วขณะ แต่เมื่อเขามองไปที่เคนอีกครั้ง เขากลับไม่พูดอะไรเลย

 

「…………และนายเป็นคนเดียวที่ทำเช่นนั้นได้」

 

「พูดอะไรของนายกันแน่!ถ้าเป็นแบบนั้นจริงข้าก็คงไม่คุยกับโนโซมุตามปกติหรอกจริงไหม!」

 

 “ออกไปจากความคิดฉันซะ”เคนส่งสายตาเช่นนั้น แต่โนโซมุก็ยังพูดต่อไป

 

「……อืม เอาจริงๆก็ไม่อยากจะเชื่อหรอก…………แต่ก็พออธิบายได้ สิ่งที่นายกังวลมากที่สุดก็คือหลังจากที่แพร่กระจายข่าวลือนั่นไปแล้วตัวผมจะปฏิเสธข่าวลือเรื่องนั้นรึเปล่า แต่ว่าตอนนี้ข่าวลือมันเป็นที่เชื่อกันสุดใจของเหล่าผู้คนไปแล้ว และตอนนั้นเองลิซ่าเองก็เชื่อมั่นในข่าวนั่นอย่างสุดใจ หากวันนั้นไม่สำเร็จนายก็คงจะปล่อยข่าวลือต่อไปเรื่อยๆจนทนไม่ไหว นั่นเป็นเหตุผลที่นายเตรียมพร้อมทุกอย่างเพื่อจะให้ตัวผมหนีจากความจริงทั้งหมด เตรียมให้แม้กระทั่งสถานที่ๆผมจะหลบหนีให้เช่นนี้นายเองก็คิดจะกำจัดผมไปให้พ้นใช่ไหมล่ะ……」

 

ในที่สุดโนโซมุก็พ่นความในใจทั้งหมดออกไปและรอท่าทางตอบโต้ของเคน

 

 

ไม่กี่วิที่โนโซมุพูดเสร็จเขากำลังรอคำตอบ แต่มันเหมือนผ่านไปหลายชั่วโมง

 

 

มันเป็นเวลาอันยาวนานสำหรับโนโซมุ หัวใจผมเต้นรัวและส่งเสียงดังอยู่อย่างนั้น

 

 

 

และเคนก็เปิดปากออกมา คำพูดนั้นตรงกับสิ่งที่ผมคิดไว้ทุกอย่าง

 

「…………อะไรกันโดนจับได้แล้วเหรอเนี่ย……」

 

「……คิดไว้แล้ว เคนแกเป็นคนทำให้ผมต้องตกที่นั่งลำบากจนถึงทุกวันนี้ รู้ไหมว่าผมสูญเสียอะไรไปบ้าง……」

 

「เออ ข้าเป็นคนปล่อยข่าวลือเองแหละ แล้วจะทำไม?」

 

เคนบอกว่าเขาเป็นคนปล่อยข่าวลือ ใบหน้าอันแสนน่าเกลียดและบิดเบี้ยวนั่นเป็นใบหน้าที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน