บทที่ 28 ได้ยินว่าผมไม่รักคุณ ผิดหวังหรอ
ถ้าจะบอกว่า เมื่อกี้เธอแย่งแก้วที่เขาใช้ดื่มกาแฟประจำของเขาไป ก็ทำให้ต้องตะลึงเป็นอย่างหนักแล้ว;ถ้าจะบอกว่า เมื่อกี้ที่เธอตะคอกใส่เขา โลกทั้งใบก็ได้เงียบสงบลงแล้ว
งั้น——
ทันใดนั้น คำตอบของหลิงเล่ไม่แปลกใจที่นอกจากจะทำให้ทั้งโลกเงียบสงบไปนั้น ยังสามารถทำให้ใจของคนหยุดเต้น!
อย่างน้อย มู่เทียนซิงก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกแล้ว
สมองของเธอว่างเปล่าไปหมด มีเพียงเสียงที่อ่อนโยนของเขาล่องลอยไปมาในสมอง
อีกครั้งที่วิญญาณโดนสายตาที่คมลึกของเขาดึงดูดออกมา สายตาที่ซื่อบื้อ
ปากของหลิงเล่ ก็ได้มีรอยยิ้มที่มีความสุข:“แต่ว่า นั้นเป็นสิ่งที่คุณคิดเท่านั้น ผมไม่มีวันยอมรับหรอก”
ผู้คนล้มทั้งยืน!
ยิ่งกว่านั้นคือมู่เทียนซิงเครียดจนเลือดแทบพุ่งออกมาแล้ว!
กำหมัดอันน้อยๆไว้ เธอพุ่งเข้ามาด้วยความโมโห มุ่งตรงเข้ามาที่รถเข็นของหลิงเล่โดยตรง แต่ในขณะที่กำลังมุ่งหน้าไป ก็โดนฉวีซือเหวินห้ามไว้ทัน!
“คุณหนูมู่คะ มีอะไรค่อยๆคุยกัน!”
“คุยอะไร?เขาตั้งใจด้วยซ้ำ!ทุกครั้งที่เจอเขา ก็ไม่เคยมีเรื่องดีสักเรื่อง!ตั้งใจกลั่นแกล้งฉันทุกครั้ง!คุณหลีกไป ฉันจะจัดการเขา!”
“คุณหนูมู่ ใจเย็นก่อนค่ะ!”
“ไม่ ฉันยอมไม่ได้ครั้งนี้แหละ ฉันจะสั่งสอนเขาสักหน่อย!”
“คุณหนูมู่!”
มู่เทียนซิงบุกตะลุยโจมตีข้าศึก และฉวีซือเหวินก็ไม่กล้าอยู่เฉยเข้าไปห้ามไว้สุดกำลัง ภาพนี้แลดูน่าตื่นเต้นและกังวล พอตั้งสติแล้วมองดูดีๆมันก็มีความตลกผสมอยู่
น้ำเสียงที่เยาะเย้ยก็ยังคงพูดขึ้นมา:“ทำไม ได้ยินว่าผมไม่ยอมรับว่าตนรักคุณ คุณผิดหวังและโมโหขนาดนี้เลยหรอ?”
“คุณ!หลิงเล่!คุณนี้มันเหี้ยจริงๆ!”
“คุณหนูมู่!”
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป——
มู่เทียนซิงที่อ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง ในมือได้จับน้ำพุทราไว้หนึ่งแก้ว ปากกัดหลอดดูดไว้แน่น อยู่ห้องนั่งเล่นที่ชั้นสอง
เธอกลับไปไม่ได้แล้ว
เพราะว่าเมื่อกี้หลิงเล่โกรธ เกือบจะให้จั๋วซีทิ้งเจินเจินลงจากดาดฟ้าแล้วจริงๆ
โรคจิตจริงๆ เจินเจินเพิ่งจะคลอดออกมาเองนะ ยังเป็นแค่แมวน้อย ตกลงหัวใจของเขาทำด้วยอะไรกันแน่ ถึงได้โหดร้ายขนาดนี้!
เธอนั่งบนพื้นเต็มก้น ที่นอนที่ไม่ไกลมากนัก เจินเจินได้ดื่มนมจนอิ่ม ได้นอนหลับฝันดีไปแล้ว
ตรงด้านหน้าของที่นอนเป็นหน้าต่างทรงไข่ย้อนยุค อากาศถ่ายเทได้ดี แสงแดดส่องถึง มีผ้าม่าน ตอนเที่ยงที่แดดแรงก็สามารถดึงผ้าม่านปิดไว้ป้องกันแสงแดดได้ไม่น้อยเลยแหละ
ด้านหลังของเธอ ดินทรายสำหรับแมวก็ปูวางไว้ที่ห้องน้ำแมวเป็นที่เรียบร้อย
ชั้นของเล่นของแมวก็อยู่ติดกับหน้าต่างอย่างมั่นคง มีกระดิ่งแมวที่มัดติดไว้บนนั้นด้วย แต่ถ้าพูดถึงเจินเจินตอนนี้ ก็คงต้องรออีกสักพัก รอโตกว่านี้อีกหน่อย ร่างกายแข็งแรงกว่านี้ถึงจะเล่นได้
รู้ตัวอีกที น้ำพุทราก็ได้ลงท้องไปหมดแล้ว
ฉวีซือเหวินขึ้นมา ยืนอยู่ที่ข้างประตูของห้องนั่งเล่นแล้วเคาะผนังไปไม่กี่ที :“คุณหนูมู่คะ อาหารเที่ยงจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วนะคะ”
มู่เทียนซิงเงยหน้ามองเธอไปหนึ่งที กล่าว:“ผู้ชายคนนั้นอยู่ข้างล่างหรือเปล่า?”
สีหน้าของฉวีซือเหวินมีความวุ่นวายนิดหน่อย แต่ก็พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน:“เมื่อก่อนคุณชายสี่รับประทานอาหารคนเดียวตลอด แต่ว่าวันนี้ เป็นครั้งแรกที่คุณชายสี่รับประทานอาหารร่วมกับคนอื่นในบ้าน คุณหนูมู่ จะลงไปมั้ยคะ?”
ไม่รู้ทำไม ความโมโหทั้งหมดก็ได้สลายหายไปเพราะคำพูดไม่กี่คำของฉวีซือเหวิน
มู่เทียนซิงอ้าปากซ้ำๆ มองเธอด้วยแววตาที่โศกเศร้า:“เขา เขาทานข้าวคนเดียวมาตลอดเลยหรอคะ?”
“อืม หลายปีแล้ว ทานคนเดียวตลอด”
“ออ”
“คุณหนูมู่ คุณจะลงไปมั้ยคะ?หรือว่าให้ฉันนำอาหารเที่ยงขึ้นมาให้ดีคะ?”
“ฉัน ฉันลงไปเองดีกว่าค่ะ!”
“ค่ะ”
ฉวีซือเหวินรอมู่เทียนซิงลงไปชั้นล่างด้วยกัน ตอนที่เดินไปถึงห้องโถงใหญ่ของชั้นสอง เธอเมมปากซ้ำๆ แล้วหันไปพูดกับมู่เทียนซิง:“คุณหนูมู่ จริงๆแล้วคุณชายสี่เห็นความรักเป็นสิ่งที่งดงามและบริสุทธิ์มาก บริสุทธิ์มากกว่าที่คุณกับฉันคิดซะอีก อาจจะมีบางเรื่องที่เป็นเพราะว่าเขาไม่มีประสบการณ์ และไม่มีโอกาสที่จะได้พูดคุยสนทนาอะไรกับคนอื่นมาก ดังนั้น พอได้เจอปัญหา เขาก็จะตั้งตัวไม่ทัน พอได้เจอกับคนที่ชอบ เขาก็จะไม่รู้ว่าต้องแสดงออกไปยังไง บางทีเขาคิดในใจว่ายิ่งอยู่ยิ่งใกล้ แต่กลับกันทำให้มันยิ่งอยู่ยิ่งไกลห่างออกไป”
“พี่ซือเหวินคะ คุณบอกฉันเรื่องนี้ทำไมหรอคะ?”
มู่เทียนซิงไม่อยากฟัง
เพราะว่าเธอยิ่งฟัง ในใจก็ยิ่งรู้สึกเศร้า มีความเจ็บปวดอ่อนๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะใคร
เธอไม่ชอบความรู้สึกนี้ เธอแค่อยากรีบกลับบ้านไปเท่านั้น อยากกลับไปหาพ่อกับแม่ และพี่เสี่ยวหลง
ฉวีซือเหวินมองเธอลึกๆไปทีนึง สุดท้ายก็ถอนหายใจไปหนึ่งที พาเธอลงไปชั้นล่าง
ไม่พูดก็ไม่ได้ คฤหาสน์จือเวยนี้ของหลิงเล่ใหญ่มากจริงๆ
เมื่อกี้ตอนที่อยู่ในห้องนั่งเล่น มู่เทียนซิงจึงจะพบว่า ที่จริงแล้วคฤหาสน์หลังใหญ่โตนี้ที่ตนกำลังอาศัยอยู่ ด้านหลังยังมีบ้านหลังใหญ่โตอีก แลดูแล้วเหมือนเป็นออฟฟิศ แต่ก็เหมือนกับพิพิธภัณฑ์เล็ก ทั้งหมดก็ล้อมรอบด้วยดอกไมร์เทิลเครปที่มีความโรแมนติกเบาๆ
เธอรู้ ว่านั้นก็ต้องเป็นบ้านของหลิงเล่แน่นอน
แต่ว่า ข้างหลังนั้นมีบ้านไว้เยอะแยะทำไมกัน?
เธอรู้สึกแปลกใจขึ้นมาอัตโนมัติ
หลังจากที่ลงไปถึงชั้นล่าง อ้อมหลังห้องโถงไปที่ห้องครัว ทะลุผ่านทางหน้าต่างกระจกที่ใส เธอมองเห็นสนามบาสที่ไม่ใหญ่มากและยังมีแป้นบาสที่สูงใหญ่
ครั้งก่อนเธอก็รู้สึกสงสัยแล้ว หลิงเล่ยืนไม่ได้ซักหน่อย มีสนามบาสไว้ทำอะไร?
หรือว่ามีไว้ให้จั๋วหรันเขาเล่น?
หลิงเล่จะใจดีขนาดนี้หรอ ตั้งใจทำสนามบาสไว้ให้ลูกน้องเล่นโดยเฉพาะเลย?
เขาจะไม่รู้สึกเสียใจหรอ ที่ต้องมองพวกลูกน้องวิ่งเล่นกระโดดไปมา เล่นบาสอย่างสนุกสนานต่อหน้าต่อตา แต่เขากลับได้แค่นั่งอยู่บนรถเข็น!
มันยิ่งทำให้มู่เทียนซิงรู้สึกว่า หลิงเล่ไม่ได้ธรรมดาเหมือนภายนอกที่เห็นอยู่
เขามีความลับ
นี้คือเรื่องจริง
เพราะว่าได้อุ้มเจินเจิน ดังนั้นมู่เทียนซิงจึงได้ไปล้างมือ พอมาถึงตรงหน้าโต๊ะอาหาร เธอเห็นหลิงเล่ได้นั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะอาหารแล้ว นั่งรอเธออย่างเงียบๆ
เดินไปด้วยความเกรงนิดหน่อย เธอยิ้ม:“ทานข้าวกันเถอะ”
เขาเห็นเธอนั่งลง พยักหน้า และได้พูดเหมือนกันว่า:“ทานข้าวกันเถอะ”
ฝีมือของฉวีซือเหวินยอดเยี่ยมจริงๆ อย่างน้อยมู่เทียนซิงรับประทานได้อย่างมีความสุข เธอยังได้ค้นพบเรื่องที่สนุกอีกเรื่องนึง:ไม่ว่าจะเป็นเมนูไหนก็ตามที่เธอชอบทาน หลิงเล่ก็จะไม่ชอบทานเลย
เพราะฉนั้น เธอทานได้อย่างมีความสุขและสบายใจมาก เพราะไม่มีคนแย่งกับเธอ!
หลังจากที่รับประทานอาหารจนอิ่ม เธอเห็นฉวีซือเหวินเดินมาเก็บโต๊ะ ทนไม่ไหวที่จะชม:“พี่ซือเหวิน ฝีมือคุณยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ เยี่ยมของเยี่ยมเลย!โชคดีจังเลยนะคะ!”
ฉวีซือเหวินหัวเราะออกมา กล่าว:“คุณชอบทานก็ดีแล้วค่ะ”
ทีแรกมู่เทียนซิงกะว่าจะโทรหาที่บ้าน รายงานบอกว่าตนเป็นอยู่ยังไงบ้าง แล้วคิดอยู่ว่าจะให้ที่บ้านมารับ หรืออดทนแล้วอยู่ที่นี้ต่ออีกไม่กี่วัน
แต่ว่า เธอได้ค้นพบอย่างน่าเศร้ามาก ตอนที่เธอออกมาเร่งรีบเกินไป ไม่ได้เอาอะไรมาเลย เสื้อผ้ามือถือกระเป๋าตัง ไม่ได้เอามาสักอย่าง!
เธอเดินไปห้องโถงด้วยสีหน้าที่ทำอะไรไม่ได้ หยิบโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา กำลังกดเลขได้สองตัว ก็ได้ยินเสียงสัญญาณวุ่นวายจากในนั้น
เธอขมวดคิ้ว แล้วมองไปที่หลิงเล่:“มือถือของคุณ เอามายืมโทรหน่อยสิ!”
หลิงเล่ไม่ขยับ แต่แค่เอ่ยปากพูดอย่างอ่อนโยนว่า:“ชั้นบนมีเสื้อผ้าสำหรับคุณ รองเท้า กระเป๋าและของใช้ทุกอย่างเป็นของใหม่ทั้งหมด”