“มีใครบางคนเปิดใช้งานอิคอร์และหลอมรวมกับเซลล์ที่ได้รับการแก้ไข”
เงื่อนไขสำหรับการเปิดใช้งานนั้นง่ายมาก ตราบใดที่ผู้ใช้มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าและไม่ต่อต้านต่อกระบวนการ การหลอมรวมจะถูกเปิดใช้งาน เซลล์ที่ได้รับการแก้ไขจะสร้างสิ่งมีชีวิตใหม่ขึ้นมาและใช้พลังงานจำนวนมาก แต่เซลล์ที่ได้รับการแก้ไขที่ลูซีหยูดัดแปลงนั้นมีพลังงานจำนวนมากภายในตัวเองดังนั้นมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำการเปลี่ยนแปลงร่างกายให้สมบูรณ์!
ทุกคนจ้องไปที่เคลลี่ที่ลอยอยู่ในอากาศขณะที่เธอได้รับอำนาจจากพลังจิตภายในเซลล์ในอิคอร์ เธอเปลี่ยนจากหญิงสาวที่ดูธรรมดาไปเป็นหญิงสาวที่มีคุณสมบัติเบาหวิวและมีผมดำขลับยาวถึงเอว
ขุนนางอ้าปากค้างราวกับว่าเค้าได้เห็นปฎิหารย์เค้าจ้องที่เด็กสาวที่ลอยอยู่ในอากาศ “นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน? พระเจ้าและปฎิหารย์มีอยู่จริง!”
ทุกคนถอยหลังไปด้วยความตกใจ เอียนสหายที่หักหลังมาร์คล้มลงไปกับพื้น “เป็นไปไม่ได้ มันคือเรื่องจริง?”
ขุนนางวัยเยาว์พึ่งได้สติและตะโกนอย่างบ้าคลั่ง “ฆ่าเธอซะ ฆ่าเธอ!!”
อัศวินทุกคนลังเลที่จะก้าวไปข้างหน้า หลังจากได้เห็นฉากนี้ซึ่งคล้ายกับการเป็นพยานถึงสายเลือดของพระเจ้า พวกเค้าทุกคนเคารพหญิงสาว “ท่าน เราไม่สามารถเธอพึ่งได้รับความสนใจจากพระเจ้า!”
ขุนนางหนุ่มคำรามด้วยความโกรธ “คุณเพิ่งจะฆ่าพ่อของเธอ หากเราปล่อยเธอไปเราทุกคนจะต้องตายดังนั้นรีบฆ่าเธอซะ!”
ทหารสองสามคนที่ถูกยุยงโดยขุนนางพุ่งเข้าไปหาหญิงสาว พวกเค้าหยิบดาบยาวออกมาแล้วชี้ไปที่หญิงสาว ในเวลานั้นเคลลี่ลืมตาและจ้องมองไปที่พวกเค้าด้วยรูม่านตาสีดำสนิทและมองลงมาจากบนฟ้าราวกับว่าเธอยืนอยู่เหนือพวกเค้าด้วยความเยือกเย็นของพระเจ้า
ในช่วงเวลาที่เธอลืมตาดาบยาวที่ชี้มาที่เคลลี่ก็หยุดชะงัก ด้วยการจ้องมองของเธอทำให้ทหารสองสามคนพบว่าเค้าสูญเสียการควบคุมร่างกายของพวกเค้าอย่างสมบูรณ์ขณะที่พวกเค้าหันดาบยาวไปที่คอของพวกเค้าเอง!
“เกิดอะไรขึ้น? ฉันขยับไม่ได้!”
“มือของฉัน ฉันไม่สามารถควบคุมมือของฉันได้!”
“พระเจ้า นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”
ทหารเหล่านั้นค่อยๆกรีดคอของตัวเองและตายภายใต้แสงจันทร์ ทุกคนรู้สึกเย็นไปถึงกระดูกสันหลัง พลังนี้เหนือจินตนาการของพวกเค้าและเป็นเหมือนคุณสมบัติของพระเจ้าหรือปีศาจ
หลังจากที่ได้เห็นฉากอันหนาวเหน็บผู้คนทั้งหมดก็ตัวสั่น บางคนไม่สามารถทนต่อแรงกดดันได้อีกต่อไปและพยายามที่จะวิ่งหนี แต่ในไม่กี่ก้าวเค้าก็ล้มลงกับพื้น ดวงตาของเค้าได้ไร้วิญญาณไปแล้ว
“วิ่ง ทุกคนวิ่ง!”
“นี่ไม่ใช่พลังของพระเจ้าแต่เป็นพลังของปีศาจ! มันเป็นปีศาจ!”
หญิงสาวกวาดสายตาไปทั่ว ทุกคนที่อยู่ในสายตาของเธอเริ่มขยับไม่ได้ก่อนที่จะชักดาบยาวออกมาอย่างช้าๆและกรีดคอตัวเอง ทหารและอัศวินหลายสิบคนรวมถึงอัศวินสายเลือด7คนเสียชีวิตในเวลาเดียวกัน พลังของสายเลือดของพวกเค้าไร้ค่าเมื่อเผชิญกับพลังแห่งสวรรค์
“ยกโทษให้ฉันเถอะ ฉันทำบาปก็จริงแต่ฉันไม่ได้ฆ่าพ่อของคุณ!”
“หยุดพูด!”
ขุนนางหนุ่มทรุดตัวลงกับพื้น ไม่อยากจะเชื่อฉากการสังหารที่เกิดขึ้นต่อหน้าเค้า ผู้คนหลายสิบคนฆ่าตัวตายพร้อมกัน
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?”
“นี้? นี่คือพลังของพระเจ้า?”
หญิงสาวที่มีผมสีเข้มเข้ามาใกล้ขุนนาง ดวงจันทร์ส่องแสงอยู่หลังเธอ ขุนนางหนุ่มเงยหัวขึ้นอย่างงุนงงเหมือนเด็กที่หวาดกลัว
“ไม่ ไม่ อย่าเข้ามาใกล้ฉัน! แกฆ่าฉันไม่ได้หรอก ฉันเป็น…ฉันเป็น..”
ขุนนางส่งเสียงร้องและพบว่าร่างกายของเค้าไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเค้าอีกต่อไป เค้าถูกควบคุมให้ยกมือของเค้าขึ้นมาแล้วบีบคอตัวเองราวกับว่าเค้าถูกบีบโดยกรงเล็บปีศาจ ในที่สุดเค้าก็บีบคอตัวเองจนตาย
เคลลี่กลับมารู้สึกตัวในขณะที่เธอกำลังเฝ้าดูการตายอันทรมานของขุนนางหนุ่มผู้ใบหน้ากลายเป็นสีม่วงเหมือนกับปีศาจ ทันใดนั้นเธอก็ได้ปลดปล่อยตัวเองจากภาวะเหนือธรรมชาติและพบว่ามีซากศพเกลื่อนเต็มพื้นรอบตัวเธอ
จากนั้นเธอก็เห็นร่างของพ่อ เธอกระโดดเข้าหาเค้า กอดเค้าแน่นและร้องคร่ำครวญว่า “พ่อ!”
เช้าวันรุ่งขึ้นฉากของการสังหารถูกพบโดยชาวบ้าน เคลลี่ยังคงกอดร่างของพ่อเธอ เนินเขาที่เต็มไปด้วยซากศพของทหารและอัศวินที่เธอฆ่า ฉากเช่นนี้เป็นเหมือนการสืบเชื้อสายของปีศาจ ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เธอ!
ในตอนบ่ายทีมของอัศวินของวัดรีบเร่งนำโดยพระคาร์ดินัลโฮดาป ในบริเวณภูเขาบูลอัศวินของวัดต้องเผชิญหน้ากับทหารของจักรพรรดิ แม้ว่าโบสถ์จะมีอำนาจเหนือหลุมศพของราชาทองคำแต่เนื่องจากการปรากฏตัวของของโบราณที่ศักดิ์สิทธิ์ โบสถ์จึงเผชิญกับแรงกดดันและจะไม่สามารถยับยั้งได้อีกต่อไป
ตั้งแต่อาณาจักรครีตได้รับดาบของราชา โบสถ์แห่งแสงก็สูญเสียความคิดแต่ด้วยความโชคดีของพวกเค้าโฮดาปได้ข่าวเกี่ยวกับที่ตั้งของอิคอร์เพียงเพื่อที่จะรู้ว่าอิคอร์ได้ถูกใช้ไปแล้ว! โบสถ์แห่งแสงได้ทำนายสถานการณ์นี้ไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นใครตราบใดที่พวกเค้ามีสายเลือดของพระเจ้า โบสถ์ก็จะจำจดพวกเค้าว่าเป็นนักบุญ เช่นนี้โบสถ์จะสามารถทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงของพระเจ้าในโลกนี้ได้ ดังนั้นโฮดาปจะต้องเป็นคนแรกที่พบเซียนเตส เซียนเตสจะต้องเป็นของโบสถ์แห่งแสง!
ขณะที่โฮดาปลงจากเขาเค้าเห็นศพของคนที่ฆ่าตัวตายรวมทั้งอัศวินและอัศวินสายเลือด พวกเค้าเสียชีวิตโดยไม่มีร่องรอยการต่อต้านเลย มันทำให้เค้ารู้สึกหนาวถึงกระดูก เค้าไม่สามารถรู้สึกถึงความอบอุ่นแม้ว่าดวงอาทิตย์จะส่องประกาย
โฮดาปหันไปมองหญิงสาวผู้สวยงามที่กำลังกอดร่างของชายคนหนึ่ง แม้ว่าร่างของเธอจะเปียกโชกไปด้วยเลือดและแต่งตัวด้วยผ้าขี้ริ้วที่สกปรกแต่รูปร่างหน้าตาที่ประณีตและท่าทางที่เหมือนเทพธิดาทำให้รู้สึกราวกับว่าพวกเค้าได้เห็นการสืบเชื้อสายของทูตสวรรค์!
โฮดาปไม่เคยพบผู้หญิงที่มีความงามประหลาดเช่นนี้มาก่อน ทั้งทีมลงไปนั่งกับพื้นและคุกเข่า โฮดาปโค้งคำนับต่อเคลลี่
“พระคาร์ดินัลโฮดาปแห่งโบสถ์แห่งแสงอาณาจักรครีตตะวันออก เรามาเพื่อรับคุณเซียนเตส”
เคลลี่เงยหน้าขึ้นมองฝูงชนด้วยความงุนงง เธอพบว่าเธอสามารถอ่านความคิดพวกเค้าได้จากใจแต่ละคน มันจะใช้ความคิดในส่วนของเธอเพื่อกีดกันพวกเค้าในการควบคุมร่างกาย พวกเค้าจะไม่สามารถต้านทานเธอได้แม้แต่น้อย นี่คือพลังที่เธอได้รับจากพระเจ้าซึ่งเป็นพลังที่พระเจ้ามอบให้เธอ
“โบสถ์แห่งแสง? สถานที่ที่ใกล้พระเจ้ามากที่สุดใช่ไหม?”
เคลลี่ยืนขึ้น เมื่อเผชิญกับหญิงสาวผมสีดำคนนี้ที่มีความงามประหลาดและพลังที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ที่ยืนอยู่ท่ามกลางกองศพ โฮดาปรู้สึกถึงความหวาดกลัว
เคลลี่เงยหน้าขึ้นมอง “คุณทุกคนกลัวฉันหรือไม่? ฉันไม่ใช่ผู้ส่งสาสน์จากพระเจ้า? ทำไมคุณถึงกลัวฉัน?”
โฮดาปมองเข้าไปในตาของเคลลี่ เค้ารู้สึกว่าดวงตาสีดำที่น่าหลงใหลเหล่านั้นดูเหมือนจะมองลึกเข้าไปในจิตวิญญาณของเค้าและเค้าก็อดไม่ได้ที่จะถอยหลัง “นี่คือพลังของพระเจ้าอย่างแท้จริง!”
เมื่อมองไปรอบๆอัศวินวัดที่สามารถต่อสู้กับชายนับสิบด้วยตัวคนเดียวได้นั้นตัวสั่นเมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงสาว ราวกับว่าดวงตาสีดำเหล่านั้นมีพลังเวทย์มนตร์ในการสร้างความกลัว
เคลลี่บ่น “ชายเหล่านี้ทั้งหมดมีจิตใจที่สกปรกและโง่เขลา!”