ในปี136ของยุคเหล็กโบสถ์แห่งแสงได้เปลี่ยนปฏิทินเป็นปีแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ ในปีนี้โบสถ์ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าเป็นตัวแทนของพระเจ้าและสถานะของโบสถ์ก็มั่นคงขึ้นเมื่อมีการปรากฏตัวของเซียนเตส ทั้งสมเด็จพระสันตะปาปาและเซียนเตสถูกมองว่าเป็นผู้ส่งสารของพระเจ้า อำนาจของโบสถ์ขยายออกไปอย่างทวีคุณ เมื่อถึงตอนนั้นมันก็เริ่มที่จะควบคุมอาณาจักรมนุษย์ให้มากขึ้นและส่งผลกระทบต่ออาณาจักรของพวกออร์คเช่นกัน อำนาจของโบสถ์เริ่มบดบังสถาบันของกษัตริย์ พลังและสถานะเหนือธรรมชาติของเซียนเตสในฐานะหลานของพระเจ้านั้นมากเกินพอที่จะโน้มน้าวกษัตริย์และขุนนาง

ในปีที่3ของปีแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์เอลเลียตที่7ของอาณาจักรครีตประกาศละทิ้งโบสถ์แห่งแสง เซียนเตสเคลลี่นำกองทัพเข้าสู่เมืองหลวงและจับจักรพรรดิมาได้อย่างง่ายดายโดยไม่มีการบาดเจ็บหรือล้มตาย พวกเค้าถอดเค้าออกจาอำนาจ ประกาศว่าเค้าเป็นคนนอกรีตและประหารชีวิตเค้าต่อสาธารณะชน หลังจากนั้นพวกเค้าได้สวมมงกุฎให้หลานชายของเค้าในฐานะราชาคนใหม่ เอลเลียตที่8 เนื่องจากเกรงกลัวอำนาจของโบสถ์กษัตริย์และขุนนางคนอื่นๆจึงเป็นพันธมิตรกับโบสถ์

ในปีที่5ของปีแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์อัศวินโบสถ์ได้เอาชนะต่อกองทัพสหรัฐของอาณาจักรลูห์มานและมาราในเมืองรัสและได้บังคับให้ทั้งสองอาณาจักรคำนับต่อพลังของโบสถ์ ราชาทั้ง2ก็ถูกบังคับให้ไปที่โบสถ์เพื่อรับพรและพิธีบรมราชาภิเษก โบสถ์ยังมีสิทธิ์ตั้งกองทัพในอาณาจักรเหล่านี้ ติดตามกิจกรรมของพวกเค้าและเก็บภาษีจากคนของพวกเค้า

หลังจากนั้นอาณาจักรมนุษย์จำนวนมากในรอบๆจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางเริ่มทำตามคำสั่งของโบสถ์และโบสถ์ยังครองราชย์สูงสุด การสละราชสมบัติและการผ่านมงกุฎทำได้โดยการเข้าร่วมพิธีของโบสถ์เท่านั้น เหตุการณ์เช่นพิธีบรมราชาภิเษกจะต้องดำเนินการต่อหน้าสมเด็จพระสันตะปาปาและเซียนเตสของโบสถ์เพื่อให้ถูกต้องตามฏหมาย โบสถ์มีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนราชาหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ นอกจากนี้ยังมีอำนาจในแสดงธรรมที่ใดก็ได้ในราชอาณาจักรและราชาไม่สามารถปฏิเสธพวกเค้าได้โดยเหตุผลใดๆก็ตาม!

ในปีเดียวกันนั้นเองโบสถ์ได้สร้างอาณาจักรแห่งแสงขึ้นและเมืองรัสก็เปลี่ยนเป็นชื่อ เซนต์ ซาร์ล อาณาจักรครอบคุลมบริเวณภูเขาบูลและบางส่วนของจังหวัดคาสโตรของอาณาจักรครีต นอกจากนี้หลายเมืองของอาณาจักรลูห์มานและมาราก็เข้าร่วมในอาณาจักรใหม่ด้วย นี่เป็นจุดสูงจุดของพลังและชื่อเสียงของโบสถ์ อาณาจักมนุษย์มากกว่าครึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของโบสถ์

ในเวลาเดียวกันโบสถ์ยังประณามศาสนาอื่นๆทั้งหมดและจัดตั้งองค์กรเพื่อจับคนนอกศาสนา ในชื่อนี้มันยังจับคนจำนานมากที่พยายามต่อต้านโบสถ์ นอกจากนี้ยังสร้างองค์กรพิเศษซึ่งประกอบด้วยพิพากษาแห่งแสงผู้ที่ตรวจสอบกิจกรรมของอาณาจักรและสายลับภายใน พลังของโบสถ์ดูเหมือนจะอยู่ในจุดสูงสุดและไม่มีใครสามารถคัดค้านได้แม้แต่ราชา ขุนนาง และอัศวินสายเลือด

เดลมาตินาตั้งอยู่ในอาณาจักรลูห์มานและครอบคลุมด้วยป่าไม้และภูเขาเป็นส่วนใหญ่ มันเป็นที่ที่ภูเขาที่เก่าแก่ที่สุดของอาณาจักรตั้งอยู่ ล้อมรอบบริเวณภูเขาด้วยป่าไม้ เนื่องจากต้นไม้สูงภูมิทัศน์ในป่าจึงมืดและเต็มไปด้วยหนองน้ำจำนวนมาก หมอกหนาไปทั่วป่าและภูมิประเทศที่เลวร้ายทำให้การเดินทางนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ นักสำรวจจำนวนมากหายตัวไปในป่าแห่งนี้ ทิ้งไว้แต่เรื่องราวสยองขวัญมากมายจึงทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นที่รู้จักใน ป่าแห่งความมืด

ลูซีหยูวางรังแมลงที่สร้างขึ้นใหม่ของเค้าไว้ในส่วนลึกของป่าแห่งความมืดบนหน้าผาที่เข้าถึงได้ยาก เค้าสร้างรังแมลงนี้ขึ้นใหม่ทำให้มันกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีจิตใจเป็นอิสระ จากนั้นเค้าคิดว่าจะควบคุมสิ่งมีชีวิตใหม่นี้ผ่านพื้นที่ในฝันของเค้า นี่เป็นเพียงรังแมลงที่ไม่บุบสลายที่เหลืออยู่หลังจากการตายของราชินีแมลง เค้ากวาดล้างรอยประทับวิญญาณของแมลงและควบคุมมัน

หลังจากนั้นรังแมลงนี้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นตัวแทนของเทคโนโลยีชีวภาพชั้นสูงของรังนั้นเป็นของลูซีหยู สิ่งที่สำคัญที่สุดคือรังนี้จะทำหน้าที่เป็นเครื่องจักรสร้างชีวิต ตราบใดที่เค้าสามารถควบคุมมันได้เค้าสามรถออกแบบรูปแบบของสิ่งมีชีวิตและวางแม่แบบไว้ในรัง สิ่งมีชีวิตนั้นจะโตออกมาจากรัง

ก่อนหน้านี้เค้าต้องผ่านปัญหามากมายเช่นการผสมพันธุ์ตัวอ่อน หาแม่แบบที่เหมาะสม และช่วยแม่แบบในการสร้างสิ่งมีชีวิต ก่อนที่เค้าจะมีห้องชีวภาพเค้าต้องเลี้ยงดูพวกมันอย่างช้าๆ ตอนนี้เค้าสามารถจัดทำต้นแบบที่สมบูรณ์ได้แล้ว รังจะส่งคืนสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์ให้แก่เค้า!

นี่เป็นเหมือนการเข้าสู่อารยธรรมอุตสาหกรรมจากอารยธรรมดั้งเดิม รังแมลงเป็นเหมือนโรงงานแปรรูปสำหรับสิ่งมีชีวิต ตราบใดที่มีพลังงานและสารประกอบเพียงพอก็สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง หลังจากการสร้างใหม่รังก็ปรากฏลูกกลมสีดำที่สูงกว่า10เมตร มันมีเปลือกนอกที่แข็งแกร่งมากซึ่งจะทำให้มันทนต่อความเสียหายจำนวนมากที่ได้รับได้

หลังจากลูซีหยูเปลี่ยนรังเป็นสิ่งมีชีวิตเค้าต้องการเรียกมันว่า ‘สิ่งมีชีวิตที่1’ หลังจากนั้นไม่นานเค้าก็ทิ้งชื่อนั้นและเปลี่ยนเป็น ‘กายา’ ซึ่งหมายถึงแม่แบบของโลกและสิ่งมีชีวิต!

กายามีสติปัญญาขั้นพื้นฐานและลูซีหยูยังใช้ต้นแบบของสมองน้อยกับมัน เปลี่ยนมันเป็นสิ่งที่คล้ายกับคอมพิวเตอร์ สิ่งมีชีวิตใดๆที่เกิดจากกายาจะอยู่ภายใต้การควบคุมของมันเสมอ ตั้งแต่ต้นปีแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ลูซีหยูได้นั่งสมาธิเป็นจำนวนมากและพยายามสร้างต้นแบบของสิ่งมีชีวิตในตำนานในเวลาเดียวกัน นับจากนี้ไปห้าปีที่ผ่านมาเค้าก็ดำเนินการไปอย่างรวบรื่นโดยเฉพาะตอนนี้เค้าหลอมรวมจิตวิญญาณของสากูนเข้าไปในพื้นที่แห่งฝันของเค้า การกระทำนี้จะช่วยเพิ่มพลังจิตของเค้าอย่างมาก ในขณะนี้ลูซีหยูมีพลังจิต4203SFU เค้าต้องอีกเพียง5ปีที่จะแก้ไขร่างกายเค้าทั้งหมด

อย่างไรก็ตามในตอนนี้เค้าก็ยังไม่ประสบความสำเร็จในการสร้างต้นแบบของสิ่งมีชีวิตในตำนาน ความพยายามส่วนใหญ่ของเค้าสิ้นสุดลงด้วยความล้มเหลวแม้ว่าการคำนวณของสมองน้อยจะบอกว่าต้นแบบสิ่งชีวิตนั้นสมบูรณ์และมั่นคง

นอกจากนี้ลูซีหยูยังไม่มีตัวอย่างสิ่งมีชีวิตในตำนานที่จะทำการทดลอง เห็นได้ชัดว่าเค้าจะไม่ทดลองกับตัวเองจนกว่าเค้าจะมั่นใจอย่างสมบูรณ์ว่ากระบวนการนั้นปลอดภัยและสมบูรณ์แบบ เค้าจะไม่เสี่ยงชีวิตของเค้าเอง หลังจากที่เค้าลองทดลองกับสิ่งมีชีวิตอื่นและมีความมั่นใจมากพอเค้าจะทดลองกับตัวเอง

ลูซีหยูพยายามสร้างวิญญาณของต้นไม้แห่งชีวิตขึ้นมาสองสามครั้งแต่ก็ล้มเหลวเช่นกัน เค้าพบวารูปแบบของวิญญาณนั้นไม่ง่ายเหมือนที่เค้าคิด มันเหมือนจะเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับพลังแห่งศรัทธาที่ได้ยินในเรื่องเล่า อย่างไรก็ตามลูซีหยูยังคงไม่สามารถรู้สึกถึงพลังแห่งศรัทธาที่ว่า มันเป็นพลังพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายพื้นฐานที่ควบคุมทั้งจักรวาลและการสร้างความสำนึกของสิ่งมีชีวิต ในขณะนี้เค้ายังไม่สามารถเข้าใจบางอย่างที่ลึกลับได้

ดังนั้นลูซีหยูจึงถอยกลับและเริ่มทำงานกับสัตว์วิเศษ สัตว์วิเศษที่เรียกว่าเหล่านี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากสัตว์ในตำนาน อย่างไรก็ตามลูซีหยูวางแผนที่จะใช้เซลล์ที่ได้รับการแก้ไขของสากูน หลังจากดัดแปลงมันให้เหมาะสมเค้าจะเปลี่ยนสิ่งมีชีวิตธรรมดาให้กลายเป็นสัตว์วิเศษเพราะสากูนตายแล้ว สัตว์เหล่านี้จะไม่ถูกผูกมัดกับสากูน นอกจากนี้ต้นแบบสิ่งมีชีวิตดั้งเดิมของสากูนในเซลล์ที่ได้รับการแก้ไขจะถูกเปลี่ยนดังนั้นสัตว์เหล่านี้จะไม่เหมือนกับลูกหลานของทะเล

ลูซีหยูตัดสินใจที่จะเรียกพวกมันว่าสัตว์วิเศษแต่เค้ายังไม่ได้สร้างอะไรเลย เนื่องจากปราสาทมิติไม่เหมาะสมสำหรับสร้างพวกเค้า ลูซีหยูจึงตัดสินใจย้ายห้องแล็บเค้าไปไว้ในป่าแห่งความมืด เค้าจะสร้างสัตว์วิเศษและทำการทดลองกับพวกมันเพื่อทำต้นแบบสัตว์ในตำนานของเค้าให้สมบูรณ์ ในขณะเดียวกันเค้าจะตระหนักถึงแผนการสร้างอารยธรรมของพ่อมดของเค้า!