ตอนที่ 31 ให้ฉันอยู่ที่นี่เพื่อรับใช้ผู้คน
ตอนที่ 31 ให้ฉันอยู่ที่นี่เพื่อรับใช้ผู้คน
ใบหน้าหล่อเหลาของเฉินเจียเหอเริ่มเคร่งขรึมเล็กน้อย
เขาต้องการเข้าไปหยุดเธอ แต่เธอยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาสดใสเต็มไปด้วยประกายของความหวัง
เขาจึงไม่อาจเข้าไปหยุดเธอในที่สาธารณะเช่นนี้ได้
“จะมาเป็นช่างทำผมชั่วคราวเหรอ?” เถ้าแก่เนี้ยเงยหน้าขึ้นมองเธอ “คนเมืองอย่างคุณดูเหมือนไม่ได้ขาดแคลนเงินสักหน่อยนี่”
“น้องสาวของฉันทำงานอยู่ที่ร้านอาหารตรงข้าม ฉันจึงอยากหางานทำที่นี่เพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับหล่อนมากขึ้น เราจะได้ดูแลกันและกันได้น่ะค่ะ”
“น้องสาวเหรอ? ใครคือน้องสาวของคุณ?” เถ้าแก่เนี้ยค่อนข้างคุ้นเคยกับพนักงานร้านอาหารดี จึงถามขึ้น
“หลินเยี่ยน คนที่ค่อนข้างเก็บตัวน่ะค่ะ”
เถ้าแก่เนี้ยเชื่อคำพูดของหลินเซี่ย แต่ยังคงไม่เชื่อในฝีมือของเธอ ท้ายที่สุดเธอก็ยังดูเด็กเกินไป
“คุณพี่ ธุรกิจร้านตัดผมของคุณได้รับความนิยมมากจนจัดการคนเดียวไม่ไหว ในฐานะช่างตัดผมเหมือนกัน ตอนฉันเห็นลูกค้ายืนต่อแถวรอทำผม ฉันทั้งรู้สึกกังวล และเกิดอาการคันไม้คันมือ คุณให้โอกาสฉันทดลองทำหน่อยได้ไหม ฉันดัดผมให้คุณพี่ได้ หรือถ้ามีลูกค้าคนไหนยอมให้ฉันจัดแต่งทรงผมเพื่อทำการทดสอบ ถ้าฉันผ่านเกณฑ์ค่อยว่าจ้างฉันก็ได้”
เถ้าแก่เนี้ยถามลูกค้าในร้าน “พวกคุณคนไหนอยากให้หล่อนลองตัดผมให้ไหม?”
ถัดจากพวกเธอมีเด็กสาวสองคนและคุณลุงหนึ่งคน
เมื่อเด็กสาวทั้งสองได้ยินคำพูดของหลินเซี่ย พวกหล่อนต่างส่ายหัวปฏิเสธ โดยบอกว่าไม่กล้าเสี่ยง
หญิงสาวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โดยไว้ผมประบ่าไม่ยอมให้หลินเซี่ยลองทำผม เนื่องจากใกล้วันปีใหม่แล้ว หล่อนไม่ต้องการเสี่ยงให้ผมตัวเองเสียหาย เพราะมันจะส่งผลต่ออารมณ์ของตนเอง
หลินเซี่ยรู้สึกกังวลเล็กน้อยในขณะที่เธอต้องการใช้เฉินเจียเหอมาพิสูจน์ทักษะของเธอ ติดตรงที่ว่าชายคนนี้มีผมสั้นมากแทบไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรเพิ่มเติมเลย
หลินเซี่ยไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากมุ่งเป้าไปที่คุณลุงที่กำลังหลับอยู่บนเก้าอี้
เธอถามอย่างจริงจังว่า “คุณลุงคะ อนุญาตให้ฉันตัดผมได้ไหม?”
“ฉันรับประกันว่าคุณลุงจะต้องพึงพอใจ ดูทรงผมลูกชายฉันสิ นี่ก็เป็นฝีมือของฉันเอง”
หลินเซี่ยดึงหู่จือที่อยู่ด้านข้างเฉินเจียเหอเข้ามา
แม้ว่าผมของหู่จือจะสั้นมากเช่นกัน แต่มันถูกตัดอย่างประณีตมาก
ทุกคนไม่คาดคิดมาก่อนว่า เด็กสาวอย่างเธอจะมีลูกชายตัวใหญ่ขนาดนี้
หู่จือเองก็ตกตะลึง
คุณลุงพูดด้วยรอยยิ้ม “ได้ สาวน้อย ตัดผมให้ลุงหน่อยแล้วกัน ถ้ามันไม่เรียบร้อยก็คงต้องโกนหัวแล้วล่ะ”
“ขอบคุณมากเลยค่ะคุณลุง ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง”
ชายคนนี้เหมาะกับทรงผมแนวสลิคแบค เพียงสะพายกระเป๋าหนังไว้ใต้วงแขน ก็ทำให้เขาดูเหมือนเจ้าของธุรกิจขนาดย่อมที่มีฐานะคนหนึ่ง
หลินเซี่ยจึงตัดผมทรงหวีเสยสลิคแบคให้เขา เพราะมันเหมาะกับบุคลิกของคุณลุงมาก
คุณลุงมองตัวเองในกระจก เสยผมไปด้านหลังพร้อมพูดด้วยรอยยิ้ม
“ตัดออกมาได้ดีทีเดียว เถ้าแก่เนี้ย ผมคิดว่าคุณควรจ้างแม่หนูคนนี้นะ”
เถ้าแก่เนี้ยได้สังเกตเทคนิคการตัดของหลินเซี่ยโดยตลอด เห็นว่าทั้งการเคลื่อนไหวของมือและแรงกดเวลาใช้กรรไกรนั้นมีความเป็นมืออาชีพมาก
เมื่อมองแวบแรกเธอก็ดูเหมือนช่างตัดผมมืออาชีพ
“คุณพี่ ถ้าคิดว่าฝีมือฉันผ่าน ฉันจะอยู่ช่วยคุณพี่ทำงานที่ร้านสักสองถึงสามวัน ฉันคุ้นเคยกับการดัดผมสไตล์ฮ่องกง ไม่ว่าจะลอนใหญ่หรือลอนเล็ก ฉันทำได้หมด”
“คุณดัดผมแบบเวินปี้เสีย*ได้ไหมคะ?” เด็กสาวด้านข้างถามด้วยความสงสัย
*溫碧霞 (Irene Wan) เซ็กซี่สตาร์ชาวฮ่องกงยุค 80
หลินเซี่ยยิ้มและพยักหน้ารับ
“ได้ค่ะ”
“คุณทำงานนานกว่านี้ได้ไหม? ฉันจะจ่ายเงินเดือนให้” เถ้าแก่เนี้ยพึงพอใจกับผลงานของหลินเซี่ยมาก ตอนนี้หล่อนกำลังขาดแคลนลูกจ้างในร้าน และต้องการเธอมาทำงานให้
“ฉันคงทำนานกว่านี้ไม่ได้ และคงต้องไปหลังวันปีใหม่ ฉันช่วยคุณได้เฉพาะช่วงที่ยุ่งที่สุดก่อนวันปีใหม่เท่านั้นแหละค่ะ” หลินเซี่ยกล่าว “แค่จ่ายเงินเดือนฉันในฐานะลูกจ้างชั่วคราว โดยจ่ายวันต่อวันก็พอค่ะ”
“ได้ รอสักครู่นะ ฉันจะม้วนผมให้ลูกค้าก่อน แล้วเราค่อยคุยรายละเอียดกัน”
เฉินเจียเหอดึงหลินเซี่ยออกไปข้างนอกและถามว่า “คุณอยากทำงานที่นี่เหรอ?”
“ใช่ค่ะ ฉันไม่อยากให้ทักษะที่มีอยู่ต้องสูญเปล่า”
“ปีใหม่ใกล้เข้ามาแล้ว กลับบ้านกันเถอะ” เฉินเจียเหอมองเธอขณะพยายามเกลี้ยกล่อมภรรยาของเขา
หลินเซี่ยมองเขาด้วยรอยยิ้ม “ฉันอยู่ที่บ้านก็ไม่มีอะไรทำ เลยคิดว่าทำไมไม่ทำงานที่นี่สักสองถึงสามวันเพื่อหารายได้พิเศษสักหน่อย”
“ตั้งแต่คุณแต่งงานกับผม ผมเลี้ยงดูคุณได้โดยที่คุณไม่ต้องหาเงินด้วยตัวเองด้วยซ้ำ แล้วผมจะให้สมุดบัญชีธนาคารเงินเดือนในภายหลัง”
เฉินเจียเหอรู้สึกรำคาญเล็กน้อยกับความโง่เขลาของเขา
เขาเพิ่งตระหนักได้ว่าเขาลืมให้ค่าครองชีพแก่เธอ ครั้นนึกถึงเมื่อวานนี้ที่เธอกระตือรือร้นพาหู่จือไปร้านสะดวกซื้อหลังหาเงินได้หนึ่งหยวนห้าเหมา เขารู้สึกอยากตบหน้าตัวเองขึ้นมา
เธอกลับมาจากเมืองโดยไม่มีเงินติดตัวสักหยวน และเธอไม่ได้รับของหมั้นที่เขามอบให้กับตระกูลหลินแม้แต่น้อย
หลินเซี่ยอธิบาย “มันไม่ได้เกี่ยวกับเงินค่ะ ถ้ากลับไปฉันคงเอาแต่นอนบนเตียงเตา แม่ของคุณคงรำคาญเมื่อเห็นฉัน มันคงดีกว่าที่ฉันจะมาทำงานที่นี่ และใช้เวลาที่ว่างเว้นกระชับความสัมพันธ์กับน้องสาว”
“ผมจะไม่ปล่อยให้แม่มารบกวนคุณอีก”
เฉินเจียเหอตั้งใจแน่วแน่ที่จะปกป้องเธอ
เขาไม่เห็นด้วยที่จะให้เธอจะทำงานที่นี่เช่นกัน
ภายในใจนึกหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย กลัวว่าเมื่อเธอเริ่มทำงานที่นี่ เธอจะไม่อยากกลับไปบ้านของเขาอีก
เขารู้ดีถึงจุดประสงค์ที่เธอมาแต่งงานกับเขา
เมื่อเห็นเธอยืนอยู่ตรงนี้ด้วยท่าทางสดใสมีชีวิตชีวา เขาก็รู้สึกกลัว
แม้จะเตรียมใจไว้แล้วตอนที่แต่งงานกับเธอ แต่เมื่อเห็นว่ามีความหวัง เขาจึงไม่เต็มใจที่ยอมรับความจริงที่โหดร้ายนั้น
เถ้าแก่เนี้ยเดินออกมาและเห็นว่าใบหน้าของเฉินเจียเหอหม่นหมอง ราวกับว่าเขาไม่ต้องการให้ภรรยามาทำงานที่นี่ แต่หล่อนเพิ่งเห็นฝีมือยอดเยี่ยมของหลินเซี่ย และอยากให้เธอทำงานที่นี่มาก
เถ้าแก่เนี้ยถามด้วยรอยยิ้ม “ไม่ทราบว่าฉันควรเรียกคุณว่าอะไรดี?”
“คุณพี่ ฉันชื่อหลินเซี่ยค่ะ”
หลินเซี่ยกลัวว่าเฉินเจียเหอจะกล่าวห้าม เธอจึงรีบพูดว่า “ฉันได้ปรึกษาเรื่องนี้กับคนรักแล้ว เขาเห็นด้วยที่ฉันจะทำงานที่นี่ค่ะ ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่าจะยินดีรับฉันไหม”
“เสี่ยวหลิน เธอคาดหวังเงินเดือนเท่าไหร่?” เถ้าแก่เนี้ยถาม
“คุณพี่ ค่าตัดผมที่นี่ราคาเท่าไหร่คะ? แล้วค่าดัดผมราคาเท่าไหร่?” หลินเซี่ยถามกลับโดยไม่ได้ตอบคำถาม
เถ้าแก่เนี้ยตอบว่า “ตัดผมราคาหนึ่งหยวน ส่วนดัดผมราคาห้าหยวน”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หลินเซี่ยก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “มันไม่ถูกเลย”
มันเป็นราคาเดียวกับเมืองไห่เฉิง
เถ้าแก่เนี้ยบอก “นี่เป็นร้านเก่าแก่ ฉันมาจากร้านตัดผมของรัฐ และมีประสบการณ์มาก”
“ดีเลยค่ะ งั้นฉันขอค่าตัดผมห้าเหมา และค่าดัดผมสองหยวน ส่วนที่เหลือเป็นของคุณ”
เถ้าแก่เนี้ยกล่าวยิ้ม “เสี่ยวหลิน ค่าจ้างของเธอไม่ถูกเลยนะ”
“คุณพี่ คุณไม่สามารถตัดผมลูกค้าหลายหัวด้วยตัวเองภายในวันเดียว แทบไม่ต้องพูดถึงการดัดผมเลย ฝีมือฉันไม่ได้ด้อยไปกว่าคุณ คุณเองก็เห็นแล้วว่าฉันสามารถตัดผมได้เร็วแค่ไหน ถ้าฉันตัดผมให้ลูกค้าหนึ่งคน คุณจะได้รับเงินครึ่งหนึ่งโดยไม่ต้องทำอะไรเลย นอกจากจะมีรายได้เพิ่มขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดคือการไม่ปล่อยให้ลูกค้าผิดหวัง”
หลินเซี่ยกลัวว่าเถ้าแก่เนี้ยจะเปลี่ยนใจ เธอจึงเริ่มสาธยายสรรพคุณของตัวเอง “ฉันไม่ได้คิดราคาถูกขนาดนี้ตอนที่ทำงานในเมืองไห่เฉิงด้วยซ้ำ ฉันทำงานที่นี่เพียงเพื่อจะได้ใกล้ชิดกับน้องสาวมากขึ้น ไม่อย่างนั้นฉันจะไปสมัครทำงานร้านตัดผมอีกร้านหนึ่ง”
เถ้าแก่เนี้ยมองลูกค้าอีกสองถึงสามคนที่ทางเข้าประตู หล่อนพยักหน้ารับทันที “เอาล่ะ วันนี้ลองทำสักครึ่งวันก่อนแล้วกัน ถ้าเธอมีฝีมือตรงตามมาตรฐานของเรา เธอสามารถมาทำงานช่วงสองถึงสามวันนี้ได้เลย แล้วเราจะจ่ายเงินตามอัตราที่เธอระบุ”
“ได้ค่ะ”
เถ้าแก่เนี้ยเดินกลับไปดูแลลูกค้า หลินเซี่ยหันมองชายหนุ่มร่างสูงด้วยสีหน้าจริงจังและเริ่มโน้มน้าวเขา
“ฉันจะกลับบ้านหลังเลิกงานตอนเย็นและจะไม่ค้างคืนที่นี่ ถ้าพรุ่งนี้เช้าคุณสะดวก ช่วยปั่นจักรยานมาส่งและรับฉันกลับตอนเย็นได้ไหมคะ?”
“คุณก็เห็นว่าผู้คนในเมืองนี้มีทรงผมที่ค่อนข้างเรียบง่าย ฉันอยากใช้ทักษะที่มีเพื่อทำให้ทุกคนดูดีที่สุดในวันปีใหม่ มันเป็นวิธีการรับใช้ผู้คนอย่างหนึ่งน่ะค่ะ”
หลินเซี่ยเอื้อมมือไปคว้าแขนของเฉินเจียเหอแผ่วเบาพร้อมทำท่าทางเจ้าเล่ห์ “ผู้หญิงก็ควรจะมีงานของตัวเองเหมือนกัน แม่ของคุณไม่ชอบขี้หน้าฉัน แล้วจะให้ฉันอยู่บ้านเฉย ๆ เพื่อให้ท่านดูถูกฉันยิ่งกว่าเดิมได้ยังไง คุณยอมให้ฉันทำงานที่นี่นะคะ เพื่อที่ฉันจะได้ใกล้ชิดกับน้องสาวมากขึ้นด้วย”
เฉินเจียเหอไม่ได้ตอบสิ่งใด หลินเซี่ยก้มหน้าพูดกับหู่จือว่า “หู่จือ ถ้าฉันได้เงินแล้ว ฉันจะซื้อประทัดให้เธอนะ”
หู่จือหยักหน้ารับอย่างมีความสุข “ได้ครับ”
เฉินเจียเหอ “!!!”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พี่เหอปล่อยให้เซี่ยเซี่ยมีงานของตัวเองเถอะค่ะ เป็นคนรักกันก็ต้องไม่ลืมเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้เติบโตด้วยนะคะ
ไหหม่า(海馬)