ตอนที่ 37 ใครจ่าย?

ภายในห้องส่วนตัวหมายเลข 1022 นั้น ด้านในกว้างใหญ่โอ่โถง และมีจอทีวี LCD ขนาดใหญ่ 100 นิ้วติดอยู่ที่ผนัง
ตรงกลางห้องเป็นโต๊ะที่ทำจากหินอ่อนเกรดสูง และมีโซฟายาวที่ทำจากหนังสัตว์ชั้นดี แก้วน้ำและถ้วยชามต่างๆที่อยู่ภายในห้อง ก็ล้วนแล้วแต่เป็นสีทองทั้งสิ้น
การตกแต่งภายในด้วยวัสดุเกรดสูง และข้าวของเครื่องใช้ที่สั่งทำอย่างละเอียดปราณีตเช่นนี้ บ่งบอกว่าโกลเดนพาเลซแห่งแห่งนี้เป็นคลับชั้นสูงจริงๆ และยังเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้สูงมากอีกด้วย
หลังจากทุกคนนั่งลงแล้ว จางผิงก็ยื่นเมนูเครื่องดื่มให้กับหลินหนาน พร้อมกับเอ่ยถามขึ้นว่า “เพื่อนหลิน นายช่วยสั่งอะไรมาให้ฉันดื่มทีจะได้มั๊ย?”
“นายมีมือมีปาก ก็สั่งเอาเองสิ!” หลินหนานปฏิเสธ
จางผิงจึงหันไปสั่งเครื่องดื่มจำนวนหนึ่งกับบริกร และไม่นานนักบริกรคนเดิมก็กลับมาพร้อมกับเครื่องดื่มหลากหลายชนิด
เครื่องดื่มที่บริกรนำมาเสริฟนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเหล้าต่างประเทศราคาแพงทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรมี่มาแตง เฮเนสซี่ รอยัลซาลูท และเอ๊กซ์โอ
หลินหนานได้แต่คำนวณราคาอยู่ในใจคร่าวๆ และคิดว่าเหล้าทั้งหมดนี้คงจะไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนหยวนแน่
นี่จางผิงมันใจดีขนาดชวนฉันมาดื่มเหล้าแพงๆขนาดนี้เลยเหรอ?
และแน่นอนว่า.. ไม่ใช่เช่นนั้นแน่!
“เอาล่ะ.. จัดการเปิดทุกขวดเลย!” จางผิงหันไปสั่งบริกร
บริกรก็ไม่รอช้า รีบเปิดเหล้าทุกขวดที่นำมาในทันที จางผิงจัดการรินเหล้าลงไปในแก้วให้หลินหนาน พร้อมกับพูดยิ้มๆ
“นี่เพื่อนหลิน นายดื่มเก่งมากฉันรู้! เอาล่ะ.. หมดแก้ว! ถือซะว่าเหล้าแก้วนี้แทนคำขอโทษของฉัน!”
พูดจบ.. จางผิงก็กระดกเหล้าในแก้วเข้าปากจนเกลี้ยง หลินนานเองก็เช่นกัน แม้เขาจะไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว แต่ก็กระดกเหล้าในแก้วเข้าไปในปากจนเกลี้ยงเช่นกัน
เมื่อเห็นชายหนุ่มทั้งสองดื่มจนหมดแก้วเช่นนั้น อ้ายเฉวี่ยก็ได้แต่กระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ ส่วนฉินเสี่ยวยู่ซึ่งดื่มไม่เก่งนั้น ก็ได้แต่จิบๆเอาเท่านั้น
ระหว่างที่ทุกคนในห้องดื่มวิสกี้ไปจนเกือบจะหมดขวดแล้วนั้น ประตูห้องก็เปิดออก จากนั้นชายสามคนก็เดินเข้ามาข้างใน
คนที่เดินเข้ามาคนแรกนั้นเป็นชายผมดำแต่ค่อนข้างบาง หางตาทั้งสองข้างชี้ลง ชวนให้ใบหน้าของเขาดุดันน่ากลัว
ส่วนชายคนที่สองซึ่งเดินตามหลังมานั้น เป็นชายร่างกายกำยังสูงใหญ่ และมีความสูงมากกว่าหนึ่งเมตรแปดสิบเซ็นติเมตร
คนสุดท้ายเป็นชายที่สูงเพียงแค่หนึ่งเมตรหกสิบเซ็นติเมตรเท่านั้น คิ้วและดวงตาของเขาเฉี่ยวประหนึ่งดวงตาของเสือดาว และเป็นประกายระยิบระยับ ผิวค่อนข้างเข้ม กล้ามเนื้อแน่นทั่วร่างนั้น ดูราวกับว่าจะระเบิดออกจากเสื้อแขนสั้นที่สวมใส่อยู่
“ให้พวกเรารอตั้งนาน ในที่สุดลูกพี่ก็มา!”
จางผิงเอ่ยทักทายสหายของเขาที่ได้เกริ่นบอกหลินหนานก่อนหน้านี้ แต่หลังจากเข้าไปในห้อง ก็พบว่าทุกคนยังไม่มา..
ชายหนุ่มทั้งสามเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินตรงไปหาที่นั่งกันตามสบาย
“ทุกคน.. ขอแนะนำให้รู้จักคุณหลิน เพื่อนใหม่ของฉันเอง!”
จางผิงหันไปแนะนำทุกคนให้หลินหนานรู้จักด้วยความกระตือรือร้น “เพื่อนหลิน.. นี่คือพี่หมาป่า ส่วนคนนี้ก็พี่หมาใหญ่ และคนสุดท้ายนี่ก็คือพี่เสือดาว ลูกพี่ทั้งสามเป็นคนใจกว้าง แล้วก็กว้างขวางมากด้วย ถ้านายไปมีเรื่องกับใคร แค่บอกชื่อพวกเขาสามคน ทุกอย่างก็จะเรียบร้อยในทันที..”
หลินหนานพยักหน้าพร้อมกับโบกมือทักทาย แต่ก้นของเขายังคงนั่งติดอยู่กับโซฟา และไม่คิดที่จะลุกไปทักทายมากกว่านั้น
“ยินดีที่ได้รู้จัก!”
หมาป่าที่ดูเหมือนจะเป็นพี่ใหญ่แสยะยิ้มออกมา เผยให้เห็นฟันทองซี่หน้าหนึ่งซี่ในปากอย่างชัดเจน
ส่วนชายหนุ่มที่มีฉายาว่าเสือดาวนั้น ได้แต่จ้อมองหลินหนานด้วยแววตาเอาเรื่อง ในขณะที่หมาใหญ่กลับเฉยเมย และไม่แม้แต่จะปรายตามองมาทางหลินหนาน เขาปฏิบัตต่อหลินหนานราวกับอากาศธาตุ
แต่ละคน ต่างก็มีบุคลิกที่แตกต่างกัน..
หมาป่าที่เห็นฉินเสี่ยวยู่ซึ่งเอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จานั้น แววตาของเขาก็ถึงกับเป็นประกายขึ้นมาทันที
ว้าว!! แม่สาวคนนี้รูปร่างยอดเยี่ยมมาเลยทีเดียว!
“จางผิง สาวสวยคนนั้นเป็นใครกัน?” หมาป่าเอ่ยถามขึ้น
“อ่อ.. เธอเป็นเพื่อนสมัยมัธยมของฉันเองพี่หมาป่า ชื่อว่าฉินเสี่ยวยู่” จางผิงรีบตอบกลับไปทันที
“สวัสดีคนสวย ยินดีที่ได้รู้จัก!”
หมาป่าเอ่ยทักทายพร้อมกับยื่นมือออกไปให้ แต่รอยยิ้มบนใบหน้านั้นกลับดูเจ้าเล่ห์พิกล
“สวัสดีค่ะ!”
ฉินเสี่ยวยู่เอ่ยทักทายกลับด้วยสีหน้าตื่นตระหนก แต่เธอกลับไม่ยื่นมือออกไปให้ เพราะรู้สึกว่าคนกลุ่มนี้ไม่ใช่คนดีนัก
“นี่คนสวย.. ไม่มีมารยาทเลยนะ! นี่เป็นการพบกันครั้งแรกของเรา พวกเราควรต้องจับมือทักทายกันถึงจะถูก..”
หมาป่าไม่เพียงพูดเท่านั้น แต่เขากลับลุกขึ้น และเดินตรงเข้าไปหาฉินเสี่ยวยู่ทันที เขาถือคติว่าด้านได้อายอด
ฉินเสี่ยวยู่ตกใจกลัวจนถึงกับผงะถอยหลังทันที
“สวัสดีครับ.. สวัสดี!”
หลินหนานเป็นฝ่ายยื่นมือออกมาจับมือของหมาป่าเขย่า พร้อมกับร้องทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และนั่นทำให้ฉินเสี่ยวยู่หลุดพ้นจากสภาพที่กำลังถูกบีบบังคับ
หมาป่าถึงกับขมวดคิ้วแน่นด้วยความหงุดหงิดใจอย่างมาก!
“ขอโทษด้วยหมาป่า แฟนของผมเป็นพวก Introvert ชอบเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร ผมต้องขอโทษแทนเธอด้วย!” หลินหนานพูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“แฟนงั้นเหรอ?”
แม้หมาป่าจะรู้สึกไม่พอใจนัก แต่ก็ต้องกดข่มอารมณ์นั้นไว้ชั่วคราว
“พี่ใหญ่ ทุกครั้งที่พี่เห็นผู้หญิงก็มักจะตาโตแบบนี้ตลอด นี่พี่เป็นแมลงวันหรือยังไง?” อ้ายเฉวี่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก
“นี่.. น้องสาวคนดีของพี่ เธอพูดอะไรก็ให้หน้าพี่ชายคนนี้บ้าง?” หมาป่าตอบอ้ายเฉวี่ยกลับไปพร้อมกับยิ้มกว้าง
หลินหนานคิดไม่ถึงว่า ทั้งสองคนจะเป็นพี่น้องกัน!
อืมม.. ค่อยๆน่าสนใจขึ้นมาทีละนิดแล้วสินะ!
“ตอนนี้ทุกคนต่างก็เป็นเพื่อนกันแล้ว ทำตัวตามสบายกันดีกว่า บรรยากาศจะได้สนุกสนาน”
จางผิงพยายามที่จะพูดให้บรรยากาศภายในห้องผ่อนคลาย แล้วก็สนุกสนานมากยิ่งขึ้น ทุกคนจะได้ไม่ต้องนั่งปั้นหน้ากัน
เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่จางผิงต้องการให้เกิดขึ้น!
แต่นับว่าเขาทำได้สำเร็จมากทีเดียว เพราะหลังจากนั้นทุกคนในห้องก็ค่อยๆผ่อนคลาย และไม่นานนักแต่ละคนก็ดูเหมือนจะเริ่มคุ้นเคยกันมากขึ้น
อ้ายเฉวี่ยยังคงร้องเพลงไปเรื่อยๆ
ส่วนหลินหนานก็เกรงว่าฉินเสี่ยวยู่จะรู้สึกเบื่อ จึงได้แต่ชวนเธอคุยไปเรื่อยๆ
“จางผิง หมอนี่น่ะเหรอที่นายพูดถึง?” หมาป่าเหลือบมองแก้วเหล้าในมือ พร้อมกับกระซิบถามจางผิงเสียงเบา
“ใช่แล้วลูกพี่ หมอนี่ล่ะ!” จางผิงกระซิบตอบพร้อมกับพยักหน้า
“นายไม่ต้องห่วง วันนี้ฉันจะจัดการถลกหนังของมันให้เอง โทษฐานที่วันนี้ฉันอารมณ์ไม่ค่อยดี!” หมาป่ากระซิบตอบพร้อมกับยิ้มกว้าง
“ใครกล้าทำให้พี่หมาป่าอารมณ์เสียกัน?” จางผิงเอ่ยถามทันที
“เฮ้อ.. ก็ไอ้เจ้าหัวโล้นหน้าโง่น่ะสิ! วันนี้มันพาคนไปแก้แค้นให้กับลูกน้องของตัวเอง แต่กลับถูกกระทืบยับเยินกลับมา มันน่าโมโหมั๊ยล่ะ?” หมาป่าขมวดคิ้วแน่นด้วยความโมโห
“แต่ไอ้หัวโล้นลูกน้องของพี่คนนี้ก็เก่งไม่เบาไม่ใช่เหรอ แถมยังมีลูกน้องมากมาย ดูท่าอีกฝ่ายคงจะขนคนมามากกว่าสินะ?” จางผิงคาดเดาสถานการณ์
“ไม่.. มันมีแค่คนเดียว!” หมาป่าถึงกับยิ้มขื่น
“ห๊ะ?!! คนเดียว!!” จางผิงถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ และกำลังคิดว่าตัวเองหูฝาด
“ใช่! คนเดียวกับแก๊งโกสต์ไรเดอร์ทั้งแก๊ง..”
หมาป่าพ่นควันบุหรี่ออกมาด้วยความเดือดดาล “ฉันได้ยินมาว่า ไอ้หัวโล้นถูกมันจับหักแขนทั้งสองข้าง ตอนนี้ยังนอนเข้าเฝือกอยู่เลย..”
“โคตรน่ากลัวเลยพี่!” จางผิงร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นใครมาจากไหน? ฉันคงต้องหาโอกาสไปพบเจอหมอนั่นสักครั้ง ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องแก้แค้นมันคืนให้ได้! ไม่อย่างนั้นฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน?”
หมาป่าอัดบุหรี่เข้าปอดพร้อมกับพ่นออกมาอีกครั้ง สีหน้าของมันเปลี่ยนเป็นเศร้าหมองในขณะที่พูดขึ้นว่า
“ไว้ฉันต้องไปสอบถามเรื่องราวจากไอ้หัวโล้นให้ละเอียดอีกที จะได้รู้ความจริงชัดๆ”
“ใครที่มันบังอาจเหยียบจมูกลูกพี่หมาป่ากับลูกพี่อีกสองคน ฉันว่าชะตาของมันคงถึงคาดแล้วล่ะ” จางผิงเค้นคำพูดออกมาอย่างไม่พอใจนัก
“แหงอยู่แล้ว!”
หมาป่ามองไปทางหลินหนานพร้อมกับกระซิบกับจางผิงว่า “นี่.. พวกเราเล่นงานแค่ไอ้หมอนี่พอ ส่วนผู้หญิงที่นั่งข้างมันรูปร่างไม่เลวเลย ฉันจะจัดการเอง!”
“ครับลูกพี่.. ตามสบาย!” จางผิงยิ้มกว้าง
เขารู้ดีว่าหมาป่าจะจัดการกับหลินหนานอย่างไร?
และผู้หญิงคนไหนที่ลูกพี่หมาป่าอยากได้ ก็ยากที่จะรอดพ้นเงื้อมือของเขาไปได้!
แม้ว่าฉินเสี่ยวยู่จะเป็นแฟนเก่าของเขา แต่เพื่อการแก้แค้นและกู้หน้าคืน จางผิงคิดว่าเขาจำเป็นต้องเสียสละบ้าง..
และถ้าเขาไม่ได้ หลินหนานก็อย่าหวังว่าจะได้!
ถึงแม้ว่าชายหนุ่มทั้งสองจะแอบกระซิบกันเสียงเบา แต่แน่นอนว่าย่อมไม่อาจพ้นหูพ้นตาของหลินหนานไปได้
หลินหนานได้แต่แอบยิ้มอยู่ในใจ แต่ภายนอกกลับแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร และถึงกับแกล้งทำเป็นยกแก้วเหล้าชวนหมาป่าดื่มด้วย
ทางด้านหมาป่ากับพี่น้องอีกสองคนนั้น ก็ไม่ได้เกรงใจ ทั้งสามคนต่างพากันดื่มกินกันอย่างเต็มที่
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ จางผิงก็เหลือบมองนาฬิกาข้อมือของตนเอง และเห็นว่าได้เวลาที่จะจัดการเหยื่อเสียที เขาจึงกระแอมเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ทุกคน.. วันนี้สนุกกันมากมั๊ย?”
“สนุกมากสิ! สนุกมาก!” หมาป่าพยักหน้า
“เอาล่ะ ถ้างั้นก็จ่ายค่าอาหารค่าเหล้าก่อน จะได้ไปดูโชว์กัน!” จางผิงร้องบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ก็ดีเหมือนกัน!”
หมาป่าและคนอื่นๆ ต่างก็พากันลุกขึ้นยืน และเตรียมตัวจะเดินออกจากห้องไป บริกรเห็นเช่นนั้นจึงรีบถามขึ้นว่า
“ไม่ทราบท่านใดจะเป็นคนจ่ายค่าอาหารกับค่าเหล้าครับ?”
“คุณหลิน.. คุณจ่ายสิ!” จางผิงหันไปบอกหลินหนาน
ได้เวลาแล้วสินะ!!
หลินหนานลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายอย่างลืมเนื้อลืมตัว แต่นั่นเท่ากับเป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ
วันนี้แกอย่าหวังว่าจะข่มตาหลับลงได้เลย!