ตงหลินหยิบขวดกระเบื้องเคลือบสีดำออกมา แล้ววางไว้บนโต๊ะ “แผนที่บนตัวเด็กแสดงให้เห็นเพราะยานี้”

หลังจากที่เซี่ยโฮวโม่ตกลงที่จะให้เวลากับนางหนึ่งคืน ซูมู่เกอสามารถทำให้ตัวเองสงบลงได้

ซูมู่เกอวางถงเอ๋อลงบนโต๊ะ โดยเผยให้เห็นทั้งหลัง ในไม่ช้านางก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเพื่อปกปิดหลังส่วนใหญ่ของเขา เหลือไว้เพื่อสังเกตแค่เพียงครึ่งฝ่ามือ

เซี่ยโฮวโม่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

กลิ่นฉุนลอยออกมาทันทีที่ซูมู่เกอเปิดขวดกระเบื้องเคลือบที่ตงหลินมอบให้เธอ

“ข้าต้องไปหาอะไรบางอย่างจากห้องของข้า” ซูมู่เกอพูดพลางมองไปที่เซี่ยโฮวโม่

เขาพยักหน้า

จนกระทั่งนางออกไปจาห้องของเขา นางพบว่าหลังของนางชุ่มไปด้วยเหงื่อ

นางสาบานกับตัวเองว่าเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นในเขตโจว นางจะอยู่ให้ห่างจากผู้ชายคนนี้อย่างแน่นอน!

ภายในห้องของเซี่ยโฮวโม่ ตงลินมองไปที่ถงเอ๋อบนโต๊ะด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสน

ปีที่แล้วหมอกุ่ยได้พบสิ่งที่คล้ายกับยาที่ใช้กับเด็กคนนี้อยู่บนร่างของสายลับของพวกคนตะวันตก เขาอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้และบอกว่าเขาคิดออก

ใต้เท้าไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้และปล่อยให้หมอกุ่ยจัดการเรื่องทั้งหมด ประมาณครึ่งเดือนต่อมา หมอกุ่ยเข้าเฝ้าใต้เท้าด้วยความตื่นเต้นบนใบหน้าของเขา เขาได้ค้นพบความลับเบื้องหลังการปรุงยาและยังพัฒนายาเหลวชนิดหนึ่งเพื่อลบแผนที่

กล่าวอีกนัยหนึ่ง พวกเขามียาเหลวอยู่ในมือซึ่งสามารถลบแผนผังการป้องกันของเด็กคนนี้ได้ แต่เหตุใดใต้เท้าจึงขอให้คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลซู…

“ออกไป”

“ขอรับ”

ตงหลินออกไปพร้อมกับคำถามที่ยังไม่ได้ไขในใจของเขา

หลังจากให้ที่ปรึกษาหลี่ส่งต่อข้อความเรื่องถงเอ๋อให้กับท่านยายฟางแล้ว ซูมู่เกอกลับไปที่ห้องของนางเพื่อไปหาชุดอุปกรณ์การแพทย์

เมื่อนางเปิดขวดกระเบื้องมียาเพียงสามชนิดที่นางจำได้ซึ่งนางก็เคยใช้มาจนถึงทุกวันนี้ พวกเขามีกำเนิดในดินแดนของพวกคนตะวันตก

มีเพียงเซี่ยโฮวโม่และถงเอ๋อที่อยู่ในอาการโคม่าเท่านั้นที่อยู่ในห้องเมื่อนางกลับมา

นางไม่รอช้าและเริ่มการรักษาด้วยเครื่องมือทั้งหมดจากกล่องเครื่องมือแพทย์ของนาง

เซี่ยโฮวโม่มองนางจากเก้าอี้โดยที่สายตาของเขาไม่ละไปจากนางเลย

เนื่องจากเขามียาเหลวอยู่แล้ว ทำไมเขาจึงขอให้นางทำ?

เขาโค้งมุมปากเล็กน้อย บางครั้งราชาแห่งจินจะทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยอารมณ์ของเขา ตัวอย่างเช่นในตอนนี้การดูซูมู่เกอทำงานหนักตรงหน้าเขา ทำให้เขารู้สึกดี

ถ้าซูมู่เกอรู้ว่าเซี่ยโฮ่วโม่คิดอะไรอยู่ในตอนนี้ นางคงแทบจะกระอักเลือดด้วยความโกรธ

นางผสมสมุนไพรหลายชนิดเพื่อทำเป็นยาเหลวเช็ดซ้ำแล้วซ้ำเล่าบนถงเอ๋อ และทำซ้ำการกระทำเดิม ๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

เมื่อเวลาผ่านไปการแสดงออกบนใบหน้าของนางก็เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น

เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นและแสงสีทองแรกของวันส่องแสงเข้ามาในห้อง นางหยุดชั่วครู่ แล้วจากนั้น นางก็ทำต่อไป!

เซี่ยโฮวโม่ลืมตาขึ้นมองใบหน้าที่ดื้อรั้นของนางและพูดอย่างใจเย็นว่า “พอแล้ว”

มือของซูมู่เกอยังคงเคลื่อนไหวราวกับว่านางไม่ได้ยินเขา

“ข้าบอกว่า ‘พอแล้ว’ และอย่าได้ทำให้ข้าต้องพูดซ้ำเป็นครั้งที่สาม”

ทันใดนั้นซูมู่เกอก็กำขวดยาในมือของนางแน่น จ้องมองเขาด้วยดวงตาสีแดงก่ำด้วยความโกรธ

“ข้าใกล้แล้ว! ข้าสามารถทำมันได้ขอเวลาอีกสักหน่อย!”

“พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว”

“แต่….”

“ออกไป”

ซูมู่เกอจับมือถงเอ๋อแน่นและไม่ขยับ

“ข้าจะไม่ปล่อยให้ท่านทำร้ายเขา!”

“เจ้านะ?” เซี่ยโฮวโม่หัวเราะเยาะ

ซูมู่เกอมองไปที่เขานิ่งๆ “ใช่ ข้าจะหยุดท่านเอง”

เขาหัวเราะเยาะนางออกมาทันที และบรรยากาศที่หดหู่ในห้องก็หายไปในทันใด

“ข้าจะไม่ทำร้ายเขา”

ซูมู่เกอมองเขาด้วยความประหลาดใจ หน้าผู้ชายคนนี้เปลี่ยนเร็วยิ่งกว่าพลิกหนังสือ!

เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนั้น เซี่ยโฮวโม่ก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างมีชัย “ถ้าข้าอยากให้เขาตาย ข้าคงฆ่าเขาตั้งแต่แรกแล้ว ทำไมข้าต้องให้เขามีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้”

นางแทบสำลักลมหายใจตัวเอง!

เขาก็เลยเล่นบ้าๆบอๆกับนาง!

เขาทำให้จิตใจของนางตึงเครียดตลอดทั้งคืนและเพื่อความสนุกของตัวเขาเองเท่านั้น!

เลว!

นางไม่เคยเห็นผู้ชายที่มีเล่ห์เหลี่ยมขนาดนี้มาก่อน!

นางกัดฟันแน่นด้วยความโกรธและพูดว่า “งั้นข้าพาเขากลับไปเดี๋ยวนี้ได้ใช่ไหม?”

“อะไรนะ? เจ้าไม่เชื่อข้าเหรอ?”

“…..”

ในที่สุดซูมู่เกอก็ออกไปจากห้องพร้อมลมหายใจออกหนักๆที่ดุด่าเซี่ยโฮวโม่รวมถึงบรรพบุรุษของเขาในใจ

เมื่อตงหลินเข้ามา เขาเห็นเซี่ยโฮวโม่นั่งที่เก้าอี้ เล่นถ้วยน้ำชาในมือ

ใต้เท้าอารมณ์ดีอะไร?

“พาเขาออกไปและลบแผนที่บนหลังของเขา” เซี่ยโฮวโม่กล่าว

“ขอรับ ใต้เท้า” ตงหลินรับคำสั่ง

ขณะที่ตงหลินกำลังจะไปเอาตัวเด็กเขาเห็นด้านหลังและตะลึง

“ใต้เท้า!”

เซี่ยโฮวโม่หันหน้ามาและมองไปที่เขา “ว่าอะไร?”

“ผะ แผนที่หายไปแล้ว!”

เซี่ยโฮวโม่ลุกขึ้นและเดินมามอง

แผนที่ด้านหลังของถงเอ๋อไม่สมบูรณ์อีกต่อไป ส่วนที่ซูมู่เกอทำการรักษานั้นได้หายเกลี้ยงไปหมดแล้ว!

จ้องมองไปที่ส่วนที่หายไป ตงหลินรู้สึกประหลาดใจมาก หมอกุ่ยใช้เวลาเกือบครึ่งเดือนในการคิดค้นยา และคุณหนูใหญ่ซูก็ทำสิ่งเดียวกันได้ภายในคืนเดียว!

ถ้าเขาไม่เห็นสิ่งนี้กับตา เขาไม่เคยเชื่อเลยว่าทักษะทางการแพทย์ของใครบางคนจะพิเศษกว่าหมอกุ่ยมาก!

ตงหลินคิดกับตัวเองว่าถ้าหมอกุ่ยรุ้เรื่งอนี้ เขาคงจะแทบบ้า….

ยังมีข้อสงสัยเล็กน้อยเกี่ยวกับเซี่ยโฮวโม่ ซูมู่เกอจึงยังรออยู่ที่ห้องพักหย่าเหมินเพื่อรอให้ถงเอ๋อถูกส่งตัวกลับมา

“ใต้เท้าซู เกิดปัญหาใหญ่!”

ที่ปรึกษาหลี่รีบวิ่งเข้ามาในห้องด้วยใบหน้าเป็นทุกข์ ตะโกนก้อง

ซูมู่เกอกำลังศึกษาหนอนในมือของนาง นางคิ้วขมวด

“เกิดอะไรขึ้น?”

“เช้าตรูวันนี้ ผู้ลี้ภัยที่เพิ่งมาถึงสิบคนมีไข้กะทันหันเช่นเดียวกับเด็กที่ท่านรักษา ข้าไม่กล้ารออีกต่อไป รีบกลับมารายงานให้ท่านทราบ”

ซูมู่เกอคิ้วกระตุกเมื่อนางได้ยินเช่นนั้น

“พวกเขาอยู่ที่ไหน?”

“ข้าจัดให้พวกเขาอยู่ที่ห้องว่างอีกห้อง”

“ดี ข้าจะไปดูเดี๋ยวนี้”

ซูมู่เกอถือกล่องเครื่องมือแพทย์ของนางและตามที่ปรึกษาหลี่ออกจากห้อง เซี่ยโฮวโม่ยืนอยู่ข้างรถม้าเมื่อพวกเขาออกมา

ใบหน้าของซูมู่เกอแข็งกระด้าง คงไม่มีใครมีความสุขเมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ชายที่หลอกพวกเขามาตลอดทั้งคืน

ในขณะท่เขากำลังรับที่ปรึกษาหลี่ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ “ใต้เท้าเซี่ย”

เซี่ยโฮวโม่มองไปที่ซูมู่เกอและในที่สุดก็หยุดที่ที่ปรึกษาหลี่ “ข้าได้ยินมาว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับผู้ลี้ภัย?”

“ขอรับ…”

“โรคระบาดสำคัญที่สุด ที่ปรึกษาหลี่ไปกันเถอะ” ซูมู่เกอกระโดดขึ้นรถม้าตรงหน้านาง ปิดม่านและปิดกั้นสายตาของคนอื่นๆ

ที่ปรึกษาหลี่ตกใจยืนนิ่ง เกิดอะไรขึ้น?

ใต้เท้าซูเพิกเฉยต่อใต้เท้าเซี่ยต่อหน้าคนอื่น!

เซี่ยโฮวโม่ลดดวงตาสีเข้มลงเล็กน้อยและขึ้นรถม้าโดยไม่พูดอะไรสักคำ ปล่อยให้ที่ปรึกษาหลี่อยู่คนเดียวพยายามหาคำตอบจากสถานการณ์

“ที่ปรึกษาหลี่ โปรดขึ้นม้า”

ตงหลินมีน้ำใจมากและเขาก็นำม้าที่แข็งแรงและสุขภาพดีมาหยุดหน้าเขา มันเป็นม้าที่หล่อเหลาสีแดงอมม่วง

เมื่อเห็นม้าอยู่ตรงหน้าเขา ที่ปรึกษาหลี่รู้สึกว่าขาของเขาสั่น ถ้าเขาบอกพวกเขาว่าเขาไม่สามารถขี่ม้าได้ในตอนนี้ มันจะน่าอายเกินไปไหม….

ภายในรถม้า ซูมู่เกอเงยหน้าขึ้นและเห็นเซี่ยโฮวโม่นั่งอยู่

นางหลับตาลง ไกลตา ไกลใจ!

แต่กลิ่นและลมหายใจของผู้ชายคนนี้แรงเกินกว่าจะละเลย!

นางลืมตาขึ้นและพบกับดวงตาที่มืดมิดของเขาและลึกล้ำราวกับสระว่ายน้ำเย็นฉ่ำ

“ใต้เท้าซู เจ้ารู้หรือไม่ว่าโรคนั้นเป็นอย่างไร?”

ซูมู่เกอสูดลมหายใจเบา ๆ จัดการรวบจิตใจตัวเองเข้าด้วยกันและตอบว่า “ยังไม่ได้”

หลังจากการสนทนาที่เรียบง่าย รถม้าก็เงียบสนิท ซูมู่เกอเริ่มเปลี่ยนความสนใจไปที่กระบวนการและผลการวิจัยของนางเกี่ยวกับหนอนในตอนนี้

หนอนเหล่านี้หนังเหนียวมากและทนทานต่อยาหลายชนิด ยิ่งนางใช้ยามากเท่าไหร่ความสามารถในการสืบพันธุ์ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น

นางเปิดชุดแพทย์ของนางในรถม้าและหยิบขวดระเบื้องที่มีหนอนออกมา

เมื่อวานนี้นางแช่มันไว้ในยาพิษเพื่อดูว่ายาเหล่านั้นสามารถฆ่าได้หรือไม่

“นี่คืออะไร?” เซี่ยโฮวโม่ถามพลางมองไปที่ขวดกระเบื้องในมือของนาง

“หนอนที่เอาออกมาจากปอดของเด็กที่ป่วยคนนั้น”

ใบหน้าของเซี่ยโฮวโม่แข็งขึ้นเล็กน้อย “หนอน?”

“ใช่ พวกมันสามารถอาศัยอยู่ในร่างกายของมนุษย์ได้ ข้าได้ทดลองยาหลายขนานแล้วและไม่สามารถฆ่ามันได้”

ซูมู่เกอพูดจบ มองที่เซี่ยโฮวโม่และแค่นยิ้มออกมา “ใต้เท้าเซี่ย ท่านเป็นคนเลือดเย็น บางทีเลือดของท่านอาจจะทำให้พวกมันหนาวจนตายได้นะว่าไหม?”

ซูมู่เกอไม่คิดจะยอมรับ ที่นางพูดไปนางมีจุดประสงค์

“ได้”

ซูมุ่เกอไม่คาดคิดว่าจะได้คำตอบนี้ ได้เหรอ? เขาหมายถึงอะไร?

“ใต้เท้าซู เอาเลือดให้มากเท่าที่ต้องการ” เซี่ยโฮวโม่ยื่นมือของเขาไปตรงหน้าซูมู่เกอก่อนที่เขาจะพูดจบ

มองไปมี่มือเรียวๆ ซูมู่เกอกัดฟันแน่น เขาคิดว่านางไม่กล้าทำเหรอ?

นางหยิงมีดเล็กๆ ออกมาแล้วแทงลงบนนิ้วมือของเขา เลือดสีแดงสดเริ่มหยดลงในขวดกระเบื้องที่ถืออยู่ในมือของนาง นางเอาสำลีกดหลายนิ้วของเขาเมื่อได้เลือดเต็มขวด

“ใต้เท้าเซี่ย ท่านเป็นข้าแผ่นดินที่ดีทั้งต่อบ้านเมืองและประชาชน!”

เซี่ยโฮวโม่มองลงไปในมือเล็กๆ ที่กดปลายนิ้วของเขาและกำลังคิด

หลังจากประสบความสำเร็จในเกมของเขา ซูมู่เกออารมณ์ดี นางใส่ขวดกระเบื้องกลับเข้าไปในกล่องเครื่องมือแพทย์ของนาง

รถม้าค่อยๆลดความเร็วลง

เนื่องจากมีผู้ลี้ภัยจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ปรึกษาหลี่จึงขอให้ผู้คนเข้าพักในห้องว่าง

ผู้ลี้ภัยจากการเจ็บป่วยกะทันหันนี้ถูกจัดให้พักในบ้านหลังวัดร้าง

ทันทีที่ซูมู่เกอออกมาจากรถม้า ผู้ช่วยแพทย์หนุ่มก็พาพวกเขาไปข้างนอกที่พักผู้ป่วย

“ผู้ที่สัมผัสกับผู้ป่วยเหล่านี้ตามข้ามา และคนอื่นๆ อยู่ที่ด้านนอก”

เซี่ยโฮวโม่ที่ยืนอยู่ข้างหลัง นางไม่สนใจอย่างสิ้นเชิง นางเดินเข้าไปที่พักผู้ป่วยโดยตรง

คราวนี้เขาไม่ตามนางเขาไป แต่เขาหันกลับไปมองที่ปรึกษาหลี่ ซึ่งกำลังเดินมาหาเขาด้วยขาอันสั่นเทา

“คนเหล่านี้เข้ามาเมื่อไหร่?”

เช็ดเหงื่อที่หน้าผากออก ที่ปรึกษาหลี่ตอบว่า “ใต้เท้า พวกเขามาที่นี่เมื่อสามวันก่อน พวกเขาทั้งหมดเป็นชาวบ้านจากหมู่บ้านที่ได้รับผลกระทบในเขตโจวขอรับ”

มีกระดานไม้กว่าโหลบนพื้น แต่ละอันมีคนนอนอยู่ ทั้งเด็กและคนแก่ ผู้ชายและผู้หญิง

ซูมู่เกอไปหาชายที่มีใบหน้าแดงซึ่งแทบไม่รู้สึกตัวและมองเขา เห็นได้ชัดว่าท้องของชายคนนั้นบวมและอุณหภูมิในร่างกายของเขาก็สูงมากเกินไป

“ใต้เท้า คนพวกนี้ป่วย ป่วยเป็นโรคระบาดหรือไม่?” ผู้ช่วยแพทย์มองคนไข้ที่นอนอยู่บนพื้นด้วยใบหน้าซีดเซียว ตามปกติ ผู้คนจะต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคระบาดหลังภัยธรรมชาติ มันเป็นอำนาจลึกลับที่ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้