ตอนที่ 38 ชีวิตน่าสงสาร

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 38 ชีวิตน่าสงสาร

เยียนอวิ๋นเกออนั่งอยู่บนม้านั่งหินอย่างกังวล

เมื่อเห็นองค์ชายใหญ่ เซียวเฉิงเย่กำลังจะบีบคอของหลี่ปิ้งถิงให้ตาย

นางจึงลงมือตีคนทั้งสองให้สลบไปด้วยความวู่วาม

นางมองคนทั้งสองที่นอนหมดสติอยู่บนพื้น นางต้องทำอย่างไรต่อไป

เยียนอวิ๋นเกอเตะองค์ชายใหญ่ เซียวเฉิงเย่หนึ่งที คนขี้ขลาด คนใจเสาะ กล้าแต่จะทำร้ายต่อคนที่ต้องการพึ่งพาเขาอย่างหลี่ปิ้งถิง

ไม่อยากแต่งงานก็พูด!

รอจนพระราชวังมีพระราชโองารพระราชทานการสมรสออกมาถึงจะรีบร้อน นอกจากนี้ยังผลักความผิดทั้งหมดไปให้ฝ่ายหญิงอีก

หากเขาแสดงจุดยืนต่อหน้าฮ่องเต้ตั้งแต่แรก คาดว่าฮ่องเต้คงไม่พระราชทานงานแต่งอย่างกะทันหัน

เขาไม่มีความกล้าที่จะเข้าไปในวัง กล้าแต่ระบายความโกรธต่อหลี่ปิ้งถิง

หลี่ปิ้งถิงก็ตาบอด องค์ชายใหญ่ เซียวเฉิงเย่ขี้ขลาดเพียงนี้ นางยังยอมออกเรือนด้วย

สายตาอันใดกัน!

อาจเป็นไปได้ว่าการแต่งงานครั้งนี้เป็นการแต่งงานที่ดีที่สุดของหลี่ปิ้งถิง

แม้ว่าองค์ชายใหญ่จะไม่ดีนัก แต่ฐานะของเขาสูงส่ง

หลังจากแต่งงานแล้ว นางก็จะเป็นภรรยาขององค์ชายใหญ่

วันหน้าหากเขาถูกแต่งตั้งเป็นท่านอ๋อง นางก็ย่อมต้องเป็นพระชายา

เมื่อมีฐานะพระชายา ตระกูลหลี่ย่อมสามารถรุ่งเรืองได้ประโยชน์ตามไปด้วย

ไม่มีผู้ใดโง่เขลาแม้แต่น้อย

เยียนอวิ๋นเกอควงมีดสั้นในมือเล่น นางกำลังลังเลว่าจะแทงองค์ชายใหญ่ เซียวเฉิงเย่สักสองทีดีหรือไม่

นางเกลียดผู้ชายแบบนี้เสียจริง

สุดท้าย นางยังคงเก็บมีดสั้นลง ไม่ได้แทงมีดลงไป

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนาง นางไม่จำเป็นต้องสามารถสร้างปัญหาให้ตัวเอง

ระหว่างองค์ชายใหญ่ เซียวเฉิงเย่และหลี่ปิ้งถิง คนหนึ่งยินดีตี อีกคนยินดีทน คนนอกทำได้เพียงแค่มองดู

นางเดินจากไป

ระหว่างทาง นางบอกสาวรับใช้ของหลี่ปิ้งถิงที่เฝ้าอยู่รอบนอก สาวรับใช้เป็นคนฉลาด นางรีบเข้าไปพาหลี่ปิ้งถิงจากไป

“ไม่คิดว่าเจ้าจะชอบยุ่งเรื่องของผู้อื่น!”

เยียนอวิ๋นเกอชะงักฝีเท้าลง แหงนหน้ามองขึ้นไปบนยอดไม้

เซียวอี้!

เขาเองหรือ

เซียวอี้กระโดดลงมาจากต้นไม้ “พบกันอีกแล้ว ช่างบังเอิญเสียจริง”

เยียนอวิ๋นเกอหรี่ตาจ้องมองอีกฝ่าย

ผอมลง สูงขึ้น หล่อขึ้น

สายตาเศร้าโศก ทั้งตัวประกายรังสีอันตราย ยิ่งดูยิ่งเหมือนคนโรคจิต

โรคจิตผู้เรียบร้อยที่หลบซ่อนอยู่ในความมืด

เซียวอี้ยิ้มให้นาง “ข้ามาในนามของตระกูลสือ เข้าเมืองหลวงเพื่อมอบของขวัญแสดงความยินดี รู้ว่าเจ้าเป็นห่วงพี่ใหญ่เจ้า นางสบายดี ท่านโหวผิงอู่ สืออุนดีต่อนางไม่น้อย พี่ใหญ่ของเจ้าเป็นคนฉลาด อีกทั้งข้างตัวมีกุนซือชี้แนะ การแย่งชิงภายในจวนตระกูลสือ ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อนาง”

เยียนอวิ๋นเกอเห็นแก่ที่เขานำข่าวของพี่ใหญ่เยียนอวิ๋นเฟยมา พยักหน้าให้เขาอย่างไม่เต็มใจ ถือว่าเป็นการทักทาย

เซียวอี้สงสัย “เซียวเฉิงเย่จะฆ่าหลี่ปิ้งถิง เจ้าก็ให้เขาฆ่าไป เหตุใดเจ้าจึงต้องตีคนให้สลบ คุณหนูสี่ตระกูลเยียนใจดีเพียงนี้เมื่อใดกัน ไม่เหมือนเจ้าแม้แต่น้อย”

เกี่ยวอันใดกับเจ้า!

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะ กรอกตาใส่เขา

นางจะฆ่าผู้ใด หรือช่วยผู้ใด ยังไม่ต้อให้เซียวอี้มาชี้แนะ

เซียวอี้ยิ้มอย่างมีนัย “เมื่อเซียวเฉิงเย่ฆ่าหลี่ปิ้งถิงแล้วย่อมจะเกิดความโกลาหลขึ้นพักหนึ่ง เถาฮองเฮาย่อมต้องฉวยโอกาสนี้กำจัดเซียวเฉิงเย่ ทำให้เขาหมดโอกาสได้พลิกตัว เซียวเฉิงเย่หมดภัยคุกคาม หนทางแห่งการเป็นองค์รัชทายาทขององค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้ย่อมราบรื่น น่าเสียดาย เจ้าทำลายแผนการของเถาฮองเฮา หากให้นางรู้เรื่องนี้ นางย่อมไม่ปล่อยเจ้าไปอย่างแน่นอน แต่เหมือนกับว่าทุกคนต่างละเลยองค์ชายสองที่ร่ายกางอ่อนแอ”

เยียนอวิ๋นเกอหรี่ตาลงด้วยความอันตราย

หมายความว่าอย่างไร

องค์ชายสองที่ร่ายกายอ่อนแอมีสิทธิแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทด้วยหรือ

เซียวอี้ยิ้ม “เจ้าคิดว่า องค์ชายสองไม่ถามเรื่องบ้านเมืองเพราะไม่มีกิเลสจริงหรือ เช่นนั้นเหตุใดเขาจึงอยากสมรสกับพี่รองของเจ้า”

เยียนอวิ๋นเกอคันมือเล็กน้อย

เซียวอี้ผู้นี้เป็นโรคจิตเสียจริง

นางหยิบกระดาษดินสอออกมาเขียน “ได้ยินว่าเจ้าลอบฆ่ามารดาและพี่ชายล้มเหลว ถูกบิดาของเจ้าท่านอ๋องจงผิงขับไล่ออกจากจวน ไร้หนทางไปจึงทำได้เพียงไปพึ่งท่านลุงของเจ้า ท่านโหวผิงอู่สืออุน เจ้าช่างมีชีวิตที่น่าสงสารยิ่งนัก”

สานตาของเซียวอี้เปลี่ยนไปเป็นเหมือนปีศาจร้ายที่คาดเดาไม่ได้

“ข้าถูกไล่ออกจากจวน เจ้าดีใจมากอย่างนั้นหรือ”

“ไม่สำคัญว่าข้าจะดีใจหรือไม่ สิ่งสำคัญคือเจ้าต้องการสิ่งใด ก่อการลอบสังหารในเมืองหลวงหรือ”

เยียนอวิ๋นเกอจ้องมองเขา

เซียวอี้หัวเราะขึ้นมา หัวเราะจนทำให้คนหวาดกลัว

คนผู้นี้เป็นคนที่ไม่สามารถอยู่อย่างนิ่งได้ เขาชอบความท้าทาย

เขาโน้มตัวเข้าไปใกล้เยียนอวิ๋นเกอ “เจ้าลองทายดู คราวนี้ข้าจะฆ่าผู้ใด”

เยียนอวิ๋นเกอครุ่นคิด “หรือว่าเจ้าต้องการฆ่าองค์ชายสอง”

เซียวอี้ส่ายหัว

เยียนอวิ๋นเกอเดาต่อ “ฆ่าบิดาของเจ้าท่านอ๋องตงผิง?”

มุมปากของเซียวอี้กระตุก “เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ ฆ่าท่านพ่อของข้า บุตรชายของสตรีผู้นั้นก็จะได้ผลประโยชน์ไม่ใช่หรือ”

เยียนอวิ๋นเกอเขียนอย่างรวดเร็ว “จริงด้วย ฆ่าบิดาของเจ้าท่านอ๋องตงผิง บุตรชายของมารดารองของเจ้าย่อมสามารถสืบทอดตำแหน่งอ๋องได้อย่างถูกต้อง ส่วนเจ้าจะถูกราชสำนักไล่ล่าจับกุม ความพยายามของพี่ชายเจ้าจะสูญเปล่า ไม่แน่ว่าอาจจะโกรธและตามฆ่าเจ้าด้วย เมื่อถึงเวลา ท่านลุงของเจ้าท่านโหวผิงอู่ สืออุนจะคุ้มครองเจ้าหรือไม่ก็เป็นเรื่องที่เดาได้ยาก เจ้าย่อมไม่ฆ่าท่านอ๋องตงผิงผู้เป็นบิดา อย่างนั้นเจ้าอยากฆ่าผู้ใดกัน คงไม่ได้ต้องการฆ่าองค์ชายใหญ่ เซียวเฉิงเย่ใช่หรือไม่”

เซียวอี้หัวเราะ “ดูท่าทางเจ้าจะไม่ฉลาดนัก”

เจ้านะสิโง่…พวกเจ้าโง่ทั้งตระกูล

เยียนอวิ๋นเกอโกรธจัด

บังอาจบอกว่านางไม่ฉลาด ไร้เหตุผลสิ้่นดี!

เซียวอี้เห็นท่าทางโกรธของนาง รู้สึกสนุกอย่างมาก

เขาหุบยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “เหตุใดเจ้าจึงไม่คิดว่าข้ามาเมืองหลวงเพื่อมอบของขวัญเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อฆ่าคน”

เป็นไปได้หรือ

ล้อเล่นหรืออย่างไร!

เขามีรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาเพียงนี้ ไม่ฆ่าคนคงสิ้นเปลือง

เยียนอวิ๋นเกอสมกับเป็นนักตรรกะ

นางเขียนลงไปทันที “เจ้าจะฆ่าผู้ใด บอกข้าล่วงหน้าก่อน อย่างน้อยให้ข้าได้กอบโกยผลประโยชน์บ้าง”

“ไม่กลัวเดือดร้อน?”

“บนตัวข้ามีเรื่องเดือดร้อนมากพอแล้ว มีมากขึ้นอีกเรื่องก็ไม่กลัว”

เยียนอวิ๋นเกอพลิกกระดาษอย่างเปิดเผย

เซียวอี้เลิกคิ้วด้วยรอยยิ้ม “เสียดาย ข้าวางมือแล้ว นับแต่นี้ไม่เล่นลอบสังหารแล้ว”

เหลวไหลสิ้นดี!

คำพูดของเขา เยียนอวิ๋นเกอไม่เชื่อแม้แต่คำเดียว

เซียวอี้พูด “องค์ชายสองเสด็จมาแล้ว เจ้าไม่ไปพบหรือ ได้ยินว่าเขามีรูปลักษณ์ที่งดงาม เป็นชายงามที่อ่อนแอ เขาให้เกียรติเจ้ายอมออกจากจวน เห็นได้ชัดว่าเขาให้ความสำคัญกับตระกูลเยียน เจ้าลองทายดู เหตุใดเขาจึงต้องการสมรสกับพี่รองของเจ้า”

ชายงามที่อ่อนแอ?

เยียนอวิ๋นเกอให้ความสำคัญกับประโยคนี้

พี่รองจะสมรสกับชายที่งดงามยิ่งกว่านาง งานแต่งนี้ดูเป็นไปไม่ได้!

เซียวอี้เห็นเยียนอวิ๋นเกอไม่ได้จับใจความสำคัญในคำพูดของเขา อึดอัดใจอย่างมาก

ชายงามที่อ่อนแอสำคัญกว่าเขา?

ไร้เหตุผลสิ้นดี!

เขาส่งเสียงไม่พอใจ เดินหันหลังจากไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ทิ้งคำพูดใดไว้

เยียนอวิ๋นเกอพยายามไล่ตามเขา แต่ก็ไม่ทัน

คนใจแคบ!

องค์ชายสองสำคัญกว่า

เยียนอวิ๋นเกอเดินทางมาถึงเรือนด้านนอกอย่างรีบร้อน นางหาวิธีติดต่อกับองค์ชายสอง นัดเวลาและสถานที่พบเจอ

จากนั้นนางเดินทางกลับห้องโถงเรือนหลังอย่างเร่งรีบเพื่อตามหาพี่รอง เยียนอวิ๋นฉี

เยียนอวิ๋นฉีแสดงความสามารถในการสานสัมพันธ์ เวลานี้นางสนิทกับสตรีตระกูลใหญ่จำนวนไม่น้อย กำลังสนทนากันอย่างสนุกสนาน

เยียนอวิ๋นเกอเดินเข้ามาจับมือของนาง

เยียนอวิ๋นฉีอาศัยโอกาสแนะนำเยียนอวิ๋นเกอต่อผู้อื่น จากนั้นหาข้ออ้างเพื่อให้สองพี่น้องจากไปพร้อมกัน

นางถาม “น้องสี่ เจ้าไปที่ใดมา เหตุใดจึงไปนานเพียงนี้”

เยียนอวิ๋นเกอยื่นสองนิ้วออกมา

เยียนอวิ๋นฉีเข้าใจทันที นางแค่มีเรื่องมาคั่นกลางเล็กน้อย

“องค์ชายสองเสด็จมางานเลี้ยงตระกูลหลี่จริงหรือ เขามาจริงหรือ”

เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้าอย่างหนัก

เซียวเฉิงเหวินมาจริง อีกทั้งนางยังได้พบกับเขาด้วย

เซียวอี้ไม่ได้โกหก องค์ชายสองเป็นชายรูปงามที่อ่อนแอจริงๆ

ต้องยอมรับว่าราชวงศ์มีกรรมพันธุ์ที่ดีเสียจริง องค์ชายและองค์หญิงล้วนมีรูปลักษณ์ที่งดงาม

เยียนอวิ๋นเกอจูงเยียนอวิ๋นฉี เดินไปบนทางเล็กที่ปูด้วยก้อนกรวด หลบหลีกฝูงชนจนมาถึงห้องพักที่ใช้รับรองแขกในเรือนหลัก

เซียวเฉิงเหวินรออยู่ในห้องพักสักระยะหนึ่งแล้ว

เยียนอวิ๋นเกอผลักพี่รอง เยียนอวิ๋นฉีเล็กน้อย บอกให้นางเดินเข้าไป มีเรื่องใดถามต่อหน้าให้กระจ่าง

นางจะเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู หากมีสถานการณ์ใดส่งเสียงทีหนึ่งก็พอ

สาวรับใช้ อาเป่ยพูด “บ่าวจะเฝ้าอยู่หน้าประตูกับคุณหนูสี่ คุณหนูสองเข้าไปเถิด”

เยียนอวิ๋นฉีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ข้าจะเข้าไปแล้ว”

เมื่อผลักประตูเข้าไป กรอบประตูส่งเสียงดังขึ้น

องค์ชายสอง เซียวเฉิงเหวินได้ยินจึงหันหน้ากลับมา

เยียนอวิ๋นฉีตกใจ สิ่งสำคัญคืออีกฝ่ายรูปงามเกินความคาดหมาย

“ท่าน…”

นางอ้าปาก แต่คำพูดถึงริมฝีปากก็กลืนกลับไป

องค์ชายสอง เซียวเฉิงเหวินพูดขึ้น “แนะนำตนเอง ข้าคือองค์ชายสอง ชื่อเซียวเฉิงเหวิน เจ้าคือคุณหนูรองตระกูลเยียนใช่หรือไม่”

เยียนอวิ๋นฉีพยักหน้า “หม่อมฉันคือคุณหนูรองตระกูลเยียน”

“ยินดีที่ได้พบ! พวกเรานั่งลงพูดคุยเถิด”

เยียนอวิ๋นฉีพยักหน้า นั่งลงอย่างไร้เสียง

“ได้ยินน้องสาวของเจ้าเยียนอวิ๋นเกอบอกว่า เจ้ามีคำถามมากมายอยากถามข้า เจ้าถามมาได้เลย คำถามที่ตอบได้ ข้ารับรองว่าจะตอบอย่างไม่ปิดบัง”

องค์ชายสอง เซียวเฉิงเหวินมองนางอย่างให้กำลังใจ

เยียนอวิ๋นฉีจ้องมองเขา “พระวรกายของพระองค์ทรงไม่แข็งแรงจริงหรือ”

“เจ้าคิดเห็นว่าอย่างไร”

เยียนอวิ๋นฉีมองใบหน้าที่ซัดเซียวของอีกฝ่าย “ดูอ่อนแออย่างมาก”

เซียวเฉิงเหวินยกแก้วชาขึ้นเพื่อปิดบังมุมปากที่กระตุก

เยียนอวิ๋นฉีตั้งสติ นางไม่สามารถสิ้นเปลืองโอกาสในการพบหน้าที่ยากเย็นนี้

ดังนั้น นางจึงถามอย่างตรงไปตรงมา “ได้ยินว่าพระองค์ยืนกรานจะสมรสกับหม่อมฉัน ฝ่าบาทจึงทรงยอมพระราชทานงานแต่งให้จริงหรือเพคะ”

เซียวเฉิงเหวินพยักหน้า “จริง”

เยียนอวิ๋นฉีขมวดคิ้ว “เหตุใดพระองค์จึงทรงอยากสมรสกับหม่อมฉัน พวกเราไม่เคยพบกันมาก่อน พระองค์ไม่รู้แม้แต่รูปลักษณ์ของหม่อมฉัน เหตุใดจึงทรงอยากสมรสกับหม่อมฉัน หากเป็นเรื่องอำนาจ ตระกูลเยียนก็ไม่ได้มีมากนัก หม่อมฉันเป็นเพียงบุตรสาวคนรองที่ไม่ได้รับความสำคัญ พระองค์สมรสกับหม่อมฉันจะมีประโยชน์อันใด”

องค์ชายสอง เซียวเฉิงเหวินยิ้มอย่างมีนัย “เจ้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าเหตุใดข้าต้องสมรสกับเจ้าหรือ”

เยียนอวิ๋นฉีพูด “หม่อมฉันไม่รู้ว่าพระองค์ทรงเป็นคนอย่างไรด้วยซ้ำ เหตุใดจึงต้องคิดเรื่องนี้เพคะ”

องค์ชายสอง เซียวเฉิงเหวินก้มหน้ายิ้ม “ข้าสมรสกับเจ้าเพียงเพราะเจ้าแซ่เยียน”

เยียนอวิ๋นฉีทำหน้าฉงน “หม่อมฉันคิดว่าตระกูลเยียน…”

“เจ้าจะบอกว่าความสามารถของตระกูลเยียนไม่มากพอ เรื่องเหล่านี้เป็นเพียงเรื่องซ้ำซาก ข้าถามเจ้าเพียงคำเดียว เจ้าอยากมีชีวิตหรือไม่”

เยียนอวิ๋นฉีพยักหน้า “มดต่ำต้อยยังอยากมีชีวิต หม่อมฉันย่อมอยากเช่นเดียวกัน”

“อยากมีชีวิตก็อย่าถามสาเหตุมากมาย เจ้าจำไว้เพียงพวกเราสามีภรรยาเป็นหนึ่งเดียวกัน หากมีสุขย่อมร่วมสุข หากมีทุกข์ย่อมร่วมทุกข์”

“พระองค์จะทรงทำอันใดเพคะ”

“ข้าจะทำอันใดหรือ ข้าย่อมจะทำในเรื่องที่องค์ชายสมควรทำ หลังจากวันนี้ เจ้ากับข้าอย่าได้พบหน้ากันอีก วันสมรสข้าจะถูกกำหนดในไม่ช้า เจ้ากลับไปขอให้ท่านแม่เจ้าเตรียมสินสมรสให้เจ้าโดยเร็ว”

พูดจบเซียวเฉิงเหวินเปิดประตูจากไป

เหลือไว้เพียงเยียนอวิ๋นฉีที่ทำหน้าสับสน