ตอนที่ 39 อยากเป็นฮองเฮาหรือ

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 39 อยากเป็นฮองเฮาหรือ

“น้องสี่ เจ้าว่าเขาหมายความอย่างไร”

เวลานี้ สองพี่น้องหลบอยู่ในห้องพักเพื่อพูดคุย

เยียนอวิ๋นฉีรู้สึกหงุดหงิด เมื่อนึกถึงตอนพบหน้ากัน ทำให้นางยิ่งเชื่อมากขึ้นว่าองค์ชายสองเซียวเฉิงเหวินแสร้งทำตัวลึกลับ สิ่งที่พูดออกมาไม่มีความจริงสักคำ

เยียนอวิ๋นเกอกดไหล่ของนาง บอกให้นางนั่งลงค่อยๆ พูด

‘ไม่ว่าจุดประสงค์ขององค์ชายสอง เซียวเฉิงเหวินคืออันใด อันดับแรกคือเราต้องไม่กระวนกระวาย’

เยียนอวิ๋นฉีนั่งลงพลันพยักหน้า “น้องสี่พูดถูก ข้าจะกระวนกระวายไม่ได้ เพียงแต่ข้ายิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าเขาโกหก”

เยียนอวิ๋นเกอเขียนว่า ‘อย่างน้อยเขาก็พูดความจริงมาหนึ่งประโยค’

“ประโยคไหน”

‘ทำในสิ่งที่องค์ชายสมควรทำ ประโยคนี้ย่อมเป็นความจริง’

เยียนอวิ๋นฉีจ้องมองกระดาษ ตกอยู่ในห้วงความคิด

“น้องสี่ เจ้าหมายความว่าเขาต้องการแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทหรือ”

‘เหตุใดจึงไม่เล่า’ เยียนอวิ๋นเกอเขียนถามกลับ

เยียนอวิ๋นฉีมีความฉงนอยู่เต็มหัว “แต่ร่างกายของเขาอ่อนแอมาก เพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง เป็นไปไม่ได้ที่ฝ่าบาทและราชสำนักจะแต่งตั้งองค์ชายที่อาจสวรรคตเมื่อใดก็ได้เป็นองค์รัชทายาท เขาจะแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทได้อย่างไร เถาฮองเฮาก็ไม่สนับสนุนเขา องค์ชายสามย่อมจะต่อต้านเขา”

เยียนอวิ๋นเกอเขียน ‘ดังนั้นเขาจึงต้องการสมรสกับท่าน’

เยียนอวิ๋นฉีงุนงง ไม่เข้าใจ

หลังจากฟังองค์ชายสองเซียวเฉินเหวินพูด เรื่องราวที่เยียนอวิ๋นเกอไม่เข้าใจในอดีตก็กระจ่างชัดในเวลานี้

นางเขียนว่า ‘เขาแต่งงานกับท่านเพราะว่าจะไม่เป็นที่สะดุดตา ไม่ดึงดูดความสนใจของผู้คน ทุกคนต่างรู้ว่าความสามารถของตระกูลเยียนไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดสงสัยแรงจูงใจในการสมรสของเขากับท่าน’

เยียนอวิ๋นฉียิ่งสับสน “น้องสี่ เจ้าก็รู้ว่าตระกูลเยียนของพวกเราไม่มีความสามารถเพียงพอ หากเขามีความคิดจะแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทจริง เขาสมรสกับข้าก็ไม่มีประโยชน์อันใด เขาต้องการสิ่งใดกันแน่”

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะ เขียน ‘พี่สองดูถูกตนเองเกินไป เขาสมรสกับท่านมีประโยชน์มากมาย ประการแรก ท่านก็รู้ว่าหากพวกเราออกเรือนจะมีองครักษ์ติดตัวเป็นสินสมรส แม้จะเป็นเพียงห้าร้อยนาย แต่พวกเขาต่างเป็นทหารที่เคยผ่านสงครามมาก่อนเปรียบเสมือนสมบัติล้ำค่า เมื่อมีทหารห้าร้อยนายนี้เป็นฐานกำลัง กองกำลังย่อมสามารถเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่าในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี จากห้าร้อยกลายเป็นห้าพัน หรืออาจจะสร้างกองกำลังที่มีทหารนับหมื่นคนขึ้นมาได้ด้วยซ้ำ’

‘ประการที่สอง อาจเป็นเพราะข้า ข้าพังทลายจวนองค์หญิง สร้างภาพลักษณ์มุทะลุไม่กลัวปัญหาของคนตระกูลเยียนให้คนในมืองหลวงเห็น ท่านแซ่เยียน อีกทั้งยังมีข้าที่เคยก่อเรื่องอยู่ข้างกาย หากท่านทำสิ่งใดนอกลู่นอกทางไปบ้าง ใจกล้าไปบ้าง ไม่อยู่ในกฎเกณฑ์บ้าง ผู้อื่นย่อมมองเป็นเรื่องปกติ ไม่มีผู้ใดสนใจ เขาเป็นคนที่มีร่างกายอ่อนแอ เวลาส่วนมากเขาไม่สะดวกปรากฏตัว เขาย่อมต้องการคนที่กล้าหาญและไม่กลัวที่จะมีปัญหาออกหน้าแทนเขาอย่างถูกต้อง ภายในเมืองหลวง ไม่มีผู้ใดเหมาะสมกว่าท่านอีกแล้ว’

เยียนอวิ๋นฉีได้ยินดังนี้จึงเงียบไป

เยียนอวิ๋นเกอสัมผัสนางเบาๆ

เยียนอวิ๋นฉีพยายามยิ้มออกมา “น้องสี่ไม่ต้องห่วงข้า ข้าไม่เป็นอันใด”

เยียนอวิ๋นเกอขมวดคิ้ว จรดปลายดินสออย่างรวดเร็ว ‘พี่สองไม่ต้องกังวล ถ้าเขาไม่แย่งชิงก็แล้วไป หากเขาจะแย่งชิงก็ปล่อยให้เขาแย่ง เพียงแค่เขาเคลื่อนไหว พวกเราก็สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้เสมอ’

“น้องสี่ไม่กังวลว่าเขาจะล้มเหลวทำให้ตระกูลเยียนเดือดร้อนหรือ”

เยียนอวิ๋นเกอเลิกคิ้ว เขียนว่า ‘กลัวอันใด! ราชสำนักและฮ่องเต้จะปล่อยตระกูลเยียนเพียงเพราะเขาไม่แย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทอย่างนั้นหรือ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมราชสำนักย่อมต้องกำจัดตระกูลเยียน เขาไม่เป็นผลกระทบแต่อย่างใด หากเขาแย่งชิงตำแหน่งสำเร็จก็เป็นเรื่องดี ข้าสนับสนุนพี่สองเป็นพระพันปีอย่างเต็มที่’

เยียนอวิ๋นฉีหัวเราะกับประโยคสุดท้ายบนกระดาษ

“น้องสี่อย่าพูดเหลวไหล!”

เยียนอวิ๋นเกอทำหน้าจริงจัง เขียนว่า ‘ข้าไม่ได้ล้อเล่น หรือพี่สองไม่อยากเป็นพระพันปี?’

เยียนอวิ๋นฉีอึกอัก นางจะตอบได้อย่างไร

เยียนอวิ๋นเกอโน้มน้าวต่อ ‘ท่านห่างจากตำแหน่งพระพันปีเพียงแค่สองก้าว ก้าวที่หนึ่ง องค์ชายสองเซียวเฉิงเหวินแย่งชิงตำแหน่งสำเร็จ ก้าวที่สอง องค์ชายสองเซียวเฉิงเหวินตาย ท่านก็จะเป็นพระพันปีอย่างถูกต้อง’

เยียนอวิ๋นฉีกระวนกระวายใจ “น้องสี่ เจ้าอย่าลืมว่ายังมีตระกูลเถาอีก เถาฮองเฮา องค์ชายสาม อีกทั้งราชสำนัก…พวกเขาไม่มีทางให้องค์ชายสองเป็นฮ่องเต้ ยิ่งไม่มีทางให้ข้าเป็นพระพันปี”

เยียนอวิ๋นเกอไม่กังวลเรื่องเหล่านี้ นางเขียนอย่างรวดเร็ว ‘ท่านเชื่อหรือไม่ เรื่องแรกหลังจากที่องค์ชายสองขึ้นครองราชย์คือกำจัดตระกูลเถา เมื่อไม่มีตระกูลเถา เถาฮองเฮาก็เป็นแค่เสือที่ถูกถอดเขี้ยว ไม่ต้องคำนึงถึง เมื่อถึงเวลานั้นท่านเป็นฮองเฮา เพียงแค่ท่านต้องการ ท่านก็สามารถแย่งชิงอำนาจของนางมาได้ ทำให้นางต้องทนทุกข์ทรมาน ส่วนราชสำนัก เพียงแค่ท่านมีบุตร พวกเขาก็ไม่กล้าพูดสิ่งใดทั้งนั้น’

เยียนอวิ๋นฉีพูดอย่างตระหนก “หากข้าไม่มีบุตรชาย หากเขาไม่ยอมแต่งตั้งข้าเป็นฮองเฮา…”

‘เช่นนั้นก็กำจัดเซียวเฉิงเหวินทิ้งเสีย!’ เยียนอวิ๋นเกอพูดอย่างเด็ดขาด ไม่ลังเลแม้แต่น้อย

เยียนอวิ๋นฉีถลึงตาโตด้วยความตกตะลึง

เยียนอวิ๋นเกอเขียนต่อ ‘พี่สอง ท่านต้องจำไว้ ท่านกำลังจะแต่งเข้าราชวงศ์ เวลาสำคัญท่านต้องเด็ดขาด อย่าได้ใจอ่อน หากเขาไม่ให้ฐานะที่ท่านสมควรได้ เก็บเขาไว้ก็ไร้ประโยชน์ ไม่กำจัดเขาเสีย หรือจะรอให้เขากำจัดท่านหรือ’

เยียนอวิ๋นฉีกัดปาก หลบสายตา “น้องสี่ เจ้าคิดว่าข้าเป็นพระพันปีได้จริงหรือ”

ดินสอในมือของเยียนอวิ๋นเกอราวกับว่ามีพลังวิเศษในการโน้มน้าวผู้คน ‘ท่านไม่มั่นใจในตัวเองหรือ พี่สอง การเป็นฮองเฮานั้นน่าเบื่อ การเป็นพระพันปีถึงจะมีความหมาย โดยเฉพาะเมื่อฮ่องเต้ยังทรงเยาว์วัย การเป็นพระพันปีถึงจะมีสีสัน ทุกคนต่างบอกว่าสตรีควรอยู่อย่างสงบแต่ในเรือน คำพูดนี้ช่างไร้สาระ! สตรีไม่ด้อยไปกว่าบุรุษแม้แต่น้อย เหตุใดจึงต้องอยู่อย่างสงบในเรือนเพียงอย่างเดียว พี่สอง พวกเราพี่น้องร่วมใจกัน ทวงสิ่งที่องค์รัชทายาทจางอี้สูญเสียไปกลับมา’

เยียนอวิ๋นฉีใบหน้าแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น

นางจับมือของเยียนอวิ๋นเกอแน่น “น้องสี่ พวกเราจะทวงทุกสิ่งที่ท่านตาสูญเสียไปกลับมาได้จริงหรือ”

‘เพียงแค่พี่สองท่านแน่วแน่ ย่อมสามารถทวงคืนกลับมาได้’

กระดาษที่เยียนอวิ๋นเกอเขียนตัวอักษรลงไปถูกฉีกออกมา โยนเข้าเตาเผากลายเป็นผุยผง

เยียนอวิ๋นฉีเลือดสูบฉีดขึ้นสมอง หัวใจเต้นระรัว

“น้องสี่ เจ้ากล้าคิดเกินไป! เหตุใดเจ้าจึงคิดไกลนัก”

เยียนอวิ๋นเกอชี้ไปที่หัวของตัวเอง เพราะความคิดใหญ่เพียงใด โลกย่อมใหญ่เพียงนั้น

นางยังไม่ลืมตักเตือนเยียนอวิ๋นฉี ‘พี่สอง ท่านอย่าเกิดความรู้สึกที่ไม่ควรมีต่อองค์ชายสอง หากถึงเวลาสำคัญ ข้ากังวลว่าท่านจะลงมือไม่ได้’

เยียนอวิ๋นฉีมองกระดาษ “ข้ารู้ดี! ข้าคิดว่าเขาจะให้ฐานะที่คู่ควรกับข้า หากเป็นเช่นนั้น พวกเราย่อมไม่ต้องเดินไปถึงจุดที่แย่ที่สุด”

หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น!

เยียนอวิ๋นเกอไม่ได้มองในแง่ดีเพียงนั้น

องค์ชายสองเซียวเฉิงเหวินหลบซ่อนได้ลึกลับเพียงนี้ แต่วันนี้กลับหลุดปากเอ่ยออกมา ใช้หัวแม่เท้าคิดยังรู้ว่าเขาจงใจ

เขามีแผนการกับพี่สอง ย่อมต้องให้พี่สองเตรียมรับมือกับเขา

อีกอย่าง คนที่เป็นฮ่องเต้ล้วนพึ่งพาไม่ได้

คำพูดเหล่านี้ เยียนอวิ๋นเกอไม่ได้เขียนออกมา

พี่สองเยียนอวิ๋นฉีรู้จักราชวงศ์ไม่ลึกซึ้งมากพอ นางยังคงมีความหวังต่อจิตใจของผู้คน

อีกทั้งรูปลักษณ์อันงดงามขององค์ชายสองเซียวเฉิงเหวินนั้นสามารถหลอกลวงผู้คนได้อย่างมาก ยากที่จะมองเขาเป็นคนโหดเหี้ยมชั่วร้าย

เมื่อนางแต่งเข้าราชวงศ์ ประสบกับบางเรื่องแล้ว นางย่อมรู้เองว่าราชวงศ์เป็นอย่างไร

เมื่อถึงเวลา นางจะพูดกับพี่สอง ‘บุรุษที่รูปงามยิ่งหลอกลวงเก่ง’