ตอนที่ 27 หลุมพรางของเจ้าของหอ
ตอนที่ 27 หลุมพรางของเจ้าของหอ
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ซูเถาก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา ในเขตแดนของตนเองไม่มีอะไรที่เธอทำไม่ได้ และก็ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยภารกิจที่ซ่อนอยู่ แต่นั่นก็หมายความว่าเธอต้องออกจากเขตเถาหยางเพื่อกระตุ้นภารกิจที่ซ่อนอยู่?
ซูเถาครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นเพราะว่าช่วงนี้เธอไม่ได้ออกไปไหนเลย มันก็ถูกต้องแล้วที่จะไม่มีวี่แววของการกระตุ้น แต่ว่าตัวเธอนั้นขาดความสามารถ การที่ต้องออกจากเถาหยางไปมันก็เหมือนกับลูกแกะที่รอวันคอยถูกเชือด มันทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว
“เป็นอะไรไป?” สือจื่อจิ้นเห็นการแสดงออกที่ดูเจ็บปวดและมีปัญหาของเธอ
ซูเถาพูดอย่างไม่อาย “คุณมีคนที่เหมาะสมที่จะมาเป็นบอดี้การ์ดของฉันบ้างไหม ฉันมีค่าตอบแทนให้ แล้วในอนาคตฉันจะยกเว้นค่าเช่าทั้งหมดของคุณ คุณอยากพักอยู่ที่นี่นานแค่ไหนก็ได้”
แบบนี้เธอจึงจะกล้าออกไปข้างนอก
สื่อจื่อจิ้นเลิกคิ้ว “ค่าตอบแทนที่คุณเสนอมาสูงดีนี่ แล้วคุณว่าอย่างผมเหมาะสมหรือเปล่า”
ซูเถารีบโบกมือ “ท่านพลตรี ความสามารถระดับคุณฉันไม่กล้าใช้งานหรอก คุณหาคนที่ที่มีความสามารถด้านการคุ้มกันให้ฉันเถอะ ไม่จำเป็นต้องเก่งการต่อสู้ ฉันแค่ต้องการความปลอดภัย”
พระเจ้ารู้ถึงความสามารถที่แท้จริงของสือจื่อจิ้น และความสามารถของเขาก็เป็นความลับของตงหยาง เธอจะกล้ารบกวนเขาได้ยังไงล่ะ
“อยากได้ผู้ชายหรือผู้หญิง?”
“ผู้หญิง!” ยังไงซะมันก็เป็นการคุ้มกันส่วนตัว ถ้าเป็นเพศตรงข้ามคงไม่สะดวกใจเท่าไหร่
“พรุ่งนี้ผมจะให้เธอมาหาคุณ”
ซูเถาคลี่ยิ้มกว้างทันที “ถ้าอย่างนั้นคุณออกไปทำภารกิจก็ระวังตัวด้วยนะ”
สือจื่อจิ้นมองไปที่ใบหน้าที่เชิดขึ้นของเธอแล้วก็พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “ผมจะกลับมาอย่างปลอดภัย”
หลังจากที่กินข้าวเย็นเสร็จแล้ว จวงหว่านก็มาหาซูเถาอีกครั้งด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“เซี่ยงปินเขามาหาฉันอีกแล้ว ครั้งนี้บอกว่าจะต้องเจอคุณให้ได้ โชคดีที่ช่วงนี้คุณอยู่แต่ในห้องไม่งั้นเขาต้องมาดักรอเจอคุณแน่ ๆ”
ทันทีที่พูดจบ เสียงกริ่งหน้าห้องก็ดังขึ้น
จวงหว่านยืนขึ้น “ต้องเป็นเซี่ยงปินแน่ ๆ เขาเห็นฉันเข้ามา เดี๋ยวฉันจะไปไล่เขาเอง”
ซูเถารั้งเธอเอาไว้ “เดี๋ยวฉันไปเอง รีบจัดการปัญหาจะได้รีบจบ”
เมื่อประตูเปิดออก และเซี่ยงปินเห็นเธอใบหน้าเขาก็ฉายแววมีความสุขอย่างปิดไม่มิดและรีบพูดว่า “ซู…”
ซูเถาขัดจังหวะเขา “อย่ามัวกระยึกกระยักอยู่เลย บอกจุดประสงค์ของคุณมาเลยค่ะ”
เซี่ยงปินกลืนคำพูดดี ๆ ที่เขาเตรียมมาพูดกับซูเถาลงคอ “ซูเจี้ยนหมิงพ่อของคุณ เขาต้องการพบคุณแล้วก็อยากจะขอโทษ”
“ให้ไปพบที่ไหน?”
เซี่ยงปินประหลาดใจเขาคิดว่าอาจจะต้องใช้เวลานานในการเกลี้ยกล่อม แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะเห็นด้วย
“ที่บ้านของคุณ แม่ของคุณคิดถึงคุณมาก”
“คุณไปบอกพวกเขาว่าพรุ่งนี้สี่โมงเย็น” หลังจากพูดจบซูเถาก็ปิดประตูลงเสียงดังปัง
เธอเกลียด พ่อแม่อะไรกัน เธออยากจะกำจัดแมลงวันพวกนี้ออกไปให้เร็วที่สุด
จวงหว่านกล่าวคำอำลาอย่างมีชั้นเชิงแล้วปิดประตูให้เธอ
……
วันรุ่งขึ้นเธอก็ได้พบกับบอดี้การ์ดที่สือจื่อจิ้นหามาให้
ตามข้อมูลที่สือจื่อจิ้นให้เธอ คนที่มามีชื่อว่ากวานจือหนิง ความสามารถของเธอคือการรุกล้ำ ซึ่งเป็นพลังจิตประเภทหนึ่ง
มันสามารถบุกรุกเข้าไปในร่างกายและสมองของศัตรูทำให้เกิดอาการสับสนชั่วขณะ และมีปฏิกิริยาตอบสนองลดลง สามารถยื้อเวลาและช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมได้
แม้แต่การเผชิญหน้ากับซอมบี้กลายพันธุ์ กวานจือหนิงก็สามารถเอาชนะได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที
นี่เป็นความสามารถพิเศษในการสนับสนุนทั่วไปเหรอ
แต่มันก็เป็นไปตามความต้องการของซูเถา หากเธอไม่สามารถต่อสู้ได้ เธอก็จะหนี เธอจะไม่พยายามกล้าหาญใด ๆ ตราบใดที่มีเวลาเหลือเพียงพอ จากนั้นก็ใช้ฟังก์ชันเคลื่อนย้ายที่มีในระบบ เธอก็สามารถหลบหนีกลับไปได้และถึงเถาหยางอย่างปลอดภัย
แม้ว่าตัวเธอเองจะพอใจมาก แต่กวานจือหนิงดูเหมือนจะไม่พอใจเธอในฐานะนายจ้าง
เมื่อได้เจอกันครั้งแรก เธอก็ได้พูดกับซูเถาว่า
“แม้ว่าพลตรีสือจะเป็นคนส่งฉันมาแล้วฉันก็ต้องเชื่อฟังคุณ แต่ก่อนอื่นฉันขอทำข้อตกลงไว้ก่อน ฉันจะมาช่วยคุ้มกันคุณเพียงสามเดือน หลังจากสามเดือนฉันจะกลับไปช่วยทีมของฉัน ฉันไม่อยากให้ความสามารถของฉันมาจมอยู่ที่นี่”
ซูเถามีสีหน้าไม่สู้ดีนัก “ที่นี่ของฉันมันทำไมเหรอ? การที่คุณถูกส่งมาที่นี่มันเป็นการกลบความสามารถของคุณและทำลายคุณค่าชีวิตคุณอย่างนั้นเหรอ? ถ้าคุณคิดอย่างนั้นก็กลับไปเถอะ ฉันคงไม่กล้ารบกวนคุณ”
ซูเถาพูดจบก็เตรียมปิดประตูลง
กวานจือหนิงคิดไม่ถึงว่าท่าทางการแสดงออกของซูเถาจะแข็งแกร่งขนาดนี้ มันเล่นเอาเธออึ้งไปชั่วขณะ
เดิมทีเธอเพียงต้องการขู่ผู้หญิงธรรมดาคนนี้ด้วยการแสดงท่าทีเหมือนไม่พอใจ แต่คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะตกใจและชิงอารมณ์ไปเสียก่อน ถ้าเธอกลับไปทั้งอย่างนี้ พลตรีสือจะต้องถลกหนังเธอทั้งเป็นแน่
กวานจือหนิงขวางประตูไว้ และยอมจำนนชั่วคราว “ฉันขอโทษ ฉันก็แค่ยังตั้งตัวไม่ทัน ฉันใช้คำพูดไม่ถูก”
จากทหารกองทัพบุกเบิกมาสู่ผู้คุ้มกันส่วนตัว เธอก็เลยมีช่องว่างในใจ
ซูเถาหยุดและพูดว่า
“ไม่ว่ายังไง ในเมื่อคุณมาที่นี่แล้ว ถ้าคุณยังยอมรับกับสถานะนี้ไม่ได้ คุณก็ต้องพยายามยอมรับมัน ฉันจะไม่ปฏิบัติต่อคุณไม่ดีและจะไม่ปล่อยให้คุณต้องเผชิญกับเรื่องอันตราย หากหลังจากสามเดือนคุณต้องการกลับไปฉันก็จะไม่ห้าม แต่ในระหว่างที่คุณมาคุ้มครองฉัน คุณต้องฟังและปฏิบัติตามที่ฉันบอก”
สิ่งนี้ทำให้กวานจือหนิงตระหนักว่านายจ้างคนนี้ยากที่จะรับมือ
เป็นไปตามที่คาดไว้ ไม่มีคนของพลตรีสือคนไหนที่รังแกได้ง่าย ๆ พวกเขาล้วนเป็นคนดื้อรั้น
ซูเถาพากวานจือหนิงไปที่ห้องคู่ 005 นี่คือห้องที่ได้รับการปรับปรุงซ่อมแซมใหม่หลังจากเหตุไฟไหม้ ตอนนี้มันเป็นห้องว่างยังไม่มีใครเข้าพัก จึงจัดให้เป็นที่พักชั่วคราวของกวานจือหนิง
กวานจือหนิงมองไปยังห้องที่มีอุปกรณ์ครบครันและสะดวกสบาย ซึ่งดีกว่าสภาพแวดล้อมของหอพักรวมในทีมมาก
มีห้องน้ำแยกต่างหากและมีระเบียงขนาดเล็กที่หันไปทางทิศใต้!
หึ นี่มันเป็นเพียงหลุมพราง เธอมีชีวิตอยู่ไม่ใช่เพื่อความสุขส่วนตัว แต่เพื่อมนุษยชาติ!
เธอยังต้องการต่อสู้เคียงข้างกับเพื่อนร่วมทีม สละเลือดและหยาดเหงื่อในสนามรบ
ซูเถาอธิบายกับเธอว่า
“เวลาฉันออกไปนอกเขตเถาหยางฉันจะพาคุณไปด้วย นอกเหนือจากนี้คุณก็จัดสรรเวลาได้อย่างอิสระ คุณจะออกไปต่อสู้กับซอมบี้ข้างนอกฉันก็ไม่ว่า”
อย่างไรก็ตามซูเถามองออกว่ากวานจือหนิงเป็นนักสู้คนหนึ่ง
มีอิสระที่จะไปไหนมาไหนก็ได้เหรอ? กวานจือหนิงอารมณ์ดีขึ้นอีกเล็กน้อย
“เวลากินข้าวคุณสามารถไปที่โรงอาหารขนาดเล็กได้ แล้วก็พวกเครื่องซักผ้าก็ตั้งอยู่ที่ข้างประตูหลัง ส่วนตรงทางเข้าก็มีร้านขายของชำอยู่จะขายพวกของใช้ประจำวัน เดี๋ยวผู้ช่วยของฉันจะชี้แจงรายละเอียดให้คุณฟัง คุณลองสำรวจดูรอบ ๆ ก่อนได้”
เคยได้ยินมาว่าชีวิตในเถาหยางนั้นสะดวกสบายมาก หลังจากฟังคำแนะนำเมื่อครู่กวานจือหนิงก็รู้ว่ามันสะดวกมากจริง ๆ ไม่แปลกใจเลยที่คนภายนอกอยากจะเข้ามาอยู่ในนี้
ซูเถาเรียกจวงหว่านมาเพื่อให้คำแนะนำกับกวานจือหนิง จากนั้นเธอก็กลับไปที่ห้องเพื่อแช่ตัวในบ่อน้ำพุร้อนเล็ก ๆ อย่างสบายใจ และหลังจากกินข้าวกลางวันอย่างช้า ๆ เธอก็เริ่มตรวจสอบข้อมูลผู้เช่าประจำวัน
ระยะเวลาการเช่าของโจวไห่โจวหยางสิ้นสุดลงแล้ว ซูเถาได้รับ 30,000 เหลียนปังเป็นการต่ออายุสัญญาเช่า
ตอนนี้เธอมีสินทรัพย์รวม 300,000 เหลียนปัง วันนี้หรือวันมะรืนเธอว่าจะไปซื้อรถจี๊ปสักคัน
เนื่องจากมีการวางแผนว่าจะออกจากเถาหยางเพื่อเริ่มการทำภารกิจ จึงต้องมีการเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ เช่น รถยนต์ มันเป็นวิธีการขนส่งและการหลบหนีที่ยอดเยี่ยม
ในเวลาสี่โมงเย็น ซูเถาค่อย ๆ เก็บของ กวานจือหนิงที่เดินผ่านมาจึงเรียกเธอ
กวานจือหนิงงงเล็กน้อย “คุณไม่ได้นัดไว้ตอนสี่โมงเย็นเหรอ ป่านนี้ยังไม่ออกอีก แล้วกว่าจะเดินไปถึงทุกคนคงรอคุณแย่แล้ว
ซูเถาพูดว่า “ก็รอฉันหน่อย รอฉันไม่ได้หรือไง”
เธอแค่ต้องการให้ครอบครัวซูรอ แค่อยากให้พวกเขาโมโหแต่ทำอะไรเธอไม่ได้