ตอนที่ 28 คนรักของฉันคือเจ้านายของคุณ สือจื่อจิ้น

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 28 คนรักของฉันคือเจ้านายของคุณ สือจื่อจิ้น

ตอนที่ 28 คนรักของฉันคือเจ้านายของคุณ สือจื่อจิ้น

ซูเจิ้งชิงมองนาฬิกาอย่างกระวนกระวายใจ

“พ่อ ซูเถายังจะมาอยู่ไหม นี่มันก็สี่โมงกว่าเข้าไปแล้ว ไม่ใช่ว่าเธอคิดจะเบี้ยวนัดพวกเราหรอกนะ”

เจียงจิ่นเวยที่กำลังแทะเมล็ดแตงโมอยู่ก็กลอกตาและพูดเหน็บแนม

“ไม่รู้ว่าทุกคนคิดอะไรกันอยู่ แค่ได้ยินข่าวลือว่าซูเถาเป็นเจ้าของเถาหยางก็เชื่อแล้วเหรอ ลืม ๆ มันไปซะเถอะ แม้ว่าเธอจะได้เป็นเจ้าของอสังหาฯ จริง ๆ แต่ทั้งพ่อและพี่ชายที่ปฏิบัติกับเธออย่างนั้น เธอคงช่วยหรอกนะ เหอะ!”

ใบหน้าของซูเจิ้งชิงสลดลง เขาพูดอะไรไม่ออก เขาเฝ้าถามตัวเองว่าเขาทำไม่ดีกับซูเถาตรงไหนบ้าง ทั้งแย่งของใช้ แย่งของกิน แล้วก็มีครั้งหนึ่งในฤดูหนาวเขาไปเปิดน้ำเย็นในขณะที่เธอกำลังอาบน้ำ ซึ่งทำให้เธอป่วยเกือบตาย

แต่ซูเจิ้งชิงก็ยังคิดว่าซูเถาสุขภาพร่างกายไม่ดี อ่อนแอและขี้โรคเอง

เมื่อซูเจี้ยนหมิงได้ยินดังนั้นก็ดูเหมือนว่าเขาจะถูกซ้ำเติมเข้าไปอีก

“ฉันปฏิบัติต่อเธอยังไงเหรอ ฉันตีเธอ ดุด่าเธอหรือทำร้ายเธอล่ะ!”

เจียงจิ่นเวยคิดไม่ถึงว่าพ่อเลี้ยงของเธอจะมีท่าทีตอบโต้แรงขนาดนี้ ดังนั้นเธอจึงรีบหุบปากด้วยความตกใจ แต่ในใจก็คิดว่าคุณไม่ได้ทำอะไรเลย แต่คุณไม่เคยสนใจชีวิตและความเป็นความตายของซูเถาทั้งยังเมินเรื่องภายในครอบครัวโดยการปิดตาข้างเดียวมาโดยตลอด

แต่ไม่พูดดีกว่า ถ้าไม่ใช่ว่าพ่อเลี้ยงของเธอเลือกที่จะเงียบ เธอและซูเจิ้งชิงคงไม่กล้ารังแกซูเถาอย่างโจ่งแจ้ง

นี่ไม่ใช่การยอมรับกลาย ๆ เหรอ ตอนนี้ได้เวลาเป็นคนดีแล้ว

หลี่หรงเหลียนเห็นว่าบรรยากาศเริ่มตึงเครียด เธอจึงรีบออกตัวเพื่อทำให้เรื่องราวมันสงบลง

“เหล่าซู อย่าไปถือสาเด็ก ๆ เลย จิ๋นจิ่นมีนิสัยขวานผ่าซาก เธอก็พูดไปเรื่อย”

ใบหน้าของซูเจี้ยนหมิงจริงจังยิ่งขึ้น “เด็กเหรอ? เธออายุเกือบจะสามสิบอยู่แล้ว เป็นเพราะคุณน่ะลำเอียง คุณเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดแต่คุณก็สนใจแต่เธอ ถ้าคุณสนใจเถาเถาบ้าง เถาเถาก็คงไม่เป็นแบบนี้ ไม่สร้างปัญหาให้ครอบครัวแล้วพวกเราต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้!”

หลี่หรงเหลียนหน้าชา เธอโดนพูดแทงใจดำจนพูดอะไรไม่ออก

เจียงจิ่นเวยเริ่มไม่พอใจ “พ่อ พ่อพูดเหมือนกับว่าแม่เป็นคนทำให้ซูเถาหนีออกจากบ้าน แล้วใครกันล่ะที่เป็นคนพยักหน้าเห็นด้วยและตกลงที่จะให้ซูเถาเข้าร่วมกองทัพในตอนนั้น ไม่ใช่พ่อหรอกเหรอ แล้วตอนนี้มาหาว่าแม่ของฉันลำเอียง…”

ซูเจี้ยนหมิงโกรธมาก “ต่อปากต่อคำเก่งจริง ๆ”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ เสียงกริ่งที่หน้าประตูก็ดังขึ้น

ทุกคนต่างเงียบเสียงลงทันใด

ซูเจิ้งหลันที่เฝ้าดูการทะเลาะอยู่อีกด้านโดยไม่พูดอะไรก็เอ่ยปากขึ้น “เดี๋ยวผมไปเปิดประตูเอง ทุกคนใจเย็น ๆ ลงก่อน”

ซูเถาเดินเข้ามาพร้อมกับกวานจือหนิงที่สูง 178 สวมเครื่องแบบทหารที่เดินตามหลังเธอมาติด ๆ อีกฝ่ายยืนข้างซูเถาด้วยใบหน้าที่เย็นชา แม้จะไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรก็สร้างบรรยากาศอึดอัดให้ทุกคนแล้ว

ด้วยท่าทางการแสดงออกอันเย็นชานี้ทำให้ครอบครัวซูพูดไม่ออก ถ้าเกิดเป็นเมื่อก่อน เวลาไม่พอใจก็จะแสดงออกด้วยการลงไม้ลงมือจนกว่าจะพอใจ

ซูเถาเดินเข้ามานั่งด้วยตัวเองแล้วพูดอย่างใจเย็น

“ไม่ต้องพูดถึงเรื่องในอดีต พูดมาเลยว่ามีเรื่องอะไร”

ซูเจิ้งชิงต้องการที่จะถามซูเถาเรื่องห้องที่เถาหยางว่าสามารถให้เขาเข้าไปอยู่ได้ไหม ถ้าได้ก็จะได้ยื่นคำร้องเพราะว่ามันเร่งด่วนจริง ๆ แต่แล้วก็ถูกซูเจี้ยนหมิงขัดจังหวะ

เขานั่งถัดจากซูเถาและมีสีหน้าที่รู้สึกผิด

“พ่อแค่คิดถึงลูก จริงอยู่ที่ก่อนหน้านี้พ่อทำไม่ดีและละเลยลูก ไม่สนใจลูก ช่วงนี้พ่อเอาแต่คิดมาก พลิกตัวไปมานอนไม่หลับ ถึงหลับก็ไม่สนิท จึงไหว้วานอาเซี่ยงปินให้ไปบอกลูกว่าพ่ออยากจะขอพบ พวกเราจะได้มานั่งคุยกันดี ๆ ถ้าลูกมีอะไรไม่พอใจก็พูดมาได้เลย ถ้าพ่อผิดพ่อจะได้แก้ไข”

การแสดงออกของเขาคือแทบจะคุกเข่าลงแล้วก้มหน้ายอมรับความผิดพลาดของตัวเอง

เจียงจิ่นเวยอยากจะอาเจียนเมื่อได้ยินคำพูดของเขา

กวานจือหนิงรู้สึกประหลาดใจและหันไปถามซูเถา

“เขาเป็นพ่อคุณไม่ใช่เหรอ ไม่เห็นเหมือนคุณสักนิด เขางอได้แม้กระทั่งกระดูกเพื่อที่จะขอให้คุณทำอะไรให้”

ใบหน้าอันแก่ชราของซูเจี้ยนหมิงเปลี่ยนเป็นสีแดง

ซูเจิ้งชิงทนไม่ไหวแล้ว “เธอก็แค่บอกมาว่าข่าวลือนั้นเป็นความจริงหรือเปล่า เธอเป็นเจ้าของเถาหยางจริงไหม?”

ซูเถาแสดงท่าทีงุนงง “คุณไปฟังใครเขาพูดมา เซี่ยงปินเหรอ? ฉันเคยไปหาคนรักที่เถาหยางแล้วเคยเจอเขาแค่ครั้งเดียว เขาจำผิดคนหรือเปล่า? หรือว่าเขาไม่ได้ผลประโยชน์อะไรจากพวกคุณก็เลยกุเรื่องพวกนี้ขึ้นมาหลอก?”

คำพูดและท่าทางของเธอดูจริงจังมากจนกวานจือหนิงเกือบจะเชื่อ

เจียงจิ่นเวยหัวเราะทันที “พ่อ ฉันบอกแล้วว่าเซี่ยงปินนั่นไม่ใช่คนดีอะไร อีกอย่างพ่อก็กังวลเกินไปเกี่ยวกับการแต่งงานของพี่ใหญ่จนเลอะเลือน ซูเถาพ่อก็เลี้ยงเธอมาจนโตไม่ใช่เหรอ ไม่รู้หรือไงว่าเธอมีความสามารถแค่ไหน”

ซูเจิ้งชิงก็โต้ตอบเช่นกัน “พ่อ พ่อรีบโทรหาอาเซี่ยงปินเร็วเข้าแล้วก็ถามเขาว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

ซูเจี้ยนหมิงโทรหาเซี่ยงปิน แต่ว่าติดต่อไม่ได้

ครอบครัวซูต่างมองอย่างไม่เข้าใจ เซี่ยงปินหนีไปแล้ว!

ซูเถาสงสัย “พวกคุณให้ผลประโยชน์อะไรกับเขา?”

คำพูดนี้ทำให้ซูเจี้ยนหมิงและลูกชายมีสีหน้าลำบากใจ

หลี่หรงเหลียนปาดน้ำตาของเธอแล้วเริ่มร้องไห้

เจียงจิ่นเวยไม่คิดว่านี่จะเป็นเรื่องใหญ่เธอจึงพูดว่า

“ให้เงินเขาไป 100,000 เหลียนปังและสัญญาว่าเมื่อพี่ใหญ่แต่งงานแล้วจะอาศัยอำนาจของทางบ้านพ่อตาเลื่อนขั้นให้เซี่ยงปิน”

ซูเถาค่อนข้างประหลาดใจ ให้เงินไปหนึ่งแสนเหลียนปังโดยสมัครใจเหรอ

แล้วเมื่อก่อนทำไมถึงปฏิบัติกับเธออย่างโหดร้ายแบบนั้น ทั้งในเรื่องอาหารและเครื่องนุ่งห่ม เตียงที่เธอเคยนอนมาสิบกว่าปีทั้งชื้นและยุบตัวลง แต่ก็ไม่เคยเปลี่ยนให้เธอใหม่แต่กลับบอกว่าให้หาอะไรมารองไปก่อน

เธอป่วยหนักจากการที่ถูกซูเจิ้งชิงสาดน้ำเย็นใส่แต่ก็ยังลังเลที่จะส่งตัวเธอไปโรงพยาบาล ให้เธอรักษาตัวเองอยู่ที่บ้านนานกว่าหนึ่งเดือน คิดว่าเธอวุ่นวายและไร้ประโยชน์ คิดว่าเธอนั้นเป็นตัวถ่วงความเจริญ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพราะเธอ

ซูเถาไม่มีวันลืมสิ่งที่พวกเขาทำกับเธอ เธอจะจำมันไปจนถึงชาติหน้า

เธอลุกขึ้นยืน “ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวกลับก่อน แล้วก็ไม่ต้องมาหาฉันด้วยคำพูดเหล่านั้นอีก ฉันรำคาญพวกคุณ รำคาญอย่างถึงที่สุด มันเหมือนกับแมลงวันที่ไล่ไม่ไปสลัดไม่ออก”

คำพูดที่ค่อนข้างเลวร้ายนี้ทำให้ซูเจี้ยนหมิงรู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่า ริมฝีปากของเขาสั่นเทาและพูดไม่ออก

ซูเจิ้งชิงโกรธ “ซูเถา! เธอพูดถึงใคร! อย่าคิดว่าเธอนอนกับผู้ชายมียศมีตำแหน่งพวกนั้นแล้วจะเหนือกว่าคนอื่นนะ! เหอะ! หน้าไม่อายจริง ๆ เอาตัวเข้าแลก!”

กวานจือหนิงวาดขาของเธอขึ้น รองเท้าบูทของเธอบดขยี้อยู่ที่หัวของซูเจิ้งชิง

“หุบปากเน่า ๆ ของนายซะ ฉันมีสิทธิ์ที่จะฆ่านายด้วยปืน ฉันไม่รังเกียจที่จะล้างปากเน่า ๆ และสมองกลวง ๆ ของนายด้วยกระสุนหรอกนะ”

ซูเจิ้งชิงตกใจจนสติหลุด ร่างกายช่วงล่างของเขามีกลิ่นปัสสาวะโชยออกมา

ซูเถาหันหน้าหนีด้วยความรังเกียจ

กวานจือหนิงเตะซูเจิ้งชิงและเดินตามซูเถาออกไป

“คนพวกนั้นเป็นพ่อและพี่ชายคุณจริง ๆ เหรอ?”

ซูเถาตอบรับ “อย่ามองฉันแบบนั้นสิ ฉันไม่มีญาติสนิทมิตรสหาย”

“แล้วคนที่ชื่อเซี่ยงปินหนีไปพร้อมกับเงินของพวกเขาจริง ๆ เหรอ?”

ซูเถาตอบว่า “คุณเชื่อจริง ๆ เหรอ? ฉันเก็บเครื่องมือสื่อสารของเขาแล้วก็ปิดเครื่องวางไว้ในห้อง ตอนค่ำค่อยกลับไปจัดการเขา”

กวานจือหนิงไม่พอใจ “เพราะคุณแสดงเหมือนเกินไปน่ะสิ แล้วฉันก็ไม่รู้เรื่องอะไร อีกอย่าง คนรักของคุณเป็นใคร ไม่รู้มาก่อนว่าคุณมีคนรักแล้ว?”

ซูเถาสำลัก จะเป็นใครไปได้ล่ะ ก็ท่านพลตรีที่ถูกเธออ้างชื่อมาเป็นเกราะป้องกันกระสุนถึงสองครั้งสองครา

กวานจือหนิงเอาแต่ถามตลอดว่าเป็นใคร ดีหรือเปล่า บลาบลาบลา

ซูเถารำคาญ เมื่อมาถึงที่ประตูเธอก็พลั้งปากพูดออกไป

“โอเค ๆ คนรักของฉันก็คือเจ้านายของคุณ สือจื่อจิ้น เรารู้จักกันมาสักพักแล้ว คุณ…”

พอใจหรือยัง แต่ก่อนที่เธอจะพูดสี่พยางค์หลังจบ ซูเถาก็เห็นเฉินเทียนเจียวที่กำลังถือเครื่องมือสื่อสารมองมาที่เธอด้วยความตกใจ

เฉินเหล่าเอ้อร์ชี้ไปที่เครื่องมือสื่อสารอย่างเขินอาย “ผมกำลังคุยกับเหล่าต้า…”