ตอนที่ 29 วันสิ้นโลกครั้งที่สอง (รีไรท์)
ตอนที่ 29 วันสิ้นโลกครั้งที่สอง (รีไรท์)
ใบหน้าของซูเถาซีดเซียว “คุณไม่ได้ไปทำภารกิจกับเขาเหรอ? กลับมาทำอะไร”
เมื่อเฉินเทียนเจียวรู้สึกว่าสถานการณ์นี้ไม่ค่อยถูกต้องเขาจึงรีบวางสายทันที เขาลูบหัวตัวเองพลางกล่าวว่า
“ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ซอมบี้กลายพันธุ์มีการฆ่าคนบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ แทบจะไม่มีใครหนีรอดจากการโจมตีระยะประชิดจากมันได้ คุณก็รู้ว่าความสามารถของผมคือ เกราะหิน ผิวหนังจะมีความหยาบและหนา แต่ว่าการโดนจู่โจมอย่างประชิดนี้มันไม่สามารถช่วยผมได้ ผมเลยถูกส่งตัวกลับมาสนับสนุนกองกำลังปกป้องเมืองชั่วคราว”
“เข้าใจแล้ว เหล่าต้าของคุณได้ยินหรือเปล่า?”
เฉินเทียนเจียว “…ถ้าหูของเขาไม่หนวก เขาน่าจะได้ยินทุกอย่าง”
ตายแล้ว…
“คบกันแล้วเหรอ? ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
ซูเถารู้สึกว่าร่างกายของตัวเองชาวาบ พลางบอกปัด “ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ คุณมีอะไรก็ไปทำเถอะ”
เฉินเทียนเจียวยิ้มอย่างรู้ทัน
“เข้าใจ ๆ อ้อ เถ้าแก่ซู เมื่อไหร่คุณจะมีห้องชุดแบบ 2 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น ถ้าคุณมีคุณเก็บไว้ให้ผมนะ ผมจะพาแม่มาอยู่ ถ้าจะให้ดีขอห้องครัวเล็ก ๆ ด้วยเพราะเธอชอบทำอาหาร ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าที่นี่ไม่มีห้องครัว เธอก็เลยไม่อยากมาอยู่ด้วย” เฉินเทียนเจียวถามอย่างหน้าไม่อาย
ซูเถาตอบ “คงต้องรอสักพัก ถ้ามีฉันจะเก็บเอาไว้ให้คุณ”
เฉินเทียนเจียวตอบรับก่อนจะหันไปทักทายกวานจือหนิงและออกไปอย่างมีความสุข
กวานจือหนิงเห็นท่าทางของเขาอย่างนั้นก็พูดกับซูเถาว่า “พวกเขาตกหลุมพรางคุณเข้าให้แล้ว พวกเขาได้รับผลกระทบจากระเบิดเคลือบน้ำตาลของคุณ เห็นเมื่อก่อนเฉินเหล่าเอ้อร์อาศัยอยู่ในคูน้ำก็มีความสุขดีนะ”
ซูเถาแกะลูกอมโยนเข้าปากแล้วถามว่า “หวานไหม?”
ก่อนหน้านี้เธอซื้อลูกอมเอาไว้เพื่อเกลี้ยกล่อมลูกทั้งสองของจวงหว่าน
“…หวาน”
“หวานก็ถูกแล้ว หลุมพรางหรือระเบิดเคลือบน้ำตาลที่คุณว่าก็ไม่ได้ผิดอะไร เราไม่จำเป็นต้องทนลำบากเพื่อตระหนักถึงคุณค่าของชีวิต ขอแค่คุณนอนหลับอย่างสบายในตอนกลางคืน เพื่อที่คุณจะได้มีพลังอย่างเพียงพอในการไปเสียเลือดเสียงเหงื่อของคุณระหว่างวัน”
ความหวานของลูกอมนั้นแพร่กระจายไปทั่วปาก รสชาติไม่เลวเลยจริง ๆ
กวานจือหนิงตื่นตัวทันที “ท่านพลตรีของเราก็คงตกไปในหลุมพรางที่คุณวางเอาไว้เหมือนกันสินะ”
ใบหน้าของซูเถามืดครึ้ม “ถ้าคุณคิดว่าใช่ก็คงใช่ รีบไปเถอะ ยังมีเรื่องต้องทำอีก”
เซี่ยงปินถูกเธอขังเอาไว้ ตอนนี้เขานั่งอยู่บนขอบเตียงนอน
เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าหลังจากที่เขาไปห้องของซูเถา เมื่อกลับมาเครื่องมือสื่อสารของเขาก็หายไปและประตูห้องของเขาก็เปิดไม่ได้
เขาตะโกนเรียกคนอยู่ภายในห้อง แต่ก็ไม่มีการตอบสนองจากคนด้านนอก
ขณะที่เขากำลังงัวเงีย ประตูห้องก็ถูกเปิดจากด้านนอก
“เถ้าแก่ซู คุณ…”
ก่อนที่เซี่ยงปินจะพูดจบ กวานจือหนิงก็เข้าไปล็อกคอลากเขาเข้าไปในห้อง เหมือนสวมรอยเป็นฆาตกรอย่างนั้น
ซูเถาถามว่า “ได้ยินมาว่าคุณขโมยเงินหนึ่งแสนเหลียนปังมาจากซูเจี้ยนหมิง?”
ขนหัวของเซี่ยงปินลุกซู่ “เถ้าแก่ซูคุณล้อผมเล่นหรือเปล่า พ่อของคุณเป็นคนให้ผมเอง”
“คุณน่ะสิล้อเล่นหรือเปล่า ใครกันจะให้เงินหนึ่งแสนเหลียนปังกับคนอื่นโดยที่ไม่มีเหตุผล อีกอย่างซูเจี้ยนหมิงก็เป็นคนที่ตระหนี่และจุกจิก บอกฉันมาว่าทำไมเขาถึงให้เงินคุณ”
เซี่ยงปินเข้าใจได้ในทันทีว่าซูเถากำลังมาคิดบัญชีกับเขา
เขาไม่กล้าที่จะพูดอะไร เขาจะอ้างว่ายังไงดี พวกเขาให้เงินมาเพื่อติดสินบนคนรอบข้างซูเถาเพื่อที่จะสะดวกต่อการซื้อสินค้าจากเถาหยางออกไปขายข้างนอกในราคาสูง
แต่ใครจะรู้ว่าจวงหว่านจะปฏิเสธเช่นกัน และซูเถาก็คงยิ่งไม่ยอมรับเพราะเธอมีความแค้นต่อครอบครัวซู หรือจะบอกว่าวงเงินนี้สำหรับซื้อสินค้าจากพวกเครื่องจำหน่ายสินค้าต่าง ๆ
ทั้งสองข้ออ้างนี้ฟังไม่ขึ้น เขาจะอ้างเหตุผลอะไรอีกดีว่าเขาใช้เงินไปกับอะไร
ซูเถาชูสองนิ้ว
“ฉันจะให้คุณเลือกสองทาง ทางเลือกแรกคือยกเลิกสัญญาเช่าและให้คุณหายไปพร้อมกับครอบครัวซู ห้ามติดต่อฉันมาอีกแล้วคุณก็เก็บเงินนั่นเข้ากระเป๋าคุณไปได้เลย ส่วนฉันก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ส่วนทางเลือกที่สองคุณจะกินดื่มอยู่แต่ในห้องนี้ แล้วเก็บเงินนั้นไว้เลี้ยงตัวเองยามเกษียณ”
เซี่ยงปินตกตะลึง เขาไม่เคยเห็นใครสร้างภัยคุกคามที่ชัดเจนและเรียบง่ายขนาดนี้มาก่อน แล้วยังให้ทางเลือกแก่เขาอีก
ถ้าเขาไม่เดินตามทางเลือกแรกนั่นแปลว่าเขาจะต้องติดอยู่ที่นี่ไปจนตาย!
“ทางเลือกแรก ทางเลือกแรก ผมจะไปวันนี้”
ซูเถาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “จำสิ่งที่คุณเลือกวันนี้ไว้ การที่คุณทำให้ครอบครัวซูขุ่นเคือง มันไม่เท่ากับการทำให้ฉันขุ่นเคืองหรอกนะ”
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เซี่ยงปินก็รู้สึกโล่งใจในทันที
สิ่งที่โชคร้ายก็คือครอบครัวซูนั้นไม่มีเงินแล้ว และไม่สามารถทวงคืนได้
คืนนั้นเซี่ยงปินเก็บข้าวของและออกจากเถาหยางไป
กวานจือหนิงถอนหายใจอย่างช้า ๆ ซูเถาขับไล่พวกเขาออกไปด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ แล้วยังทำเหมือนกับว่าครอบครัวซูเป็นฝ่ายโกหก จวงหว่านมีความสุขเหมือนกับเพิ่งผ่านช่วงปีใหม่มา
“คุณนี่สุดยอดจริง ๆ ฉันก็กังวลอยู่ตั้งนาน คิดสารพัดวิธีไม่รู้ว่าจะไล่เขาออกไปยังไง คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นคนออกไปเอง”
ซูเถากล่าวว่า “ครั้งนี้ฉันเป็นคนวางระเบิดเอง ฉันคิดไม่ถึงมาก่อนว่าคนที่ฉันเลือกมาจะสมรู้ร่วมคิดกับครอบครัวซู”
จงหว่านกล่าวว่า “มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่เราจะค้นหาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลด้วยการโทรศัพท์ไปสอบถามหรืออิงจากเอกสารข้อมูล อย่างคู่สามีภรรยาที่ตอนแรกเรามองว่าพวกเขาเป็นคนดี แต่คุณรู้ไหมว่าฉันพบว่าพวกเขาสกปรกเกินไปหลังจากเข้ามาอาศัยอยู่ที่นี่แค่ไม่กี่วัน”
“หลังจากที่พวกเขากินข้าวกล่องเสร็จเขาทิ้งมันไว้ใต้โต๊ะในโรงอาหารหรือซุกไว้ตามมุมต่าง ๆ ไม่มีใครสังเกตเห็นจนมันเริ่มส่งกลิ่นเหม็นเน่า เฉียนหรงหรงต้องมาตามเก็บไม่รู้กี่ครั้ง แม่เฉียนก็เริ่มทนไม่ไหวเลยไปพูดกับพวกเขาถึงห้อง แต่พวกเขาทั้งคู่ก็ปฏิเสธ แม่เฉียนเลยต้องไปทำความสะอาดด้วยตัวเองอย่างไม่มีทางเลือก”
“หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่ทิ้งขยะไว้ที่โรงอาหารแล้ว แต่พวกเขาไปกองไว้ในห้องแทน พอเปิดประตูกลิ่นก็โชยออกมา มีแมลงสาบตามถังขยะ เสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่ออกไปข้างนอก ก็หยิบมาจากแถว ๆ กองขยะนั่น บางทีก็มีแมลงมาไต่ตามเสื้อผ้า”
“เสี่ยวจวี๋แฟนสาวของเมิ่งเสี่ยวป๋อยังพูดอีกว่า ฝ่ายหญิงโยนรองเท้าที่สกปรกลงในเครื่องซักผ้าส่วนรวมของเรา เสี่ยวจวี๋มาบอกกับฉันสองสามครั้งแล้ว แต่ว่าเธอมักจะแอบมาซักรองเท้ากลางดึกเราก็เลยจับไม่ได้”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้กวานจือหนิงก็แสดงสีหน้าโมโห “พวกเขาทำงานที่หน่วยงานการเกษตรใช่ไหม? ของที่เราต้องบริโภคเข้าไปในปาก ใช้คนแบบนี้มาทำงานเนี่ยนะ?”
ไม่ได้การแล้ว เธอต้องไปรายงานเรื่องนี้ คนที่ต้องบริโภคผลผลิตของฐานมากที่สุดก็คือเจ้าหน้าที่กองทัพและประชาชน ไม่สามารถรับประกันผลผลิตและคุณภาพของพืชผลการเกษตรได้ก็พอเข้าใจ แต่แม้แต่การรับประกันเรื่องสุขอนามัยก็ทำไม่ได้น่ะเหรอ?
จวงหว่านยักไหล่
ซูเถากล่าว “เรื่องนี้จะว่าเล็กก็เล็กจะว่าใหญ่ก็ใหญ่ ถ้าไม่รีบจัดการมันจะยิ่งทำให้ความขัดแย้งนั้นรุนแรงขึ้นแล้วมันจะส่งผลกระทบต่อชีวิตและการอยู่อาศัยของทุกคน ถ้าทุกคนจะช่วยกันตักเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่พวกเขาก็ยังนิ่งเฉย ไว้ฉันจะเป็นคนจัดการเอง”
เธอต้องไปกดดันพวกเขา
“ยังไงก็ตามหลังจากนี้ฉันขอความร่วมมือทุกคนช่วยกันดูแลเรื่องความสะอาดและความเป็นระเบียบด้วย เพื่อช่วยแบ่งเบาหรงหรง หรงหรงดูแลคนเดียวคงไม่ไหว”
จวงหว่านพยักหน้า “ใช่ แล้วช่วงนี้พวกเรายังประกาศปล่อยเช่าอีกหรือเปล่า?”
“หลังจากนี้ประกาศรับ เปิดเพียงเดือนละ 10 ห้อง”
ซูเถาวางแผนที่จะขยายอย่างช้า ๆ เพื่อคัดเลือกผู้เช่าที่มีคุณภาพสูงและกำหนดทิศทางของเถาหยางเพื่อให้ผู้เช่าภายหลังได้ปฏิบัติตามและได้ความมั่นคงในระยะยาว
นี่คือแผนระยะยาว
สิ่งที่เร่งด่วนกว่าในอนาคตอันใกล้นี้ก็คือการเรียกใช้ฟังก์ชันที่ซ่อนอยู่
ตงหยางไม่เพียงต้องการมันเท่านั้น แต่เถาหยางก็ต้องการเช่นกัน เช่นการเฝ้าระวังรอบ ๆ บ้าน สัญญาณเตือนไฟไหม้และแผ่นดินไหว อีกทั้งเธอยังต้องการเสริมความแข็งแกร่งให้กำแพงด้านนอก
วิวัฒนาการของซอมบี้ขนาดใหญ่ที่สือจื่อจิ้นกล่าว ทำให้ซูเถารู้สึกว่าวันสิ้นโลกครั้งที่สองนั้นอยู่ไม่ไกล