แม้ว่าเขาจะโกรธ แต่ซูฟ่านก็ไม่ได้ตั้งใจจะหยาบคายกับตู้ยู่ชิว
เขาพูดขอบคุณแล้วมอบหมายเลขโทรศัพท์ของเขาไปให้ตู้ยู่ชิว
เป็นการดีกว่าที่ได้รู้จักกับคนรวยแบบนี้จะได้มีเส้นสายหลากหลายและมีลู่ทางเพิ่มขึ้น
หลังจากได้รับเบอร์โทรศัพท์ของซูฟ่านแล้ว ตู้ยู่ชิวก็มีความสุขจนแทบบานสะพรั่ง
“อ้อ จริงสิพ่อหนุ่มหล่อ เจอกันทั้งทีต้องให้ของขวัญหน่อย”
หลังจากพูดจบตู้ยู่ชิวก็เดินไปที่แผงตู้โชว์และหันหลังกลับ
แล้วก็มอบจี้ให้กับซูฟ่าน
“นี่จ้ะ ของสำหรับเธอ”
“นี่…ไม่ดีหรอกครับ”
ซูฟ่านรู้สึกว่าคงไม่ดีถ้ายอมรับสิ่งของจากผู้อื่น ไม่ต้องพูดถึงว่าสิ่งของของตู้ยู่ชิวนี่ไม่ถูกเลย
แต่เขาไม่เห็นด้วยซ้ำว่ามันคืออะไรเพราะหลินจูหยิบมันไปก่อนและพูดขอบคุณตู้ยู่ชิวแทนเขา
“ขอบคุณ!”
หลินจูพูดด้วยรอยยิ้ม
ตู้ยู่ชิวเห็นหลินจูยิ้มอย่างงดงาม เธอก็อดรู้สึกรักไม่ได้
“ฉันชอบผู้ชายหล่อ ๆ ตัวเล็กแต่ฉันก็ชอบผู้หญิงน่ารัก ๆ ตัวเล็ก ๆ เหมือนกัน นี่ฉันจะให้แหวนนี้แก่เธอ”
หลังจากตู้ยู่ชิวพูดจบ เธอก็ถอดแหวนทับทิมที่เธอสวมอยู่ออกและมอบให้หลินจู
หลินจูไม่ได้ลังเลเลยและยอมรับมันทันที
เมื่อเห็นการยอมรับอย่างใจกว้างของหลินจู ตู้ยู่ชิวก็หัวเราะออกมา
ในขณะที่หัวเราะเธอก็สัมผัสร่างกายของซูฟ่านไปด้วย
“หนุ่มหล่อไม่ร่าเริงเหมือนสาวสวยเลยนะ เธอยังขี้อายเกินไปต้องฝึกฝนให้มากขึ้นนะ”
“ฉันสงสัยว่าหนุ่มหล่อคนนี้ขี้อายแค่ในบางประเด็นหรือเปล่า?”
ตู้ยู่ชิวมองหลินจูพร้อมกับพูด
หลินจูเข้าใจทันทีว่าเธอกำลังพูดถึงอะไร
ซูฟ่านก็เข้าใจเช่นกันเขาไม่ได้โง่ เขาแค่ไม่เคยเห็นหญิงชราผู้หิวโหยเช่นนี้มาก่อน
“คุณตู้ ขอบคุณสำหรับของขวัญที่มอบให้เรา โปรดบอกผมถ้าในอนาคตคุณมีอะไรให้ช่วย”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เราไปก่อนนะ”
เมื่อเห็นซูฟ่านกำลังจะจากไป ตู้ยู่ชิวก็ยังดูไม่เต็มใจ
เธอยืนยันจะส่งซูฟ่านออกจากประตูและจัดให้คนขับรถออกไปส่งซูฟ่าน
ตามคำขอของหลินจู ซูฟ่านไม่ได้วางแผนที่จะกลับไปทันทีในวันนี้
ทั้งสองตัดสินใจใช้เวลาหนึ่งวันในเมืองกุ้ยหยุนและกลับไปยังเมืองเมจิกในคืนพรุ่งนี้
ทั้งสองไม่ได้คุยกันเรื่องของตู้ยู่ชิวระหว่างทาง เพราะคนขับก็เป็นคนของตู้ยู่ชิว
คนขับมาส่งถึงโรงแรมแล้ว
หลินจูและซูฟ่านเข้ามาในล็อบบี้
“เปิดห้องใหญ่สองห้อง”
เมื่อเห็นซูฟ่านเปิดสองห้อง หน้าของหลินจูก็ดูผิดหวังเล็กน้อย
แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันจำเป็นต้องแสดงบัตรประชาชน หลินจูก็ไม่สามารถเอาออกมาใช้ได้
เธอไม่ต้องการให้ครอบครัวของเธอค้นพบที่อยู่ของเธอ
ก่อนซื้อตั๋ว เธอพบพนักงานคนหนึ่งที่สามารถหาช่องทางอื่นให้เธอได้
“ขอแค่บัตรประชาชนของผมคนเดียวได้ไหม”
“ขอโทษนะครับ เราสามารถเปิดได้หนึ่งห้อง ถ้าจะเปิดสองห้องเราทำไม่ได้ครับ”
แผนกต้อนรับกล่าวด้วยความเสียใจ
“แล้ว…ถ้าอย่างนั้นห้องชุดล่ะ?คุณหลินคิดว่าไง?”
ซูฟ่านหันไปมองหลินจู
“หืม? นักเรียนซูคงไม่กินฉันนะ?”
หลินจูพูดยิ้ม ๆ
“งั้นเอาห้องชุด!”
หลังจากพูดแล้วซูฟ่านก็ยื่นบัตรประจำตัวของเขาไปที่แผนกต้อนรับอย่างรวดเร็ว
เมื่อพวกเขาเข้าไปในห้องและนั่งบนโซฟา ทั้งสองก็เริ่มบ่นเกี่ยวกับตู้ยู่ชิวคนนั้น
“พระเจ้า หญิงชราคนนี้แย่มาก”
ซูฟ่านมีความกลัวแผ่ออกมา
เขายังคงจำความรู้สึกเมื่อมองเข้าไปในดวงตาของตู้ยู่ชิวได้ในตอนที่เธอสัมผัสตัวเขา
ถ้าเธอไม่ได้เป็นคนร่ำรวย ซูฟ่านคงต่อยเธอบินไปแล้ว
“ถ้าวันนี้ฉันไม่อยู่ ฉันเกรงว่านักเรียนซูจะโชคร้ายกว่านี้”
หลินซูพูดติดตลก
จากนั้นเธอก็มอบจี้ที่ตู้ยู่ชิวมอบให้ซูฟ่าน
“นี่คือจี้หยกดำ! พอดูจากลักษณะของจี้นี้ จี้นี้ประเมินค่าไม่ได้ในตลาดแล้ว!”
ซูฟ่านที่ถือจี้นี้ก็ตกใจ
ตู้ยู่ชิวมอบของมีค่าขนาดนี้ให้กับตัวเขา?
จริง ๆ เขาละอายใจเล็กน้อยที่ต้องรับมา
แต่ถ้าปฏิเสธคงดูไม่น่าพอใจ และซูฟ่านก็ไม่ได้บังคับเธอด้วย
นอกจากนี้ ไม่ใช่เขาที่ยอมรับ แต่หลินจูยอมรับ
เขาคิดเพื่อปลอบโยนตัวเอง ซูฟ่านเอาจี้หยกดำเข้าไปในกระเป๋าของเขา
จากนั้นหลินจูก็เล่นกับแหวนทับทิมที่ตู้ยู่ชิวมอบให้เธอ
“ป้าคนนี้ค่อนข้างใจกว้างนะ แหวนที่เธอมอบให้ฉันมีมูลค่าหลายล้านเลย แต่มันล้าสมัยแล้ว”
หลังจากพูดหลินจูก็วางแหวนบนมือแล้วให้ซูฟ่านดู
อันที่จริง นิ้วของหลิวจูไม่เหมาะสำหรับการสวมแหวนที่ใหญ่เช่นนี้
เมื่อเห็นการแสดงออกของซูฟ่าน หลินจูก็รู้ว่าแหวนนี้ไม่เหมาะกับเธอ
เธอขมวดคิ้วและหยิบแหวนขึ้นมา
“ลืมมันไปเถอะ ฉันจะเก็บไว้จนกว่าฉันจะแก่!”
“เป็นความคิดที่ดี คุณไม่รู้หรือว่าคุณนายหลินจะกลายเป็นตู้อัญมณีเมื่อเธออายุ 40 หรือ 50 ปี?”
ซูฟ่านพูดติดตลก
“เลิกบ้าเลย!”
หลินจูหยิบหมอนขึ้นมาและทุบซูฟ่าน
“นักเรียนซู คุณยังมีเรื่องต้องจัดการอีกไหม? ถ้าไม่ก็ออกไปเล่นกันเถอะ!”
หลินจูพูดด้วยท่าทางตื่นเต้น
แม้ว่าซูฟ่านยังคงอารมณ์เสียที่คังหมินฟูหลอกเขา
แต่การเที่ยวเล่นก็คือการเที่ยวเล่น และซูฟ่านก็ไม่อยากกังวลกับงานอีกต่อไป
วันนี้ในเมืองที่ฉันไม่เคยไปแถมยังมีผู้หญิงสวย ๆ มาด้วย ทำไมต้องเอาเรื่องพวกนั้นมาใส่ใจ!
ขณะที่อยู่ในรถหลินจูก็ได้เตรียมแผนเที่ยวไว้แล้ว
มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมายในกุ่ยหยุน แต่ที่หลินจูสนใจคือสวนสนุกกุ่ยหยุน
ว่ากันว่ามีชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและรถไฟเหาะที่ยาวที่สุดและน่าตื่นเต้นที่สุด
ผู้หญิงซุกซนเช่นหลินจูไม่มีทางพลาดสถานที่นี้แน่นอน
ทั้งสองนั่งแท็กซี่ไปที่สวนสนุกกุ่ยหยุน
ตอนนี้เป็นช่วงนอกฤดูกาลแล้วก็เลยสามารถเข้าไปเล่นได้ทันทีหลังจากซื้อตั๋วไม่ต้องต่อแถวยาวเหยียด
เครื่องเล่นทั้งหมดไม่จำเป็นต้องเข้าคิว
น่าพอใจมาก
ใกล้ค่ำแล้วหลินจูก็พาซูฟ่านไปนั่งชิงช้าสวรรค์
เมื่อชิงช้าสวรรค์กำลังจะขึ้นสู่จุดสูงสุด แสงตะวันที่ลับขอบฟ้าก็โปรยปรายบนผิวแม่น้ำฝั่งตรงข้าม
ซูฟ่านและหลินจูมองทิวทัศน์ที่สวยงามนี้ด้วยความตกตะลึง
หลินจูหันศีรษะมองไปที่ซูฟ่าน ซึ่งทำให้เธอรู้สึกดึงดูดมากกว่าการมองพระอาทิตย์ตกดินในตอนนี้เสียอีก
ตอนที่เธอคบกับซุนหยาน เธอไม่เคยไปสวนสนุกเลน
เพราะซุนหยานไม่ชอบมัน
ซูฟ่านเป็นผู้ชายคนแรกที่พาเธอมาที่สวนสนุก!
หลินจูเอนตัวไปจูบซูฟ่านที่แก้ม
ซูฟ่านหันศีรษะมาด้วยความประหลาดใจและมองไปที่หลินจู
หลินจูยิ้มอย่างเขินอายและไม่พูดอะไร
หลังจากลงจากชิงช้าสวรรค์ หลินจูก็พาซูฟ่านวิ่งไปที่รถไฟเหาะ
ทันทีที่พวกเขาขึ้นไป หลินจูผู้ซึ่งเคยบอกว่ารถไฟเหาะไม่ได้น่ากลัวในตอนนี้กำลังตื่นตระหนก
ขณะที่รถไฟเหาะเริ่มขยับหลินจูก็เริ่มตัวสั่น
ซูฟ่านเห็นอาการแปลกประหลาดของหลินจู
“คุณโอเคไหม?”
ซูฟานถาม
หลินจูพยักหน้าด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
แต่แล้วรถไฟเหาะก็ดิ่งลงอย่างรวดเร็ว หลินจูกรีดร้องแล้วคว้ามือของซูฟ่านเอาไว้!
ตลอดเส้นทางของรถไฟเหาะซูฟ่านไม่กลัวเลยแต่รู้สึกเจ็บหู
เพราะเสียงร้องของหลินจูนั้นดังเกินไป
หลังจากการเหาะเหินผจญเสียงทั้งหมด หลินจูก็ก้มศีรษะลง ไหล่ของเธอยังคงสั่น
“คุณโอเคไหม?”
ซูฟ่านคิดว่าหลินจูกำลังร้องไห้เลยรีบเงยหน้าหลินจูขึ้น ใครจะรู้ว่าหลินจูกำลังหัวเราะคิกคัก
“มันน่าตื่นเต้นมาก! มันน่าตื่นเต้นมาก! นี่เป็นประสบการณ์รถไฟเหาะครั้งแรกของฉันเลย! คุณอยากจะลองอีกไหม!”
ซูฟ่านจึงต้องไปนั่งกับหลินจูบนรถไฟเหาะถึงสิบห้ารอบ และหลินจูก็ยังไม่เต็มใจที่จะกลับจนกว่าสวนสนุกจะปิด