ตอนที่ 33 เป่ากระเพาะปัสสาวะหมู
ตอนที่ 33 เป่ากระเพาะปัสสาวะหมู
หลินเซี่ยวิ่งเข้าไปช่วย “เสี่ยวเยี่ยน ให้ฉันช่วยนะ”
“ทำไมพี่ยังไม่กลับอีกล่ะ?” หลินเยี่ยนเงยหน้าขึ้นมอง และเมื่อเห็นหลินเซี่ยหล่อนก็ประหลาดใจมาก
หลินเซี่ยชี้ไปทางร้านตัดผมที่ตั้งอยู่ตรงข้ามร้านอาหาร “ฉันทำงานในร้านตัดผมที่อยู่ตรงข้าม เพิ่งเลิกงานเลยกำลังจะกลับ พรุ่งนี้ฉันจะกลับมาอีก”
หลินเซี่ยอยากช่วยหล่อนยกถังขยะ แต่หลินเยี่ยนหลีกเลี่ยงและพูดว่า “ไม่เป็นไรค่ะ หนูทำเองได้”
เฉินเจียเหอเดินเข้าไปและทำท่าจะช่วยเหลือ “จะไปเทตรงไหน? เดี๋ยวพี่เทให้”
เฉินเจียเหอเป็นชายแข็งแกร่ง แต่หลินเยี่ยนขี้อายเกินไป จึงปฏิเสธด้วยหน้าแดงก่ำ “ไม่เป็นไรค่ะ หนูไปเอง เดี๋ยวมันจะทำให้เสื้อผ้าพวกพี่เลอะหมด”
หลินเยี่ยนไม่คุ้นเคยกับหลินเซี่ย และยังเกรงใจเฉินเจียเหอมากด้วย หล่อนจึงก้มศีรษะลงและรีบถือถังขยะออกไปอย่างรวดเร็ว
หลินเซี่ยเฝ้าดูแผ่นหลังอันบอบบางของอีกฝ่าย ขณะรู้สึกไม่สบายใจ
หลังถอนหายใจ ครอบครัวทั้งสามก็จากไป
พวกเขาเดินทางกลับตามถนนที่คุ้นเคย เฉินเจียเหอปั่นจักรยานออกไป และพาทุกคนกลับบ้าน
หลินเซี่ยถือถุงสองใบในมือ ซึ่งในนั้นเป็นเสื้อคลุมลายเกล็ดหิมะและผ้าที่ซื้อมาเพื่อตัดชุดให้หู่จือ
เฉินเจียเหอกล่าว “เอาถุงมาให้ผม”
หลินเซี่ยมองเขาด้วยความสับสน “คุณต้องจับแฮนด์รถ แล้วจะถือมันได้ยังไง?”
“แขวนไว้บนแฮนด์รถด้านหน้าได้”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันถือด้วยมือข้างเดียวได้ เพราะถ้าเอาไปแขวน เวลาลมพัดจะทำยังไง?”
“มันไม่หล่นหรอก”
เฉินเจียเหอยืนกรานที่จะช่วยถือถุงจากมือเธอ และนำมาแขวนไว้หน้ารถ
หู่จือนั่งอยู่ตรงที่นั่งด้านหน้า ขณะข้าวของห้อยลงมาจากแฮนด์รถ ซึ่งแทบดูเหมือนว่ามันถูกประคองในอ้อมแขนของเขา
หลังจากที่หลินเซี่ยขึ้นนั่งเบาะหลัง เฉินเจียเหอก็เริ่มออกแรงปั่นออกไป
ถนนในเขตเทศมณฑลล้วนปูคอนกรีตอย่างดี ซึ่งค่อนข้างเรียบและไม่มีหลุมหรือบ่อ ทำให้สามารถปั่นจักรยานได้ราบรื่น หลินเซี่ยรู้สึกผ่อนคลายจนจับเสื้อของเฉินเจียเหอโดยไม่ได้ตั้งใจ
ในยุคนี้ ความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดระหว่างพื้นที่ชนบทและเมืองก็คือสภาพการจราจร
ถนนในชนบทเดินทางยากลำบากเกินไป
ไม่น่าแปลกใจเลยที่จะมีสโลแกนที่ว่า พอรวยแล้วจะมีลูกน้อยลง และสร้างถนนมากขึ้น
ขณะที่หลินเซี่ยกำลังคิดเรื่อยเปื่อย จู่ ๆ จักรยานของพวกเขาก็ตกลงไปในหลุมตื้นที่มีน้ำขังอย่างแรง
เธอตกใจมากจนกอดเอวของชายหนุ่มไว้ทันที
หู่จือที่นั่งอยู่ด้านหน้าได้รับแรงกระแทกจนก้นแทบหัก เขาถึงกับบ่นด้วยความไม่พอใจ “พ่อ ถนนตั้งกว้าง ทำไมถึงขี่ลงไปในหลุมได้ล่ะ?”
เฉินเจียเหอรู้สึกชาที่เอวเช่นกัน ขณะตอบไปว่า “พ่อมองเห็นถนนไม่ค่อยชัด”
“คุณขับช้าลงหน่อยก็ได้ค่ะ ไม่งั้นฉันอาจดึงคุณตกไปด้วยกัน”
เฉินเจียเหอตอบด้วยการพยักหน้าและแสดงทักษะการปั่นจักรยานที่น่าประทับใจ ขณะที่หู่จือผู้น่าสงสารเกาะแฮนด์หน้าไว้แน่น
ในที่สุดก็มาถึงประตูบ้าน ทันทีที่ล้อจักรยานหยุดหมุน หู่จือรีบกระโดดลงและถูก้นของตัวเอง
หลินเซี่ยปล่อยมือจากเอวของเฉินเจียเหอและลงจากรถเช่นกัน เธอรู้สึกกลัวมาจนเหงื่อออกท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น รู้สึกขยาดกับทักษะการปั่นจักรยานของเฉินเจียเหอ และวางแผนจะปั่นจักรยานไปทำงานในเมืองด้วยตัวเอง
เมื่อเอวของเฉินเจียเหอว่างเปล่า เขาจึงเหวี่ยงขายาวลงจากจักรยาน
แม่เฒ่าโจวได้ยินเสียงจากด้านนอก จึงลองเดินออกไปดู เมื่อเห็นว่าเป็นพวกเขาสามคน นางจึงถามอย่างกังวลว่า “เจียเหอ ทำไมถึงกลับมาช้าขนาดนี้?”
เฉินเจียเหอจอดรถจักรยานและตอบไปว่า “ผมไปบ้านของลุงมาครับ”
“แล้วเมื่อไหร่ลุงของหลานและคนอื่น ๆ จะกลับมาล่ะ?” แม่เฒ่าโจวถามอีกครั้ง
“จะกลับมาวันที่ยี่สิบแปดครับ ลุงต้องทำงานอีกสองวัน”
“เขางานยุ่งมากจริง ๆ สินะเนี่ย ขนาดปีใหม่กำลังมาถึง ก็ยังทำงานไม่หยุด”
หู่จือจับมือที่เหี่ยวย่นของแม่เฒ่าโจวและถามด้วยความกระตือรือร้น “คุณย่าทวด กระเพาะหมูที่ลุงเอ้อร์เลิ่งเอามาให้อยู่ไหนครับ ผมอยากเป่ามัน”
“อยู่ในบ้านน่ะ”
หู่จือรีบวิ่งเข้าไปในบ้าน และเห็นกระเพาะหมูขนาดใหญ่เท่ากับหัวของเขาแขวนอยู่บนผนัง
หูจื่อหยิบมันออกมาอย่างสงสัย เห็นว่ากระเพาะปัสสาวะหมูถูกเป่าไปจนพองเหมือนลูกโป่งและไม่มีอะไรพิเศษ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะผิดหวัง “คุณปู่ทวด ใครเป่ากระเพาะหมูอันนี้?”
ผู้เฒ่าโจวตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “นอกจากเอ้อร์เลิ่งแล้วจะมีใครอีก?”
“หู่จือ เธอฉี่บนเตียงเตาเหรอ ถ้าเธอทำแบบนั้น ปู่จะทำกระเพาะหมูให้เธอกิน”
เมื่อผู้เฒ่าโจวถามคำถามนี้ หู่จือก็หน้าแดงและรีบปฏิเสธ “ผมไม่ฉี่บนเตียงเตาแน่นอน และผมก็ไม่กินสิ่งนี้ด้วย”
หู่จือจับกระเพาะปัสสาวะหมูที่ผูกด้วยเชือกเส้นเล็กไว้แน่น เขาต้องการแก้เชือกและเป่ามันอีกครั้ง
โจวลี่หรงเดินเข้ามา พลันขมวดคิ้วเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่มือของหู่จือ “เล่นของสกปรกแบบนั้นทำไม? ไม่มีอะไรจะเล่นแล้วหรือไง?”
แม่เฒ่าโจวเห็นโจวลี่หรงดุเด็กน้อย นางรีบเข้ามาปกป้องทันที “สกปรกอะไรกัน แม่ล้างตั้งหลายครั้งแล้ว”
“แม่ ตามใจเขาอยู่นั่นแหละ ถ้าอยากเล่นลูกโป่งก็ไปซื้อมาเล่นสิ มาเป่ากระเพาะหมูทำไม รู้ไหมว่าหมูมันเอาไว้ทำอะไร? มันเอาไว้ฉี่! น่ารังเกียจจะตายไม่ใช่เหรอ?”
โจวลี่หรงวิพากษ์วิจารณ์หู่จือด้วยความโกรธ หู่จือตกใจกลัวจนรีบไปซ่อนด้านหลังแม่เฒ่าโจวและไม่กล้าขยับตัว
แม่เฒ่าโจวไม่ได้ตามใจโจวลี่หรง เพื่อปกป้องหู่จือ นางจึงต่อว่าลูกสาว
“หลังมีการฆ่าหมู เด็กในชนบทต่างก็เล่นกระเพาะปัสสาวะหมูกันทั้งนั้น แล้วทำไมหู่จือจะเล่นไม่ได้? คนเมืองมีเงินซื้อลูกโป่ง แล้วเด็กในชนบทที่ไม่มีเงินซื้อล่ะ เล่นกระเพาะปัสสาวะหมูแล้วมันผิดตรงไหน?”
แม่เฒ่าโจวรู้ว่าลูกสาวตนเองมีนิสัยไม่ดีตั้งแต่ย้ายไปอยู่ในเมืองและดูถูกคนชนบท นางจึงจงใจใช้ตัวอย่างนี้เพื่อตำหนิอีกฝ่าย
โจวลี่หรงไม่ได้พูดสิ่งใดอีก ก่อนเดินไปวางกาต้มน้ำบนเตา
หู่จือดึงมุมเสื้อของแม่เฒ่าโจวและพูดเสียงเบาว่า
“คุณย่าทวด อย่าทะเลาะกับคุณย่าเลยครับ ผมจะไม่เล่นมันแล้ว”
เขาวางกระเพาะปัสสาวะหมูลงอย่างเงียบงัน ก่อนเดินคอตกออกไป
หู่จือเดินออกจากห้องหลักด้วยท่าทางเหี่ยวเฉา ก่อนหน้านี้หลินเซี่ยยังคงอยู่ในลานพร้อมกระเป๋า ขณะกำลังจะเข้าไปก็ได้ยินการสนทนาในห้องอย่างชัดเจน ด้วยกลัวว่าโจวลี่หรงจะหาเรื่องเธออีกครั้ง เธอจึงพาหู่จือไปยังห้องตะวันตกแทน
หลินเซี่ยมองเด็กน้อยที่กำลังก้มหน้าพลางบอกเขา “หู่จือ ที่จริงแล้วคุณย่าก็พูดถูกนะ การเอาสิ่งนั้นเข้าปากไม่ดีต่อตัวเธอเลย”
หู่จือแค่นเสียงเย็นชา “หล่อนจะไล่คุณออกจากบ้านอยู่แล้ว คุณยังพูดเข้าข้างแม่มดเฒ่าอยู่อีก”
หลินเซี่ยตอบ “ฉันกำลังอธิบายว่ามันคือกระเพาะปัสสาวะหมู ไม่ว่าจะล้างให้สะอาดแค่ไหนก็ยังมีกลิ่นปัสสาวะ เราควรเป็นเด็กที่ใส่ใจเรื่องสุขอนามัย ถ้าเธออยากเป่าลูกโป่งจริง ๆ ฉันจะหาเงินมาซื้อลูกโป่งให้เธอ”
หู่จือคิดว่าคำพูดของหลินเซี่ยนั้นสมเหตุสมผล เขาจึงพยักหน้ารับ
“ก็ได้ ผมจะเอาไปคืนให้ลุงเอ้อร์เลิ่ง”
“ไม่ต้องคืนหรอก เดี๋ยวค่อยให้พ่อของเธอเอาไปกำจัด ถ้าเธอคืนให้เอ้อร์เลิ่ง เขาจะต้องเป่ามันเช่นกัน ผู้ชายตัวโตเป่ากระเพาะปัสสาวะหมู บรึ๋ย…” หลินเซี่ยขนลุกเมื่อนึกถึงภาพฉากดังกล่าว
หู่จือเลิกนึกถึงกระเพาะปัสสาวะหมู และใส่ใจกับคำขอของเขาแทน “รีบทำชุดให้ผมเร็วสิ ผมอยากใส่ชุดทหาร”
“เดี๋ยวทำให้คืนนี้นะ”
ทันทีที่เฉินเจียเหอกลับมา เขาก็ยุ่งอยู่กับการขนมูลวัวมาเผาเตียงเตา เพราะกลัวว่าภรรยาและลูกชายจะหนาวสั่น
ร่างใหญ่และร่างเล็กกำลังคุยกันอยู่ในห้อง เมื่อได้ยินเสียงเติมมูลใส่เตียงเตา หลินเซี่ยรีบบอกหู่จือว่า “ไปบอกพ่อของเธอให้เติมมูลวัวน้อยลงหน่อย เตียงเตานี้ร้อนเกินไปจนฉันแทบสุกแล้ว”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
น่าเห็นใจอยู่นะคะที่เด็กชนบทอยากจะเล่นลูกโป่งทั้งทีก็ไม่มีให้เล่น ต้องไปเอากระเพาะปัสสาวะหมูมาเป่าเล่นแทน
ไหหม่า(海馬)