หลังจากที่พรีมูล่าและคอนแนลได้เดินเที่ยวเล่นในย่านการค้าของรีมินัสไปอีกสักพักใหญ่ ทั้งสองก็ได้เดินทางกลับไปยังบ้านของเอริกะโดยที่พรีมูล่านั้นมีท่าทีอารมณ์ดีสุดๆ
เพราะหลังจากที่เธอได้ลากคอนแนลเข้าร้านขนมหลายต่อหลายร้านจนเงินที่อารอนให้ไว้หมดไปแล้ว เธอก็ยังอ้อนให้คอนแนลเลี้ยงขนมเธออยู่อีกสักพักจนกระทั่งเธอพอใจและตัดสินใจที่จะเดินทางกลับบ้านกัน
“ถึงจะชอบขนมก็เถอะ แต่ว่ากินเข้าไปเยอะขนาดนั้นนี่จะไม่เป็นอะไรจริงๆ หรอครับ…?”
“ไม่เป็นไรหรอกหน่า~ หนูไม่ได้กินขนมจนจุใจแบบนี้มาตั้งนานแล้วนะ~ ปกติพี่นากาเขาไม่ยอมให้กินเกินชิ้นสองชิ้นเลยอ่ะ”
“ถ้าผมรู้ว่าจะกินเยอะขนาดนั้นผมก็คงจะห้ามเหมือนกันแหล่ะครับ…”
คอนแนลบ่นออกมาเล็กน้อยพลางเปิดกระเป๋าของเขาเพื่อดูเงินที่เหลืออยู่ของตัวเองพร้อมทำคอตกเมื่อเขาเห็นสภาพที่เหลืออยู่ด้านในของมัน ก่อนที่พวกเขาจะเดินมาถึงหน้าบ้านของเอริกะและเปิดประตูเข้าไปพร้อมกับเอ่ยปากทักทายคนที่อยู่ในบ้าน
“พวกผมกลับมาแล้วครับ”
ซึ่งพวกเขาก็พบกับอารอน โมโกะ และเอริกะที่กำลังนั่งคุยกันอยู่ในห้องนั่งเล่น โดยที่โมโกะนั้นกำลังถือปืนทั้งสองกระบอกที่เธอฉกมาจากกลุ่มคนที่มาบุกหมู่บ้านของเธออยู่
“ก็อาจจะเป็นความคิดที่ดีอยู่ล่ะมั้ง…”
“ถึงฉันจะไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่ก็เถอะ… แต่ว่าถ้าผู้คุมสอบเห็นเข้าพวกเขาก็อาจจะสนใจขึ้นมาบ้างล่ะ…”
“…นั่นสิน๊า ถ้าเกิดว่าเธอทำได้จริงๆ พวกเขาก็น่าจะสนใจเธอบ้างแหล่ะ”
ดูเหมือนว่าอารอนกับเอริกะนั้นกำลังวางแผนกันอยู่ว่าจะทำยังไงให้ผู้คุมสอบเกิดความสนใจในตัวโมโกะที่ไม่ได้มีฝีมือหรือว่าพลังวิซที่โดดเด่นกันอยู่
ซึ่งเอริกะนั้นก็กำลังมองดูปืนในมือของโมโกะอยู่ก่อนที่เธอจะสังเกตเห็นพวกเขาจึงได้หันมาโบกมือทักทายและพูดถามขึ้นมา
“อ่ะ! ทั้งสองคนกลับมากันแล้วหรอ~ เป็นไงบ้างเอ่ย~ ในเมืองสนุกดีมั้ย?”
“มีขนมให้กินเพียบเลยอ่ะ!”
“แค่นึกภาพตามคำว่า ‘มีขนมให้กินเพียบ’ ของพรีมูล่าก็ทำเอาผมปวดท้องแทนแล้วล่ะครับ…”
และเมื่อคอนแนลได้ยินคำตอบของพรีมูล่าเขาก็พูดเสริมขึ้นมาในจังหวะเดียวกับที่นากาได้เดินออกมาจากห้องครัวพอดี
ซึ่งนากาที่ยินแบบนั้นเข้าไปก็คิ้วกระตุกและเดินเข้าไปบีบหัวของพรีมูล่าพร้อมกับคาดคั้นเธอออกมาในทันที
“หา!? นี่เธอกินไปขนาดไหนกันเนี่ยพรีมูล่า”
“โอ๊ยย!! พี่คอนแนลจะพูดแบบนั้นขึ้นมาทำไมอ่ะ!?”
แน่นอนว่าพรีมูล่าที่โดนพี่ชายของเธอบีบหัวอยู่ก็หันไปหาคอนแนลพร้อมกับโวยวายออกมา แต่ว่าคอนแนลก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้พลางหันไปมองเอริกะที่กำลังหัวเราะกับท่าทางของสองพี่น้องอยู่
ซึ่งเมื่อเห็นท่าทีอารมณ์ดีของเอริกะแล้วคอนแนลก็ตัดสินใจที่จะเก็บเรื่องของเด็กสาวหูแมวที่พวกเขาไปเจอมาไว้เล่าวันหลังแทน
และหลังจากนั้นไม่นานอลิซก็ได้เดินออกมาจากห้องเก็บของด้วยไม้ดามขาที่เธอได้รับมาจากอารอนพร้อมกับพูดขึ้นมา
“นี่เอริกะ ตกลงว่าเธอจะไม่ให้ฉันไปกับพวกนากาด้วยจริงๆ หรอ?”
ซึ่งคำถามของอลิซนั้นก็ทำให้อารอนหันไปจ้องเธออย่างดุๆ พร้อมกับพูดขึ้นมาในทันที
“พูดแบบนี้นี่เธอได้ดูสภาพขาของตัวเองหรือยังเนี่ยหะ…? สภาพแบบนั้นคิดว่าจะหายทันวันพรุ่งนี้หรือไง…”
“อื้อ! ต่อให้เธอแค่อยากจะไปดูนากาเขาสอบกัน แต่ว่าบาดเจ็บขนาดนั้นน่ะอย่าไปจะดีกว่าจ้ะ”
“ใช่ สภาพแบบนั้นน่ะพักอยู่บ้านไปเถอะ—เดี๋ยวสิเอริกะ ที่พูดแบบนั้นนี่เธอรู้แล้วหรอว่าพวกฉันจะต้องสอบกันวันไหนน่ะ?”
ทันใดนั้นเองโมโกะที่กำลังช่วยเอริกะพูดห้ามอลิซออกมานั้นก็ชะงักไปและรีบพูดถามเอริกะขึ้นมาแทน โดยเอริกะนั้นก็ตอบกลับมาด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับว่าไม่ใช่เรื่องอะไรที่พวกนากาจะต้องเป็นกังวลเลยแม้แต่น้อย
“ช่ายยย~ พอพวกเธอทำเรื่องเสร็จกันแล้วก็น่าจะได้สอบกันไปในถัดไปเลยนั่นแหล่ะ~ ไงล่ะ นี่ฉันอุตส่าห์ไปขอรอบสอบมาให้เป็นพิเศษเลยนะเนี่ย~”
“หะ… / เอ๋ะ… / แอ๋…?”
แต่ว่าเมื่อเอริกะเห็นท่าทีประหลาดใจของโมโกะและนากา รวมถึงพรีมูล่าที่หันมาทำหน้าเอ๋อๆ ใส่เธอแล้วก็เหมือนจะทำให้เธอนึกขึ้นมาได้ว่าอาจจะลืมบอกอะไรบางอย่างกับพวกเขาไป
“อ—อ่าว… นี่ฉันยังไม่ได้บอกพวกเธอหรอกหรอ… เอาล่ะ! ในเมื่อพวกเธอรู้แล้วแบบนี้ฉันก็ขอตัวไปซ่อมอุปกรณ์ต่อก่อนละ!!”
ซึ่งเธอก็ใช้จังหวะที่ทุกคนกำลังประมวลผลกันอยู่นั้นพุ่งตัวหายเข้าไปในห้องออฟฟิศของตัวเองอย่างรวดเร็ว
“เอริกะะะะะะ!! / กลับมานี่เดี๋ยวนี้นะเอริกะะะ!!! / แอ๋?”
ในรุ่งเช้าของวันถัดมานั้นเองเอริกะก็ได้มาปลุกพวกเขาตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อให้ทุกคนเตรียมตัวออกเดินทางไปส่งใบสมัครที่โรงเรียนรีมินัสกัน
ซึ่งหลังจากที่ทั้งสามคนได้เตรียมตัวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็เดินตามเอริกะออกจากบ้านไปทางทิศใต้ของตัวเมืองชั้นใน ก่อนที่เธอจะเลี้ยวที่หัวมุมหนึ่งเพื่อเดินไปยังทางทิศตะวันออกของเมือง
และเธอก็เดินไปหยุดอยู่ที่ประตูของกำแพงขนาดใหญ่ที่ตั้งขวางอยู่ระหว่างตัวเมืองทางทิศตะวันออกและทางทิศใต้ก่อนจะเอ่ยปากพูดกับทุกคนอย่างอารมณ์ดี
“ถึงแล้วจ้า~ ยินดีต้อนรับสู่โรงเรียนรีมินัสอันเลื่องชื่อของที่นี่~ ถ้าเดินผ่านจากจุดนี้ไปแล้วก็ทำตัวเป็นเด็กดีกันหน่อยก็ละกันเนอะ~”
“เอ๊ะ? ตรงนี้เนี่ยนะ?”
“นั่นสิพี่เอริกะ? ข้างในนั้นมันก็มีแต่บ้านคนไม่ใช่หรอ? เมื่อวานนี้หนูเพิ่งจะเดินผ่านไปเองนะ”
พรีมูล่ากับนากาถามขึ้นมาอย่างประหลาดใจ เพราะว่าด้านหลังกำแพงนั้นมันก็มีสภาพไม่ต่างจากบ้านเรือนที่พวกเขาเดินผ่านมาสักเท่าไหร่นัก
“ก็บ้านที่พวกเธอเห็นนั่นมันคือส่วนหนึ่งของโรงเรียนไงล่ะ”
“หะ—”
“ท–ทั้งหมดนั่นเลยน่ะนะ”
“ช่าย~ ถ้าจะให้พูดจริงๆ ก็คือ ตัวเมืองชั้นในทางฝั่งตะวันออกนี่มันเป็นพื้นที่ของทางโรงเรียนเกือบทั้งหมดเลยนั่นล่ะ~”
คำตอบของเอริกะนั้นก็ทำให้พวกนากาต้องหันไปมองบ้านเรือนจำนวนมากที่ถูกสร้างแบ่งเอาไว้เป็นเขตๆ นั่นอย่างตกตะลึง
ซึ่งพวกเขาก็พบว่ามันถูกแบ่งออกเป็นหลายๆ ส่วนโดยมีถนนเส้นใหญ่ตรงหน้าคั่นกลางเอาไว้ และสองข้างทางนั้นก็มีตึกแถวเรียงรายกันไปรวมถึงมีบ้านอิฐหลากหลายสีตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ไม่ได้ติดกับถนนเส้นหลักราวกับว่ามันถูกสร้างขึ้นมาให้คล้ายกับตัวเมืองรีมินัสชั้นนอกให้ได้มากที่สุดอย่างไรอย่างนั้น
และเมื่อมองตามถนนไปพวกเขาก็พบว่ามันมีเขตที่ถูกสร้างขึ้นมาให้คล้ายกับตัวเมืองชั้นในอยู่ด้วยเช่นกัน
“โอ๊วโหวววว~ เมื่อวานนี้ตอนที่พี่คอนแนลเขาพาเดินผ่านหนูก็ไม่ได้คิดอะไร ที่แท้มันเป็นของโรงเรียนเองหรอเนี่ย?”
“โรงเรียนในเมืองนี่ไปถึงขั้นนี้เลยหรอเนี่ย…”
“เอาจริงๆ ตรงที่พวกเราอยู่กันนี่มันเป็นแค่สนามฝึกซ้อมเฉยๆ น่ะ เขตหอพักของโรงเรียนอยู่ทางทิศเหนือนู้น~ ส่วนอาคารเรียนก็ตึกใหญ่ๆ ที่อยู่ติดกับปราสาทรีมินัสนั่นไง~”
“สนามฝึกมันจำเป็นต้องสร้างให้เป็นเมืองขนาดย่อมๆ แบบนี้เลยหรือไงน่ะ… ไม่ใช่ว่าแค่สนามหญ้าก็พอแล้วหรอ?”
โมโกะพูดพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะหันไปมองดูอาคารห้าชั้นหลังใหญ่ที่อยู่ห่างจากปราสาทของเมืองไปไม่ไกลสักเท่าไหร่นัก ซึ่งนากาที่มองตามไปเช่นกันก็ได้เอ่ยถามเอริกะออกมาด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
“จะว่าไปโรงเรียนก็ชื่อรีมินัสเหมือนกันด้วยนี่ แบบนี้มันไม่ได้หมายความว่าโรงเรียนนี้ขึ้นตรงกับวังหลวงหรอ?”
“ฮะฮะ ถ้าเรื่องนั้นละก็ไม่ต้องห่วงหรอก ถึงตอนแรกโรงเรียนรีมินัสจะขึ้นตรงกับวังหลวงก็จริงอยู่ แต่ว่าหลังๆ มานี้ไม่เป็นแบบนั้นแล้วล่ะ แล้วฉันก็รู้จักกับผู้ดูแลโรงเรียนคนปัจจุบันดีด้วย ฉันยืนยันได้เลยว่าเขาไม่ปล่อยให้พวกวังหลวงมาก้าวก่ายเรื่องภายในโรงเรียนแน่นอน”
“ถ้าเอริกะบอกแบบนั้นก็คงไม่มีอะไรต้องห่วงหรอกมั้งนากา? เพราะนอกจากเรื่องที่ไม่ได้บอกวันสอบ เอริกะเขาก็พูดถูกมาตลอดนะ”
“นั่นสิน๊า… ฮะฮะฮะ….”
โมโกะที่พอได้ยินที่เอริกะบอกนั้นก็หันมาพูดหยอกเล่นกับนากาเล็กน้อย แต่เพราะเรื่องที่เอริกะลืมบอกวันสอบนั้นก็ยังทำเขาแอบกังวลอยู่นิดๆ เลยทำให้นากานั้นได้แต่ต้องพยักหน้าตอบรับพร้อมหัวเราะแห้งๆ กลับมา
“อ่ะ—มีสนามหญ้าด้วยล่ะ~”
ทันทีที่พวกเขาเดินเข้ามาถึงเขตตึกเรียนที่อยู่ด้านในสุดของเขตโรงเรียน พรีมูล่าก็ร้องขึ้นมาพลางชี้ไปยังสนามหญ้าที่กว้างนับร้อยเมตรซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับอาคารเรียนก่อนจะทำท่าเหมือนจะเดินเข้าไปวิ่งเล่นในทันที จนทำให้นากาต้องรีบกระชากหลังคอเสื้อของพรีมูล่าเอาไว้ก่อน
“ใกล้ถึงแล้วล่ะ~ พวกเธอเตรียมตัวกันพร้อมหรือยัง~”
“นี่ตกลงว่าพวกเราต้องมาสอบกันในวันพรุ่งนี้เลยจริงๆ หรอน่ะเอริกะ?”
“เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ~ ป่ะๆ ตอนนี้พวกเราเข้าไปส่งใบสมัครกันก่อนดีกว่า”
ทันทีที่โมโกะได้ยินว่าใกล้จะถึงที่หมายแล้วเธอก็อดกลุ้มใจอีกครั้งเป็นไม่ได้ จึงได้เอ่ยปากถามเอริกะขึ้นมาอีกครั้ง แต่ว่าเอริกะนั้นกลับพูดเปลี่ยนเรื่องขึ้นมาอย่างรวดเร็วและเดินออกไปในทันที
“เอาหน่าโมโกะ ใช่ว่าพวกเราต้องสอบกันวันนี้เลยสักหน่อย ยังมีเวลาเหลืออีกตั้งวันนึงนี่”
“เฮ้อ มันก็จริงของนายนั่นแหละนะ…”
นากาที่พยายามมองโลกในแง่ดีนั้นได้เดินมาตบบ่าของโมโกะเข้าทีหนึ่ง ซึ่งเธอก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะออกเดินตามเอริกะไปติดๆ ในขณะที่นากานั้นก็ได้เงยหน้ามองดูอาคารเรียนขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างไปไม่ไกลสักครู่
“โรงเรียนใหม่งั้นหรอ…”
เขาเอ่ยปากพูดพึมพำกับตัวเองออกมาพลางคิดในใจว่าถึงแม้จะเกิดเรื่องขึ้นมามากมายหลังจากที่เขาได้เจอกับเอริกะ แต่ว่าสุดท้ายแล้วเอริกะก็สามารถทำตามข้อตกลงของพวกเขาได้จริงๆ
ซึ่งหลังจากนี้ก็คงจะขึ้นอยู่กับตัวพวกเขาเองแล้วว่าจะมีความสามารถมากพอที่จะไขว่คว้าโอกาสที่เธอมอบให้ได้สำเร็จหรือเปล่า
“พี่นากา~ มานี่เร็ววว~”
ทันใดนั้นเองพรีมูล่าที่หันกลับเห็นว่านากายังคงยืนอยู่ที่เดิมก็ได้ตะโกนพร้อมกับโบกไม้โบกมือเรียกให้เขารีบเดินตามไป จนทำให้นากาหลุดจากห้วงภวังค์ ก่อนที่เขาจะยิ้มออกมาเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
“อ่า! จะไปเดี๋ยวนี้แหละ!”
หลังจากที่ทั้งสามคนเดินตามเอริกะมาจนถึงด้านหน้าของอาคารเรียนที่ว่าแล้ว พวกเขาก็พบว่าตัวอาคารนั้นได้ทอดยาวไปนับร้อยเมตร
ซึ่งชั้นล่างสุดของมันนั้นเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่ของชั้นแรกไปซะเกือบทั้งหมด โดยมีเสาขนาดใหญ่ตั้งเรียงกันไปและถูกประดับตกแต่งด้วยโคมไฟพลังงานวิซอย่างสวยงาม
และทางฝั่งตรงข้ามของตัวอาคารนั้นก็มีทางเชื่อมไปยังลานกว้างที่อยู่ใกล้ๆ กันโดยมีนักเรียนจำนวนหนึ่งกำลังนั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่บนม้านั่งข้างๆ และถัดไปจากลานกว้างนั้นก็มีอาคารขนาดเล็กๆ จำนวนมากตั้งเรียงรายกันไปให้พวกเขาได้เห็น
“ฝั่งนั้นเป็นลานกว้างอเนกประสงค์กับอาคารชมรมของพวกนักเรียนน่ะ ถ้าพวกเธอสนใจเดี๋ยวเอาไว้หลังยื่นใบสมัครเสร็จจะลองเดินไปดูก็ได้นะ ตอนนี้พวกเราไปที่ห้องธุรการด้านนู้นกันก่อนดีกว่า”
เอริกะพูดแนะนำสถานที่เท่าที่เธอรู้ออกมาพลางชี้นิ้วไปยังประตูไม้บานใหญ่ที่อยู่ด้านในสุดของทางเดิน ซึ่งในระหว่างที่พวกเขากำลังเดินตรงไปหามัน โมโกะก็ได้มองไปรอบๆ และพบว่าที่ฝั่งหนึ่งของตัวอาคารนั้นมีประตูไม้ที่มีป้ายแขวนเอาไว้เรียงรายกันอยู่เป็นจำนวนมาก
“ ‘ห้องเก็บอุปกรณ์’ ‘ห้องพยาบาล’ แล้วตรงนั้นก็บันไดทางขึ้นงั้นสินะ…”
“อื้อ ก็น่าจะตามป้ายที่แขวนไว้นั่นล่ะ แต่ถ้าพวกเธออยากรู้ทางจริงๆ ก็คงต้องให้อาจารย์ไม่ก็นักเรียนในนี้เป็นคนแนะนำสถานที่เองแล้วล่ะ”
เอริกะยักไหล่พร้อมกับพูดตอบโมโกะที่กำลังชะโงกหน้ามองดูด้านบนบันไดอยู่ ก่อนที่เธอจะหยุดเดินลงเบื้องหน้าประตูไม้บานใหญ่ที่เธอบอกไว้ว่าเป็นห้องธุรการเมื่อสักครู่ ซึ่งโมโกะก็รีบเดินตามเธอมาเละเอ่ยปากถามสิ่งที่เธอคิดไว้สักพักแล้วออกมา
“จะว่าไปจำนวนนักเรียนที่นี่มันจะไม่น้อยไปหน่อยหรอ ทั้งๆ ที่โรงเรียนก็ออกจะใหญ่ขนาดนี้แท้ๆ”
“ก็ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเปิดภาคเรียนนี่นา แล้วฉันได้ยินพวกเธอพูดเหมือนกับไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าใช้เส้นสายเข้ามา
ฉันก็เลยเลือกวันสอบพิเศษนี่ในวันที่มีคนน้อยๆ ให้ไง”
“ว่าแต่ตึกนี้ดูไม่ค่อยเหมือนอาคารเรียนสักเท่าไหร่เลยนะ ฉันว่ามันหน้าตาเหมือนโบสถ์ไม่ก็วิหารอะไรพวกนั้นมากกว่าอีก”
ทันใดนั้นเองนากาก็ได้พูดขึ้นมา เมื่อเขากวาดตามองดูห้องโถงขนาดใหญ่ที่พวกเขายืนกันอยู่อีกครั้งหนึ่งและพบว่าเสาหินขนาดใหญ่ทรงกลมพวกนั้นมันดูเหมือนกับโบสถ์หรือวิหารที่เขาเคยเห็นในหนังสือไม่มีผิด
“ช่ายๆ ~ ที่นี่ดูหรูกว่าโรงเรียนที่หมู่บ้านหนูเยอะเลยอ่ะ!”
“ก็น๊า~ เห็นเขาบอกว่าเมื่อก่อนอาคารหลังนี่มันเป็นโบสถ์ตามที่เธอว่านั่นแหล่ะ แต่ว่าพอเปิดเป็นโรงเรียนแล้วมันก็มีนักเรียนเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ พวกเขาก็เลยต่อเติมดัดแปลงไปมาจนมีสภาพแบบที่เห็นน่ะ”
“งั้นหมายความว่าตัวอาคารเองก็น่าจะเก่าพอตัวแล้วสินะเนี่ย… เดี๋ยวนะ ตะกี้นี้เธอพูดว่าเลือกวันสอ—-”
“เอาล่ะ! พวกเรารีบเข้าไปกันเลยดีกว่า~”
แต่ยังไม่ทันที่โมโกะจะได้พูดเสร็จเอริกะก็รีบพูดขัดเธอขึ้นมาซะก่อนและดันประตูไม้ขนาดใหญ่นั้นให้เปิดออกในทันที ซึ่งด้านในนั้นก็เป็นห้องขนาดใหญ่ที่มีเคาน์เตอร์หินอ่อนตั้งแบ่งครึ่งห้องนั้นเอาไว้
โดยทางฝั่งที่มีประตูทางเข้านั้นก็มีโต๊ะกับเก้าอี้สำหรับให้ผู้มาเยือนได้นั่งพักอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งในตอนนี้ก็มีนักเรียนชายหญิงกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งคุยกันอยู่
และเมื่อนักเรียนหญิงคนที่มีเขาสีดำคนนั้นเห็นพวกเขาเดินเข้ามา เธอก็ได้เหลือบมามองพวกเขาเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปคุยกับเพื่อนของเธอต่อ
“หือ? อะไรน่ะ…”
เมื่อพวกเขาเดินตามเอริกะไปยังเคาน์เตอร์ที่อยู่ตรงกลางห้องนั้น นากาก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่หน้าตาคล้ายกับหางจิ้งจอกสีแดงฟูๆ ที่ดูคุ้นตาโผล่ขึ้นมาจากด้านหลังเคาน์เตอร์ ซึ่งมันก็กำลังส่ายไปมาเล็กน้อยจนทำให้โมโกะอดที่จะชะโงกหน้าเข้าไปดูใกล้ๆ ไม่ได้
“…หางจิ้งจอกหรอ?”
“อ้าว? เอริ ไปทำอะไรอยู่ข้างล่างนั่นน่ะ?”
“อ่ะ มากันแล้วหรอคะ~ ยินดีต้อนรับค่ะๆ ”
ทันทีที่เอริกะเอ่ยปากทักเจ้าหางสีแดงนุ่มฟูนั่น มันก็หดกลับลงไปใต้เคาน์เตอร์ในทันที ก่อนที่ตัวเจ้าของหางนั้นจะโผล่หัวขึ้นมาจากด้านหลังเคาน์เตอร์และยิ้มทักทายพวกเขาออกมา
ซึ่งนากาที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นใบหน้าของคนคุ้นตาที่นี่ก็ร้องถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
“ห—หะ—เอริซาเบธ!? เธอมาทำอะไรอยู่ที่นี่น่ะ!?”
“แหม่~ ก็ที่นี่เป็นที่ทำงานของฉันนี่ ถ้าไม่อยู่ที่นี่จะให้ฉันไปอยู่ที่ไหนล่ะ~”
“น—นี่เธอทำงานในโรงเรียนนี้หรอ?”
“ใช่แล้วล่ะ เอริซาเบธเขาเป็นอาจารย์ของที่นี่ แล้วบางทีเวลาว่างๆ เธอก็ชอบมานั่งทำตัวเป็นพนักงานต้อนรับด้วยน่ะ”
เอริซาเบธที่ได้เอริกะช่วยอธิบายขึ้นมานั้นก็กอดอกพยักหน้าด้วยความภาคภูมิใจ ในขณะที่โมโกะนั้นก็มองเอริซาเบธด้วยสายตาเคลือบแคลง
“นี่มองฉันแบบนั้นหมายความว่าไงน่ะโมโกะจัง~ อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้ตอนอยู่บนรถฉันก็เป็นคนสอนเธอไม่ใช่หรอหื้อ~”
“จ—จะว่าไปมันก็จริงนั่นแหล่ะ.”
“จริงด้วยสิ ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเธอเกี่ยวกับเรื่องรถนั่นเหมือนกันนะเอริ แต่ว่าตอนนี้มาจัดการเรื่องสมัครเรียนให้พวกนากากันก่อนดีกว่า”
“อ–เอ๋!? ฉ–ฉันว่าเรื่องนั้นไม่เห็นจะมีอะไรต้องคุยเลยนะคะ… ไหนๆ นากาคุงส่งใบสมัครของพวกเธอมากันสิ”
ทันทีที่เอริซาเบธได้ยินเอริกะพูดเรื่องของรถที่เธอแอบให้โมโกะขับขึ้นมานั้นเธอก็สะดุ้งขึ้นมาเล็กน้อยและรีบร้องขอเอกสารสมัครเรียนจากพวกนากาในทันที
“อื้ม~ ลายมือเละใช้ได้เลยนี่นา~ แต่ว่าก็กรอกข้อมูลครบเรียบร้อยดี ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอก ถ้างั้นพวกเธอก็เตรียมตัวสำหรับการสอบกันได้เลย~”
เอริซาเบธพูดขึ้นมาหลังจากที่เธอรับเอกสารจากพวกนากามาตรวจสอบดูอยู่สักพัก ก่อนจะรวบเอกสารของทั้งสามคนมาซ้อนกันไว้และนำมันไปใส่ไว้ในแฟ้มเอกสารเดียวกัน
ซึ่งนากาที่เห็นแบบนั้นก็หันกลับไปพูดกับโมโกะและพรีมูล่าด้วยความตื่นเต้น
“เอาล่ะ! ทีนี้ก็เหลือแค่การสอบแล้วสินะ! งั้นพวกเราก็ไปฝึกกันต่อดีกว่า!!”
“เอ๋~ พี่นากายังคิดจะฝึกต่ออีกหรอ”
“นั่นสิ… ฉันว่าพักเอาแรงน่าจะดีกว่ามั้ง”
“จะฝึกก็ได้นะแต่ว่ายังไงก็อย่าหักโหมเกินไปล่ะ~”
ทันทีที่พรีมูล่าได้ยินคำว่าฝึกอีกครั้งหนึ่งเธอก็ทำหน้าแหยๆ และร้องออกมาทันที ในขณะที่โมโกะก็เสนอให้พวกเขาพักผ่อนออมแรงกันแทนที่จะฝึกให้เหนื่อยเปล่า ส่วนเอริกะนั้นไม่ได้ห้ามอะไรเพียงแค่เอ่ยปากเตือนนากาอย่าให้เผลอฝึกจนหมดแรงก็พอ
และทันใดนั้นเองเอริซาเบธก็ได้เปิดประตูของเคาเตอร์ออกมาก่อนจะชูนิ้วโป้งให้พวกนากาและพูดขึ้นมาด้วยอีกคน
“แหมๆ ~ ไฟแรงจังเลยนะ ถ้าอยากจะซ้อมกันก่อนก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่ว่าระวังอย่าให้หมดแรงหรือว่าวิซหมดตัวไปก่อนสอบล่ะ เดี๋ยวขอฉันไปเตรียมสนามสอบก่อนแป๊บนึงนะ”
“หะ— / เอ๋ะ—”
“อ๊ะ…”
ในจังหวะเดียวกับที่ทุกคนหันไปสนใจเอริซาเบธนั้นเอง เอริกะก็ส่งเสียงออกมาเบาๆ ก่อนจะแอบย่องไปทางเคาน์เตอร์และทำท่าเหมือนกับว่าจะปีนไปแอบที่ด้านใต้ของมันเหมือนกับที่เอริซาเบธได้ทำในตอนแรก
แต่ว่าเธอก็โดนพรีมูล่าที่เหลือบมาเห็นเข้าพอดีจับชายเสื้อหยุดเอาไว้ซะก่อน
“พี่เอริกะจะไปไหนอ่ะ?”
“เดี๋ยวนะเอริ เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ”
“นั่นสิ! แล้วนั่นเธอจะพาสามคนนั้นไปไหนกันน่ะ?”
นากาที่ได้ยินคำพูดอะไรบางอย่างเข้าไปก็ถามเอริซาเบธซ้ำอีกครั้งในทันที ในขณะที่โมโกะเองก็ถามตามขึ้นมาด้วยสีหน้าหวาดผวาเมื่อเธอเห็นเอริซาเบธกวักมือเรียกนักเรียนสามคนที่นั่งอยู่ในห้องให้ลุกขึ้นมาแถมยังดันหลังพวกเขาให้เดินออกไปก่อนอีกด้วย
“ก็เตรียมสนามสอบไง~ เมื่อวันก่อนตอนที่คุณเอริกะเขาติดต่อมาฉันถามไปแล้วนี่นาว่าจะให้เริ่มสอบในวันเดียวกันเลยมั้ย พวกเธอจะได้ไม่ต้องไปๆ กลับๆ กันหลายรอบน่ะ”
“ง—งั้นหมายความว่าพวกฉันจะต้องสอบกันวันนี้เลยเนี่ยนะ!?”
“อื้อ! ก็วันนี้ไง~ ฉันอุตส่าห์ไปตามตัวอาจารย์คุมสอบกับคู่ต่อสู้มาให้พวกเธอทั้งสามคนเลยนะ~ ถ้ายังไงเดี๋ยวฉันขอตัวไปเตรียมสนามสอบก่อนเนอะ~ พวกเธอก็เตรียมตัวให้พร้อมด้วยล่ะ~”
ทันทีที่เอริซาเบธพูดอธิบายเสร็จเธอก็เดินตามนักเรียนทั้งสามคนออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้สังเกตเลยว่านากากับโมโกะนั้นยืนนิ่งไปด้วยสีหน้าซีดเผือดซะแล้ว
และเมื่อพวกเขาตั้งสติได้ทั้งสองคนก็หันขวับไปทางเอริกะที่ถูกพรีมูล่าจับชายเสื้อเอาไว้อยู่และเดินเข้าไปใกล้ด้วยสีหน้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อพร้อมทั้งร้องเรียกเธอด้วยเสียงลากยาวในทันที
“เอริก๊าาาาาาา!! / เอริกะะะะะะะะ!!”
“ขอโทษค่าาาาาาา!!”