บทที่ 40 – หอคอยชั้นที่ 3

 

แน่นอนว่าแม้มิวจะถามเอริเนียไปมากเท่าไหร่ เธอก็ทำได้เพียงแต่แสดงสีหน้าแบบเดิม เธอยังคงไม่พูดไม่จาอยู่เหมือนเดิม

มิวไม่มั่นใจว่าทำไมสาวน้อยถึงรู้เรื่องในอนาคตของตัวเอง อีกอย่างมิวกับเอริเนียพึ่งรู้จักกันได้ไม่นาน

ในมุมมองของมิวแล้วเอริเนียเหมือนคนแปลกหน้าด้วยซ้ำ ถึงจะบอกว่าเหมือนเอริเนียที่เป็นผู้กล้า แต่ถ้าว่ากันตามตรงผู้กล้าเอริเนียก็อยู่กับมิว

หมายความว่าเอริเนียตัวน้อยคนนี้เป็นแค่คนหน้าเหมือนจริงๆ ไม่มีการเกิดใหม่อะไรหรอก ดังนั้นระยะห่างระหว่างมิวกับเอริเนียตัวน้อยก็ยังมีเหมือนเดิม

มิวไม่แน่ใจว่าเอริเนียคิดอะไร หรือคิดยังไงเกี่ยวกับตัวมิวเอง เพราะเธอไม่แสดงออกทางสีหน้าเลย

อย่างเดียวที่เธอทำคือมายืนอยู่ข้างๆ มิว แล้วก็มองมิว.. เธอทำอยู่แค่นั้นจริงๆ ดังนั้นต่อให้ถามอะไรไปเธอก็ไม่พูดไม่จาอยู่ดี

“เธอ.. สามารถเลือกความปรารถนาได้ แต่เธอกลับเลือกที่จะมอบมันให้ฉันเหรอ?”

ต่อให้ปัดเรื่องที่สาวน้อยรู้เรื่องในอนาคตได้อย่างไร เพราะมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ คำพูดของสาวน้อย

แต่ต่อให้เอาของพวกนั้นออกไป การที่สามารถขอคำขออย่างหนึ่งได้ แต่กลับยกให้คนอื่นมิวก็คิดว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้อยู่ดี

“ถึงแม้คำขอนี้จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตไปแล้วไม่ได้ แต่เธอสามารถขอให้ตัวเองเปลี่ยนแปลงยังได้เลยนะ การที่เธอพูดไม่ออกหรืออะไรแบบในตอนนี้เธอสามารถขอให้มันหายไปได้เลยนะ”

มิวพูดแบบนั้น เทพธิดาสาวที่หลับตาลงตอนไหนไม่รู้ก็ถึงกับขมวดคิ้ว

“เดี๋ยวก่อนนะสหายข้า เจ้าว่าอะไรนะ ความปรารถนาเปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้เหรอ?”

“ใช่ ทำไมเหรอ?”

“ดูเหมือนเจ้าจะกำลังเข้าใจผิดนะสหาย สาเหตุที่อดีตของเจ้าเปลี่ยนไม่ได้เพราะตัวเจ้าในอนาคตมาเป็นคนขอ ถ้าข้าบันดาลให้ตัวเจ้าในอดีตก็จะไม่ตาย มันก็จะไม่มีช่วงเวลาที่เจ้ามาขอ สุดท้ายพอไม่มีเจ้ามาขอ ก็จะไม่มีใครฆ่าเจ้าแต่แรก คำขอก็จะไม่มีผล .. สรุปคือทุกอย่างจะปั่นป่วนไปหมดนั่นเป็นเหตุผลที่ข้าบันดาลความปรารถนาให้เจ้าไม่ได้”

เทพธิดาสาวยังอธิบายต่อไป

“แต่ถ้าเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตละก็ ทำได้.. พลังนี้คือพลังที่เปลี่ยนจินตนาการให้กลายเป็นจริงไม่ว่าจะบ้าบอขนาดไหนก็ตาม เพราะงั้นไม่ว่าจะอะไรก็ขอได้ จะพูดให้เข้าง่ายกว่านั้นก็..ในโลกนี้อาจจะมีแค่เจ้าที่ถือเป็นข้อยกเว้นที่ไม่สามารถพัวพันกับอดีตได้”

“เพราะช่วงเวลาของเจ้า อนาคตมันนำไปสู่อดีตด้วย.. คนธรรมดานั้นจะมีเพียงแค่อดีตที่จะนำพาไปสู่อนาคต…และนั่นก็เป็นเพราะการที่เจ้าเลือกที่จะย้อนเวลากลับไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน”

มิวที่ได้ยินแบบนั้นเธอก็ได้แต่เงียบลง ถ้าหากเธอไม่ย้อนเวลาไปในตอนนั้นทุกอย่างคงจบไปแล้วนั่นแหละ

มิวส่ายหน้าถอนหายใจ

“ก็อย่างที่เธอบอก.. เอริเนีย เธออยากได้อะไรปรารถนาอะไร?”

เมื่อคำถามนั้นดังขึ้น เอริเนียก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับมองหน้ามิว

“ได้โปรดเอาพลังที่หายไปของมิวกลับคืนมาด้วย”

“….”

แน่นอนว่าสำหรับมิวแล้วการได้พลังกลับมาคือเรื่องที่ดี เพราะเธอในตอนนี้ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย

แต่ว่า.. มิวมองหน้าเอริเนีย แน่นอนว่าคนที่เลือกคำขอและคนที่มอบคำขอให้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเทพธิดากับเอริเนีย

เมื่อสาวน้อยปรารถนาเช่นนั้น เทพธิดาก็ไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้.. คำบันดาลนั้นจะมอบความปรารถนาให้กับเอริเนีย

มิวที่เงียบไป เทพธิดาไม่ได้พูดอะไร อันที่จริงเธอก็ต้องการให้มิวมีพลังกลับมาเหมือนกันดังนั้นเธอจึงกล่าวซ้ำ

“ในเมื่อความปรารถนานั้นคือคำร้องขอของเจ้า ข้าจะยอมรับคำร้องขอ”

“เอาล่ะ ช่วงเวลาโบนัสได้สิ้นสุดลงแล้ว.. พวกเจ้ามาถูกทางแล้ว นับตั้งแต่ชั้นสามเป็นต้นไปพวกเจ้าจะได้รับเควสลับทันทีเนื่องจากเป็นเควสต่อเนื่อง”

“แล้วก็.. สหายข้า อาจจะไม่ดีที่ต้องทำแบบนี้กับเจ้าแต่ว่า..”

“ตัวตนของเจ้ามันค่อนข้างเป็นปัญหา.. แต่เจ้าในตอนนี้แสดงตัวตนออกมานี้ก็คงไม่สามารถทำเป็นมองไม่เห็นไม่ได้ งั้นเอาแบบนี้แล้วกัน..”

“ข้าจะให้เจ้าสามารถเข้าในหอคอยได้ แต่ว่า.. เจ้าจะไม่ได้รับสิทธิพิเศษใดๆ จากหอคอย.. พูดอีกอย่างคือเจ้าจะไม่สามารถแข็งแกร่งขึ้นด้วยพลังของหอคอย”

“แต่การแจ้งเตือนอะไรข้าจะยังคงแจ้งแก่เจ้า.. จะมีเพียงแค่ ‘ระบบพิเศษ’ ที่เข้าไม่สามารถครอบครองได้”

“โปรดเข้าใจด้วยสหายข้า.. ของชิ้นนั้นมันเป็นของของสิ่งมีชีวิตที่มีโลกแห่งจิตใจที่ต่ำพวกเรา”

มิวไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายกำลังพูดถึงเรื่องอะไร เพราะข่าวเรื่องระบบพิเศษที่ได้รับมาในชั้นที่สิบนั้นยังอยู่ในหมู่พวกคนระดับสูง

แน่นอนว่าเพราะตั้งแต่เริ่มมา ผู้หญิงคนนี้ก็พูดอะไรไม่ค่อยรู้เรื่องแต่แรกอยู่แล้วมิวจึงไม่ได้คิดอะไรมากนัก

“เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้นแล้ว— ไว้เจอกันอีกคราเมื่อชั้นที่ 11 เปิดออก.. เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะปรากฏตัวในโลกของพวกเจ้าบ้าง”

เธอยิ้มพร้อมกับอำลาคนสองคน ก่อนที่แสงสว่างจะอาบไล้ไปทั่วร่างกายของมิวและเอริเนีย

แน่นอนว่าคำขอของเอริเนียนั้นเป็นจริงไปแล้ว มิวยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ เพราะเดิมทีไอ้การตัดนิยามออกมันก็คือการเอานิยามออกไปจริงๆ

เหมือนแค่เราหลับตาแล้วสัมผัสของตรงหน้าและไม่รู้ว่ามันคืออะไรนั่นแหละ เพียงแต่มิวในตอนนั้นที่รู้ตัวว่าตัวเองเสียพลังไป

เพราะเธอต้องการจะใช้พลัง.. ในตอนนี้ที่มิวมัวแต่คิดเรื่องของเอริเนียและสับสนกับคำพูดของเทพธิดาตึงไม่ทราบว่า

บัดนี้ตัวตนของเธอได้หวนกลับคืนสู่การเป็นเทพมังกรที่ยิ่งใหญ่ไปแล้วนั่นเอง แสงสว่างอาบไปทั่วทั้งร่างของเธอก่อนจะกระจัดกระจายอย่างเชื่องช้า

เมื่อทั้งสองลืมตาขึ้นอีกครั้ง ทั้งมิว เอริเนียรวมถึงร่างของรินนะก็ปรากฏขึ้นในพื้นที่โล้งกว้างแห่งหนึ่ง

ตรงหน้าของทั้งสามคนนั้นแทบจะทำให้พวกเธอกลั้นหายใจอย่างช่วยไม่ได้.. ชั้นนี้ยังคงคอนเซปท์เหมือนชั้นที่แล้ว

นี่ก็คือทุกอย่างไร้วี่แววของผู้คนที่มีชีวิต… แต่ที่หนักกว่าทุกอย่างเลยคือที่แห่งนี้มันคือซากเมืองที่กองพะเนินเป็นภูเขาลูกใหญ่!

ภายในเขตซากปรักหักพังนั้นเหมือนจะเป็นเมืองมาก่อน เมืองขนาดใหญ่ที่ถูกภูเขาที่มีสิ่งก่อสร้างบนเขาทับลงมา รอบนอกก็ยังมีเมืองที่ไม่โดนทับก็จริง

แต่สถาปัตยกรรมทั้งหมดก็ถูกทำลายพังถล่มไปอย่างโหดร้าย มิวดูจากตรงนี้ยังรู้ว่าโครงสร้างสถาปัตยกรรมในเมืองแห่งนี้มันละเอียดอ่อนมาก

แม้มันจะพังไปแล้วยังเห็นโครงสร้างบางอย่างที่เหมือนสร้างจากหินอ่อนแบบเดียวกับโลกยุคใหม่ของด้านนอก แต่ที่น่าตะลึงกว่านั้นคือโครงสร้างน่าจะซับซ้อนกว่าบ้านเยอะ

แต่นอกจากความยิ่งใหญ่ของการพังทลายพวกนี้ เมืองแห่งนี้ยังใหญ่มาก มองไปยังไม่สุดลูกตาด้วยซ้ำ เพราะตามังกรของมิว มีวิสัยทัศน์ที่ดีกว่ามนุษย์หลายเท่า

เมืองนี้น่าจะใหญ่กว่าเมืองในชั้นสองอย่างน้อย 10 เท่า.. แน่นอนว่านั่นในกรณีอย่างน้อยเพราะมันควรจะมากกว่านี้

แต่น่าเสียดายที่เมืองนี้พังทลายไปจนหมดสิ้น มันพังพินาศในระดับที่แยกไม่ออกเลยว่าเมืองนี้ก่อนจะพังมีลักษณะดั้งเดิมเป็นอย่างไร

นอกจากเมืองที่ดูสิ้นหวังที่สุดนี้ กลิ่นเลือดคละคลุ้งไปเต็มอากาศ ภายในเมืองมีสัตว์ประหลาดเดินยั้วเยี้ยเต็มไปหมด

สัตว์ประหลาดในชั้นนี้หน้าตาคล้ายกับในชั้นที่สองเลยก็จริง.. แต่จำนวนที่มีอยู่ในเมืองแค่มองไปมิวก็รู้ว่านี่มันเยอะพอๆ กับที่มิวต้านไว้ในช่วง Wave หลังๆ ก่อนจะมีแต่สัตว์ประหลาดระดับบอสโผล่ออกมาเลย

แน่นอนว่าสิ่งที่ต้องทำในชั้นสามไม่ใช่การไบ่ฆ่าพวกมันให้หมดแต่อย่างใด.. พวกเขาต้องตามหาสัตว์ประหลาดระดับบอสในเมืองแล้วจัดการซะ

จะได้รับลูกแก้วมาจากมัน ซึ่งพอได้มาต้องหาประตูอีกแถมต้องทำอะไรอีกหลายต่อหลังจากนั้นด้วย พูดง่ายๆ คือค่อนข้างซับซ้อนเลย.. ชั้นสามเป็นหนึ่งในชั้นสุดท้ายของ Phase แรกเลย

จะพูดง่ายๆ ก็ด่านบอสนั่นแหละนะ.. มันเลยค่อนข้างซับซ้อน ชั้นนี้เป็นชั้นที่กว่าจะหาทางขึ้นไปชั้น 4 ได้ก็ใช้เวลานานพอสมควรเลย

แต่สิ่งที่พวกมิวต้องทำหาใช่การทำแบบปกติไม่..

แต่ต้องทำตามหน้าต่างตรงหน้าต่างหาก

ทั้งสามคนก้มลงไปอ่านสารที่มาจากหอคอย…

……..

และเมื่อพวกมิวเหยียบเข้าชั้นสาม…

Tower Point ของทั้งสามก็หายไป.. ตำแหน่งของคนทั้งสามในโลกด้านนอกเองก็หายไปเช่นเดียวกัน

แน่นอนว่าเหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้น การขึ้นไปอยู่อันดับหนึ่งแล้วจู่ๆ ก็หายไปสร้างความแตกตื่นอย่างมาก

แต่ถึงจะหายไป.. ชื่อของคนทั้งสามก็ยังประทับอยู่ในหัวของคนจำนวนมากและเร่งรีบพากันตามสืบหาตัวตนของคนเหล่านั้น