บทที่ 39 – ความปรารถนาของเธอ

 

มิวกลับมาปัจจุบันด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย บางทีอาจจะเป็นเพราะความพยายามที่สูญเปล่าซึ่งความจริงเหมือนจะไม่ได้สูญเปล่า

แต่เธอยังไม่อยากยอมรับว่ามันเป็นความสำเร็จ.. หากตามที่เสียงปริศนานั้นพูดคือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว การที่มิวต้องย้อนเวลากลับไปเพื่อฆ่าตัวเอง

มันก็เป็นเรื่องที่ควรเกิดขึ้นอยู่แล้ว.. เพราะไม่งั้นก็จะไม่มีมิวในตอนนี้ให้ย้อนเวลากลับไปฆ่าตัวเอง.. หากทุกอย่างนี้ไม่เกิดขึ้น

บางทีโลกคงจะพังทลายไปเพราะความขัดแย้งของกาลเวลาได้.. บัดนี้เธอได้เข้าใจความหมายของคำพูดเทพธิดานางนั้นแล้วว่า

เธอเองก็คงเป็นส่วนหนึ่งของกฎ กฎไม่สามารถทำลายกฎซึ่งกันและกันได้.. กล่าวคือความตายเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดมาไว้แล้ว

เป็นกฎที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง.. มิวรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเดินไปบนเส้นทางที่ถูกใครบางคนกำหนดมาให้เป็นแบบนั้น

สายธารแห่งเวลาไหลผ่านเป็นฉากๆ ต่อหน้ามิว.. เธอไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนี้อย่างไรดี เธอรู้สึกเหมือนทุกอย่างไม่เป็นตามที่หวัง

เมื่อมิวปรากฏตัวขึ้น.. เทพธิดาสาวที่หลับตาอยู่ก็เงยหน้ามองมิวที่กลับมา แน่นอนว่าเธอเองก็ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้

แม้เธอจะไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องเส้นเวลามากนัก แต่เธอรู้ดีว่าเส้นเวลาไม่ใช่ทางแยกเหมือนที่มนุษย์เข้าใจ

ไม่สิ.. มันเป็นทางแยกนั่นแหละถูกแล้ว เมื่อถึงการเลือกบางอย่างไทม์ไลน์หรือเส้นเวลาจะถูกทำให้แตกแขนงออกไป

แต่ทว่า.. โลกแห่งนี้.. เรื่องราวเรื่องราวนี้ทุกอย่างมันถูกกำหนดมาไว้แล้ว จะว่าอย่างไรดีสำหรับมนุษย์อาจจะมองว่าเส้นเวลาจะแตกแขนงออกเมื่อมีทางเลือก

แต่สำหรับสิ่งที่สูงกว่านั้น ไม่ว่าจะเส้นทางที่แตกแขนงออกหรือไม่แตกแขนงออก ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดมาไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

มันมีก่อนที่มนุษย์จะเดินไปถึง ทุกอย่างมีอยู่แบบนั้น ดังนั้นการที่โลกนี้จะเดินไปในเส้นเวลาเดียวที่ไม่มีการแตกแขนงออก

แม้ในความจริงแล้วมันจะมีอยู่ก็ตาม นั่นก็หมายความว่าสิ่งที่กำลังเต้นอยู่บนสายธารแห่งเวลาคืออนาคต อดีต ที่ถูกกำหนดไว้แล้ว

เพียงแต่ว่าเรื่องราวของโชคชะตาในที่แห่งนี้นั้นมันคาบเกี่ยวเข้ากับการเดินทางข้ามเวลา.. ตอนนี้อดีตไม่ได้เพียงแค่นำพาไปสู่อนาคตเท่านั้น

แต่..อนาคตเองก็ต้องนำพาไปสู่อดีตเพื่อให้ทุกสิ่งทุกอย่างยังดำเนินไปในเส้นเวลานี้.. ดำเนินไปยังสิ่งที่ควรจะเป็น

เพราะสำหรับสิ่งมีชีวิตที่สูงกว่า.. ไม่ว่าจะ อดีต ปัจจุบันหรืออนาคต

ทุกอย่างล้วนมีขึ้นมาพร้อมกัน

“สหายข้า..เจ้า”

เทพธิดาสาวมองมิวด้วยสีหน้าสับสนเล็กน้อย การที่อีกฝ่ายโผล่ออกมาแบบนี้แสดงว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ประสบความสำเร็จ

แต่ที่ทำให้เทพธิดาตกใจไปกว่านั้นคือ..

“ทำไมข้าถึงสัมผัสถึงพลังจากร่างของเจ้าไม่ได้เลย”

มิวส่ายหน้าพร้อมกับตอบ

“หายไปแล้ว…”

“ห้ะ”

เมื่อมิวตอบมาแบบนั้นแม้แต่เทพธิดายังต้องร้องอุทานด้วยความสับสน.. นี่มันเรื่องอะไร หายไปเหรอ..? หายไปได้ยังไง

เป็นไปได้ด้วยเหรอ เทพธิดาไม่เพียงแต่ไม่สามารถสัมผัสถึงพลัง..แต่ตัวตนที่ของบุคคลตรงหน้านี้เหมือนไม่ใช่คนเดิมด้วยซ้ำ

ไม่สิ..ในตอนนี้คนคนนี้เรียกตัวเองว่า ‘มิว’ ได้ด้วยเหรอ.. ตอนนี้สำหรับมิวแล้วเธอไม่ใช่ไม่เพียงแต่เป็นคนธรรมดา

เธอเป็นยิ่งกว่านั้น.. หากนึกภาพไม่ออกแล้วลองมองไปในเรื่องราวนิยายสักเรื่องมักจะมีตัวละครที่ไม่มีนิยามหรือชื่อมาเรียก

มิวในตอนนี้เหมือนกับสิ่งแบบนั้นเลย.. ซึ่งในความจริงแล้วมันเป็นไปไม่ได้ ยิ่งเป็นตัวตนระดับมิวแล้วมันจะถูกตัดแยกนิยามได้อย่างไร

“เดี๋ยวสิ สหายมันเกิดอะไรขึ้น.. ‘เจ้านั่น’ มันไม่น่าจะใช้พลังแบบนี้นี่”

“ไม่ใช่เจ้าผู้คุมเวลาอะไรนั่นหรอก.. แต่เป็นใครไม่รู้เหมือนกันใช้ดาบเล่มนี้ตัดมาที่ฉัน”

มิวพูดพร้อมกับยื่นดาบของเอริเนียให้เทพธิดาดู ทันทีที่ดวงตาเธอเห็นดาบเล่มนี้เหงื่อเธอก็ไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้

เธอเงียบลงพร้อมกับก้าวถอยหลัง สีหน้าสับสนอย่างถึงที่สุด ดวงตาที่ปกติปิดอยู่ยังต้องลืมขึ้นมามองดาบเล่มนี้

ตั้งแต่เริ่มคุยกับคนตรงหน้านี้มา มิวไม่เคยเห็นเธอแสดงท่าทางสับสนและหวาดกลัวที่ชัดเจนขนาดนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ

“สหาย.. เจ้าใช้ดาบเล่มนี้ได้ด้วยเหรอ”

“ตอนนี้ทำไม่ได้แล้ว”

“……”

แม้มิวจะว้าวุ่นใจกับเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นอยู่ แต่เมื่อเห็นท่าทางของฝ่ายตรงข้ามที่มีต่อดาบ.. แถมดาบเล่มนี้ก็ยังเป็นดาบที่ทำให้คางาริตัวเธอในอดีตต้องตาย

มิวเองก็อดที่จะรู้สึกสงสัยไม่ได้.. แต่ตอนที่เธอใช้ดาบเล่มนี้ไม่สามารถทำอะไรแบบนั้นได้แน่ๆ

“ข้าขอยืมจับมันสักครู่ได้ไหม”

“หือ…?”

แม้ดาบเล่มนี้จะเป็นดาบของเอริเนีย แต่อีกฝ่ายไม่ใช่ตัวตนน่าสงสัย ไม่สิ จะว่าน่าสงสัยก็น่าสงสัยแหละ

แต่ถ้าอีกฝ่ายรูอะไรเกี่ยวกับดาบก็จะดีกับมิวเหมือนกัน.. สำหรับมิวในตอนนี้เธอเหมือนไม่เหลือเป้าหมายในชีวิตอีกแล้ว

หากการย้อนเวลากลับไปคือเป็นการทำให้สิ่งที่ควรจะเกิดมันเกิดขึ้น.. มิวคงไม่กล้าที่จะย้อนเวลาอีกแล้วล่ะ

ดังนั้นสำหรับมิวในตอนนี้จึงเป็นเหมือนบางสิ่งที่ไม่มีความปราถนาอะไรเลย

อีกอย่างเธอในตอนนี้เองก็ไร้พลังยิ่งกว่าอะไร ความรู้สึกที่ไร้พลังบางทีต่อให้ออกจากหอคอยไปแล้วเธอก็คงทำอะไรไม่ได้นี้

มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองไม่มีอะไร และก็เป็นครั้งแรกที่มิวรู้สึกว่าพลังที่แข็งแกร่งของเธอนั้นมันมีค่ากับเธอขนาดไหน

มิวยื่นดาบให้หญิงสาวตรงหน้า เธอรับดาบมาด้วยความกล้าๆ กลัวก่อนจะหันหลังให้มิวจ้องมองดาบเหมือนกำลังยืนยันอะไรบางอย่าง

ในมุมมองมิวเหมือนอีกฝ่ายกำลังตรวจสอบวาดาบเล่มนี้เป็นดาบเล่มที่ตัวเองรู้จักจริงหรือเปล่า พอผ่านไปสักพักเธอคอยหันกลับมาพร้อมยื่นคืนให้

“สหายข้า.. ข้ามีความปรารถนาที่จะมอบให้เจ้าอีกหนึ่งอย่าง.. นั่นก็คือเอาพลังที่เจ้าสูญเสียไปทั้งหมดกลับคืนมา”

เมื่อมิวได้ยินแบบนั้นเธอที่ซึมกะทืออยู่ก็เงยหน้าขึ้น

“ห้ะ…? เธอพูดว่าอะไรนะ”

“อย่างที่บอกสหายข้า.. ข้าจะมอบความปรารถนาให้เจ้าอีกหนึ่งอย่าง แน่นอนว่าไม่ใช่การย้อนเวลาแต่เป็นพลังของเจ้า เจ้าเองก็ไม่มีสิทธิ์เลือกเช่นเดียวกัน”

“ดะ..เดี๋ยวสิ นี่มันหมายความว่าไง”

แน่นอนว่ามิวจะสับสนก็ไม่แปลก.. อย่าลืมความสำคัญของสิ่งที่เรียกว่าความปรารถนาไป มันคือของขวัญที่อยู่บนชั้นร้อยเลยนะ

มิวจะสามารถได้ใช้มันถึงสองครั้งติด.. นี่มันหมายความว่ายังไง แม้มิวจะไม่ได้ฉลาดแต่เธอก็พอจะเดาได้ว่าต้องมีเบื้องหลัง

โดยเฉพาะเมื่อเธอคนนี้ยืนยันว่าดาบเล่มนี้เป็นแบบเดียวกับที่เธอคิดหรือเปล่า เธอก็เหมือนนึกสิ่งนี้ขึ้นมาได้แล้วเสนอ

“เธอ..ต้องการอะไร..”

“ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกันว่านางต้องการอะไร”

หญิงสาวกล่าวขึ้นพร้อมกับมองไปด้านข้าง มิวเองก็มองตามคนที่เดินออกมาก็คือเอริเนียตัวน้อยที่เหมือนกับไม่มีความรู้สึกหลงเหลืออยู่แล้ว

พอเธอเห็นมิวเธอก็เดินต้อยๆ มายืนอยู่ข้างๆ มิวเหมือนน้องสาวที่ติดพี่สาว เธอไม่ได้พูดอะไรสักคำ

มิวมองเอริเนียก่อนจะมองที่เทพธิดาตรงหน้า เทพธิดาตรงหน้าก็พยักหน้า..

“เด็กคนนี้ไม่มีความปรารถนาอะไรเลย.. โดยปกติแล้วแม้มนุษย์จะไม่สามารถแสดงอารมณ์ออกมาได้เพราะผลกระทบทางจิตใจหรืออะไรบางอย่างก็ตาม”

“แต่ในความจริงแล้วความปรารถนาเบื้องลึกไม่ควรหายไป เพราะรากฐานของทุกสิ่งก็คือความต้องการ หากไม่มีความต้องการบางอย่างมันก็ไม่ต่างจากภาชนะที่ไร้วิญญาณหรอก”

“เด็กคนนี้ก็เหมือนภาชนะที่ว่านั่น.. ข้าไม่สามารถอ่านเจออะไรภายในจิตใต้สำนึกหรือความปรารถนาเธอเลย”

“แต่ในตอนที่ยืนต่อหน้ากันและข้าพูดว่าจะทำให้ความปรารถนาของนางเป็นจริง ให้นางพูดสิ่งที่นางต้องการออกมา”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่านางตอบว่าอะไร”

เทพธิดาสาวมองไปที่เอริเนียตัวน้อย

“นางตอบว่าช่วยมอบความปรารถนานี้ให้กับเจ้า.. ให้เจ้าเอาพลังที่สูญเสียไปคืนกลับมาด้วย”

“ทั้งที่ในตอนนั้นเจ้า.. ยังไม่ได้เริ่มย้อนเวลากลับไปด้วยซ้ำ เจ้ายังไม่ได้สูญเสียพลังอะไรไปด้วยซ้ำ เพราะแบบนั้นข้าถึงไม่รู้ว่าจะบันดาลให้ได้อย่างไร”

“ดังนั้นคำขอนางจึงไม่เป็นผล.. จนกระทั่งตอนนี้”

มิวมองไปที่เอริเนีย.. เอริเนียเองก็มองมาที่เธอ ทั้งสองมองหน้ากันแต่เอริเนียก็ยังคงเหมือนเดิมไร้ซึ่งความรู้สึกหรือใดๆ

“เธอ….”