บทที่ 30 ตระกูลไป๋

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 30 ตระกูลไป๋

บทที่ 30 ตระกูลไป๋

จากนั้นไม่นาน สมาชิกคนหนึ่งของตระกูลไป๋ก็เดินออกมาพร้อมจมูกที่ฟกช้ำและใบหน้าบวมเป่ง ทันทีที่ชายผู้นั้นหันกลับมาเห็นลู่หยวน เขาก็แสดงความเคารพทันที “แสดงความเคารพบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่”

บุตรศักดิ์สิทธิ์ขมวดคิ้ว “คุณชายไป๋ของเจ้าเป็นอะไรไป?”

ชายคนนั้นเพียงยืนนิ่งโดยไม่เอ่ยอะไร

ลู่หยวนสะบัดแขนเสื้อของเขาและเปิดประตูเข้าไปด้านใน สภาพห้องแห่งนั้นยุ่งเหยิงอย่างยิ่งราวกับเพิ่งมีพายุลูกใหญ่พัดผ่านไป

ชายในชุดขาวนอนนิ่งอยู่บนโต๊ะ เสื้อผ้าของเขาหลุดลุ่ยจนเผยผิวขาวสว่าง ทั่วกายอาบไปด้วยกลิ่นเหล้า เขาหลับใหลพลางพึมพำ “เอาเหล้ามาให้ข้า …เอาเหล้ามาให้ข้าอีกสิ”

เมื่อเห็นแสงสว่างสาดส่องผ่านช่องประตู ชายผู้นั้นก็รีบลุกขึ้นทันที เขาลืมตาแล้ววิ่งโซเซอย่างเร่งรีบ ก่อนเอื้อมมือคว้าชายเสื้อของผู้มาเยือน

“เอาเหล้ามา! ข้าบอกให้เอาเหล้ามา หูหนวกหรืออย่างไร?!”

เมื่อเห็นท่าทางเมามายของไป๋ซีเจ๋อ ชายหนุ่มก็รู้สึกโกรธในใจและกล่าวขึ้นทันที “ไป๋ซีเจ๋อ เจ้าคงเห็นแล้วว่าข้าคือผู้ใด”

คู่สนทนาเงยหน้าขึ้นและส่ายศีรษะอยู่เป็นเวลานาน ดวงตาที่หรี่ลงพลันเบิกกว้าง เขาเอื้อมมือคว้าแขนเสื้อของมิตรสหายด้วยความโกรธบนใบหน้าและหน้าแดงก่ำ “ข้าไม่ดีเท่าเจ้าหรืออย่างไร?! ไป๋อู๋อี เหตุใดเจ้าถึงได้เป็นนายน้อยแห่งตระกูล?! เพราะเหตุใดกัน?!”

“ข้าอยากฆ่าเจ้าให้ตายนัก!”

ไป๋ซีเจ๋อพยายามลุกขึ้นเตรียมจะอาละวาด แต่กลับถูกลู่หยวนถีบสวนมาจนเกิดเสียงดัง ทำเอาชายในเสื้อคลุมหลุดลุ่ยกระเด็นชนกำแพงอย่างรุนแรงและกระอักเลือดออกมา

“ไป๋ซีเจ๋อ เจ้าไม่รู้จริงหรือว่าข้าคือใคร?”

แรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านไปถึงอีกฝ่ายจนฟ้าดินสั่นสะเทือน ทำเอาความเมามายหายวับไปในทันที “ลู่… ลู่หยวน?”

ไป๋ซีเจ๋อรีบลุกขึ้นในทันที “ลู่หยวน ยกโทษให้ข้าที่ทำตัวหยาบคายทีเถอะ”

คู่สนทนาหาที่นั่ง “เอาละ ไม่จำเป็นต้องมากความอีกต่อไป บอกข้ามาว่าเกิดอะไรขึ้น?”

ในความทรงจำของลู่หยวน แม้ไป๋ซีเจ๋อจะค่อนข้างหยิ่งผยอง แต่เขาก็ไม่เคยเป็นนักดื่มที่เมามายเช่นนี้ แต่ตอนนี้กลับดื่มจนเสียสติ ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้น

สีหน้าของคนฟังแสดงความเศร้าหมอง หลังระงับความโกรธในหัวใจได้ เขาก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย “ตำแหน่งนายน้อยแห่งตระกูลไป๋ถูกตัดสินแล้ว มันถูกส่งมอบให้กับไป๋อู๋อี”

“ไป๋อู๋อีคือใครนะ?”

ลู่หยวนพยายามคิดอย่างรอบคอบ แต่กลับไม่พบข้อมูลใดเกี่ยวกับชายคนนี้ ในความทรงจำของเขา ดูเหมือนจะไม่มีรายชื่อของคนผู้นี้อยู่ในตระกูลไป๋

“ทายาทในตระกูลของข้า เจ้านี่ไม่ได้มีค่าอะไรไปมากกว่าเศษขยะ! แต่ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อไม่นานมานี้ ฐานการฝึกยุทธ์ของเขาพัฒนาขึ้นอย่างมาก จนสามารถเอาชนะทายาทสายหลักนับสิบคนติดต่อกันจากการแข่งขันประลองผู้ฝึกยุทธ์ภายในตระกูลไป๋ ทั้งที่เป็นแค่ครึ่งก้าวสู่ขั้นราชันยุทธ์”

คนฟังประหลาดใจเล็กน้อย เขารู้ว่าทายาทสายหลักของตระกูลไป๋ส่วนใหญ่เข้าสู่ขั้นราชันยุทธ์ระดับกลางแล้ว แต่กลับพ่ายแพ้ให้กับผู้ที่อยู่ในครึ่งก้าวสู่ขั้นราชันย์ยุทธ์ เห็นได้ชัดว่าชายผู้นี้มีฝีมือที่ไม่ธรรมดา!

แต่คนอะไรจะเก่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์ที่มีขั้นพลังเหนือตัวเองขนาดนั้นกัน…

“ก่อนหน้านี้ ท่านประมุขสังเกตเห็นความแข็งแกร่งของเขา จึงเรียกเข้าพบและพูดคุยกันอยู่นานสองนาน เมื่อเขาออกมา ท่านประมุขก็ประกาศต่อว่าจะแต่งตั้งไป๋อู๋อีให้เป็นนายน้อยแห่งตระกูลไป๋!”

ไป๋ซีเจ๋อกล่าวต่อด้วยความไม่พอใจ “การตัดสินใจอย่างกะทันหันของท่านประมุขถูกผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ต่อต้านอย่างรวดเร็ว แต่ประมุขก็ไม่ได้สนใจ แม้เรื่องการประกาศแต่งตั้งนี้จะถูกหยุดไว้ชั่วคราว แต่เขาก็ยอมให้ชายผู้นี้เข้าไปในเขตแดนลับของตระกูลไป๋”

“เขตแดนลับนั้นอันตรายมาก ข้าไม่รู้ว่ามีสมาชิกในขั้นราชันยุทธ์กี่คนที่เสียชีวิตที่นั่น แต่สามเดือนต่อมา ชายผู้นั้นกลับออกมาได้อย่างปลอดภัย อีกทั้งยังได้รับสมบัติมากมาย แถมฐานการฝึกฝนก็เลื่อนมาอยู่ในขั้นครึ่งก้าวสู่ขั้นจักรพรรดิยุทธ์อีก”

“ทันทีที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น ประมุขแห่งตระกูลก็ปลาบปลื้มใจ ผู้อาวุโสมากมายทำได้เพียงสงบปากของพวกเขาแม้จะเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวก็ตาม”

“ข้าโกรธมาก! จึงเดินทางไปหาไป๋อู๋อีและท้าต่อสู้ตัวต่อตัว อยากให้มันรู้ว่าข้าคือผู้ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตำแหน่งนายน้อยแห่งตระกูลไป๋ แต่ก็ประมาทจนพลาดท่า พ่ายแพ้กลับมา”

แววตาของไป๋ซีเจ๋อค่อย ๆ หม่นลง “เพราะข้าต่อสู้กับไป๋อู๋อีแบบตัวต่อตัว ข้าจึงถูกประมุขแห่งตระกูลประณาม ก่อนจะสั่งให้ข้าไปยังบ้านของตระกูลเสิ่นเพื่อร่วมงานเลี้ยงฉลองวันเกิด ข้าโกรธเป็นอย่างมากจึงเดินทางมาหาเจ้าที่นี่ก่อน”

ลู่หยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย เหตุใดจึงรู้สึกคุ้นเคยกับเรื่องราวนี้นัก?

เกิดมาตัวเปล่า …ไม่เป็นที่จดจำ แต่เมื่อได้รับพลัง ฐานการบ่มเพาะก็พุ่งสูงขึ้น เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดด้วยวิธีการที่ไม่อาจคาดเดาได้ หากผู้ใดเข้าไปในเขตแดนลับจะต้องตาย ทว่าเขากลับมีโชคชะตาสวรรค์ประทานให้มาได้

นี่คือเรื่องราวชีวิตของพระเอกอย่างสมบูรณ์!

เขาจ้องมองไปยังทิศทางหนึ่ง ไป๋อู๋อีผู้นี้ดูเหมือนจะเป็นบุตรแห่งโชคชะตา!

ลู่หยวนตะโกนในใจ “ระบบ โปรดยืนยันว่าไป๋อู๋อีเป็นบุตรแห่งโชคชะตาใช่หรือไม่?”

[ระบบแจ้งเตือน สามารถตรวจสอบได้เฉพาะเวลาที่บุตรแห่งโชคชะตาปรากฏขึ้นตรงหน้าท่านเท่านั้น!]

ดูเหมือนว่าเขาจะต้องเดินทางไปพบไป๋อู๋อี!

ลู่หยวนตบไหล่ไป๋ซีเจ๋อ “ตราบใดที่ตระกูลไป๋ยังไม่ประกาศ แสดงว่าเจ้ายังมีโอกาส!”

คู่สนทนายังคงดูเศร้าหมอง “ตอนที่ไป๋อู๋อีได้รับอนุญาตจากประมุข เขาก็จะได้สิทธิ์เข้าสู่เขตแดนสัตว์อสูรและตามหาสัตว์อสูรไป๋เจ๋อ*[1] ท่านประมุขให้สัญญากับเจ้านั่นว่า หากสามารถควบคุมไป๋เจ๋อได้ ก็จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายน้อยแห่งตระกูลไป๋ทันที”

ลู่หยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่คาดหวังว่าไป๋อู๋อีผู้นี้จะได้รับการส่งเสริมจากผู้คนในตระกูลไป๋อย่างรวดเร็วเช่นนี้

ไม่ต้องพูดถึงมรดกในเขตแดนลับที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ ตระกูลไป๋เลี้ยงดูสัตว์อสูรไว้เพื่อให้เป็นที่พึ่งพาของตระกูล ว่ากันว่าตระกูลไป๋เลี้ยงดูสัตว์อสูรมานานนับหมื่นปีแล้ว และสัตว์ที่พวกเขาปกป้องอยู่คือ สัตว์อสูรไป๋เจ๋อ

เมื่อเทียบกับหลายหมื่นปีก่อน ตระกูลไป๋ในตอนนี้ตกต่ำลงไปมาก จำนวนสมาชิกลดน้อยลง และไม่อาจทำสัญญากับสัตว์อสูรได้

เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ตลอดหลายพันปีที่ผ่านมาไม่เคยมีผู้ใดในตระกูลไป๋สามารถควบคุมมันได้เลย

แต่หากไป๋อู๋อีคนนี้เป็นบุตรแห่งโชคชะตาจริง ๆ ไป๋เจ๋อจะต้องยอมเชื่อฟังเขาอย่างแน่นอน!

ชายหนุ่มเอ่ยถาม “ไป๋อู๋อีจะเข้าสู่เขตแดนลับเมื่อใด?”

ไป๋ซีเจ๋อกล่าวด้วยความหงุดหงิดใจ “อีกครึ่งเดือน”

เมื่อลู่หยวนได้ยินดังนั้นก็รู้ว่ายังมีเวลาอีกมากจึงเอ่ยขึ้น “หากเป็นเช่นนั้นเหตุใดเจ้าจึงยังมัวมาเมามายในบ้านตระกูลลู่อีก? เหตุใดจึงไม่กลับไปแล้วคว้าเอาโชคชะตานั้นมากันเล่า? เจ้าอยากให้ไป๋อู๋อีฉวยเอามันไปจากเจ้าหรือ?”

คู่สนทนาส่ายศีรษะ “ท่านประมุขสั่งให้ไป๋อู๋อีเข้าสู่เขตแดนสัตว์อสูร ข้าจะทำอะไรต่อไปได้อีก? ยิ่งคิดก็ยิ่งเพิ่มความทุกข์ให้กับตน มาชวนเจ้าเมามายที่นี่ยังจะมีความสุขเสียกว่า”

คุณชายลู่หัวเราะอย่างชั่วร้าย “หึ เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าใครจะสามารถเข้าไปในเขตแดนสัตว์อสูรได้จนถึงลมหายใจสุดท้าย? ไปกันเถิด ข้าจะช่วยเจ้าหาวิธีเอง!”

หลังจากที่ชายหนุ่มกล่าวจบ เขาก็ดึงไป๋ซีเจ๋อขึ้นมาและสั่งให้เขาจัดการตัวเองให้เรียบร้อย จากนั้นจึงสั่งให้เฉาหงเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางไปยังตระกูลไป๋

จากนั้นไม่นาน พวกเขาทั้งสามก็พาสัตว์อสูรสามตัวบินไปยังตระกูลไป๋ด้วยความรวดเร็ว

ทันใดนั้น ระบบก็ดังขึ้น…

[ระบบแจ้งเตือน… ความแข็งแกร่งของสำนักฟ้าประทานเพิ่มขึ้น ค่าชะตาของซวี่รั่วหลิงเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ค่าชะตาวายร้ายของท่านเพิ่มขึ้น!]

[ค่าชะตาของท่านในปัจจุบันคือ 6,000 แต้ม!]

ดูเหมือนว่าตู้เหิงจะแจกจ่ายสมบัติของสำนักอื่น ๆ แล้ว ด้วยทรัพยากรเหล่านี้ ค่าชะตาของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมากไปพร้อม ๆ กับความแข็งแกร่งของสำนักฟ้าประทาน

หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน สำนักฟ้าประทานก็ประกาศรับสมัครศิษย์ใหม่ ความแข็งแกร่งจะต้องเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ดูเหมือนว่ายังมีโชคอีกมากมายรอคอยเขาอยู่!

พวกเขาเดินทางด้วยการขี่สัตว์อสูรของตระกูลลู่เป็นเวลาหลายวัน ในที่สุดพื้นที่ป่าก็ปรากฏขึ้นในพื้นที่ห่างไกล แต่มองเห็นได้ด้วยสายตา ลู่หยวนเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ ได้ยินเสียงคำรามของสัตว์อสูรดังขึ้นจากผืนป่า

ไป๋ซีเจ๋อและลู่หยวนเดินทางไปยังป่าที่มีสัตว์อสูรอาศัยอยู่ ซึ่งพื้นที่โดยรอบเต็มไปด้วยสัตว์อสูรระดับต่ำ เมื่อรู้สึกได้ถึงรัศมีพลังของลู่หยวนและคนอื่น ๆ พวกมันก็หดหัวและหลีกหนีไปทันที

หลังจากข้ามเขตแดนที่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้อาศัยอยู่ ไป๋ซีเจ๋อก็นำทั้งสองคนเข้าสู่พื้นที่ราบเรียบ ไร้ซึ่งหญ้าหรือต้นไม้ ทันใดนั้นพลันมีอักขระแปลกประหลาดปรากฏขึ้น ก่อนจะหมุนวนเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าบนพื้นดิน

ไป๋ซีเจ๋อชี้ไปยังค่ายกลขนาดใหญ่พลางกล่าว “นี่อย่างไรเล่า ทางเข้าดินแดนที่ตระกูลไป๋ของข้าอาศัยอยู่”

ลู่หยวนพยักหน้าและตามไป๋ซีเจ๋อเข้าไปในค่ายกลนั้น

ทั้งสามคนก้าวเข้าไปในค่ายกล อักขระรอบตัวพลันหมุนอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ภาพตรงหน้าของพวกเขาจะเริ่มพร่ามัวอย่างเชื่องช้า

ในช่วงเวลาถัดมา ภาพเบื้องหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป ป่าลึกกลายเป็นลานกว้าง ตามมาด้วยเสียงคำรามของสัตว์อสูร!

ไม่ไกลจากพื้นที่ราบ มีสัตว์อสูรและผู้คนราวสองสามคนยืนอยู่ด้านข้าง สายตาของพวกเขาจับจ้องไปยังค่ายกล

คนแรกคือชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีม่วงและกวานมังกรทอง สัตว์อสูรที่หมอบอยู่เคียงข้างเขาคือเสือดาวทองคำ ขนาดร่างกายของมันเทียบได้กับมนุษย์สามคน มันส่งเสียงคำรามซึ่งทำให้ผู้คนสั่นสะท้าน

ชายผู้นั้นยืนนิ่งเฉยโดยไม่ขยับเขยื้อน รัศมีแสงศักดิ์สิทธิ์เจือจางรวมตัวกันทั่วร่างกายของเขา ทำให้รู้สึกน่าเกรงขามและมีเกียรติยิ่ง

ประมุขตระกูลไป๋คนปัจจุบัน ซึ่งมีนามว่าไป๋จาง!

ขณะที่ทั้งสามคนปรากฏตัว ไป๋จางก็เพ่งสายตาไปยังลู่หยวน ก่อนจะปรากฏรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าที่จริงจังของเขา

เขานำคนเข้ามาทักทายทันที “บุตรศักดิ์สิทธิ์จะเดินทางมายังบ้านของตระกูลไป๋ เหตุใดไม่บอกกันก่อนเล่า? อย่างน้อยก็ให้ข้าได้เตรียมตัวต้อนรับ หากไป๋ซีเจ๋อไม่ส่งคนมารายงานล่วงหน้าในวันนี้ ท่านก็จะไม่ถือว่าตระกูลเราเสียมารยาทหรอกหรือ?”

บุคคลอื่นก็ต่างกล่าวทักทายลู่หยวนผู้ซึ่งเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งตำหนักธารสุญญะทีละคน

ลู่หยวนเผยรอยยิ้ม “ผู้คนจากตระกูลไป๋สุภาพยิ่งนัก เพียงแค่ประมุขแห่งตระกูลไป๋เดินทางมาต้อนรับด้วยตนเองก็ทำให้ข้ารู้สึกยินดีไม่น้อย”

ไป๋จางเผยรอยยิ้มด้วยความเต็มใจ “ข้าได้เตรียมงานเลี้ยงต้อนรับบุตรศักดิ์สิทธิ์ไว้แล้ว ขอเชิญ!”

[1] สัตว์ในตำนานอีกหนึ่งตัวของประเทศจีน มีลักษณะลำตัวเหมือนสิงโต มีเขาสองข้าง และมีเคราเหมือนแพะ กายสีขาวบริสุทธิ์