ตอนที่ 43 ผู้กล้าคนก่อนฝึกสอนเหล่าแฟนคลับ 1

ผู้กล้าคนก่อนอยากจะเกษียณ

หลังจากนั้นผมกับอาเรียสดิเน่ซังก็หารือกันต่ออีกจนในที่สุดก็สร้างชุดว่ายน้ำโรงเรียนสีขาวและชุดเครื่องแบบนักเรียนต้นแบบสำเร็จ และตอนนี้เวลาก็ได้ผ่านไปแล้ว 2 วันแล้วหลังจากที่ผมกลับมาจากที่อัลเทียร่าโดยที่เบอร์นาเดสโดยสารที่ไหล่ผมเหมือนเดิม 

และแล้ว ก็ถึงคาบเรียนที่ 3 สำหรับผมที่จะต้องสอนในโรงเรียนแห่งนี้

 

[ 『Dima・Yolge・Twol・Elementia』 นี่อาจจะเป็นวลีที่ถูกใช้บ่อยสุดในภาษาอเล็กซีเรีย เพราะมันคือคีย์เวิร์ดสำคัญในการกระตุ้นการทำงานของเวทย์มนตร์ คำคีย์เวิร์ดนี้ นั้นไม่ได้ถูกใช้ในภาษาเวทย์มนตร์อิสเรียวหรอกนะครับ อาจกล่าวได้ว่าความแตกต่างของการที่ใช้คีย์เวิร์ดกับไม่ใช้นั้นเกิดจากรูปแบบโครงสร้างของภาษา เอาละเคท รู้รึปล่าวว่าแตกต่างกันยังไงครับ ]

[ ม๊ายรู้คร๊าบบ ]

[ กล่าวออกมาว่าไม่รู้ได้อย่างตรงไปตรงมาดีนะ  ความแตกต่างในหลายๆภาษาเวทย์มนตร์นั้นมันมีต้นกำเนิดมาจากภาษาเวทย์มนตร์อิสเรียวและภาษาอเล็กซีเรีย   ถ้าให้พูดเข้าใจง่ายๆก็ ภาษาอิสเรียวคือการบังคับดึงพลังภูติลงมาใช้ที่โลกเลย แต่สำหรับภาษาอเล็กซีเรียนั้นกับกล่าวสรรเสริญ สรรเสริญ สรรเสริญ และสรรเสริญเหล่าภูติที่อยู่ ณ สรวงสวรรค์เพื่อที่เขาจะนำพลังมาใช้ที่โลก ประมาณนั้น ]

 

ผมได้อธิบายข้อแตกต่างของทั้ง 2 ภาษาออกมาในขณะที่มือกำลังเขียนความหมายของคำเมื่อก่อนหน้านี้ที่กระดานดำ

 

[ 『Dima・Yolge・Twol・Elementia』 เมื่อเราแปลออกมา [ โปรดรับฟังข้าด้วยเถิด ท่านจิตวิญญาณแห่งธรรมชาติ ] . . . บลาๆ 

 

ผมวงกลมประโยคสำคัญๆต่างๆเต็มกระดานดำ 

แน่นอนว่าพวกนี้จะไปออกอยู่ในข้อสอบนะ

 

*กาแร้งง . . . กาแร้งง * (เสียงระฆัง)

[ โอ๊ะ ? ]

 

เสียงระฆังจากหอนาฬิกาลิสวาเดียได้ดังขึ้นเป็นสัญญาณบอกว่าการเรียนการสอนคาบนี้ได้จบลงแล้ว และแทบจะในทันที เหล่านักเรียนต่างโห่ร้องออกมาประมาณว่า “อ่าา จบซักที~” แม้ว่านี้จะอยู่ที่ต่างโลกก็ตาม แต่หลายสิ่งๆก็ไม่ได้แตกต่างกันเลยสินะ

 

[ ทุกคนคะ คาบเรียนนี้ยังไม่จบลงนะคะ !!  ]

 

เพียงคำพูด(ทำเสียงดุๆ)ไม่กี่คำ เฮนเรียสต้าเธอพูดออกมาพร้อมกับจ้องไปยังเหล่านักเรียน นั้นทำให้เหล่านักเรียนรู้สึกตัวและเงียบลง และเธอเองก็ยังหันมาสบตากับผม ราวกับพยายามจะบอกว่า “เชิญพูดต่อค่ะ” อย่างไงอย่างงั้น

 

[ อ่าครับ สำหรับคาบเรียนนี้จบลงแล้ว เชิญครับ ]

[  นักเรียนทั้งหมด !! ลุกขึ้น . . ทำความเคารพ ]

 

เมื่อเฮนเรียสต้า ผู้เป็นตัวแทนของห้องได้ลุกขึ้นยืน เหล่านักเรียนทั้งหมดก็ลุกขึ้นตามอย่างพร้อมเพียงพร้อมกล่าวคำขอบคุณแก่ผม

 

[ [ [ ขอบคุณค่ะ/ครับ ] ] ]

[ โอ้ว เชิญครับ ]

 

เมื่อการแสดงความเคารพหลังจบคาบเรียนเสร็จสิ้น เหล่านักเรียนก็กลับมาเจี๊ยวจ้าวกันเช่นเดิม นั้นก็เพราะคาบต่อไปเป็นเวลาพักเที่ยงนั้นเอง

สำหรับการเรียนการสอนของโรงเรียนลิสวาเดียนั้นค่อนข้างที่จะแปลกซักหน่อย เพราะว่าใน 1 วันนั้น กำหนดให้มีการเรียนเพียงแค่วิชาเดียว

ถึงแม้จะมีพักเที่ยงก็ตาม แต่ในตอนบ่ายนั้นก็ต้องกลับมาเรียนเรื่องเดิมต่ออีก 2-3 ชั่วโมงมันเป็นอะไรที่น่าเบื่อทีเดียว

อืม คงมีเหตุผลอะไรสักอย่างหรอกมั้งที่มีการกำหนดให้ 1 วันมีการสอนเพียงแค่วิชาเดียว

และก็ไม่เห็นมีใครบ่นอะไรด้วย แต่ . . 

 

[ เฮ้อ การเป็นอาจารย์มันเหนื่อยจังเลยน๊าาา~ ]

 

แม้ว่าการสอนของผมนั้นจะเริ่มต้นช่วงสายก็ตาม 

แต่การสอนของผมนั้นมันก็กินเวลาทั้งหมดของช่วงเช้า

เพราะงั้น จงมีความสุขกับเวลาพักเที่ยงอันน้อยนิดซะ ตัวผม

 

[ ท่านอาจารย์ ยาชิโระ ค่าา/คร๊าบ !!]

[ หือ ? ]

 

ในขณะที่ผมกำลังเก็บอุปกรณ์การสอนอยู่นั้น ก็มีเสียงเรียกผม เมื่อผมหันกลับไปก็พบกับกลุ่มนักเรียนชายหญิง 5 คน กำลังเดินตรงมาทางโต๊ะอาจารย์

 

[ หลังเลิกเรียน ท่านอาจารย์ว่างรึปล่าวคะ ]

[ ห๊ะ ? อะอ้อ ว่างครับ ]

[ จะ- , จริงหรอครับ/คะ !! ]

 

ที่จริงก็ว่างอยู่นะ ถ้าจะมีอะไรก็คงเป็น เรื่องยัยซิสเตอร์ผู้หิวโหยซังชวนไปตะเวนกินแหลกนั้นแหละ อืมดีเลย ผมจะได้ใช้เรื่องเหล่านักเรียนนี้เป็นข้ออ้างปฎิเสธยัยนั้น

 

[ ได้โปรดสอนการต่อสู้ด้วยเวทย์มนตร์กับพวกเราด้วยค่ะ/ครับ !! ]

[ . . . เฮะ !! การต่อสู้ด้วยเวทย์มนตร์ ? ]

[ พวกเราอยากแข็งแกร่งและเป็นจอมเวทย์ที่เท่อย่างท่านอาจารย์ยาชิโระค่ะ !! ]

[ ผมด้วยๆ !! ]

 

ไม่เพียงแค่เคทคุง เหล่านักเรียนชายหญิงต่างเข้ามารวมกลุ่มอยู่ที่ด้านหน้าผม

 

[ . . . . แข็งแกร่งและเท่ ??? ]

[ [ [ [ [ ค่าาาาา/ คร๊าบบบ ] ] ] ]

 

เหล่านักเรียนชายหญิงต่างตอบกลับมาอย่างพร้อมเพียงและหนักแน่น

. .  ฮึ . หึหึ มันช่วยไม่ได้หรอกนะเพราะผมนั้นทั้งแข็งแกร่งและเท่อยู่แล้ว ที่สำคัญผมคงปฎิเสธคำขอร้องของเหล่านักเรียนไม่ได้ด้วย แม้ว่าผมจะเป็นเพียงลูกจ้างชั่วคราว แต่สำหรับตอนนี้ !! ผมน่ะ คืออาจารย์ของเหล่านักเรียนพวกนี้ !!!!!

 

[ หลังเลิกเรียน ให้ทุกคนมารวมตัวกันที่ลานฝึกที่สอง  อันดับแรก ผมคงต้องขอดูพลังของพวกเธอแต่ละคนกันก่อน !! ]

 

ผมประกาศออกไปพร้อมกับยกแขนเบ่งกล้ามโชว์เท่แก่เหล่านักเรียน (แน่นอนกล้ามของผมใหญ่กว่าไอ้พวกน่าหล่อทั่วๆไปอยู่แล้ว)

เมื่อผมประกาศออกไป เหล่านักเรียนตอบกลับมาอย่างพร้อมเพียงราวกับเป็นทหารที่ได้รับคำสั่ง

 

[ [ [ [  ครับ/ค่ะ !! ] ] ] ]

 

เป็นคำตอบที่เสียงดังฟังชัดจริงๆ

รู้สึกดี , . . 

รู้สึกดีจริงๆ 

นี่สินะความรู้สึกเวลาเป็นคนที่พึ่งพาได้ 

 

[ เอ่ออ , คืออ ]

[ หือ ? ]

 

ขณะที่ผมกำลังชื่นชมตัวเองอยู่ในใจ ผมก็ถูกเรียกสติกลับมาจากการเรียกที่ด้านหลัง

เมื่อผมหันกลับไป ผมก็พบกับสาวแว่นหรือก็คือ มาน่า ลูเร่ และอีกคนสาวคูลผมดำยาว เอริ เทรสโตเรีย

 

[ อะ- , เอ่อคือ กรุณา,สอนเราด้วยค่ะ !! ] 

* ดึ๋ง * (เสียงบางอย่างกระเพื่อม)

 

เพราะว่าการโค้งตัวขอร้องอย่างจริงจังของเธอ ภูเขาคู่นั้นที่ซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าคลุมของมาน่าสั่นไหวและเกิดเสียงขึ้นมา (หูแว่วรึปล่าวนะ)

 

[ สะ-, สุดยอด !! ]

[ สมแล้วที่เป็นถึงอาวุธลับของเหล่านักเรียนชั้นปีที่ 2 ]

[ ผมอยากจะแทรกตัวไปอยู่ระหว่างภูเขาคู่นั้นจัง . . ]

 

เหล่านักเรียนชายหญิงที่ด้านหลังผมต่างส่งเสียงชื่นชมการขอร้องที่เร่าร้อนของมาน่า

ฟุฟุ เยี่ยมไปเลย !! นี่แหละ หนทางที่ผมให้ผมสามารถมองดูหนองโพยักคู่นั้นได้อย่างใกล้ๆ

 

[ . . . . ยาชิโระซัง จมูกคุณเริ่มยืดด อีกแล้วนะคะ ]

[ อ๊ะ !! ]

 

เพราะถูกสาวคูลหรือก้คือเอริพูดเชิงเหน็บแนมทั้งๆที่หน้านิ่ง ทำให้ผมใจเย็นลงหน่อย

เพราะว่าผมนั้นเป็นสุภาพบุรุษที่ไว้วางใจได้ ผมจึงกลับมาวางมาดหนุ่มเท่อีกครั้ง(เท่ในความคิดของผม) 

 

[ เอ่อ เรื่องสอนนี่ เธอหมายถึงการต่อสู้เวทย์มนตร์หรอครับ? ]

[ ค่ะ !! คะ-,คือว่า เกรดวิชาการต่อสู้เวทย์มนตร์นั้นไม่ค่อยดี ก็เลย . . ]

 

อ่า .. ใช่แล้ว ผมนึกออกแล้ว !! ผมกำลังคิดว่าทำยังไงดีที่จะทำให้หนองโพยักคู่นั้นกับมาเข้ารูปเข้าทรง ในที่สุดผมก็คิดออก วิธีที่เราจะสามารถลดขนาดหนองโพยักคู่นั้น ถ้าหากให้ผมนวดหนองโพคู่นั้น หนองโพคู่นั้นก็จะได้เล็กลงและนั้นมันจะต้องทำให้มาน่าดีใจแน่ๆและผม , ผมก็ความสุขที่ได้นวดหนองโพคู่นั้น 

แบบนี้ เราก็ win win กันทั้ง 2 ฝ่าย เธอแฮปปี้ ผมแฮปปี้ เป็นไงล่ะ ความคิดผมเจ๋งใช่มั้ย

 

* โป๊กก * (เสียงถูกตบ)

[ อูยย ยะ-,ยัยนี่ จู่ๆก็ทำอะไรห๊ะ !!!! ]

 

พร้อมๆกับเสียงดังที่เกิดขึ้น ความเจ็บก็เริ่มปรากฎที่หัวของผม 

แม้ผมจะยังเจ็บที่หัวอยู่ ผมก็มองไปทางต้นเหตุที่ทำให้ผมเจ็บหัว เอรินั้นเอง

 

[ ชั้นไม่มีวันปล่อยให้หนองโพของมาน่าถูกแตะต้องโดยคนอื่นเด็ดขาดนอกจากชั้น !! ]

 

เจ้าของแขนที่เบิดกระโหลกผม ได้ยืนอยู่ที่ด้านหน้าของเอริ แขนขนาดยักที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ เจ้าของแขนนั้นคือ ร่างกึ่งโปร่งใสของผู้ชายกำยำและกล้ามที่ดูราวกับท่อนซุง

ร่างกายส่วนล่างนั้นปกคลุมไปด้วยหมอกทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ มีเพียงร่างกายท่อนบนเท่านั้นที่ปรากฎ ผมรู้จักสิ่งนี้ อลิเซียเคยสอนผมอยู่ผมจำได้

มันคือ ร่างอัญเชิญแห่งจิตวิญญาณ ตัวตนที่ดูเหมือนจะอยู่รอบตัวเรา แต่ก็ไม่ได้อยู่รอบตัวเราซะทีเดียว มันเป็นอะไรคล้ายๆกับมีอะไรบางส่วนที่แยกตัวออกมาจากผู้อัญเชิญและตัวตนนั้นจะอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้อัญเชิญ ( TL: เหมือนผู้ใช้แสตนต์ )

การอัญเชิญจิตวิญญาณกับการอัญเชิญทั่วๆไป ทั้งคู่เป็นอะไรคล้ายๆกันอย่างการทำพันธะสัญญาและมีข้อตกลงร่วมกัน แต่ว่าการอัญเชิญทั่วๆไปจะแบ่งชนชั้นในลักษณะนายบ่าวอย่างชัดเจน แน่นอนว่าผู้อัญเชิญมีสถานะเป็นเจ้านาย 

แน่นอนว่านักอัญเชิญจิตวิญญาณจะทำพันธะสัญญากันในสถานะที่เท่าเทียมกับร่างอัญเชิญ ประมาณว่าในฐานะเพื่อนหรือสหายร่วมเดินทาง ถ้าผมจำไม่ผิดอลิเซียเคยกล่าวไว้ว่าเรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพึงละลึกไว้เสมอ

ร่างอัญเชิญของเอริที่ถูกสร้างด้วยหมอกสีแดง ได้ดึงกำปั้นที่ต่อยมายังหน้าผากของผม และกลับไปยืนที่ด้านหลังของเอริ

 

[ นะ-, นี่ผมถูกต่อยหน้าหงายโดยร่างอัญเชิญงั้นเรอะ !! ]

[ อาจารย์ยาชิโระ ถึงคุณจะเดินอยู่บนสายแห่งนักสู้มานาน ถ้านี่เป็นเพียงแค่หมัดสั่วๆ มันไม่มีทางโดนหรอกค่ะ ]

[ ฮึ ถ้าไม่วางแผนการให้ดีล่ะก็  มันไม่มีทางที่จะต่อยโดนผมรอบที่ 2 หรอกนะ ]

[ ชั้นรู้ค่ะ ถ้าหากสัญญาณเตือนเรื่องเกี่ยวกับหนองโพไม่ถูกตรวจพบล่ะก็ , การเบิดกระโหลกก็ไม่จำเป็นค่ะ ]

 

เอริและผมต่างจ้องหน้าซึ่งกันและกัน  และที่ด้านหลังของเอริ ร่างอัญเชิญที่ยืนกอดอกและรอคอยช่วงเวลาที่จะตัดสินแพ้ชนะ 

และในช่วงเวลาความตึงเครียดของพวกเราถึงขีดสุด และ !! . . 

 

[ ทะ- , ท่านอาจารย์ยาชิโระคะ ]

[ อ่าา โทษทีครับ ผมลืมไปเลย ]

 

มาน่าที่เริ่มทีน้ำตาคลอเบ้า , อะ ไหงกลายเป็นอย่างนี้ไปได้นะ มันช่างเป็นความรู้สึกที่ประหลาดเสียจริง ใช่แล้ว มันเหมือนกับตอนนั้นเลย ตอนที่ผมกำลังสอบสวนพนักงานของกิลด์คนนั้น คนที่ไม่ใช่โนตมจังนะ . . . 

 

* โป๊ก * (เสียงถูกตบกระโหลก)

[ อ๊ากก ]

[ มีเพียงคนเดียวที่ถูกอนุญาติให้ทำมาน่าร้องไห้ได้ !! คือชั้น ]

[ นะ-, นี่ผมถูกตบกระโหลกรอบที่ 2 งั้นเรอะ(ช๊อก) ]

[ ถ้าหากมาน่าเธอไม่ร้องไห้ออกมาให้คุณเห็นแล้วล่ะก็ คนที่จะต้องพ่ายแพ้ในการดวลครั้งนี้อาจจะเป็นชั้นก็เป็นได้ ]

[ หึๆน่าชื่นชมจริงๆ  แต่เฮ้!!รู้มั้ย มันไม่มีทางที่ผมจะโดนตบกระโหลกรอบที่3หรอกนะ ]

[ หัวดื้อจังนะคะ ได้ค่ะ ชั้นรับคำท้านั้น ]

[ ดะ- , ได้โปรดเถอะค่ะ รับฟังขอร้องหนูด้วยค่ะ ท่านอาจารย์ ]

 

อ่าผมคงต้องตอบอะไรกลับไปบ้างสินะ

 

[ อืม งั้นผมจะถามอีกครั้งนะ มาน่า เธออยากจะฝึกเหมือนคนอื่นๆสินะ ]

[ ค่ะ !! ]

 

มาน่าตอบกลับอย่างจริงจัง

อืม. .

มันก็ดีอยู่หรอกนะที่เธอมีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ แต่เธอก็ไม่ควรจะรีบร้อนจนเกินไปนะ รู้มั้ย 

ที่สำคัญ ยังไงซะผมเองก็ไม่สามารถใช้ได้แม้จะเวทย์มนตร์ขั้นต้นก็ตาม

 

[ แต่ว่ามาน่า เธอแทบจะไม่มีพละกำลังเลยนะ ]

[ ใช่ๆๆ ถูกแล้ว มาน่าน่ะหมดแรงก่อนเพื่อนตลอดเลยย ]

 

เหล่านักเรียนชายหญิงต่างพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มหน่อยๆ 

มันก้อจริงนะ เพราะดูยังไงมาน่าเธอก็ไม่เหมาะที่จะเป็นนักดาบเวทย์เลยซักนิด

เธอดูเหมาะจะเป็นพวกนักวิจัยอะไรงี้มากกว่า

 

[ อุกก , แต่ว่า ชั้นจะทำให้ดีที่สุดค่ะ !! ]

 

ดวงตาของมาน่าที่มองมาที่ผมเริ่มจะมีน้ำตาอีกครั้ง . .

. . . อืมๆ ดูเหมือนว่าเธอจะรู้ตัวดี ว่าเธอนั้นไม่ค่อยจะมีพละกำลังซักเท่าไร

ถ้าในกรณีละก็ . .

 

[ ผมเข้าใจแล้วครับ ไม่มีปัญหาครับ มาน่า สามารถฝึกกับพวกเราได้ครับ ]

[ จะ- , จริงหรอคะ !!!! ]

 

แทบจะทันที มาน่าเธอเหงยหน้าขึ้นพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมา

และที่ข้างๆเธอ เอริได้— ไม่สิ ร่างอัญเชิญของเอริได้ยกมือขึ้น

 

[ ถ้าหากเธอมีคำถามจะถาม ได้โปรดใช้มือของตัวเอง อย่าใช้ให้ร่างอัญเชิญยกแทนเซ่ !! ]

[ ชั้นก็อยากจะร่วมฝึกด้วยค่ะ ]

 

ถึงมันจะไม่ใช้คำถามก็เถอะ

อืม 7คนสินะ คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกมั้ง ~

 

[ อืมถ้างั้น เจอกันหลังเลิกเรียน ตกลงมั้ยครับ ? ]

[ [ [ [ [ คร๊าบ/ค่าา ] ] ] ] ] 

[ ค , ค่ะ ]

[ ค่ะ ]

 

แม้ความรู้สึกที่คนอื่นๆไว้วางใจในตัวผมจะทำให้ผมรู้สึกดีก็เถอะ ผมก็ทำได้เพียงกลั้นรอยยิ้มที่พยายามจะเผยออกมา และก้าวเดินไปยังห้องพักของอาจารย์อย่างสง่าผ่าเผยเท่านั้น . .

 

………………………

 

[ . . เอ่อคือ แม้ว่าผมจะไม่ว่าอะไรก็เถอะ แต่พวกเธอ 2 คนจะมาด้วยทำไมครับเนี้ย ]

 

เมื่อผมได้มาถึงลานฝึกซ้อม ที่นั้นซึ่งมีทั้งนักเรียนชายหญิง มาน่า,เอริ และ อลิเซียกับเฮนเรียสต้ากำลังรออยู่

 

[ คิกๆ~ เพราะชั้นเป็นภรรยานายไงล้าา ]

[ พอๆ ได้โปรดหยุดสักที ผู้คนเริ่มสงสัยว่าผมเป็นโลลิค่อนจริงๆแล้วนะ ]

 

อลิเซีย เธอก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม. . .

 

[ ชะ-, ชั้นแค่ , ชั้นไม่มีทางที่จะปล่อยให้อาจารย์ไร้ยางอายอย่างนายอยู่กับนักเรียนตามลำพังเท่านั้นแหละ !! ]

 

ชิ * เฮนเรียสต้าเธอจ้องมาที่ผมอย่างไม่วางตา

สำหรับเฮนเรียสต้าแล้ว เหตุการณ์ในครั้งนั้น(วันที่ยูทำให้เธอต้องโชว์ตัวในชุดว่ายน้ำโรงเรียน) สำหรับเธอแล้วนั้น เธอได้มองผมเป็นแค่ไอ้โรคจิตคนหนึ่ง 

อันที่จริง ผมก็ไม่มีปัญญหาอะไรนะถ้าหากจะคิดว่าผมเป็นไอ้โรคจิต สบายมาก

แต่ผมจะคิดมากถ้าเธอเธอมองผมเป็น ” ไอ้โลลิค่อน ” มากกว่าซะอีก

ก็นะ ก็เธอเล่นตามผมซะขนาดนั้น แม้ขนาดในเวลาเรียนก็ยังจับตาดูผม ผมก็คิดไว้แล้วละว่าเธอคงต้องตามมาอีกแน่ . . 

 

[ อืมๆ ที่จริงมันก็ไม่มีอะไรมากหรอก จริงๆที่ผมจะสอนพวกเธอนั้นมันไม่ใช่เวทย์มนตร์ลับอะไรหรอกนะ ]

[ [ [ เอ๋ ?? ] ] ]

 

เพราะว่าคำพูดของผมที่กล่าวออกมา นักเรียนชายหญิงตาพากันสลดลงอย่างเห็นได้ชัด มาน่าเธอเองเหมือนจะผิดหวังเล็กๆ

 

[ เพราะสิ่งที่ผมกำลังจะสอนพวกเธอนั้น มันคือเทคนิคที่ผู้ที่จะเป็นนักดาบเวทย์มนตร์ควรจะมี  มันคือเทคนิคการก้าวเท้า ]

 

พร้อมทั้งเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วไปโผล่ที่ด้านหลังของเหล่านักเรียนที่กำลังผิดหวัง

 

[ [ [ [ !! ! ??? ] ] ] ]

 

เหล่านักเรียนยกเว้น อลิเซียต่างตกใจในตัวผม ผู้ที่หายไปจากในสายตาของพวกเธอและจู่ๆก็มาปรากฎตัวที่ด้านหลัง

. . ผมรับรู้ได้เลยถึงความรู้สึกดีใจเล็กๆของเฮนเรียสต้าในระหว่างที่เธอกำลังตกใจ

เมื่อเธอรู้ว่าสิ่งนี้ คือสิ่งที่จะถูกสอนให้กับทุกคน

 

[ มันคือการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วที่ผมเคยแสดงให้ดูแล้วในการต่อสู้กับเฮนเรียสต้า . . มันคือเทคนิคการก้าวเท้า “ การก้าวย่างของมือสังหาร ” นี่แหละคือสิ่งที่ผมจะสอนพวกเธอ ]