” ก้าวย่างของมือสังหาร ”
ถ้าใครก็ตามที่ครั้งหนึ่งเคยย่างกายเข้าไปในดินแดนแห่งจุนนิเบียว แน่นอนพวกเขาเหล่านั้นต้องเคยได้ยินสิ่งนี้มาบ้าง 『Shukuchihou (Act of Reduced Earth) ] .
(ผู้แปล / Shukuchi (縮地) บางทีจะเขียนเป็น shukuchihō (縮地法) หรือ shukuchijutsu (縮地術)เป็นศัพท์ภาษาญี่ปุ่น สำหรับเทคนิคต่างๆในการเคลื่อนที่อย่างฉับพลันแต่ความหมายตามตัวอักษรนั้น แปลว่า reduced earth (แปลว่ายังไงดี)ในประวัติศาสตร์ Shukuchi เป็นคำญี่ปุ่น ที่ใช้สำหรับเป็นพลังแห่งการเคลื่อนย้าย (the power of teleportation)ซึ่งเป็นคำที่คิดขึ้นโดย sennin (บุคคลผู้เป็นอมตะ หรือเซียนมั้ง)เชื่อกันว่าความสามารถนี้สามารถทำได้ เป็นการเคลื่อนที่เป็นระยะทางไกลๆได้โดยใช้จังหวะเดียว หรือก้าวเดียว บางครั้งคำนี้ก็อ้างไปถึงความสามารถที่คล้ายกันนี้ในความเชื่อของพุทธศาสนา (คาดว่าเป็นตอนที่องคุลีมาล ไล่พระพุทธเจ้า)
ในการต่อสู้สมัยใหม่ของญี่ปุ่นนั้น shukuchi จะหมายถึง การเคลื่อนไหวอย่างฉับพลันเข้าสู่ช่องว่างของคู่ต่อสู้เพื่อโจมตี shukuchi นั้นก็จะพบเห็นในการ์ตูน ซึ่งแสดงออกมาเป็นการเคลื่อนย้ายระยะทางสั้นๆ หรือความสามารถในการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วจนทำให้มองไม่เห็น ซุน โกคู ตัวละครตัวหลัก ของ Dragon Ball ก็มีความสามารถนี้ในการเคลื่อนย้าย(teleport)หรือความสามารถของ เซตะ โซจิโร่ จากเรื่องซามูไรพเนจร Rurouni Kenshin รวมทั้งความสามารถของตัวละครอีกหลายๆคนของเรื่อง คุณครูจอมเวทย์ เนกิมะ! และ ก้าวพริบตาในเรื่องผงซักฟอก และอีกหลายๆเรื่อง ขอขอบคุณข้อมูลจาก webboard dota ครับ )
การก้าวย่างของมือสังหาร คือท่าที่ถูกพัฒนามาจากเทคนิคที่ว่ามานี้ มันคือเทคนิคการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงเพื่อจู่โจม
อ่า. . .
ที่จริงท่าพวกนั้นมันก็เป็นเพียงท่าในความฝันเท่านั้นแหละ . .
แต่เมื่อผมได้มาที่ต่างโลกแห่งนี้ มันจึงกลายเป็นอีก 1 เทคนิค(ของจุนนิเบียว) ที่สามารถทำให้กลายเป็นความจริงได้
[ ไหนดูซิ~ อันดับแรกเลย พวกเธอลองเดินไปซัก 10 ก้าว ก่อนนะ ]
[ [ [ เอ๋ ] ] ]
[ เอาล่ะ ลองดู ]
เหล่านักเรียนต่างมีเครื่องหมายคำถามขึ้นอยู่บนหัวกับสิ่งที่ผมพูด มีเพียงอลิเซียเท่านั้นที่เริ่มเดิน
เมื่อเห็นอย่างงั้น เหล่านักเรียนก็เริ่มที่จะเดินตามบ้าง
เยี่ยมๆ แม้เหล่านักเรียนจะยืนห่างกันออกไป 10 ก้าว แน่นอนว่าระยะก้าวเท้าของแต่ละคนย่อมไม่เท่ากันอยู่แล้ว แต่เท่านั้นก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างนักเรียนแต่ละคน
[ เอาล่ะ ต่อไป พวกเธอลองพยายามเดินโดยให้คิดว่ากำลังเตะพื้นและพุ่งไปข้างหน้า ไม่ต้องกังวลความยาวในการก้าวเท้านะ ลองดู ใส่พลังลงไปยังขาของพวกเธอแล้ว ถีบพื้นดินซะ ]
และเมื่อเหล่านักเรียนลองก้าวเท้าด้วยวิธีที่ว่ามานี้กลับไปยังจุดเดิม อาจจะพูดโอ้อวดเกินจริงซักหน่อย แต่เหล่านักเรียนคงเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด
[ เห็นมั้ยครับ วิธีนี้ทำให้ความเร็วในการเคลื่อนที่มากขึ้น การก้าวย่างของมือสังหารก็ใช้วิธีเหมือนกัน เพียงแค่ใช้พลังขามากกว่าเดิมแค่นั้นเองครับ ]
พร้อมกับโชว์การเคลื่อนที่โดยวิธีการเดียวกันเพียงแค่เพิ่มความเร็วจนแทบจะมองเห็นเป็นเพียงการวาร์ป
เป็นไง ? ง่ายจะตายไป จริงมะ?
[ นะ- , นั้นมันไม่มีใครทำได้หรอกค่าาาาาาาา !!!!! ]
เฮนเรียสต้าเธอตะโกนออกมา เหะ? ดูเหมือนว่าเธอจะโกรธๆแหะ อืม แต่มันก็จริงอย่างที่เธอว่า
[ อืม โดยปกติแล้ว คงไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอนค่ะ แต่ในกรณี มันมีวิธีที่จะสามารถทำได้อยู่นะ ]
[[ คิกๆ ชั้นขอปรับแต่งอะไรนิดหน่อยนะ ]]
อลิเซียเธอยิ้มออกมาราวกับว่าเธอเข้าใจเคล็ดของมันแล้ว และเธอก็บอกกับผมผ่านทางตุ้มหู
[[ อ่า เชิญเลยครับ องค์หญิง ]]
[[ ช่วยไม่ได้ล่ะน๊า~ คิดซะว่านี่เป็นหน้าที่ของภรรยาเหมือนกันเนอะ คิกคิก ]]
ขณะพูดออกมาอย่างนั้น เพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น อลิเซียเธอก็มาหยุดอยู่ที่ข้างหน้าผมแทบจะในทันที
[ !? ]
นอกจากผมและอลิเซียแล้ว คนอื่นๆคงจะมองเห็นมันราวกับว่ามันคือการวาร์ป
[ วิธีนี้คือการรวบรวมพลังเวทย์ไปที่ฝ่าเท้าค่ะ เพียงแค่ปลดปล่อยมันออกมาคล้ายๆกับการระเบิดเล็กๆในจังหวะที่กำลังก้าวเท้าขึ้นกับพื้น ส่วนวิธีหยุดนั้น เพียงแค่คุณทำมันในวิธีตรงข้ามค่ะ หรือก็คือปลดปล่อยพลังเวทย์ในจังหวะที่กำลังจะเหยียบลงพื้นชะลอความเร็ว และนั้นคือเคล็ดทั้งหมดค่ะ ]
[ เอ่อ- . . ไหนคุณบอกว่ามันเป็นเพียงเทคนิคง่ายๆ ไงคะ ท่านอาจารย์ . . ]
เอริจ้องมองมาที่ผมด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจอย่างแรง . . เอ่อ ไม่สิ ขอโทษครับ ผมไม่รู้เลยไอ้ใบหน้านิ่งๆนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เพราะผมได้ยินที่เธอพูดเชิงไม่พอใจ ผมเลยคิดว่าเธอคงจ้องผมแบบไม่พอใจน่ะครับ
[ อืมๆ ในเมื่อพวกเธอเข้าใจเคล็ดของมันแล้ว เชิญลองฝึกดูรอบๆได้เลยครับ เคล็ดก็คือเพียงแค่พวกเธอต้องกะการใช้พลังเวทย์มนตร์ให้พอดีเท่านั้นเองครับ แม้ในช่วงแรกมันจะยากซักนิด แต่มันก็ขึ้นอยู่กับการฝึกล่ะนะ เอาล่ะ ลองดูครับ ]
เมื่อผมพูดออกมาอย่างงั้น เฮนเรียสต้า เธอก็เริ่มรวบรวมพลังเวทย์มาที่เท้าของเธอ และ . .
* ตุ้บ *
[ อุก , ฟุ ฟุฟุ !! ดิชั้นทำได้แล้วว !! ]
เธอเคลื่อนที่ไปข้างหน้านับ 10 เมตรแทบจะในอึดใจ
แม้ว่าตอนที่เธอหยุดนั้นจะทำได้ไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร เพราะยังเห็นร่องรอยการไถลของเท้าที่พื้นอยู่
แต่ก็นะ เธอสามารถทำสำเร็จได้ทั้งๆที่เป็นครั้งแรก
[[ . . . แม้ผมจะเคยคิดว่า เฮนเรียสต้าช่างเป็นผู้หญิงที่เสียของในหลายๆความหมาย แต่ในกรณีนี้เธอช่างน่าตกใจจริงๆ เพราะเฮนเรียสต้าสามารถทำสิ่งที่เธอเองยังใช้เวลาตั้ง 3 วันกว่าจะทำได้เลย . . ]]
[[ อุกก . .ขอโทษด้วยละกันน่าา ใช่ซิ ชั้นมันไม่เหมือนกับท่านพี่ซิลเวียนี่หนา ที่เป็นจอมเวทย์ที่เก่งและเชี่ยวชาญในการต่อสู้ เช้ออ~ ]]
เมื่อผมพูดอย่างงั้นผ่านทางตุ้มหู ดูเหมือนอลิเซียเธอจะงอลแก้มป่องไปเลยแหะ
[ โฮะๆ ถ้าเทคนิคระดับแค่นี้ เพียงแค่ดิชั้นรู้วิธีแล้วล่ะก็ . . . ดิชั้นสามารถใช้ได้โดยง่ายแล้วละค่ะ โฮะๆ ]
โอวว โฮะ โฮะ โฮะ เฮนเรียสต้าเธอหัวเราะออกมาเสียงดัง มันช่างเป็นภาพที่เหมือนกับตัวละครท่านหญิงจอมหยิ่งเสียจริงๆ
แค่ หึหึหึ ก็จริงอยู่ที่ผมเคยชมเธอว่าเธอนั้นน่ามหัศจรรย์(ในใจ) . .
แต่ที่เธอทำ มันไม่ใช้ ก้าวย่างของมือสังหารที่แท้จริงหรอกนะ
[ อืมๆ ถ้างั้น เฮนเรียสต้า ลองขั้นต่อไปดูมั้ย ]
[ ขั้นต่อไป- หรือคะ ? ]
[ ครับ ยังจำตอนแรกที่ผมแสดงท่านี้ให้เธอดูได้รึปล่าว เพราะถ้าหากผมใช้เพียงเทคนิคแค่นี้ผมก็คงพุ่งชนเธอไปแล้วสิจริงมั้ย แล้ว ? ผมไปยืนอยู่ที่ด้านหลังพวกเธอได้อย่างไร ? นั้นก็เพราะผมใช้ก้าวย่างของมือสังหาร 2 ครั้งติดกันนั้นเองเพื่อที่จะอ้อมไปด้านหลังพวกเธอ แม้ว่าเธอจะเก่งจริงที่ทำมันได้ในเพียงครั้งเดียว แต่การใช้ก้าวย่างของมือสังหาร 2 ครั้งนั้นเป็นอะไรที่ยากกว่ามากๆเลยนะ ]
[ หืม ฮึบ !! ถ้าเพียงแค่นี้ล่ะก็ ดิชั้นเองก็ . . !? ]
* คลื่ดดด *
[ อุว้าาา ฮะ- , เฮนเรียสต้าซัง เธอไม่เป็นอะไรนะ ? ]
[ นั้นมันการเคลื่อนที่ด้วยใบหน้างั้นเรอะ ? ]
เพราะว่าได้เห็นเหตุการณ์ที่เฮนเรียสต้าพลาดในการเปลี่ยนทางทำให้ไถลไปกับพื้น เหล่านักเรียนชายหญิงต่างเอะอะขึ้นมา
* ฟวุ๊บ *
[ . . . . เธอตายแล้ว ]
[ ด-, ดิชั้นยังไม่ตายน๊าาาาา !!!!!! ]
เอริ เธอ ใช้ก้าวย่างของมือสังหารเข้าไปหาเฮนเรียสต้าที่นอนกองอยู่เพื่อเชคชีพจร
และเฮนเรียสต้าเธอก็ลุกขึ้นมาพร้อมกับมือที่กุมหน้าผากของเธอ
อ่า เหมือนเธอจะร้องไห้เลยแหะ
. . . เอ๊ะ ?
[ ในเวลาเพียงสั้นๆ เธอก็สามารถใช้มันได้อย่างท่องแท้เลยนะครับ ]
[ ดะ-, ได้ไง ! ]
แม้ผมดำของเธอที่ปลิวไสวไปตามสายลม แต่ดูเหมือนเธอจะตกใจที่จู่ๆเธอสามารถทำมันได้
ไม่สิ ไอ้แสตนด์ที่อยู่ด้านหลังเธอต่างหากที่ทำท่าตกใจออกมาแทนเธอ . .
[ ท่านอาจารย์ยาชิโระคะ มันไม่ใช่เวลาที่คุณจะต้องมาสนใจชั้นนะคะ คุณควรจะสนใจด้านหลังของคุณต่างหาก ]
[ อะไรหรอ ? ]
เมื่อผมหันกับไปในทิศทางที่เอริบอกกับผม ผมก็พบกับ !!
[ วะ- ว๊ายยย !! อุกก อูยย ~ . . ยากจังเลยย ]
มันเป็นภาพของเด็กสาวคนหนึ่งที่ล้มลงหน้าทิ่มพื้น
ประโยคข้างต้นด้านบน คุณคงไม่คิดว่ามันมีอะไรแปลกซักหน่อยใช่มั้ยล่ะครับ
(เพราะมันบอกเพียงแค่ว่า เด็กสาวล้มลง แค่นั้น ไม่เห็นแปลกตรงไหน)
แต่ !!!!!!!
ถ้าหากเราเปลี่ยนคำว่า “เด็กสาวคนหนึ่ง” เป็น “มาน่า” ล่ะ ?
[ ทะ- , เธอใช้หนองโพ !! แทนเบาะกันกระแทกงั้นเรอะ !!! ]
คาดไม่ถึงจริงๆ !! ว่าเจ้าหนองโพใหญ่ยักที่ไม่เข้ากับเด็กสาวรูปร่างเล็กอย่างเธอ . .
มันจะกลายเป็นการป้องกันขั้นสุดยอด หนองโพยักคู่นั้นกั้นเธอกับพื้นไว้อย่างพอดี และนั้นทำให้ดาเมทที่มาน่าได้รับนั้นเพียงแค่เล็กน้อย
[ อืม ผมเข้าใจแล้ว . . . มีหนองโพยักเท่ากับเป็นอมตะ นี่สินะที่เธอจะสื่อ เอริ ]
[ ถูกแล้ว เพราะฉะนั้น มาน่า = อมตะ ไงละคะ ]
ผมในตอนนี้ ได้บรรลุธรรมขึ้นอีกขั้นหนึ่งแล้ว . .
[ ท่านอาจารย์ ยาชิโระคร๊าบบ ได้โปรดมาดูพวกเราบ้างสิคร๊าบบ ]
[ ผมไม่สนใจพวกผู้ชายหรอกนะ ]
[ 2 มาตรฐาน !!!!! ]
เหอะๆ ถึงผมจะพูดไปไง แต่จริงๆ ผมก็ไม่มีอะไรจะสอนพวกเธอหรอกนะ
ก็ผมไม่มีพลังเวทย์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
แต่เดิม ก้าวย่างอย่างมือสังหารเป็นเทคนิคที่ผมฝึกขึ้นเองอย่างยากลำบาก
และซิลเวียเธอก็ได้จำไปใช้และปรับแต่งในแบบของเธอ และนำเทคนิคนี้ไปสอนในหมู่เพื่อนๆของเธอ . .
[ อย่าลืมความรู้สึกตอนล้มหัวทิ่มพื้นซะล่ะ ถ้าหากเธอไม่เคยเจ็บ เธอก็จะไม่มีวันที่จะแข็งแกร่งขึ้นหรอกนะ ]
[ [ เอ๋~~ ] ]
ช่างมัน ผมเลิกสนใจพวกเด็กผู้ชาย . .
เรากับมาที่ปัญหาตอนนี้ดีกว่า
[ มาน่า เธอไม่เป็นอะไรนะ ]
[ เอ๋ อะ- , อ่า ไม่เป็นไรค่ะ !!!! ]
เด็กสาวผู้ครอบครองหนองโพยักอันน่าหลงใหลคู่นั้น
คงมีปัญหาเดียวกับเหล่าหญิงสาวคนอื่นๆที่ครอบครองมันเหมือนกัน
คุณคงจะเคยได้ยินมาก่อน “มันช่างเป็นปัญหาในการขยับตัวจัง”บ้าง” ปวดไหล่ ” บ้าง ” มันไม่มีบราไซด์ขนาดนี้ ” บ้าง ” เซ็กซี่ ” บ้าง etc .
ใช่แล้ว คำพวกนี้ คงเป็นคำที่เหล่าหญิงสาวที่ครอบครองหนองโพยักคงจะพูดออกมาบ่อยๆ
แต่สำหรับผม ผมมีเพียงประโยคเดียว คือ ขอบคุณครับ
สำหรับผู้ชายแล้ว หนองโพยักพวกนั้น มันคือสัญลักษ์แห่งความสุขเวลาได้เฝ้ามองมัน มันไม่ใช่อะไรที่เป็นเพียงแค่ก้อนเนื้อไร้ค่าในสายตาของผู้หญิง ในขณะที่พวกเธอไปไหนมาไหนโดยแบกหนองโพคู่นั้นไปด้วย คุณควรจะขอบคุณในความยากลำบากของพวกเธอนะ
[ มาน่าครับ เธอไม่ควรจะใช้ก้าวย่างของมือสังหาร หรอกนะครับ เพราะหน้าอกนั้น ทำให้ยากที่จะใช้มัน จริงมั้ย ]
[ มะ- , ไม่ค่ะ ชั้นจะทำให้ดีสุดค่ะ !! ]
เพราะคำพูดของผม มาน่าเธอรีบลุกขึ้นในทันทีและเริ่มรวบรวมพลังเวทย์ไปที่เท้าอีกครั้งเพื่อที่จะใช้ ก้าวย่างของมือสังหาร อีกครั้ง
[ เดี่ยวครับ เดี่ยว . คือผมไม่ได้พยายามจะบอกให้เธอยอมแพ้หรอกนะครับ ผมคิดที่จะสอนมาน่าวิธีอื่นที่ไม่ใช่ ก้าวย่างของมือสังหาร ตั้งแต่แรกแล้วครับ ]
[ จะ- , จริงหรือคะ ]
อุก ยะ แย่แล้ว
อย่ามองช้อนขึ้นด้วยดวงตานั้นสิ ดวงตาที่คลอไปด้วยน้ำตา และสายตาที่จริงจังนั้น
แย่แล้ว นี่มันเป็นสัญญาณแห่งความเป็น โลลิค่อน !!
[ อุว้าาา ,จิตสังหาร ? ]
[ ไม่มีคำว่าครั้งที่ 3 หรอกนะ หึ้ยย ]
ผมหันกับไปรับหมัดที่โจมตีมาด้วยมือข้างเดียว มันเป็นฝีมือของร่างอัญเชิญที่เอริสั่งให้โจมตีเข้ามา
[ และ อย่ามาขัดจังหวะตอนที่กำลังคุยกันสิ ]
[ มะ- , ไม่จริง ]
หลังจาก น๊อคร่างอัญเชิญของเอริด้วยหมัดเดียว ผมก็หันกลับไปหามาน่า และผมก็ล้วงมือเข้าไปยังกระเป๋ามิติที่4ที่เอวของผม
[ ผมได้ยินมาจากท่านอาจารย์โดโต้ ท่านบอกว่า มาน่านั้นเป็นคนที่ใช้หัวได้ดีกว่าร่างกาย ในกรณีนี้ นี่คืออุปกรณ์ที่จะทำให้เธอเคลื่อนที่ได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ขาของเธอ สิ่งที่ผมจะนำเสนอ ก็คือ !! สิ่งที่จะทำให้เธอสามารถบินไปยังท้องนภาได้อย่างเสรี !! ]
[ บิน !! , บินไปยังนภา !! ]
เอริถึงร้องออกมาให้กับคำพูดของผม อืม ก็สมควรตกใจอยู่หรอกนะ เพราะในโลกนี้ สิ่งที่ทำให้บินไปยังท้องฟ้านั้นมีเพียงเรื่อบินขนาดใหญ่ที่ใช้พลังเวทย์มหาศาลในการทำงาน
อย่างไรก็ตาม ไอ้สิ่งที่ผมครอบครองอยู่นี้ เจ้าสิ่งที่ผมล้วงออกมาจากกระเป๋ามิติที่ 4 มันก็สามารถทำให้คุณบินไปยังท้องฟ้าได้เหมือนกัน
[ ถูกแล้วครับ มันคือสิ่งของจำเป็นที่แม่มดทุกๆคนจำเป็นจะต้องมีจริงมั้ย ]
ผมได้ส่งมันให้กับ มาน่า
[. . นี่คือ ? . . ไม้กวาด ?? ]
ถูกต้องแล้ว สิ่งของจำเป็นที่แม่มดจะต้องมี ,
มันคือไม้กวาดที่สามารถพาเราโบยบินยังท้องนภา !!!!!!