ตอนที่ 25 เจ้าเล่ห์เพทุบาย

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ครานี้เจี่ยงซื่อเผชิญกับปัญหาใหญ่แล้ว หากไม่ใช่เพราะนางรับรู้เรื่องที่จวนเจิ้นกั๋วกงใกล้จะพินาศมาจากจงหย่งโหว นางคงไม่กล้ารังแกไป๋จิ่นซิ่วถึงขนาดนี้

นางวู่วามเกินไป อยากจัดการไป๋จิ่นซิ่ว รอให้ข่าวการตายของเจิ้นกั๋วกงและบุรุษคนอื่นในตระกูลไป๋ส่งมาถึงเมืองหลวงเสียก่อนค่อยลงมือก็ยังไม่สาย ที่สำคัญเบื้องหลังของจวนเจิ้นกั๋วกงยังมีองค์หญิงใหญ่อยู่ นางโดนต่งซื่อกดหัวมาหลายปี เมื่อคิดว่านางจะได้เชิดหน้าชูตาบ้างแล้วจึงระงับความร้อนใจเอาไว้ไม่อยู่

แววตาของอู๋หมัวมัวจุดประกายขึ้น รินน้ำชาให้เจี่ยงซื่อ ขยับเข้าไปใกล้เจี่ยงซื่อพลางกล่าวขึ้น “ฮูหยิน คุณหนูรอง พวกท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไปเจ้าค่ะ บ่าวมาคิดดูแล้ว…ต่อให้องค์หญิงใหญ่ทรงทราบเรื่องนี้ก็คงไม่ทำอะไรเกินไปหรอกเจ้าค่ะ อย่างมากก็แค่ขู่ให้ฮูหยินกับคุณหนูทั้งสองหวาดกลัว ท่านคิดดูนะเจ้าคะ อย่างไรเสียไป๋จิ่นซิ่วก็เป็นสะใภ้ของตระกูลฉิน จวนจงหย่งโหวไม่ดี ลูกสะใภ้อย่างไป๋จิ่นซิ่วจะดีได้อย่างไรเจ้าคะ นางเป็นลูกสะใภ้ของฮูหยิน ต้องใช้ชิวิตอยู่ภายในเงื้อมมือของท่าน! แค่คำว่ากตัญญูคำเดียวก็ทำให้ไป๋จิ่นซิ่วต้องยอมจำนนแล้วเจ้าค่ะ องค์หญิงใหญ่ต้องทรงตระหนักได้ในเรื่องนี้!”

หลังจากได้ยินคำกล่าวของอู๋หมัวมัว เจี่ยงซื่อจึงพยักหน้า ไม่นานก็ตั้งสติได้ ยิ่งนึกได้ว่าอีกไม่นานข่าวจากหนานเจียงก็จะส่งมาถึงเมืองหลวงแล้ว จิตใจที่ว้าวุ่นของเจี่ยงซื่อจึงค่อยๆ สงบลง

เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเจี่ยงซื่อดีขึ้นไม่น้อย อู๋หมัวมัวจึงกล่าวต่อ “อีกอย่างคุณหนูใหญ่ไป๋ก็บอกเองมิใช่หรือเจ้าคะว่าไป๋จิ่นซิ่วว่ายน้ำเก่ง แทบไม่มีบุรุษคนใดในเมืองหลวงสู้นางได้ ก่อนหน้านี้ขนาดนางโดนแทงในสนามรบยังลุกขึ้นยืนได้เลย เหตุใดโดนตีที่ศีรษะหน่อยเดียวจึงสลบไม่ฟื้นกันเล่า ตอนกลางวันทำเป็นเหมือนใกล้ตายอยู่ที่จวนเรา พอกลับถึงจวนเจิ้นกั๋วกงก็ดันฟื้นขึ้นมาเสียนี่ คุณหนูทั้งสองแค่หยอกล้อกันเล่นกับนาง…พลั้งมือทำให้นางตกน้ำเท่านั้น นางกลับกัดไม่ยอมปล่อย นี่มันจงจงใช้เรื่องนี้มาจัดการกับท่านที่เป็นแม่สามีชัดๆ ช่างไร้คุณธรรมของการเป็นลูกสะใภ้จริงๆ”

แค่อู๋หมัวมัวนึกถึงเรื่องที่คุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋สั่งคนให้มัดตัวนาง ทำให้นางขายหน้าคนทั้งจวนจงหย่งโหว นางก็โมโหจนแทบทนไม่ไหว นางเป็นบ่าวรับใช้คนสำคัญที่สุดของฮูหยินแห่งจวนจงหย่งโหว นางจัดการคุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋ไม่ได้ นางจะหันมาทรมานไป๋จิ่นซิ่วแทน นางต้องหาทางระบายความโกรธนี่ให้ได้

เจี่ยงซื่อโมโหจนทรวงอกกระเพื่อม “จวนเจิ้นกั๋วกงเจ้าเล่ห์เพทุบายเสียจริง ข้ารู้อยู่แล้วว่านางจงใจให้เป็นเช่นนี้! ฝันไปเถิด!”

“ฮูหยินอย่าโมโหเจ้าค่ะ บ่าวว่าฮูหยินอดทนเอาไว้ก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ รอให้ไป๋จิ่นซิ่วกลับจวนมาก่อน แม่สามีอย่างท่านค่อยสอนให้นางรู้จักกฎเกณฑ์เสียบ้าง เช่นนี้จวนเจิ้นกั๋วกงก็ทำอันใดไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ!” อู๋หมัวมัวลูบหลังให้เจี่ยงซื่อ กล่าวเสียงต่ำ

เจี่ยงซื่อสูดหายใจลึก ยืดหลังตรงพลางกล่าว “เจ้าพูดถูก แต่ข้าต้องทำตัวให้น่าสงสารต่อหน้าผู้อื่นเสียหน่อย อู๋หมัวมัว เจ้าไปเตรียมของกำนัลให้ดี พรุ่งนี้หลังออกมาจากวัง ข้าจะไปเยี่ยมองค์หญิงใหญ่และถือโอกาสรับตัวไป๋จิ่นซิ่วกลับมาด้วย เจ้าไปเลือกของในคลังด้วยตัวเอง โสมพันปี…หรืออะไรก็ได้ยิ่งมีราคายิ่งดี!”

“ฮูหยินใจกว้างมากเจ้าค่ะ แม่สามียอมลดตัวไปเยี่ยมลูกสะใภ้ ในเมืองหลวงคงหาแม่สามีที่มีจิตใจเมตตาเช่นนี้ไม่ได้แล้ว! บ่าวจะไปเตรียมเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ!” อู๋หมัวมัวรีบออกไปสั่งให้คนเปิดคลังเก็บของ

เจี่ยงซื่อยกถ้วยชาขึ้นจิบ ภาวนาให้ข่าวการตายของบุรุษตระกูลไป๋ส่งมายังเมืองหลวงโดยเร็ว นึกถึงวันที่จะได้เห็นต่งซื่อ ฮูหยินซื่อจื่อแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงนั่งปาดน้ำตา เวลานั้นนางคงจะสะใจมาก

ครั้งยังเป็นสตรีแรกรุ่น ทั้งรูปร่างหน้าตา ทั้งฐานะทางตระกูลของต่งซื่ออยู่เหนือนางทุกอย่าง เจี่ยงซื่อโดนตระกูลของนางบีบบังคับจึงต้องยอมก้มหัวให้แก่ต่งซื่อ ได้แต่หวังว่าสักวันนางจะมีโอกาสบ้าง ต่อมานางแต่งเข้าจวนจงหย่งโหวอันสูงส่ง แม้จะเป็นเพียงภรรยาใหม่แต่ก็ถือว่าอยู่เหนือต่งซื่อ แต่ไม่รู้ว่าต่งซื่อทำบุญมาด้วยอะไร สองปีต่อมาต่งซื่อได้แต่งงานงานกับซื่อจื่อแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงซึ่งมีศักดิ์สูงกว่าตระกูลของสามีนางเสียอีก

นางแต่งเข้าจวนจงหย่งโหวสองปีแล้วก็ยังไม่ตั้งครรภ์ แต่ต่งซื่อเพิ่งแต่งเข้าจวนเจิ้นกั๋วกงได้ไม่นานก็ตั้งครรภ์แล้ว นางตั้งครรภ์อยู่สิบเดือนจากนั้นคลอดบุตรสาวออกมาหนึ่งคน เจี่ยงซื่อจึงเบาใจ แต่ไม่รู้ว่าเจิ้นกั๋วกงโดนอะไรเข้าสิงถึงได้หลงรักเด็กผู้หญิงราวกับของล้ำค่า เอ็นดูมากกว่าบุตรชายเสียด้วยซ้ำ! เจี่ยงซื่อโมโหจนใบหน้าบิดเบี้ยวไปหมด

หลายปีมานี้นางอยู่อย่างอดกลั้น ไม่อยากแพ้ต่งซื่อ ภาวนาให้ฉินหล่างพลาดพลั้ง บุตรชายของนางได้กลายเป็นซื่อจื่อแห่งจวนจงหย่งโหว แต่สวรรค์ไม่เห็นใจนางเสียที!

บัดนี้สวรรค์มีตาแล้ว สามีและบุตรชายของต่งซื่อล้วนตายอยู่ที่หนานเจียง จวนเจิ้นกั๋วกงไม่หลงเหลือบุรุษแม้แต่ผู้เดียว วันหน้าในเมืองหลวงคงไม่มีที่ให้ตระกูลไป๋ยืนอยู่อีกต่อไปแล้ว ในที่สุดนางก็จะได้โล่งใจเสียที

เมื่อนึกถึงความน่าสมเพชของต่งซื่อในอนาคต เจี่ยงซื่อก็รู้สึกสะใจมาก ตัดสินใจว่าตอนนี้จะอดทนอีกสักหน่อย ให้จวนเจิ้นกั๋วกงได้เหิมเกริมอีกสักระยะ

เจี่ยงซื่อวางแผนเอาไว้ดีมาก แต่นางยังไม่ทันยื่นป้ายไปยังวังหลวง ฮ่องเต้ก็ทรงพระราชทานอนุญาตยึดตำแหน่งซื่อจื่อของฉินหล่าง สั่งให้ขันทีผู้อ่านราชโองการนำของกำนัลมากมายมามอบให้แก่ฉินหล่าง

“ฉินหล่างบุตรชายของจงหย่งโหว ไม่ต้องการพึ่งพาบารมีของตระกูลไปตลอดชีวิต เลือดร้อนอยากแสวงหาความดีความชอบ แบ่งเบาภาระจักรพรรดิด้วยตัวเอง เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่บุรุษตระกูลต่างๆ เราขอมอบทองคำหนึ่งร้อยตำลึงและจวนหนึ่งหลัง หวังว่าฉินหล่างจะขยันหมั่นเพียร สอบขุนนางปีหน้า เรา…รอเจ้าอยู่”

ฉินหล่างที่คุกเข่าอยู่ด้านหน้าสุดท่ามกลางบรรดาคนในจวนจงหย่งโหว ขอบตาร้อนผ่าวในทันที ก้มศีรษะแนบพื้นน้อมรับราชการโองการอย่างซาบซึ้งในความเมตตา

ขันทีผู้ประกาศราชโองการใบหน้ายิ้มแย้มมองไปยังฉินหล่างที่ลุกขึ้นยืนดวงตาแดงก่ำ ขันทีกล่าวยิ้มๆ “คุณชายใจเด็ดเดี่ยวน่านับถือเช่นนักขอรับ! ฮองเฮาทรงให้บ่าวกราบทูลคุณชายว่าฝ่าบาทให้ความสำคัญกับคุณชายมาก อย่าทำให้ฝ่าบาทต้องผิดหวังขอรับ เป็นแบบอย่างที่ดีให้บุรุษสูงศักดิ์ตระกูลต่างๆ เริ่มต้นชีวิตใหม่ สิ่งใหม่ๆ ภายภาคหน้าอนาคตต้องรุ่งโรจน์แน่ขอรับ”

เมื่อฉินหล่างได้ยินคำตรัสของฮองเฮาก็รีบก้มศีรษะแนบพื้นคำนับอีกครั้ง “ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอพระทัยฮองเฮาที่ทรงห่วงใยพ่ะย่ะค่ะ ฉินหล่าง…จะไม่ทำให้ฝ่าบาทและฮองเฮาทรงผิดหวัง จะขยันหมั่นเพียรยืนหยัดให้ได้ด้วยตนเองพ่ะย่ะค่ะ!”

จงหย่งโหวสีหน้าเขียวปัด แม้ว่าฮ่องเต้จะพระราชทานราชโองการพร้อมตบรางวัลให้ฉินหล่าง

แต่ฉินหล่างสละตำแหน่งซื่อจื่อโดยพละการ ไม่ปรึกษาผู้เป็นบิดาเช่นเขาแต่กลับไปขอให้องค์หญิงใหญ่ช่วยแทน อีกอย่างการที่ฮ่องเต้พระราชทานจวนให้ อีกทั้งคำตรัสของฮองเฮาที่ว่าให้เริ่มต้นชีวิตใหม่เท่ากับเป็นการประกาศออกมาอย่างโจ่งแจ้งว่าจวนจงหย่งโหวทะเลาะบาดหมางกัน พรุ่งนี้เขาคงตกเป็นขี้ปากให้ชาวบ้านทั่วทั้งเมืองนินทาอย่างสนุกปากแน่ๆ

จงหย่งโหวหันกลับไปจ้องเจี่ยงซื่อเขม็งด้วยแววตาคมกริบ เจี่ยงซื่อหน้าซีดเผือดในทันที ร่างสั่นเทาราวกับลูกนก

เจี่ยงซื่อรู้ว่าครั้งนี้ไม่เพียงทำให้สามีต้องขายหน้า แต่ชื่อเสียงของนางก็จบสิ้นแล้วเช่นกัน นางเอาแต่ภาวนาให้ฉินหล่างพลาดพลั้ง ตำแหน่งซื่อจื่อจะได้ตกเป็นของบุตรชายของนาง! บัดนี้ฉินหล่างไม่ต้องการตำแหน่งนี้แล้วจริงๆ แต่ตำแหน่งนี้กลับกลายเป็นของร้อนที่นางไม่กล้าให้บุตรชายได้ครอบครอง

ฉินหล่างวางราชโองการไว้บนโต๊ะบูชา เตรียมจะกลับไปยังจวนของตัวเองก็โดนจงหย่งโหวเรียกไว้เสียก่อน เขาเงื้อมือฟาดลงไปบนใบหน้าของฉินหล่างจนชาไปครึ่งหน้า