ตอนที่ 34 ช่วงเวลาอบอุ่น

​เห็นได้ชัดว่าหย่งหนิงไม่อยากแยกจากอาชิง นางจับมือเล็ก ๆ ของเขาแล้วเอ่ยขึ้น “อาหารที่ท่านแม่ของเจ้าทำอร่อยมาก ต่อไปข้าขอมาเล่นกับเจ้าอีกได้หรือไม่?”

อาชิงพยักหน้าให้ “ได้อยู่แล้ว ข้าอยู่บ้านกับท่านพ่อสองคนทุกวันอยู่แล้ว”

หย่งหนิงได้ยินดังนั้นดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา “เช่นนั้นสัญญาแล้วนะ รอข้าว่างแล้วข้าจะมาหาเจ้า”

อาจเป็นเพราะนางได้รับคำมั่นสัญญาแล้ว จึงกางแขนออกให้แม่นมอุ้ม จากนั้นก็โบกมือให้อาชิง “ต้องคิดถึงข้าด้วยนะ”

อาชิงไปส่งสหายใหม่ขึ้นรถม้า ส่วนจางหยวนเฉียวเดินไปหนึ่งก้าวก็หันมามองหนึ่งที เพราะพรุ่งนี้ก็อยากจะมาอีก

คิดไปคิดมา เพื่อจะให้ได้กินข้าวที่นี่อีก เขาจะต้องรักษาสามีของแม่นางจี้ให้หายเสียก่อน ขอเพียงรักษาให้หายได้ ยังกลัวว่าจะไม่ได้มาที่นี่อีกอย่างนั้นหรือ!

จี้จือฮวนกับเด็ก ๆ ทั้งสามมองส่งพวกเขาออกจากหมู่บ้านไปแล้ว จึงได้ปิดรั้วบ้าน “ไปเถอะ ไปอาบน้ำนอนได้แล้ว”

อาอินยังไม่วางใจ จึงเดินตามหลังนางไปสองก้าวแล้วเอ่ยถามขึ้น “เมื่อครู่…เมื่อครู่เหตุใดท่านไม่ตอบตกลงนางไปเล่า ท่านเก่งขนาดนี้ ทั้งรักษาคนได้ ทั้งทำกับข้าวเป็น ท่านเองก็อยากจะไปตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือ?”

จี้จือฮวนไม่ได้หันกลับไปมอง แต่ยืนหันหลังให้นาง

นางไม่รู้ว่าจะอธิบายกับเด็กคนนี้เช่นไรดี ตัวนางเองในชาติก่อนเป็นเพียงเด็กกำพร้าในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ไม่มีพ่อแม่ แม้แต่สหายก็มีน้อยจนน่าสงสาร ทำอะไรตัวคนเดียวไม่ต้องบอกใคร

ตายไปก็ไม่แน่ว่าจะมีใครรู้ชื่อ เพราะนางมีแค่ชื่อรหัสเท่านั้น

ตอนแรกนางตัดสินใจอยู่ที่นี่ก็เพราะไม่มีที่ให้ไป หากเป็นภารกิจเช่นนั้น บ้านหลังนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นของนาง หากจากที่นี่ไปบางทีนางอาจจะไม่มีโอกาสกลับไปยุคปัจจุบันอีกก็เป็นได้

แต่พอนานวันเข้า นางกลับเป็นห่วงพวกเขามากขึ้น

เหมือนครอบครัว

จี้จือฮวนรู้ดีว่ามีสายตาสามคู่กำลังจ้องมองนางอยู่ เพราะอยากจะได้คำตอบจากนางเร็ว ๆ

นางจึงหันไปตอบพวกเขา “เจ้าก็คิดซะว่าข้าทิ้งพวกเจ้าไม่ลงก็แล้วกัน”

รอเผยยวนดีขึ้นแล้ว นางก็จะสามารถไปค้นหาวิธีกลับไปที่โลกปัจจุบันได้ ถึงเวลานั้นเด็กทั้งสามคนก็คงไม่ต้องการแม่เลี้ยงที่ไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดเช่นนางแล้ว

จี้จือฮวนในเวลานี้ไม่ได้ให้คำสัญญาใด ๆ กับพวกเขา และไม่ได้พูดคำพูดที่ซาบซึ้งใจอะไรมากนัก

แต่ไฟจากแสงเทียนสลัว ๆ ที่ลอดออกมาจากตัวบ้านนั้น ส่องให้เห็นร่างที่ผอมเพรียวของนาง กลับเป็นภาพที่เด็กทั้งสามล้วนจดจำไปชั่วชีวิต

ในช่วงหลายปีนับจากนี้ไป จี้จือฮวนเปรียบเสมือนภูเขาสูงใหญ่ที่จะอุ้มชูพวกเขาให้ขึ้นไปสู่จุดที่สูงสุด ทำให้ชีวิตของพวกเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ

ตอนกลางคืนอาอินอาบน้ำเสร็จ ก็วิ่งมานอนกับจี้จือฮวน

โดยนางพยายามข่มความอายแล้วเข้ามา เพราะนางกับจี้จือฮวนทะเลาะกันมานาน จึงไม่เคยสนิทสนมกันเช่นนี้มาก่อน แม้ว่าคำพูดที่พูดกันนั้นจะยังฟังดูแข็ง ๆ แต่จี้จือฮวนรู้ดีว่าเด็กน้อยแค่อายอยู่เท่านั้น

จี้จือฮวนไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะแบ่งผ้าห่มครึ่งหนึ่งให้กับนาง อาอินค่อย ๆ มุดเข้ามาในผ้าห่ม ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้จี้จือฮวนโดยไม่รู้ตัว

จี้จือฮวนกำลังอ่านหนังสือของยุคปัจจุบันอยู่ อาอินจึงกะพริบตาปริบ ๆ “ท่านถืออะไรในมือน่ะ เหตุใดถึงได้สว่างเช่นนั้น?”

“นี่คือไฟฉาย”

ของในกล่องยาน้อย ๆ บางครั้งก็ครบครันจนเกินไป จี้จือฮวนจึงต้องใช้ทุกอย่างให้เกิดประโยชน์มากที่สุด

อาอินดวงตาเบิกโพลง “เช่นนั้นมันไม่ต้องใช้ไฟหรือ เหตุใดถึงได้สว่างกว่าเทียนเสียอีก”

“ไม่ต้องใช้” จี้จือฮวนเห็นว่าผมของนางยังไม่แห้ง จึงหยิบผ้าเช็ดผ้ามาเช็ดผมให้นาง อาอินนอนคว่ำหน้าอยู่บนตักของนาง สัมผัสความรักจากแม่ที่หาได้ยาก

“หากว่าท่านพ่อไม่หาย ท่านจะอยู่ตลอดไปหรือไม่?”

จี้จือฮวนครุ่นคิดเล็กน้อย “ต้องดูสถานการณ์ก่อน”

อาอินกำมือแน่น เม้มริมฝีปาก และไม่พูดอะไรอีก

ในฐานะตัวร้าย จี้จือฮวนจึงลองคิดถึงความคิดและลักษณะนิสัยของเด็กทั้งสามคน

เผยจี้ฉือ เป็นคนที่มีความคิดที่ยากจะคาดเดา และเก่งเรื่องการใช้คน เขาเป็นเด็กที่คาดเดาไม่ได้มากที่สุดในบรรดาทั้งสามคน ในช่วงครึ่งหลังของนิยาย เพื่อล้างแค้นให้เผยยวน เหมือนว่าเขาจะลงมือฆ่าล้างเมือง

เผยถังอิน นางเป็นนางมารที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าบุรุษ สังหารคนได้โดยไม่กระพริบตา ยกทัพล้อมพระราชวังจนเกือบจะลากฮ่องเต้ลงมาได้อยู่แล้ว

ส่วนเผยเฮ่อชิง มีเขียนเอาไว้น้อยที่สุด แต่เขาก็ลึกลับที่สุดเช่นกัน มักจะทำให้คนคาดเดาไม่ได้ จี้จือฮวนรู้เพียงจุดจบของพวกเขา แต่กลับไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านั้นบ้าง

บอกได้เพียงว่าวัยเด็กมีส่วนสำคัญอย่างมากในการหล่อหลอมคน

หากต้องการเปลี่ยนแปลงจุดจบอันน่าเศร้าของทั้งสามคนนี้ ก็ต้องเริ่มตั้งแต่ตอนนี้

อาอินเหมือนจะหงุดหงิดเล็กน้อย นางรู้สึกว่าจี้จือฮวนยังมีความคิดที่จะจากไป ไม่ช้าก็เร็วก็จะทิ้งพวกเขาไป ดังนั้นนางจึงเงียบไปพักหนึ่ง แต่จู่ ๆ จี้จือฮวนก็ถามขึ้นมา “ข้ายังไม่รู้เลยว่าแม่ของพวกเจ้าอยู่ที่ใด นางยังอยู่หรือไม่?”

ในนิยายไม่ได้อธิบายถึงที่มาของลูกของเผยยวนทั้งสามคนเอาไว้

อาอินมองนางด้วยสีหน้าที่อธิบายไม่ถูก “พวกเราไม่รู้ว่าแม่เป็นใคร เหตุใดแม้แต่เรื่องนี้ท่านก็ลืมได้ ข้ากับอาชิงถูกท่านพ่อเก็บมาจากสนามรบ ส่วนพี่ใหญ่ข้ารู้เพียงว่าท่านพ่อก็อุ้มกลับมาจากข้างนอกเหมือนกัน พวกเราไม่มีแม่”

จี้จือฮวนเลิกคิ้วขึ้น เห็นได้ชัดว่าคำตอบนี้เกินความคาดหมายของนาง มิน่าเล่าเผยยวนอายุยังนอยแต่กลับมีลูกถึงสามคน ที่แท้ก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเขานี่เอง

จี้จือฮวนไม่ได้พูดอะไรอีก ส่วนอาอินลังเลอยู่สักพักจึงเอ่ยขึ้นมา “ท่านเล่านิทานให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่?”

นางรู้ว่ามีแม่หลายคนที่เล่านิทานเพื่อกล่อมลูกเข้านอนในตอนกลางคืน แต่นางกลับไม่มี

“ได้สิ”

“จริงหรือ?” อาอินดีใจอย่างมาก นางไม่สามารถมีความสุขเพียงคนเดียวได้ เมื่อได้คำตอบจากจี้จือฮวน อาอินก็วิ่งออกจากห้องไป ผ่านไปครู่หนึ่งเผยจี้ฉือก็เดินหน้าแดงเข้ามา แม้แต่อาชิงก็รีบกระโดดขึ้นไปบนเตียงที่จะพังมิพังแหล่ของนางทันที

จี้จือฮวนห่มผ้าห่มให้พวกเขา ส่วนนางอยู่อีกฝั่งก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา “เล่าเรื่องไซอิ๋วก็แล้วกัน”

“ตำนานเล่าว่าเมื่อนานมาแล้ว โลกถูกแบ่งออกเป็นดินแดนเทพตงเซิ้ง ดินแดนชมพูทวีป…”

จี้จือฮวนเล่าให้เข้าใจได้ง่าย เมื่อเล่าถึงตอนที่น่าตื่นเต้นก็ยังใช้ไฟฉายเพิ่มความตื่นเต้นอีกด้วย ทำให้เด็กทั้งสามตกใจจนเข้ามาเบียดกัน และลืมตาขึ้นมามองด้วยความอยากรู้อยากเห็น เพื่อรอนางเล่าต่อ

“เอาล่ะ ตอนที่หนึ่งจบลงตรงนี้ เด็กที่ไม่เชื่อฟังจะไม่สามารถเข้าไปในประตูถ้ำหลังม่านน้ำตก1ได้” จี้จือฮวนเอ่ยจบ ก็สั่งพวกเขาว่าควรไปนอนได้แล้ว

อาอินสามารถอยู่ต่อได้ เพราะนางเป็นผู้หญิง จึงนอนกับจี้จือฮวนได้

อาชิงเองก็ไม่อยากไป แต่เตียงนี้เล็กมาก จึงถูกเผยจี้ฉือลากกลับไปนอนที่เตียงของเผยยวนแทน

อาชิงนอนพลิกไปพลิกมา พลางบ่นขึ้นเบา ๆ “เตียงของท่านพ่อไม่หอมเหมือนของท่านแม่ ไม่นิ่มเหมือนที่นั่นด้วย ห้องนี้ว่างเปล่าไปหมด”

เผยจี้ฉือเองก็รู้สึกอยากฟังต่ออีก นิทานสนุกเช่นนี้จี้จือฮวนไปฟังมาจากที่ใดกัน ไม่รู้ว่าในตลาดมีหนังสือเช่นนี้หรือไม่?

เมื่อเห็นอาชิงคว่ำหน้าคลุมโปงราวกับลูกหมู เขาก็ถอนหายใจออกมา หากว่าเขาเด็กกว่านี้ก็คงจะสามารถอ้อนโดยไม่สนใจอะไรได้กระมัง?

เผยจี้ฉือกอดอาชิงเอาไว้ “เอาล่ะ นอนเถอะ พรุ่งนี้ข้ายังต้องไปช่วยนางขายของอีก”

อาชิงเงยหน้าขึ้น “ข้าจะโตเร็ว ๆ ข้าก็อยากไปขายของด้วย ถึงเวลาหากท่านพ่อยังไม่ฟื้น ข้าจะแบกท่านพ่อไปด้วย”

เผยจี้ฉือจึงพยักหน้าให้ “อืม”

ส่วนเผยยวนที่นอนอยู่บนเตียงและถูกเมินนั้น “…”

[1] ถ้ำหลังม่านน้ำตก (水帘洞) เป็นที่อยู่ของบริวารลิงของซุนหงอคง