ตอนที่ 33 นางจะอยู่ที่นี่ต่อ

ภายในลานบ้าน เด็กน้อยทั้งสองนั่งยอง ๆ อยู่ข้าง ๆ กัน ในมือถือเห็ดพลางร้องเพลงไปด้วย

หย่งหนิงมีความสุขมาก จึงคว้าผักป่าและเห็ดวิ่งไปทางแม่นมของนาง อวดเพลงที่ตัวเองเพิ่งเรียนมาให้นางฟัง

จางหยวนเฉียวนั่งอยู่บนหน้านั่งยาว ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าหงึก ๆ “เพลงนี้ไม่เลว ช่วงเวลานี้ของทุกปีแค่คนที่เข้ามาที่โรงยาเพราะกินเห็ดพิษเข้าไปก็มีไม่น้อยแล้ว เพลงเด็กประเภทนี้ติดหูและเรียบง่าย หากฟังบ่อย ๆ ก็จะสามารถจดจำได้ เด็กน้อย ใครสอนเพลงนี้ให้เจ้าอย่างนั้นหรือ?”

อาชิงหันไปหาเขาทันที “ต้องเป็นท่านแม่ของข้าอยู่แล้ว”

จางหยวนเฉียวอึ้งไปเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าแม่นางน้อยจะเฉลียวฉลาดถึงเพียงนี้ สามารถแต่งเพลงเด็กที่สนุกเช่นนี้ได้ด้วย แต่จะว่าไปแล้วนางก็อายุยังน้อย กลับต้องมาแต่งกับสามีที่นอนป่วยเช่นนี้ ทั้งยังมีลูกติดอีกสามคน แต่กลับไม่หนีไปไหน นี่ก็ถือว่ามหัศจรรย์มากแล้ว

แม่นมชราเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน แต่เมื่อดูดี ๆ บ้านหลังนี้แม้จะทรุดโทรมไปบ้าง ทว่าอะไรที่ควรมีก็มีครบทุกอย่าง ทั้งด้านนอกและด้านในสะอาดสะอ้าน เห็นได้ชัดว่าเป็นหญิงสาวที่สู้ชีวิต

ด้วยฝีมือการแพทย์ที่เก่งกาจเช่นนั้น หากเป็นบุรุษละก็ เกรงว่าหมู่บ้านเล็ก ๆ เช่นนี้คงไม่สามารถรั้งคนเอาไว้ได้ตั้งนานแล้ว

แม่นมมองดูคุณหนูที่กำลังเลือกเห็ดด้วยความดีใจ ในใจก็ลอบตัดสินใจบางอย่าง

เนื่องจากวันนี้ต้องต้อนรับคนค่อนข้างมาก อายุก็แตกต่างกันไป ในฐานะเจ้าภาพจี้จือฮวนจึงตั้งใจจะแบ่งอาหารเป็นสองประเภท

อาหารของคนแก่กับเด็กไม่ต่างกันมากนัก เหนียวนุ่ม กลมกล่อม ย่อยง่าย

ส่วนองครักษ์รูปร่างกำยำล่ำสันด้านนอกกับสาวใช้ นางเลือกทำเนื้อย่างที่อิ่มท้องมากกว่าให้

จี้จือฮวนตั้งเตาที่เรียบง่ายในลานบ้านเป็นกรณีพิเศษ โดยมีโครงเหล็กอยู่ด้านบน วางเป็ดที่นำกลับมาวันนี้ลงไป ตั้งใจทำเป็ดย่างหนังกรอบหนึ่งอย่าง ส่วนอีกด้านก็เสียบขาหมูหลายขา เพื่อทำเป็นขาหมูกรอบ

อาอินและอาฉือต่างก็มาช่วยด้วย อาอินช่วยจัดการวัตถุดิบ ส่วนอาฉือขายังเดินเหินไม่ค่อยสะดวก ทำได้เพียงคอยดูไฟให้

จี้จือฮวนจะใช้ถ่านในการย่าง ขั้นแรกจึงหมักเป็ดด้วยเครื่องปรุง เทน้ำเดือดลงบนตัวเป็ด ทำซ้ำหลาย ๆ ครั้งจนหนังเป็ดหดและตึงจนเห็นรูขุมขน จากนั้นก็ทาด้วยน้ำผึ้งและซีอิ๊วดำ ผิวด้านนอกถูกย่างจนมีน้ำมันไหลออกมาและเป็นสีเหลืองกรอบ กลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปทั่ว

มีสาวใช้คนหนึ่งมาช่วยด้วย จี้จือฮวนจึงให้นางคอยพลิกขาหมูและเป็ดย่างเป็นระยะ ก่อนจะเข้าไปในห้องครัว

แค่อาหารสองอย่างนี้ยังไม่พอ นางยังได้ทำเนื้อเสียบไม้ย่างวางไว้ที่มุมเตา เมื่อโรยเครื่องปรุงบนเตาไฟก็สามารถกินได้แล้ว

หลังจากนั้นไม่นานองครักษ์ที่อยู่ด้านนอกลานบ้านต่างก็ทำจมูกฟุดฟิดกันยกใหญ่ อดไม่ได้ที่จะมองไปทางเตาไฟในลานบ้าน

นี่มันอะไรกัน นี่มันจะหอมเกินไปแล้วกระมัง?

เครื่องปรุงในยุคนี้หายากเป็นอย่างมาก จี้จือฮวนจึงเอาจากที่เก็บไว้ในช่องว่างมิติออกมาใช้ กลิ่นหอมที่เผ็ดร้อนเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับอาหารเรียกน้ำย่อยชั้นดีเลย!

ตอนนี้เอง ของที่ใส่ไว้ในหม้อก็ต้มเสร็จแล้ว จี้จือฮวนจึงยกปลาไนต้มผักดองชามใหญ่ออกมา เนื่องจากในบ้านมีม้านั่งแค่ไม่กี่ตัว จึงทำให้คนเหล่านั้นต้องนั่งกินกันที่ใต้ต้นไม้แทน

แต่กลับไม่มีใส่ใจเรื่องพวกนี้แม้แต่น้อย เพราะมัน…มันช่างอร่อยมากจริง ๆ

เนื้อปลาไนนั่นไม่รู้ว่าทำอย่างไร เนื้อนุ่มจนตะเกียบแทบจะคีบไม่ขึ้น เปรี้ยวเผ็ดกำลังดี เอาน้ำแกงคลุกกับข้าวสวยก็สามารถกินได้สามชามใหญ่เลยทีเดียว อร่อยกว่าภัตตาคารที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงเสียอีก

เนื่องจากคำนึงถึงปริมาณอาหารที่ผู้ชายกินด้วย วันนี้จี้จือฮวนจึงหุงข้าวหนึ่งถังเต็ม ๆ เพราะวันนี้แม่นมชราได้ให้ทองมาถึงหนึ่งถุง ของแค่นี้นางไม่จำเป็นต้องตระหนี่แต่อย่างใด

เดิมคิดว่าปลาไนต้มผักดองก็อร่อยมากแล้ว แต่เมื่อได้กินเนื้อเสียบไม้ย่างและขาหมูกรอบ ๆ ทุกคนก็ไม่มีเวลาแม้แต่จะคุยกันอีก พวกเขาแทบจะเลียตะเกียบจนสะอาดเลยทีเดียว

อาชิงเห็นดังนั้นก็ได้แต่ส่ายหน้า คนพวกนี้เป็นผู้ใหญ่ที่ไม่เคยเห็นโลกกว้างจริง ๆ นี่เป็นแค่อาหารธรรมดา ๆ ของท่านแม่ก็เท่านั้น!

จี้จือฮวนแบ่งเป็ดย่างเป็นสองส่วน ส่วนแรกนางเริ่มหั่นเนื้อเป็ดก่อน นี่คือขั้นตอนที่สำคัญที่สุดของการกินเป็ดย่าง

กินหนังเป็ดก่อนตอนที่ยังร้อน ๆ เพราะจะกรอบอร่อย จากนั้นค่อยกินเนื้อเป็ดที่แล่บาง ๆ แต่ละแผ่นมีทั้งเนื้อและหนัง บางแต่ไม่ขาด เนื้อเป็ดหนึ่งร้อยแปดชิ้น ไม่มากและไม่น้อยเกินไป โครงเป็ดยังสามารถเอาไปแทะได้อีกด้วย ทั้งยังกรอบนอกนุ่มใน รสชาติเป็นเอกลักษณ์อย่างมาก

เป็ดย่างถูกห่อในหมั่นโถวผ่าครึ่งทรงใบบัวที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษ กินคู่กับแตงกวา ต้นหอม หัวไชเท้าที่หั่นเป็นเส้น ๆ และซอสสูตรพิเศษ ทันทีที่กัดลงไปทุกคนต่างก็หลับตาพริ้ม

นี่มันอาหารรสเลิศอะไรกัน?

พวกเขายังคิดว่าวันนี้จะได้กินแต่อาหารแห้งเสียแล้ว สุดท้ายแต่ละจานกลับกลายเป็นอาหารที่อร่อยถึงเพียงนี้ได้!

ด้วยคิดถึงอาการของหย่งหนิง จี้จือฮวนจึงต้มโจ๊กข้าวโพดซี่โครงหมูให้นางแทน หอมนุ่ม กินง่าย และพวกเด็ก ๆ สามคนก็กินข้าวห่อไข่รสชาติเปรี้ยวหวานกลมกล่อม ส่วนแม่นมชรานั้น คุณหนูของนางกินอะไรนางก็ย่อมกินด้วย เพราะต้องกินเป็นเพื่อนนาง ทางด้านจางหยวนเฉียวกลับไม่สนใจอะไร เขากินนู่นคำหนึ่งกินนี่อีกคำหนึ่ง

“อร่อย ช่างอร่อยจริง ๆ!” จางหยวนเฉียวอยากจะย้ายมาอยู่ข้างบ้านหลังนี้เสียจริง ๆ หรือจะจ่ายเงินเพื่อเชิญแม่นางจี้ผู้นี้กลับไปเป็นแม่ครัวที่โรงยาดีนะ

ไม่ได้ ๆ ฝีมือการแพทย์สูงส่งเช่นนี้ จะลดความสามารถไปเป็นแม่ครัวได้อย่างไรกัน?

จางหยวนเฉียวยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจ หากภายภาคหน้าไม่ได้กินอาหารรสเลิศเช่นนี้อีกจะทำอย่างไร

ขณะที่ทุกคนวุ่นวายกับการกินข้าวอยู่นั้น จี้จือฮวนก็นั่งลงที่ข้างกายของเผยยวน หลังจากป้อนยาหลิงเฉวียนของวันนี้ให้เขาแล้ว จึงได้ออกไปกินข้าวกับทุกคน

เผยจี้ฉือตั้งใจเว้นที่นั่งข้างกายเอาไว้ให้นาง และยังคีบกับข้าวเอาไว้ให้นางเรียบร้อยแล้ว

จี้จือฮวนมองดูเล็กน้อย เผยจี้ฉือเพียงแค่กินข้าวห่อไข่ในชามไปเงียบ ๆ นางจึงเอ่ยเสียงเบาออกมา “ขอบใจ”

เผยจี้ฉือชะงักไป ก่อนที่ใบหน้าจะแดงก่ำขึ้นมา และก้มหน้าลงยิ่งกว่าเดิม

หลังจากกินข้าวเสร็จ แม่นมชรายังได้ให้เหล่าองครักษ์มาช่วยกันล้างจานชามให้เรียบร้อย

อาจเป็นเพราะไม่แน่ว่าต่อไปพวกเขาจะได้กินอาหารอร่อย ๆ เช่นนี้อีกหรือไม่ พวกเขาจึงตั้งใจทำงานกันเป็นพิเศษ

แม่นมชราเดินเข้ามาในห้องครัว “แม่นางจี้”

จี้จือฮวนเวลานี้ถอดผ้าคลุมหน้าออกแล้ว เมื่อแม่นมชราได้เห็นใบหน้าของนาง ก็ตกใจจนถอยหลังไปหนึ่งก้าว จี้จือฮวนกลับไม่ได้โกรธเคืองหรือปิดบังอะไร เพียงแต่เอ่ยเรียบ ๆ ออกไป “ท่านแม่นมมีเรื่องอันใดหรือ?”

แม่นมรู้สึกอับอายกับกิริยาของตนเองเมื่อครู่ “ข้าต้องการคุยเรื่องงานกับแม่นางจี้ หากว่าแม่นางจี้ตกลงจะตามพวกเรากลับไป เรื่องเงินนั้น…”

“ต้องขออภัยด้วย ท่านเองก็รู้สถานการณ์ของครอบครัวเราแล้ว ข้าไม่สามารถไปที่ใดได้”

แม่นมย่อมทราบดี และรู้ดีว่านี่เป็นการฝืนใจคนอื่น แต่ว่านางก็ยังไม่อยากทิ้งโอกาส

เพราะหากอาการป่วยของคุณหนูกำเริบขึ้นมาอีกเล่า

“ท่านแม่นมไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นใบหน้าของข้าเป็นเช่นนี้คงไม่เหมาะที่จะไปอยู่ในเรือนขุนนาง แต่หากต้องการความช่วยเหลือสามารถมาหาข้าได้ตลอดเวลา ขอเพียงระวังเรื่องอาหาร หย่งหนิงก็จะไม่เป็นอะไร เพราะร่างกายของนางนั้นแข็งแรงมากอยู่แล้ว”

จี้จือฮวนเอ่ยจบก็ล้างจานต่อ

ด้านนอกห้องครัว อาอินมีสีหน้าซีดเผือด ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

เมื่อครู่นางกลัวมากว่าจี้จือฮวนจะตอบตกลงแล้วทิ้งพวกนางไป ชีวิตเพิ่งจะดีขึ้นมา นาง…นางไม่อยากให้จี้จือฮวนจากไป!

แม่นมมองสตรีรูปร่างผอมบางตรงหน้า ความจริงแล้วดูจากหน้าตาไม่ถือว่าขี้เหร่แต่อย่างใด เพียงแต่รอยแผลและรอยจุดสีเขียวบนใบหน้านั่น ตอนแรกแม่นมคิดว่านางใช้ผ้าคุมหน้าเพราะอยากให้ดูเรียบร้อย แต่ตอนนี้ดูท่าแล้วคงกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจนั่นเอง

“เช่นนั้น…ก็รบกวนแล้ว” แม่นมลุกขึ้นและสั่งให้เหล่าองครักษ์เตรียมตัวออกเดินทางได้