ตอนที่ 25 ได้รับพิษ (3)
จวินชิงหลุดหัวเราะแล้วส่ายหัวไปมา “เจ้านี่ช่างไม่มีอารมณ์ขันเอาเสียเลย คนเดียวที่สามารถทนรับอารมณ์เช่นนี้ของเจ้าได้เกรงว่าคงมีเพียงพี่ใหญ่เท่านั้นกระมัง เพียงแต่เจ้าอย่าลืมเสียเล่าว่าเด็กคนนั้นเป็นบุตรีของบุรุษที่เจ้าเคยสาบานไว้ว่าจะจงรักภักดีตราบชั่วชีวิต นางเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงหนึ่งเดียวของพี่ใหญ่ข้า หากวันใดวันหนึ่งข้ากับท่านพ่อไม่อยู่แล้ว เด็กคนนั้นคงต้องฝากให้เจ้า…”
ทว่าคำพูดของจวินชิงยังไม่ทันพูดจบดี ความรู้สึกเจ็บปวดทรมานก็แผ่กระจายไปยังทุกอณูของกระดูกทั่วร่างเขา
“ท่านอ๋องน้อย!” ชายผู้นั้นหน้าซีดเผือด วิ่งเข้ามาดูอาการของจวินชิงด้วยความหวั่นวิตก
พิษที่จวินชิงได้รับคราวนั้นยังกำจัดออกไม่หมด ส่วนที่เหลือก็ได้ซึมเข้าไปในกระดูกจนหมดแล้ว ต่อให้เป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นมาเองก็ทำอะไรไม่ได้ หลายปีมานี้จวินชิงถูกดูแลอย่างระมัดระวัง อาหารการกินล้วนใส่ใจกว่าปกติเหตุใดจู่ๆ ก็…
ทันใดนั้นเขาก็นึกบางอย่างขึ้นได้
“หรือจะเป็นเพราะเมล็ดบัวนั่น” เป็นไปได้อย่างไรกัน
แม้ชายหนุ่มจะไม่ชอบขี้หน้าจวินอู๋เสีย แต่ก็รู้ดีว่านางคือสายเลือดสกุลจวินและยังเป็นหลานสาวแท้ๆ ของจวินชิง ดังนั้นยามเมื่อนางเข้าใกล้จวินชิงเมื่อสักครู่นี้เขาจึงไม่ระวัง เป็นไปได้หรือไม่ว่าจวินอู๋เสียจะวางยาพิษจวินชิง
จวินชิงกัดฟันแน่นข่มความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในร่างกาย ทว่าความรวดร้าวในกระดูกนั้นมันช่างมากเกินกว่าที่เขาจะบรรยายออกมาได้ ราวกับกระดูกถูกคนบีบให้แหลกละเอียดทีละเล็กละน้อย ความเจ็บปวดมากมายมหาศาลนี้ทำให้เหงื่อกาฬเขาไหลท่วมราวกับสายฝน
ชายผู้นั้นเห็นท่าทางของจวินชิงแย่ลงเรื่อยๆ ก็แบกทั้งคนทั้งรถเข็นขึ้นหลังแล้ววิ่งกลับไปที่ห้องด้วยความรวดเร็ว
จวินอู๋เสียไม่รับรู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นด้านนอกเลยแม้แต่น้อย นางไม่รู้เลยว่าการชำระล้างไขกระดูกของคนธรรมดาทั่วไปกับคนที่เคยได้รับพิษมาก่อนนั้น จะให้ผลที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ขณะนี้ เรือนพักของจวินชิงวุ่นวายมาก หมอฝีมือดีหลายสิบคนจากทั่วทั้งเมืองหลวงถูกเรียกตัวมาที่จวนอ๋องหลินอย่างฉุกเฉินเพื่อรักษาจวินชิง
อย่างไรก็ตามอาการของจวินชิงนั้นประหลาดมาก หมอทั้งหลายต่างพากันส่ายหน้าอย่างจนปัญญา อุณหภูมิภายในร่างของจวินชิงที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ร่างกายของเขาชักเกร็ง ในไม่ช้าเหงื่อที่ผสมสสารสีดำส่งกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงก็ไหลเปียกท่วมผ้าปูที่นอน
ภาพนี้ทำเอาเหล่าหมอตกใจกลัว พวกเขานั่งตัวสั่นข้างเตียงราวกับนกกระทาน้อยต้องลม
จวินเสี่ยนเมื่อได้รับข่าวก็รีบบึ่งกลับจวนทันที หลังจากกลับมาเห็นว่าลูกชายของตัวเองนอนอยู่บนเตียงด้วยสภาพกึ่งเป็นกึ่งตาย ก็ตกใจจนเหงื่อท่วม
“นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่!” จวินเสี่ยนตะคอกอย่างโกรธจัด ดวงตาสีแดงก่ำจ้องเขม็งไปยังเหล่าหมอที่คุกเข่าอยู่ข้างเตียง
“ข้า…ข้าน้อย…ข้าน้อยไม่ทราบว่า…ว่าชีพจรของท่านอ๋องน้อยเหตุใดถึงได้ยุ่งเหยิงเพียงนี้ พิษที่ตกค้างอยู่ในกระดูกบัดนี้ แพร่…แพร่กระจายไปทั่วร่างแล้วขอรับ ข้าน้อย…ข้าน้อยทำเต็มที่แล้ว…ขอหลินอ๋องโปรด…โปรดไว้ชีวิตพวกข้าน้อยด้วย!” เหล่าหมอต่างร้องไห้ขอความปรานี พวกเขาทุกคนวินิจฉัยออกมาได้ตรงกันนั่นคือท่านอ๋องน้อยจวินชิงถูกพิษและจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว!
คำบอกกล่าวของหมอ ทำให้จวินเสี่ยนราวกับถูกฟ้าผ่า แทบสิ้นสติไปเสียเดี๋ยวนั้น แต่ก็ยังพยายามฝืนพยุงตัวไว้เต็มที่
ลูกชายคนเล็กของเขาก็กำลังจะตายด้วยหรือ
ไม่!
จะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด! ! !
จวินเสี่ยนไม่สนสิ่งใดอีกแล้ว รีบรุดไปยังวังหลวงเพื่อไปเชิญตัวไป๋อวิ๋นเซียนมา เนื่องจากนางเป็นศิษย์เอกของท่านเจ้าสำนักชิงอวิ๋น อย่างไรก็ตามไป๋อวิ๋นเซียนกลับบ่ายเบี่ยงไม่ยอมออกมาพบหน้า นางอ้างว่าวันนั้นถูกโจมตีจนขวัญเสีย ตอนนี้กำลังฝึกจิตอยู่
จวินเสี่ยนเร่งรุดไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ที่ท้องพระโรงแทน ด้านฮ่องเต้นั้นอยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีทางเลือกมากนัก แม้จะลำบากใจแต่ก็ยอมส่งหมอหลวงมารักษาจวินชิงที่จวนหลินอ๋อง
……………….
ตอนที่ 26 ได้รับพิษ (4)
จวินชิงนอนอยู่บนเตียงเช่นนั้นถึงหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม ตกอยู่ในสภาพเหมือนจะตายได้ทุกเมื่อ เหล่าหมอหลวงงัดวิธีทั้งหมดออกมาใช้แล้วแต่ผลลัพธ์กลับไม่ดีขึ้นเลย ทุกคนจึงพูดกันเป็นนัยๆ ว่าคราวนี้จวินชิงคงไม่รอดแน่แล้ว
เพียงข้ามคืนจวินเสี่ยนก็ดูเหมือนแก่ขึ้นไปถึงสิบปี เช้าวันที่สองหลังจากมองดูลูกชายนอนอิดโรยอยู่บนเตียง เขาก็โบกมือสั่งให้หมอทุกคนกลับไป ย้ายตัวเองมานั่งอยู่ที่หัวเตียงของจวินชิง ฟุบหน้าลงกับมือทั้งสองข้าง ไหล่สั่นเทิ้ม
……
“เรื่องจริงหรือ” ฮ่องเต้แห่งรัฐชีประทับอยู่ในห้องทรงพระอักษร เมื่อฟังรายงานจากหมอหลวงเสร็จพระองค์ก็นิ่งเงียบ ใบหน้าไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น
“กระหม่อมไม่กล้าพูดปดพ่ะย่ะค่ะ พิษร้ายในตัวท่านอ๋องน้อยปะทุขึ้นมาจริงๆ นอกจากนั้นมันยังแพร่กระจายไปทั่วร่างอีกด้วย” หมอหลวงรายงานตามความจริง
“ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก เจ้าสั่งคนให้นำโสมภูเขาหิมะและเห็ดรุ่ยหลิงจือไปส่งที่จวนหลินอ๋องด้วย” ฮ่องเต้ตรัสออกมาอย่างเปี่ยมน้ำพระทัย
โสมภูเขาหิมะและเห็ดรุ่ยหลิงจือนั้นเป็นถึงสมุนไพรหายากที่มีสรรพคุณช่วยยื้อชีวิต ขณะที่ทุกคนทราบกันดีว่าจวินชิงใกล้ตายแล้ว
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ไปได้”
“กระหม่อมน้อมรับพระบัญชา” หมอหลวงเดินออกจากห้องทรงพระอักษรไปอย่างนอบน้อม
คล้อยหลังหมอหลวงที่เดินจากไป ฮ่องเต้เอนตัวพิงพนักพิงเก้าอี้ ตรวจสอบฎีกามากมายที่กองเท่าภูเขาตรงหน้าต่อ กระนั้นมุมพระโอษฐ์กลับยกขึ้นเล็กน้อย
……
บรรยากาศในจวนหลินอ๋องเวลานี้เต็มไปด้วยความมืดมนและหดหู่ จวินชิงนอนนิ่งอยู่บนเตียงไม่เคลื่อนไหว ลมหายใจของเขาแผ่วเบาลงไปมาก
จวินเสี่ยนตาแดงก่ำ นั่งอยู่ข้างเตียงไม่ยอมลุกไปไหน
“เหตุใดอยู่ๆ พิษถึงกำเริบขึ้นมาเล่า” จวินเสี่ยนไม่เข้าใจ พิษในร่างของจวินชิงสงบลงไปนานมากแล้ว เหตุใดจู่ๆ ถึงปะทุขึ้นมาได้
ชายผู้มีร่างกายล่ำสันมีสีหน้าถมึงทึง กำหมัดไว้ข้างลำตัวแน่น
“มีใครน่าสงสัยบ้างหรือไม่” จวินเสี่ยนถาม
ชายคนนั้นส่ายหัวปฏิเสธ เขามองไปยังจวินชิงที่นอนอยู่บนเตียงเงียบๆ ภายในใจเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ก่อนที่จวินชิงจะหมดสติไปได้สั่งเขาไว้ว่าห้ามพูดถึงเรื่องที่จวินอู๋เสียมาหาเขาให้ใครฟังเด็ดขาด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาไม่มีทางเชื่อว่าจวินอู๋เสียจะทำร้ายตนเอง เรื่องทั้งหมดนี้ถือเสียว่าชะตาเขาได้มาถึงแล้ว
แต่บัดนี้หมอทุกคนต่างลงความเห็นว่าท่านอ๋องน้อยเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว เขาต้องปิดบังเรื่องนี้ต่อไปหรือไม่
หัวใจของชายผู้นั้นเต็มไปด้วยความสับสน หากเป็นคนอื่นเขาคงสั่งให้คนจับตัวมาเค้นความแล้ว ทว่าผู้ก่อเรื่องคราวนี้ดันเป็นจวินอู๋เสียนี่สิ!
หากจวินชิงตายไป เช่นนั้นจวนหลินอ๋องคงได้หมดที่พึ่งแล้วจริงๆ
“นี่…เกิดอะไรขึ้นที่นี่” น้ำเสียงงุนงงดังมาจากนอกประตู
ชายผู้นั้นและจวินเสี่ยนหันขวับมองไปยังต้นเสียงพร้อมกัน จวินอู๋เสียในชุดบางเบาอุ้มลูกแมวสีดำไว้ในอ้อมแขน มองเข้ามาในห้องด้วยแววตาฉงนยิ่ง
“อู๋เสีย…” เสียงแหบพร่าของจวินเสี่ยนนั้นเต็มไปด้วยความเศร้าสลด
ชายผู้นั้นกำหมัดที่สั่นเทาแน่น อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยปากออกมา
“ท่านอาเล็กของเจ้าได้รับพิษ” จวินเสี่ยนค่อยๆ บอกข่าวร้ายให้นางฟัง เขาปิดเปลือกตาลงอย่างสิ้นหวัง
ได้รับพิษ? จวินอู๋เสียชะงักไปเล็กน้อย นางเดินตรงไปยังเตียงที่จวินชิงนอนหมดสติอยู่ และโดยไม่สนใจสายตาที่มองมาอย่างแปลกใจของจวินเสี่ยนและชายอีกคน จวินอู๋เสียยื่นมือออกไปแตะลงที่แอ่งชีพจรของจวินชิง
อัตราการเต้นของหัวใจเขาที่สัมผัสได้ผ่านปลายนิ้วแผ่วเบามาก มันอ่อนแรงมากเสียจนแทบจะจับสัมผัสไม่ได้แล้ว มองดูสีหน้าซีดเผือดและคราบเหงื่อดำบนร่างของจวินชิง นี่ดูอย่างไรก็เป็นอาการของคนที่ถูกพิษ!
หากเป็นคนอื่น พวกเขาคงจะวินิจฉัยว่าจวินชิงหมดหนทางรักษาแน่แล้ว แต่สำหรับจวินอู๋เสีย นางกลับพบสิ่งที่แตกต่างออกไป
แม้ชีพจรจวินชิงจะอ่อนแรง แต่มันกลับเต้นอย่างสม่ำเสมอและมั่นคงมาก
จวินอู๋เสียรีบเลิกชายผ้าห่มบางของจวินชิงออกทันที ดึงหมอนที่รองอยู่ใต้ศีรษะเขาออกไป
การกระทำทั้งหมดของจวินอู๋เสีย ทำเอาจวินเสี่ยนนิ่งอึ้ง
“อู๋เสีย นั่นเจ้ากำลังจะทำอะไรน่ะ!”
“ท่านอาเล็กไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ” จวินอู๋เสียกำลังยุ่งวุ่นอยู่กับการรักษาจวินชิง จึงไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าการกระทำของนางนั้น กระทบกระเทือนจิตใจของจวินเสี่ยนมากเพียงใด
………………