ตอนที่ 28 เฉียนกั๋วเหลียงจอมเสเพล

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 28 เฉียนกั๋วเหลียงจอมเสเพล

ระหว่างที่ลากรถเข็น ชายวัยกลางคนหน้าตาอัปลักษณ์คนนั้นตั้งใจเข้ามาคว้าด้ามจับในมือของหลินม่ายอย่างชัดเจน ทั้งยังฉีกยิ้มฟันเหลืองซี่ใหญ่ให้เธอ ทำเอาหลินม่ายพะอืดพะอมจนอ้วกแทบพุ่ง

เธอรู้ตัวว่าได้เข้าไปพัวพันกับจอมเสเพลตัณหากลับเสียแล้ว

แม้ว่าตอนนี้เธอจะเป็นเด็กสาววัยสิบเจ็ดปี แต่เธอคือคนสองชาติ ไหนเลยจะเห็นจอมเสเพลคนนี้ในสายตา?

ในเมื่ออยากได้รถเข็นนัก อย่างนั้นก็ให้เขาเข็นไปแล้วกัน

ทั้งสองคนเดินไปคุยไป จอมเสเพลวัยกลางคนบอกหลินซือว่าเขาชี่อเฉียนกั๋วเหลียง อาศัยอยู่ในหมู่บ้านซานหยาง ไม่มีพ่อแม่ ไม่มีญาติพี่น้อง และไม่มีภรรยาและลูก

เฉียนกั๋วเหลียง?

ชื่อนี้ฟังดูคุ้นหูมาก

หลินม่ายนึกย้อนกลับไปชั่วครู่ ในที่สุดก็นึกหน้าของนักกีฬาชื่อดังที่มีชื่อว่าหลิวกั๋วเหลียงในอดีตได้

ถ้าชายวัยกลางคนหน้าตาอัปลักษณ์คนนี้มีแซ่ว่าหลิวจริง งั้นคงเป็นหลิวกั๋วเหลียงที่มีชื่อเสียน่าเวทนาคนนั้น

เฉียนกั๋วเหลียงยิ้มอย่างน่ารังเกียจพลางเอ่ยว่า “ถ้าเมื่อวานฉันรู้ว่าเธอจะไปซื้อบ้าน ฉันคงขัดขวางไปแล้ว บ้านของฉันทั้งใหญ่ทั้งดีกว่าบ้านที่เธอซื้อมากโข แถมยังให้สองแม่ลูกอย่างพวกเธอเข้ามาอยู่ได้โดยไม่ต้องเสียเงิน”

หลินม่ายจะไม่รู้เจตนาของเขาได้อย่างไร!

ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณคงคิดว่ามีแค่เราสองแม่ลูกสินะ ฉันยกโขยงกันมาทั้งบ้าน ไปอยู่บ้านคุณคงไม่ดีมั้ง?”

“แล้วคนอื่นล่ะ ทำไมไม่เห็นเลยสักคน?”

“ยังไม่มาไง จะมาช่วงบ่าย เดี๋ยวคุณก็เห็นเอง”

เฉียนกั๋วเหลียงได้ยินประโยคนี้กลับไม่ได้สนใจเธอ จากนั้นก็ทิ้งท้ายด้วยประโยคที่ว่าเขามีธุระต้องไปทำ ทิ้งรถเข็นคันนั้นไว้แล้วก็จากไป

หลินม่ายก็ไม่ได้สนใจ ลากรถเข็นตรงไปตั้งแผงขายของในท่าเรือต่อ

โดยทั่วไปแล้วท่าเรือข้ามฟากล้วนเต็มไปด้วยคนในพื้นที่ 

ซึ่งคนในพื้นที่โดยส่วนใหญ่เป็นคนทำงาน มีแหล่งรายได้ จึงใช้จ่ายอย่างไม่เสียดายมากกว่าผู้โดยสารที่เดินทางด้วยรถไฟ

เกาลัดของหลินม่ายส่งกลิ่นหอมตลบอบอวล ทำให้ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาวิ่งตามกลิ่นหอมยั่วยวนใจเข้ามาซื้อ กิจการของเธอขายดิบขายดีกว่าในสถานีรถไฟเสียอีก เกาลัดประมาณแปดสิบชั่งถูกขายหมดเกลี้ยงภายในเวลาสองชั่วโมง

หลินม่ายมองดูนาฬิกาที่ยืมมาจาคุณยายฟางบนข้อมือของตัวเองแวบหนึ่ง ซึ่งบอกเวลาสี่โมงเย็นแล้ว ทำไมคุณปู่ฟางถึงยังไม่มาอีก?

เมื่อคิดดังนี้ จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียง ตึก ๆๆ ของรถแทรกเตอร์ดังลอยเข้ามา แต่เสียงนั้นยังไกลมาก

เธอหันไปมอง กระทั่งพบกับรถแทรกเตอร์ที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ไม่นานก็เห็นคนที่ขับอยู่ในห้องควบคุม

ในนั้นมีคุณปู่ฟาง ครอบครัวเถียหนิวทั้งสามคน รวมทั้งโต้วโต้วอีกคน

เมื่อโต้วโต้วเห็นเธอจากบนรถแทรกเตอร์ ก็รีบตะโกนเรียก ‘แม่’ พลางโบกมือเล็ก ๆ อย่างตื่นเต้น

หลินม่ายส่งยิ้มกลับไปให้สาวน้อย

เมื่อรถแทรกเตอร์จอดสนิทลง โต้วโต้วรบเร้าให้คุณปู่ฟางอุ้มเธอลงจากรถจนแทบทนไม่ไหว

หลินม่ายรีบวิ่งเข้าไป อุ้มหล่อนลงจากรถแทรกเตอร์เอง “คุณปู่อายุมากแล้ว จะอุ้มลูกได้ยังไง เกิดเอวคุณปู่หักขึ้นมาจะทำยังไง?”

คุณปู่ฟางกลั้วหัวเราะ เหอะ ๆ ก่อนเอ่ยว่า “ฉันไม่ได้แก่ขนาดนั้นเสียหน่อย?”

หลินม่ายรีบเอ่ย “คุณปู่ไม่แก่ คุณปู่ยังหนุ่มยังแน่นต่างหาก”

โต้วโต้วตะโกนเลียนแบบ พาให้ทุกคนหัวเราะ ฮ่า ๆ ไปด้วย

หลินม่ายรีบเก็บแผง จากนั้นลากรถเข็นพาทุกคนไปยังบ้านที่ยังซื้อไม่สมบูรณ์

เถียหนิวรีบกระโดดมาจากรถแทรกเตอร์ “ผมเอง”

จากนั้นก็คว้ารถเข็นจากมือของหลินม่ายและอาสาเป็นคนลาก หลินม่ายเลยไม่ได้เกรงใจเขา

ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง รถแทรกเตอร์ก็มาจอดสนิทอยู่หน้าบ้านหลังใหม่ของหลินม่าย

นอกจากคุณปู่ฟางแล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าบ้านของเธอได้เซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว ต่างคิดว่าเป็นแค่บ้านเช่า ทั้งยังคอยเซ้าซี้ถามว่าเช่าเท่าไรไม่มีหยุดหย่อน

หลินม่ายรวบรวมเงินจำนวนหนึ่งลวก ๆ 

นอกจากโต้วโต้วและนิวนิวแล้ว ทุกคนต่างช่วยกันขนย้ายเกาลัดเข้ามาไว้ในห้อง

การเคลื่อนไหวที่เอิกเกริกเกินไปดึงดูดชาวบ้านที่เข้ามามุงดูไม่น้อย กระทั่งมีชาวบ้านบางคนเข้ามาช่วยขนย้ายอย่างกระตือรือร้น

และมีชาวบ้านเข้ามาถามไถ่ถึงของในถุงกระสอบว่ามีอะไรอยู่ในนั้นด้วยความอยากรู้

หลินม่ายก็บอกพวกเขาไปตรง ๆ ว่าเป็นเกาลัด

เรื่องนี้ต่อให้ปิดบังยังไงก็ปิดบังไม่มิดหรอก เธอคั่วเกาลัดขายในท่าเรือ ไม่ช้าก็เร็วพวกชาวบ้านก็ต้องเห็นอยู่ดี ไม่สู้บอกด้วยตัวเองไปเลยดีกว่า จะได้สร้างความประทับใจที่ดีอย่างตรงไปตรงมากให้แก่ชาวบ้านด้วย

ไม่นานก็มีชาวบ้านคนหนึ่งเข้ามาซักถามว่า “แม่หนูเอาเกาลัดเหล่านี้ไปทำอะไรเหรอจ๊ะ?”

หลินม่ายตอบด้วยรอยยิ้ม “ไว้คั่วขายค่ะ”

คนในเมือง ต่อให้เป็นชาวบ้านในหมู่บ้านกลางเมือง ก็ยังเฉื่อยชากว่าชาวบ้านในหมู่บ้าน

หลังจากมีการวางแผนด้านเศรษฐกิจ แทบไม่เคยเห็นใครคั่วเกาลัดขายในเมืองเจียงเฉิงมานานหลานปี

ถ้ามีการคั่วเกาลัดขาย คนซื้อต้องมหาศาลแน่นอน

ผู้คนไม่น้อยต่างพากันตาลุกวาว แล้วเอ่ยถามว่า “เกาลัดของแม่หนูนำเข้าจากที่ไหนล่ะ?”

หลินม่ายโกหกโดยไม่คิดมาก “ตงเป่ย”

แค่คำสองพยางค์นี้เล่นทำให้ชาวบ้านทุกคนยกเลิกความคิดที่จะเปิดร้านเกาลัดไปโดยปริยาย

พวกเขาไม่มีความสามารถมากขนาดนั้นถึงขั้นไปขนเกาลัดมาจากตงเป่ยได้ คนที่จะนำเข้าสินค้ามาจากเมืองอื่นได้ในสมัยนี้ต้องเป็นคนที่มีอิทธิพลมากพอ

ชาวบ้านเหล่านั้นมองหลินม่ายอีกครั้ง โดยไม่คิดว่าเธอไร้ความสามารถอีกต่อไป ดูเหมือนจะเก่งเสียด้วยซ้ำ

หลินม่ายซื้อบุหรี่สองซองอย่างลิงโลด หลังขนย้ายเกาลัดเสร็จ เธอตั้งใจว่าจะให้บุหรี่แก่คนที่มาช่วยคนละหนึ่งมวน

เธอไม่ได้ใจแคบ บุหรี่ที่ซื้อมาล้วนเป็นของดีที่มีราคาต่อซองค่อนข้างสูง

ชาวบ้านที่เข้ามาช่วยเหลือเหล่านั้นต่างเหน็บบุหรี่ไว้บนหูแล้วกลับออกไปอย่างสุขใจ

ในตอนนี้เองเฉียนกั๋วเหลียงที่แอบมองหลินม่ายอยู่ด้านหลังก็แสดงตัวออกมา หลินม่ายพูดความจริงทุกอย่าง เธอยกโขยงครอบครัวมาจริง ๆ 

เดิมทีเฉียนกั๋วเหลียงตั้งใจจะเป็นพ่อสื่อให้ตัวเองจับคู่กับหลินม่าย แต่ตอนนี้ความหวังกลับพังทลายลง แม้ว่าจะไม่ได้ตัว แต่ขอให้ได้บุหรี่ของดีสักมวนก็ยังดี

เขารุดหน้าเข้าไปประจบสอพลอเต็มที่ ด้วยการเอ่ยกับหลินม่ายว่า “เสี่ยวหลิน อาขอบุหรี่สักมวนหน่อยสิ”

หลินม่ายไม่สนใจเขา หันไปพูดกับคุณปู่ฟาง

เขาไม่ช่วยเธอทำงานทีหนึ่งแล้ว ทำไมเธอต้องให้บุหรี่เขาด้วย?

เฉียงกั๋วเหลียงเดินจากไปอย่างอับอาย

บนรถแทรกเตอร์ยังมีผักสวนครัวกองใหญ่ ข้าวสาร แป้งหมี่ และน้ำมัน รวมทั้งผักดองอีกสองโหล ไข่ไก่หนึ่งตะกร้า เสื้อผ้าหมอนมุ้ง เป็นต้น

หลินม่ายคิดว่าคุณย่าฟางตระเตรียมไว้ให้ จึงเอ่ยกับคุณปู่ฟางด้วยความซาบซึ้งใจ “ฉันมัวแต่สนใจกิจการค้าขาย เลยไม่ได้สนใจของเหล่านี้ โชคดีที่คุณย่าฟางเตรียมให้ฉันแล้ว ไม่อย่างนั้นคงต้องไปซื้อในตลาดมืดแน่ๆ”

คุณปู่ฟางโบกมือ “นอกจากไข่ไก่หนึ่งตะกร้าและเสื้อผ้าหมอนมุ้งของสองแม่ลูกที่คุณย่าฟางเตรียมไว้ให้พวกเธอแล้ว ของใช้อย่างอื่นแม่เถียหนิวเป็นคนเตรียมให้ เธอต้องไปขอบคุณแม่เถียหนิวแล้วหล่ะ”

หลินม่ายรู้สึกเกรงใจขึ้นมาทันใด จึงเอ่ยกับแม่เถียหนิวด้วยความรู้สึกผิด “คุณป้า หนูผิดไปแล้ว…”

เถียหนิวค่อนข้างใจกว้าง จึงชิงเอ่ยว่า “อะไรกัน”

ต่อให้แม่เถียหนิวจะรู้สึกไม่สบายใจอย่างไรก็ต้องแกล้งใจกว้าง ส่งยิ้มและบอกว่าไม่เป็นไร

คุณปู่ฟางกำลังดูบ้านที่หลานสาวของตนซื้อไว้ ทำการสำรวจทั้งภายนอกและภายในบ้านของหลินม่าย ก่อนจะพยักหน้าด้วยความพอใจ “บ้านหลังนี้ไม่เลวเลย ความจริงแล้วยังอยู่ไปได้อีกหลายสิบปีเชียวนะ”

หลินม่ายกลับคิดว่าถ้ามีเงินจะปรับปรุงต่อเติมให้เป็นบ้านห้าชั้น เมื่อถึงคราวที่รัฐบาลรื้อถอนที่ดินแห่งนี้ในช่วงปี 90 คงจะได้กลับคืนมาหลายเท่า

แต่เรื่องเหล่านี้เธอคงพูดกับคุณปู่ฟางไม่ได้

เพราะต้องรีบกลับ คุณปู่ฟางจึงไม่ได้อยู่ต่อ

หลินม่ายให้บุหรี่อีกครึ่งซองที่เหลือแก่คนขับรถแทรกเตอร์

คนขับรถแทรกเตอร์เก็บบุหรี่ซองนั้นใส่กระเป๋าด้วยความเบิกบานใจ แล้วพาคุณปู่ฟางกลับไปด้วยกัน

หลินม่ายกำชับนิวนิวและโต้วโต้วเด็กน้อยตัวป่วนทั้งสองคนให้อยู่บ้านกับแม่เถียหนิวอย่างว่านอนสอนง่าย จากนั้นก็ลากรถเข็นออกไปตั้งแผงขายกับเถียหนิว

บ่ายนี้เป็นเวลาเลิกงานพอดี ท่าเรือเต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่าน

นี่คือเมืองเอกมณฑลที่หลี่เถียหนิวเพิ่งมาครั้งแรก เมื่อเห็นแสงสีเสียงและความเจริญรุ่งเรืองตรงหน้าก็อึ้งงันไปชั่วขณะ

ปล่อยให้หลินม่ายเรียกชื่อเขาอยู่หลายครั้งว่าให้เขาเริ่มเปิดร้าน เขาจึงจะได้สติกลับมา

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

เอ่อ ไม่ผ่านค่ะ มาสตอล์กม่ายจื่อแบบนี้ไม่โอเคอย่างแรง

ม่ายจื่อยังไม่เปิดรับสามีนะคะ อย่าดึงดันยัดเยียดลูกชายให้ม่ายจื่อเลยค่ะแม่เถียหนิว

ไหหม่า(海馬)